Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-03-08 02:12:43

หลังจากครอบครัวของซูอันได้รับหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิว ก็พาครอบครัวออกจากจวนทันที แต่ก่อนที่นางจะก้าวเท้าพ้นประตู ยังมิวายหันไปข่มขู่คนด้านหลังที่นั่งกองอยู่กับพื้นเช่นเดิม

“หึ ข้าขอเตือนพวกท่านทุกคนเอาไว้ หลังจากนี้หากคิดส่งคนตามไปทำร้ายครอบครัวข้าละก็ ข้าจะกลับมาฆ่าล้างคนในตระกูลทุกคน ตระกูลหลิวที่น่าภาคภูมิใจของพวกท่าน จะหายไปจากเมืองถู่หลานตลอดไป ฮ่า ๆ ๆ”

ทันทีที่ไร้ร่างของซูอัน หลิวฉางฮุ่ยรีบพาตนเองคลานเข้ามาหาบิดา คล้ายต้องการกดดันให้จัดการมู่ถงกับครอบครัว เนื่องจากยังมีใบสั่งซื้อของลูกค้าค้างอยู่หลายคน “ท่านพ่อขอรับ ท่านจะปล่อยพวกมันไปเช่นนี้ไม่ได้นะ หากไม่มีพวกมัน แล้วใบสั่งซื้อผ้าปักที่ได้รับมามากมาย ใครจะรับผิดชอบเล่าขอรับ หลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็นครอบครัวของมู่ถง คอยทำงานตามคำสั่งพวกเราทั้งนั้นนะขอรับท่านพ่อ”

หลิวเฟยที่นั่งเงียบอยู่นาน จึงเงยหน้าตะคอกกลับบุตรชายคนโต ด้วยต้องการระบายความโกรธเช่นกัน “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางหลานตัวดีนั่นทำอะไรกับพวกเรา ฮะ! ข้าถูกทำร้ายแต่ไม่มีใครเข้ามาปกป้องสักคน ถ้าเจ้าอยากจัดการพวกมันก็ลงมือเอง แต่อย่าพาข้ากับคนอื่นต้องรับเคราะห์กับเจ้าไปด้วยก็แล้วกัน”

เพราะคำข่มขู่ที่มีสายตาเคียดแค้นก่อนการจากไปของซูอันยังเป็นที่จดจำได้ดี ครอบครัวของหลิวชางหรงจึงรีบเข้าข้างบิดา “ท่านพ่อพูดถูกถึงไม่มีครอบครัวของมู่ถง แต่ในเมืองถู่หลานยังมีนักปักผ้าที่มีฝีมืออีกหลายคน แค่ให้ค่าจ้างมากหน่อยปัญหาใบสั่งซื้อก็แก้ได้แล้วมิใช่หรือพี่ใหญ่ ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ ท่านไม่เห็นสายตาของนางเด็กซูอันนั่นรึว่ามันน่ากลัวเพียงใด”

“พี่สามีข้าไม่เชื่อหรอกว่าในเมืองถู่หลานนี้ จะไม่มีช่างปักผ้าที่เก่งกาจเหนือกว่าครอบครัวเนรคุณนั่น อย่างไรเสียตระกูลหลิวก็พอมีชื่อเสียง แค่จ้างช่างปักเก่ง ๆ มาทำงานคงไม่เกินกำลังกระมังเจ้าคะ ท่านพ่อสามีข้าเห็นด้วยกับท่านพี่เจ้าค่ะ พวกเราอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนบ้าอย่างครอบครัวนั่นจะดีกว่า” หลิวซิ่วอิงย่อมรักตัวกลัวตายเช่นกัน เพราะเงินที่แอบซ่อนแม่สามีเอาไว้ มีจำนวนหลายพันตำลึงเงิน

“พะ พะ พวกเจ้า” หลิวฉางฮุ่ยถึงกับคิดหาคำพูดชักจูงไม่ออก

หลิวเฟยเห็นด้วยกับวิธีแก้ปัญหาของหลิวชางหรง “พอแล้ว!! ทำตามที่ชางหรงบอกมาก็แล้วกัน แยกย้ายกลับเรือนของพวกเจ้าไปได้แล้ว รีบรักษาตัวให้หายยังมีงานรออยู่อีกมาก”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”

เมื่อผู้นำตระกูลตัดสินใจแล้วใครจะกล้าขัดคำสั่งนี้ได้ บุตรหลานของพวกเขาต่างช่วยกันประคองบิดามารดา เพื่อกลับเรือนของตนเองไป

ทางด้านซูอันที่พาครอบครัวออกจากจวนมาได้ นางจึงพาทุกคนไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อนอนพักให้เต็มที่ กินอาหารอร่อยให้อิ่มท้อง ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเข้าพักที่โรงเตี๊ยมขนาดเล็ก เพราะราคาห้องพักไม่แพงจนเกินไป เนื่องจากบิดามารดาของซูอันแอบเก็บเงินยามที่ท่านย่าของบุตรทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ แต่มิได้มากมายอันใดนัก

ก่อนที่บิดากับมารดาจะกลับห้องพัก หลังจากกินอาหารอิ่มแล้วซูอันได้รั้งพวกเขาเอาไว้ เพื่อพูดคุยเรื่องสถานที่สำหรับตั้งรกรากครั้งใหม่

“ท่านพ่อท่านแม่เจ้าคะ พวกเราควรเดินทางไปเมืองไหนดีเจ้าคะ”

มู่ถงนิ่งไปเกือบหนึ่งลมหายใจก็นึกออกว่า เขาควรพาครอบครัวเดินทางไปทำงานหาเงินที่เมืองใด “อันเอ๋อร์พ่อว่าจะพาพวกเจ้าไปเมืองผู่เถียน ที่นั่นมีงานให้พวกเราทำอย่างแน่นอน เพราะเป็นเมืองที่มีการเลี้ยงไหมและการทอผ้ามากกว่าเมืองถู่หลานน่ะ”

จือเหมยพยักหน้ายืนยันเพิ่มอีกคน “ใช่แล้วลูก ที่แม่กับพ่อพอจะรู้เรื่องนี้ เพราะเคยได้ยินท่านย่าของพวกเจ้าเล่าให้ฟัง เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แต่ระหว่างทางพวกเราคงต้องใช้จ่ายประหยัดกันสักหน่อย พวกเจ้าสองคนช่วยอดทนสักนิดนะ”

คราแรกเยี่ยนหลิงก็พอยิ้มออกได้บ้าง แต่สิ่งที่มารดาพูดทำให้นางตระหนักได้ เรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางของครอบครัว จะต้องคิดทบทวนให้มากเพื่อคนทั้งสี่

แต่สำหรับซูอันนางมิได้สนใจเรื่องอื่น นอกจากสิ่งที่บิดาบอกว่า เมืองผู่เถียนคือเมืองที่เลี้ยงไหมและทอผ้า นั่นย่อมเป็นสถานที่เพื่อให้นางกับครอบครัว ได้สร้างกิจการที่ต่อไปจะเป็นที่นิยมไปทั่วแคว้น ซูอันจึงคิดแต่งนิทานขึ้นมาหนึ่งเรื่อง เกี่ยวกับสิ่งที่นางมีติดตัวอยู่ในยามนี้ เพราะนางไม่อยากให้คนทั้งสามต้องโศกเศร้า

ซูอันมองครอบครัวพร้อมรอยยิ้ม ที่บ่งบอกว่านางมีความสุขมากกว่า เมื่อได้ออกจากจวนตระกูลหลิว “ท่านพ่อท่านแม่ พี่หญิง ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องบอกกับพวกท่านให้เข้าใจ เพราะเรื่องที่ข้าจะบอกเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ข้าบาดเจ็บเจ้าค่ะ”

ทั้งสามคนมองไปยังซูอันเป็นจุดเดียว พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน อาการคล้ายเกิดความสงสัยว่าคือเรื่องอันใด มู่ถงจึงเอ่ยถามกับบุตรสาวทันที “หลังจากเจ้าบาดเจ็บเกิดสิ่งใดขึ้นงั้นรึอันเอ๋อร์ หรือว่ายามนี้เจ้ารู้สึกเจ็บแผลหรืออย่างไร”

ซูอันยิ้มบางให้พวกเขาคลายกังวล “ท่านพ่อข้ามิได้เจ็บแผลอันใดเลยเจ้าค่ะ แต่เรื่องที่ข้ากำลังจะเล่านี้ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากกว่านั้น คือว่าในตอนที่ข้าหมดสติไป และคิดว่าตนเองอาจไม่รอดกลับมาหาพวกท่าน จึงได้สวดอ้อนวอนท่านเทพเซียนทั้งหลาย สุดท้ายท่านเทพเหล่านั้นคงเกิดสงสารข้า จึงพาดวงจิตของข้าไปยังโลกแห่งหนึ่ง ที่นั่นข้าได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้และการใช้อาวุธมากมาย รวมถึงเรื่องทำการค้าจนมีอำนาจเหนือบุรุษ เมื่อฝึกฝนจนสำเร็จท่านเทพถึงได้พาข้ากลับมาเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ! ฝึกการต่อสู้กับใช้อาวุธรึ /ทำการค้าเก่งกว่าบุรุษ!” เสียงของผู้ฟังเรื่องเล่าทั้งสามคนดังขึ้นพร้อมกัน เพราะไม่อยากเชื่อเรื่องการมีโลกใบอื่น

ซูอันทำสีหน้าจริงจังเข้าสู้ เพื่อให้ทั้งสามคนเชื่อในสิ่งที่นางเล่าออกมา และเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซูอันจึงจะพาครอบครัวไปดูกิจการ ที่พวกเขาจะสร้างมันในอนาคตอันใกล้นี้

“ใช่เจ้าค่ะ ที่สำคัญที่สุดนะเจ้าคะ ข้ายังได้ของวิเศษมาด้วยล่ะ พวกท่านหลับตาให้สนิทก่อน ประเดี๋ยวข้าจะพาไปดูของวิเศษเจ้าค่ะ”

สามคนที่ยังอึ้งกับเรื่องที่ซูอันเล่าออกมา ไม่รู้ว่าจะหาคำใดมาแย้งได้แต่ทำตามที่นางขอ พวกเขาหลับตาลงและได้ยินเสียงของซูอันเรียกชื่อใครบางคนออกมา “จีจี้” แต่เพียงประเดี๋ยวเดียวกลับสัมผัสถึงอากาศที่ดูแปลกไปจากเดิม เยี่ยนหลิงเอ่ยถามน้องสาวเพราะนางอยากลืมตาเสียที

“อันเอ๋อร์พี่กับท่านพ่อท่านแม่ลืมตาได้หรือยังเล่า ทำไมรอบ ๆ ตัว จู่ ๆ ก็มีเสียงแปลก ๆ ดังไม่หยุดเช่นนี้”

“พวกท่านลืมตาได้เจ้าค่ะ”

..!?.. “นะ นะ นี่พวกเราอยู่ที่ใดกันอันเอ๋อร์ มิใช่ว่าก่อนหน้ายังอยู่ในห้องพักของโรงเตี๊ยม แล้วที่เห็นนี่มันคืออันใดกันแน่”

มู่ถงละล่ำละลักถามเอาความกับบุตรสาวคนเล็ก

“ยินดีต้อนรับพวกท่านเข้าสู่มิติของวิเศษเจ้าค่ะ ส่วนอาคารแปลก ๆ ทั้งสองที่พวกท่านเห็นอยู่นั้น มันคือโรงทอผ้าและโรงปักผ้า จากนี้ไปข้าจะไม่ยอมให้พวกท่านต้องลำบากอีกแล้ว”

เสียงเครื่องมือกลไกที่ประสานกันเป็นจังหวะเบา ๆ ทั้งสามคนไม่อยากเชื่อสายตาว่า ที่ตนเองยืนอยู่ในขณะนี้คือพื้นที่กว้างใหญ่ ประหนึ่งหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โรงงานทอผ้าที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เป็นอาคารใหญ่ที่สร้างจากวัสดุในโลกอนาคต มันดูมั่นคงและสง่างาม เสียงเครื่องทอผ้าและเครื่องปักผ้า ยังคงดังเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง

“โอ้ สวรรค์! ขอบคุณพวกท่านที่เมตตาอันเอ๋อร์ของข้า ที่แห่งนั้นคงทำให้อันเอ๋อร์ได้เรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์มากมายสินะ”

มู่ถงถึงกับคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้น เพื่อขอบคุณเทพเซียนบนสวรรค์

เยี่ยนหลิงที่คิดกลัวว่าครอบครัวของนาง จะต้องเริ่มต้นใหม่อย่างยากลำบาก ยังอดรู้สึกตื่นเต้นกับความอัศจรรย์ตรงหน้าไม่ได้ “อันเอ๋อร์หากมีโรงงานทั้งสองนี้ของเจ้า การค้าที่ครอบครัวเราอยากทำคงง่ายขึ้นมาก ใช่ไหมน้องพี่”

ซูอันโล่งใจที่พี่สาวมองถึงสิ่งที่นางอยากทำได้ทันที “ใช่แล้วพี่หญิง แต่หากพวกท่านอยากปักผ้าเองก็ยังทำได้เหมือนเดิม เพื่อเลี่ยงปัญหาที่คนอื่นอาจเกิดความสงสัย ส่วนเรื่องค่าเดินทางพวกท่านไม่ต้องกังวล เพราะในตู้เหล็กใบนี้เป็นของมีค่า ที่ติดตัวข้ากลับมาด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”

“หืม แล้วอันเอ๋อร์เก็บสิ่งใดไว้ในนั้นหรือลูก” จือเหมยถามบุตรสาว

ซูอันมิได้ตอบมารดาแต่นางหันไปกดรหัส ซึ่งใช้ล็อคตู้เซฟขนาดใหญ่นี้เอาไว้แทน ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! กึก

“ทองคำ!!!”

“เป็นอย่างไรเจ้าคะ ต่อไปไม่ว่าพวกท่านอยากกินอะไร อยากซื้อเครื่องประดับที่งดงามก็ซื้อได้แล้วนะ ครอบครัวของพวกเราจะต้องร่ำรวย และยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตระกูลอื่น ๆ ด้านการค้าผ้าที่มีลวดลายงดงามไม่เหมือนผู้ใดเจ้าค่ะ”

มู่ถงมองบุตรสาวคนเล็กด้วยน้ำตาคลอเบ้า หากตนเองเข้มแข็งไม่รีรอและคาดหวังกับผู้เป็นบิดา ทั้งฮูหยินและบุตรสาวทั้งสอง คงใช้ชีวิตที่มีความสุขไปนานแล้ว “อันเอ๋อร์ลำบากเจ้าแล้วล่ะนะ พ่อขอโทษพวกเจ้าที่ก่อนหน้ามัวให้ความหวังกับบิดาไร้หัวใจเช่นนั้น ทำให้พวกเจ้าสามคนพลอยลำบากไปด้วย”

“ท่านพี่..”

ซูอันไม่อยากให้ทุกคนกลับไปคิดถึงเรื่องเดิม ๆ จึงได้พูดปลอบใจบิดาที่กล่าวโทษตนเอง “ท่านพ่อเจ้าคะคนเราเกิดมาย่อมทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว ท่านเองก็อย่าเก็บมันมาใส่ใจอีกเลย แม้แต่ผู้ปกครองแคว้นก็อาจทำผิดพลาดได้ ดังนั้นยามนี้พวกเราควรมองไปข้างหน้า ใช้ความสามารถที่มีสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ต่อไปจะได้

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันเสียทีนะเจ้าคะ”

“ท่านพ่ออันเอ๋อร์พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ พวกเราไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะท่านเลยสักครั้งนะเจ้าคะ ดังนั้นท่านพ่ออย่าได้กล่าวโทษตนเองอีกเลย” เยี่ยนหลิงสนับสนุนคำพูดของน้องสาว เพราะนางก็คิดคล้าย ๆ กับซูอันเช่นกัน

“ได้! พ่อจะไม่ให้เรื่องในอดีตมาทำร้ายความรู้สึกของพวกเราอีก อันเอ๋อร์พ่อว่าเรากลับออกไปกันเถิด จะได้พักผ่อนให้มีแรงเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าพ่อจะไปที่ศาลาว่าการเพื่อเปลี่ยนชื่อแซ่ของเราเสียใหม่ ว่าแต่พวกลูกสองคนอยากใช้แซ่อันใดกันบ้างเล่า”

เยี่ยนหลิงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ จึงโยนให้ซูอันเป็นคนตอบบิดาแทน “ข้าใช้แซ่อันใดก็ได้เจ้าค่ะแล้วแต่ท่านพ่อจะจัดการ อันเอ๋อร์เล่า มีแซ่ที่เจ้าชอบบ้างหรือไม่”

ซูอันใช้ความคิดเล็กน้อยจากนั้นจึงบอกกับบิดาว่า “ท่านพ่อข้าอยากเปลี่ยนไปใช้แซ่ ‘จิน’ เจ้าค่ะ จินที่แปลว่าทองคำ เพราะในอนาคตอันใกล้พวกเราจะมีเงินทองเพิ่มพูนอีกมาก”

“อืม เช่นนั้นพวกเราเปลี่ยนจากแซ่หลิว ไปเป็นแซ่จินตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็แล้วกัน” มู่ถงเห็นดีเห็นงามตามที่ซูอันเสนอมา

“เอาล่ะ ข้าจะพาพวกท่านกลับออกไปพักผ่อนนะเจ้าคะ ยามแสงของดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า นั่นถือเป็นฤกษ์ดีกับการเดินทางครั้งใหม่ของครอบครัวเราเจ้าค่ะ”

แน่นอนว่าทั้งสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กันย่อมยิ้มแย้มอย่างมีความสุข หลังจากซูอันพูดจบนางจึงพาครอบครัวออกจากมิติ

และแยกย้ายกลับห้องไปพักผ่อน ซึ่งทั้งสี่คนพอหัวถึงหมอนก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ที่สะสมมาเป็นเวลานานหลายปี

ส่วนมู่ถงได้ทำอย่างที่บอกกับบุตรสาวไว้ เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงเขาไปยังศาลาว่าการเมืองถู่หลาน เพื่อขอเปลี่ยนแซ่และนำป้ายชื่อพร้อมหนังสือรับรอง กลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ภายหลังกินอาหารมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ซูอันนำทองคำแท่งขนาดเล็กหนึ่งแท่งไปขาย เพื่อนำเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง เพื่อย้ายไปอาศัยยังเมืองผู่เถียน ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่สิบห้าวันเท่านั้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 5

    แค่ทองคำแท้หนึ่งแท่งขนาดเล็กที่ซูอันนำไปขาย ก็ทำเงินให้นางมากถึงสิบตำลึงทอง แต่นางไม่ลืมแลกเป็นตำลึงเงินกับเหรียญอีแปะเผื่อเอาไว้ ยามหยิบใช้จะได้สะดวก ก่อนออกเดินทางไปยังเมืองผู่เถียน เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการทอผ้าและผ้าปักอันงดงาม ซูอันไม่ลืมพาครอบครัวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่ราคาไม่แพงเกินไปมาสวมใ

    Last Updated : 2025-03-08
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 6

    วันรุ่งขึ้นซูอันและเยี่ยนหลิงจ้างรถม้า ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เมืองผู่เถียน ซึ่งใช้เวลานั่งรถม้าไม่ถึง หนึ่งเค่อเท่านั้น การไปหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพราะซูอันต้องการหาคนงาน ที่มีฝีมือในการเลี้ยงไหม ย้อมสี และลูกจ้างที่มีฝีมือการตัดเย็บไปทำงานกับร้านค้าของครอบครัวของนางครั้นซูอันกับเ

    Last Updated : 2025-03-08
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 7

    ในที่สุดชาวบ้านต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แน่นอนว่าหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง ย่อมเป็นตัวแทนของทุกคน ลุกขึ้นยืน โค้งคำนับให้ซูอันและกล่าวขอบคุณนาง“ขอบคุณคุณหนูที่ช่วยเหลือขอรับ หากไม่ได้ท่านช่วยไว้ วันนี้คงมีชาวบ้านที่ต้องเจ็บตัวจากตระกูลกู้อีกเป็นแน่ แต่ว่าท่านควรระวังคนตระกูลนี้เอาไว้นะขอรั

    Last Updated : 2025-03-09
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 8

    ทางด้านมู่ถงที่ออกจากจวนตามหลังบุตรสาว ก็ได้ติดต่อนายช่างโจวซุ่นที่ชาวบ้านแนะนำกับเขา และพาไปดูร้านค้าพร้อมบอกรายละเอียด ที่ตนกับบุตรสาวต้องการให้นายช่างโจวปรับปรุง หรือเพิ่มเติมในส่วนที่ได้หารือกันเอาไว้ ซึ่งนายช่างโจวพอจะเห็นภาพตามที่มู่ถงได้บอกเล่าให้ฟัง เนื่องจากนายช่างโจวเองก็มีประสบการณ์สร้างร

    Last Updated : 2025-03-09
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 9

    [นายหญิงคนงามของจีจี้อย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวลูกน้องผู้เก่งกาจอย่างจีจี้ จะช่วยจัดการเรื่องสนามฝึกหน่วยคุ้มกันให้เอง จีจี้จะยกอุปกรณ์มาให้ครบไม่มีขาดแม้แต่ชิ้นเดียวเจ้าค่ะ]ซูอันนึกภาพสนามฝึกที่มีอุปกรณ์เสริมสร้างความแข็งแรง ก็แอบยกยิ้มมุมปากเบา ๆ ในเมื่อจีจี้นำมันมาให้นางได้ เช่นนั้นตัวของนางก็คว

    Last Updated : 2025-03-09
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 10

    อวี้เหลียนก็คิดเช่นเดียวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “นายท่านจินอย่าได้ห้ามพวกข้าเลยขอรับ ถึงอย่างไรคำเรียกนี้ย่อมมีคนอีกมาก ที่จะเรียกท่านในอนาคตเมื่อท่านเริ่มทำการค้านะขอรับ อนุญาตให้พวกข้าเรียกไว้แต่เนิ่น ๆ ดีกว่าขอรับนายท่านจิน”เยี่ยนหลิงเข้าใจว่าบิดาเคยชินกับคำเรียกขาน แต่ตอนนี้สถานการณ์มิได้เป็นเช่นแต่

    Last Updated : 2025-03-09
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 11

    ภายหลังที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซูอันจะได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับว่าที่หน่วยคุ้มกัน ซึ่งพวกเขาจะต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้เพื่อรับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่นางกำหนดไว้ซูอันหันมาทางบุรุษทั้งสิบคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างรู้มารยาท “เอาล่ะพี่ชายทั้งหลายถึงเวลาข

    Last Updated : 2025-03-09
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 12

    พอมาถึงลานฝึกฝน ซูอันพูดถึงความสำคัญของการฝึก “จำไว้ให้ดี! การปกป้องชีวิตข้า ปกป้องสินค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่การปกป้องชีวิตของตัวพวกเจ้าเองก็สำคัญไม่แพ้กัน พวกเจ้าไม่ใช่แค่โล่ที่ไม่มีชีวิต แต่พวกเจ้าคือดาบที่พร้อมฟาดฟันศัตรูกลับไปทุกเมื่อ”“รับทราบขอรับคุณหนูเล็ก!!”พอเห็นความพร้อมของคนทั้งสิบ ซ

    Last Updated : 2025-03-09

Latest chapter

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 148

    แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 147

    ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 146

    หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 145

    หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 144

    สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 143

    “ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 142

    เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 141

    ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   บทที่ 140

    “หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status