หยางไท่หมิงได้บอกกล่าวกับมารดา เกี่ยวกับเรื่องของซูอันที่เขายอมรับว่าพึงใจนาง แม้จะยังไม่แน่ชัดเรื่องคำตอบของมารดา แต่หยางไท่หมิงก็พอจะคาดเดาได้ว่า มารดาของตนนั้นชอบคนที่เก่งและฉลาด มิใช่คนที่เอาแต่เงียบไม่สู้คนยอมเป็นฝ่ายถูกรังแก เพราะหยางไท่หมิงก็ไม่ชอบสตรีเช่นนั้นเหมือนกันด้านจวนอิงกั๋วกงของฟงเฉ
หลักฐานในมือของหยางไท่หมิง มีซุ่ยกงกงเดินมารับนำไปถวายต่อฮ่องเต้ เมื่อสายพระเนตรกวาดไปตามตัวอักษร ที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดบัญชีของแต่ละเดือน เสียงพลิกหน้ากระดาษดังเบา ๆ แต่สะท้อนก้องในความเงียบของห้อง อากาศรอบตัวเหมือนเย็นลงกว่าทุกครั้ง ที่ฮ่องเต้ทรงหยุดอ่านและเงยพระพักตร์ขึ้นเล็กน้อยปัง!! “เหยียนอิ่น
จวนตระกูลจินภายหลังจัดการตัวปัญหาที่เมืองถู่หลานเสร็จสิ้น ซูอันจึงเดินทางกลับมาถึงเมืองผู่เถียนในอีกสี่วันต่อมา แต่ก่อนจะแยกย้ายกับอู๋ซูและไห่หยุน ซูอันจึงถามทั้งสองเกี่ยวกับที่พักของพวกเขา“พวกเจ้าสองคนรอประเดี๋ยว ข้ามีคำถามหนึ่งและพวกเจ้าควรตอบตามตรง”อู๋ซูกับไห่หยุนไม่รู้ว่าคำถามของซูอัน เกี่ยวก
“หมะ หมายความว่า...” เยี่ยนหลิงที่เคยเห็นซูอันสังหารคนมาก่อน นางเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ทันที“ใช่เจ้าค่ะ ตระกูลหลิวสายหลักหายไปจากโลกบนนี้โดยสมบูรณ์ รวมถึงคหบดีตระกูลฮ่วนผู้ที่นำเรื่องร้านค้าของเรา ไปบอกเล่าต่อตระกูลหลิว เพื่อเป็นหนทางในการหาเงินในการจ่ายหนี้ทั้งหมด พวกท่านอาจจะมองว่า เหตุใดข้า
เยี่ยนหลิงวิ่งไล่จับตัวซูอันจนเหนื่อย สุดท้ายก็ได้แต่ยืนหอบหายใจไม่ตามต่อ แม้ว่าหลายวันที่ซูอันไม่อยู่นางจะตื่นเช้ามาวิ่ง แต่ร่างกายยังปรับสมดุลได้ไม่ค่อยดีนัก ยามต้องใช้แรงมาก ๆ จึงรู้สึกเหนื่อยเร็วขึ้น“แฮ่ก ๆ ๆ ไม่วิ่ง ๆ ๆ อันเอ๋อร์เจ้าหยุดวิ่งเสียทีเถิด พี่เหนื่อยจนตามเจ้าไม่ไหวแล้วนะ”ความจริงแ
“ขอบคุณพวกเจ้าสองคนมากนะ ต่อแต่นี้ไปคงต้องรบกวนช่วยคุ้มครองพวกเราแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดก็มาบอกข้ากับน้องสาวได้นะ” เยี่ยนหลิงพยักหน้าตอบกลับเพียงเล็กน้อย และกล่าวกับพวกเขาอย่างถ่อมตัว“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ พวกข้าจดจำคำพูดนี้ของท่านไว้แล้วขอรับ”เมื่อมีคนติดตามที่วรยุทธ์สูงถือว่า พวกนางจะปลอดภัยมากกว่าเดิ
ทางด้านซูอันที่อธิบายงานของนางกับจี้หยกวิเศษ สุดท้ายจึงตัดสินใจทำฉากกั้นออกมาสองลาย คือสวนดอกโบตั๋นหลากสี และเรือลำน้อยล่องลอยกลางทะเลสาบ‘จีจี้ข้าต้องการลายปักแบบสามมิติ สำหรับลวดลายทั้งสองอย่างนี้ และช่วยทำให้ลูกค้าสามารถมองได้สองด้านนะ’[โอ้โห! นายหญิงหากท่านขายฉากกั้น ด้วยการปักแบบสามมิติไปแล้วล
แม้จะฟังดูเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกิจการผ้าไหมของครอบครัว แต่สี่คนพ่อแม่ลูกกลับมิได้รู้สึกดีใจกับโอกาสนี้สักนิด มู่ถงที่เคยเอ่ยไว้แล้วว่าเรื่องการค้าเขายกให้ซูอันเป็นคนจัดการ เขาจึงพยักหน้าให้ซูอันทันทีซูอันไม่ละสายตาจากหวังเทียนเวิ่น นอกจากจะให้บ่าวคนสนิทบอกความต้องการแทนแล้ว คนผู้นี้กลับเอาแต่นั่งจ้อ
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื