ยามนี้ทั้งสายหลักสายรองของตระกูลหลิว ต่างมารวมตัวกันยังโถงรับรอง เพื่อช่วยกันคิดหาสาเหตุที่บ่าวไพร่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว“พ่อสามีเจ้าคะ ข้าเรียกหาพ่อบ้านหลิวจนเจ็บคอไปหมด แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลยเจ้าค่ะ” หลิวซิ่วอิงทำทีจับลำคอคล้ายกับว่ามันเจ็บเสียเต็มประดาหลิวเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเจ้า
“หึ หลิวเหมยเซียงถึงภายนอกเจ้าจะไม่แสดงท่าทีอันใด แต่ภายในใจกลับอิจฉาริษยาท่านย่าของข้าตลอดเวลา ยามท่านย่าถูกตาแก่นั่นลงโทษ เจ้าหัวเราะเยาะเย้ยผ่านสายตาคู่นี้เสมอ ฆ่าคนบาปแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าสมควรได้รับผลเช่นนี้”หมับ! ซูอันเอื้อมมือไปรั้งศีรษะของหลิวเหมยเซียงไว้ แล้วตามด้วยการใช้มีดจ้วงแทงลงไ
จูเยว่อนุคนที่ห้าและยังอายุน้อย ถึงกับตาโตเมื่อได้ยินคำว่าผ้าไหมทองคำ หากนางได้มาพกติดตัวย่อมเรียกความอิจฉา จากเหล่าอนุด้วยกันหรือแม้แต่ฮูหยินเอกและฮูหยินรอง “ขอบคุณนายท่านที่เมตตา ข้าสัญญาว่าจะทำให้นายท่านมีความสุขทุกวันดีหรือไม่เจ้าคะ”ยิ่งได้ยินเสียงหวาน ๆ พูดจาเอาอกเอาใจ นายท่านฮ่วนยิ่งชื่นชอบ เ
พอยามเหม่ามาถึงผู้ร้ายที่ไม่มีใครรู้จัก ก็ได้เวลาเดินทางออกจากเมืองถู่หลาน เพื่อกลับไปเตรียมผ้าปักลวดลายใหม่ ๆ ออกมาขาย ซึ่งมันสามารถทำเงินให้กับร้านผ้าได้มากกว่าผ้าไหมทั่วไป ถึงแม้จะขายได้แต่ราคาขายที่ไม่ได้แพงเกินไป จึงใช้เวลารวมยอดเงินหลายวัน กว่าจะได้เท่าผ้าไหมเนื้อดีที่มีการปักหนึ่งผืนครั้งนี้
สองแม่ลูกที่ถูกทิ้งเป็นคนไร้ตัวตนจะทนไหวได้หรือ เวยฮูหยินจึงยอมเสียมารยาทเอ่ยแทรกการสนทนาเสียเอง “ดีจริง ๆ ที่คุณชายหยางกลับมาถึงวันนี้ พอดีว่าซีเอ๋อร์เพิ่งตัดเย็บเสื้อคลุมให้กับคุณชายหยางเสร็จ จึงนำมาฝากไว้กับองค์หญิงใหญ่น่ะ”“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งทำเป็นครั้งแรกฝีมืออาจไม่ค่อยดีนัก หวังว่าคุณชายหยางจ
ฟืดดด “แล้วคุณหนูเวยมีสิทธิ์อันใด เข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของข้าผู้นี้หรือ เป็นบุตรสาวพ่อค้าแล้วอย่างไร ในเมื่อข้าก็ทำการค้าขายเช่นเดียวกับครอบครัวของนาง เหอะ คิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวขุนนางแล้วจะอยู่เหนือกว่าผู้อื่น ถึงได้ใช้วาจาหยาบคาย ดูถูกการงานอาชีพของผู้อื่นว่าต่ำต้อย เหตุใดไม่ย้อนมองดูตัวท่านเ
หยางไท่หมิงได้บอกกล่าวกับมารดา เกี่ยวกับเรื่องของซูอันที่เขายอมรับว่าพึงใจนาง แม้จะยังไม่แน่ชัดเรื่องคำตอบของมารดา แต่หยางไท่หมิงก็พอจะคาดเดาได้ว่า มารดาของตนนั้นชอบคนที่เก่งและฉลาด มิใช่คนที่เอาแต่เงียบไม่สู้คนยอมเป็นฝ่ายถูกรังแก เพราะหยางไท่หมิงก็ไม่ชอบสตรีเช่นนั้นเหมือนกันด้านจวนอิงกั๋วกงของฟงเฉ
หลักฐานในมือของหยางไท่หมิง มีซุ่ยกงกงเดินมารับนำไปถวายต่อฮ่องเต้ เมื่อสายพระเนตรกวาดไปตามตัวอักษร ที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดบัญชีของแต่ละเดือน เสียงพลิกหน้ากระดาษดังเบา ๆ แต่สะท้อนก้องในความเงียบของห้อง อากาศรอบตัวเหมือนเย็นลงกว่าทุกครั้ง ที่ฮ่องเต้ทรงหยุดอ่านและเงยพระพักตร์ขึ้นเล็กน้อยปัง!! “เหยียนอิ่น
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื