เดินหมากล้อมกับเจ้ากระมัง”หวังเทียนเวิ่นคิดว่าอวี้เหลียนมาเพียงลำพัง จึงใช้วาจาข่มขู่รวมถึงจะมอบเงินให้จำนวนมาก “ไม่ว่าใครส่งเจ้ามาจัดการข้า หากเจ้ายอมปล่อยข้าไปตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงทอง ไม่ ๆ ๆ ห้าร้อยตำลึงทองจะเป็นของเจ้าทันที”“โอ้ เป็นเงินไถ่ชีวิตที่ข้าเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก แต่ขออภัยบังเอิ
เรื่องการต่อสู้ระหว่างคนของหวังเทียนเวิ่นกับซูอัน เหล่าพ่อค้าเร่หรือคนที่ทำการค้าผ้าไหมราคาแพง ล้วนรู้ดีว่าต่อหน้าเป็นการสวมหน้ากาก แต่ลับหลังกลับขัดแย้งจนเกิดการปะทะที่รุนแรง มีคนรู้เห็นแต่เก็บเงียบไม่ยอมปริปาก เนื่องจากไม่ต้องการเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงกลุ่มของอวี้เหลียนและอู๋ซูหลังจากนำศพมาถึงหลังจ
ค่ำคืนของวันถัดมาลานหลักของจวนอิงกั๋วกง ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี โต๊ะเลี้ยงรับรองถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศและสุราอายุหลายสิบปี สตรีจากตระกูลใหญ่ต่างแต่งกายด้วยชุดที่งดงาม พร้อมเครื่องประดับราคาแพง จะเรียกว่าเป็นการโอ้อวดกันก็ย่อมได้ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้ให
‘อีกไม่นานข้าค่อยพาเจ้าของถุงเงินนี้มาพบท่านนะขอรับ’ฮูหยินผู้เฒ่าฟงรับของขวัญด้วยความยินดี ใบหน้ายิ้มแย้มของนางสะท้อนถึงความตื้นตันใจ ที่บุตรหลานของตระกูลเป็นดั่งที่หวังทุกคน “ฮ่าวเอ๋อร์ช่างรู้ความยิ่งนัก ย่าขอบใจพวกเจ้ามากนะที่นำของหายากเช่นนี้ มามอบให้เป็นของขวัญวันเกิด มันงดงามจนไม่กล้าหยิบออกจา
ถึงแม้จะเป็นงานเลี้ยงสำคัญของมารดาอิงกั๋วกง แต่กระนั้นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ร้านผ้าไหมตระกูลหวัง ย่อมกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า ภายในงานจึงมีเพียงองค์หญิงใหญ่ ซึ่งอยู่พูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าฟงจนถึงเวลาเสด็จกลับเท่านั้นแต่ระหว่างนั่งรถม้ากลับจวนอยู่ดี ๆ หยางไท่
เมื่อตัวของแม่ทัพฟงอยากรู้ต้นสายปลายเหตุ ที่ตระกูลหวังต้องประสบพบเจอในคืนวานนี้ เป็นบุตรชายคนรองเอ่ยด้วยตนเอง จึงถามต่อให้คลายความสงสัยเสียก็ดีเช่นกัน“งั้นเจ้าก็เล่ามาว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้คืออะไร อย่าคิดบ่ายเบี่ยงแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกพ่อเด็ดขาดนะฮ่าวเอ๋อร์”เมื่อถูกบิดาพูดดักทางไว้เช่นนี้
ภายหลังที่สองสหายจำต้องสารภาพกับครอบครัว เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึงตระกูลหวัง จนสร้างความประหลาดใจกับทุกคนอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว เมื่อถึงกำหนดสามวันจึงได้เวลาออกเดินทาง เพื่อไปทำภารกิจตามหน้าที่และภารกิจของหัวใจการเดินทางไปเมืองผู่เถียนของสองสหายครั้งนี้ พวกเขามิได้เร่งรีบเช่นครั้งก
“ข้ากับพี่หญิงจะรอนะเจ้าคะท่านแม่”“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ ข้ากับอันเอ๋อร์จะช่วยวาดแบบตามที่ท่านชอบ เพื่อให้มันออกมางดงามมากที่สุดให้ได้เจ้าค่ะ”มู่ถงมีความสุขมากขึ้นเมื่อฮูหยินและบุตรสาวของตน พูดคุยกันด้วยสีหน้าท่าทางสดใสไม่อมทุกข์เช่นแต่ก่อน แต่พอมองออกไปด้านนอกรถม้า ก็พบว่าพวกเขามาถึงร้านผ้าไหมเสียแล้
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื