"เดี๋ยวเขาคงโทรมามั้ง"
"ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วเขาคงไม่โทรมาแล้วล่ะ ฉันดีใจกับแกด้วยนะขวัญ"
"ถ้าแกไม่ได้ไปทำที่นั่นฉันอาจจะไม่ไปทำก็ได้" บริษัทนั้นเป็นความฝันของนิสิตนักศึกษาหลายคน ถ้าได้เข้าไปที่นั่น อนาคตความก้าวหน้าก็จะดีด้วย
"อย่าคิดแบบนี้เด็ดขาด รู้ไหมว่าอนาคตยังรอเธออยู่ อย่าเอาอนาคตตัวเองมาไว้กับฉัน" คิดไปอีกทีก็ดีเหมือนกันที่ของขวัญได้งานจะได้ไม่ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็ลอยเข้ามา ทำไมเธอถึงคิดว่าที่เขารับของขวัญเพราะอยากทำประชด หึ..คิดได้ยังไงตัวเองจะมีค่าอะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอ
"ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องได้ไปเตรียมตัวทำงานเย็นนี้อีก" ถ้ากลับไปที่บาร์นั่น คงไม่พ้นต้องเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยตัณหากลับ แต่ถ้าจะไปหางานที่ใหม่ กว่าจะเดินหางาน และยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับนักศึกษาที่เพิ่งจะจบหรือเปล่า
ของขวัญได้แต่มองตามเพื่อนออกไปจากห้อง ถ้าเปลี่ยนกันได้อยากจะให้เพื่อนเป็นคนได้งานมากกว่า
จ๊ะเอ๋เดินมานั่งรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้เดี๋ยวคนหาว่าเป็นบ้า ก็เลยทำได้แค่นั่งมองรถวิ่งผ่านไปมา
"จอดด้วยค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นกวักมือเรียกรถเมล์ที่วิ่งเข้ามาใกล้จะถึงป้าย
ครื่นนน ครื่นนนนน
ขณะที่ก้าวขึ้นรถเมล์เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
ตอนนี้ลนลานมาก ทั้งอยากจะรับโทรศัพท์แต่ก็ต้องหาที่นั่งให้ได้ก่อน
>>{"ฮัลโหลสวัสดีค่ะ โอ้ย"} เธอตัดสินใจเอาโทรศัพท์ขึ้นมารับก่อน แต่พอรถเมล์ออกตัวร่างของเธอก็กระเด็นชนเข้ากับเสารถที่ตั้งอยู่ {"อะไรนะคะ? ฉันได้งานเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ"} พอได้ยินคนที่โทรมาแจ้งเรื่องให้ไปทำงานในวันพรุ่งนี้ จากที่กำลังเจ็บอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
"ฉันได้งานทำแล้ว ฉันได้งานแล้วค่ะ" ดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ คนที่นั่งอยู่บนรถเมล์ต่างก็ยิ้มแบบเอ็นดู และเรียกเธอให้มานั่งลงดีๆ ก่อน
พอนั่งลงได้สิ่งแรกที่ทำคือโทรไปหาแม่
>>{"ฮัลโหลแม่คะ"}
{"มีอะไรเหรอลูก"} เสียงจอยกระซิบพูดกับลูกสาว
>>{"จ๊ะได้งานแล้วนะคะแม่ บริษัทโทรมาบอกว่า.."}
"นี่เวลาทำงานนะ ถึงว่าทำไมห้องน้ำชั้นนี้ถึงได้สกปรก แถมยังมีกลิ่น มั่วคุยแต่โทรศัพท์นี่เอง" ระบบบริษัทมีการแก่งแย่งแข่งขันกันสูง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องแม่บ้าน ที่จอยถูกต่อว่าไม่ได้ถูกต่อว่าโดยตรงหรอก แต่คนที่ว่าให้อยากส่งผ่านคนงานไปให้ถึงหัวหน้าก็แค่นั้น
>>"{ฮัลโหลแม่คะ แม่"} จากที่ดีใจมากเรื่องได้งาน แต่พอรู้ว่าที่แม่ถูกตำหนิก็เพราะเธอ น้ำตาแห่งความปิติยินดีกับกลายเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้า {"ถ้าจ๊ะเก็บเงินได้แล้ว จ๊ะจะให้แม่เลิกทำงานนะคะ"} หญิงสาวยังคงพูดผ่านสาย ถึงแม้จะรู้แล้วว่าแม่คงรีบเก็บโทรศัพท์จนไม่ได้กดวางสาย
จ๊ะเอ๋ลงจากรถเมล์ได้ ก็เดินเข้ามาในซอย
"คนสวยทำไมวันนี้ดูเศร้าจังเลย" วัยรุ่นในซอยแซวแบบนี้ประจำ แต่ก็ไม่ค่อยมีพิษมีภัยอะไร
จ๊ะเอ๋เลือกที่จะไม่ตอบ เธอยังคงรีบเดินกลับบ้าน เพราะต้องได้เตรียมชุดเพื่อทำงานในวันพรุ่งนี้ ถึงแม้จะเศร้าอยู่มากแต่ก็ดีใจ ที่ไม่ต้องกลับไปทำงานที่บาร์นั้นอีก นี่แสดงว่าเธอรอดพ้นจากนรกขุมนั้นแล้วใช่ไหม
กลับมาถึงจ๊ะเอ๋ก็โทรไปบอกของขวัญเรื่องที่ได้งานทำ ไม่ต้องพูดถึงว่าของขวัญจะดีใจมากแค่ไหน เพราะนั่นถือว่าทั้งสองจะได้ทำงานที่เดียวกัน
เช้าวันต่อมา..ที่บริษัท
"ฉันดีใจจังเลยที่เราได้ทำงานด้วยกัน" พอเจอกันที่หน้าบริษัททั้งสองก็รีบเข้ามากอดกัน ..จนคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มอง
"แล้วเราต้องไปที่ไหนก่อน"
"คงเป็นฝ่ายบุคคลมั้ง"
"จริงด้วยเราต้องไปรายงานตัวก่อนใช่ไหม"
ตุ๊บ! อึบ!!
"อุ๊ยย..ขอโทษค่ะคุณเป็นอะไรไหมคะ"
"มะ ไม่ครับ" ผู้ชายที่ถูกจ๊ะเอ๋หันไปชน ต้องได้พยายามกัดฟันตัวเองไว้ เพราะตรงที่เธอชนคือกล่องดวงใจ
"ฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ" ดวงตาของจ๊ะเอ๋มองลงไปดูเป้ากางเกงของอีกฝ่าย เพราะทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชนเข้ากับตรงไหน "เรารีบไปเถอะ" จ๊ะเอ๋คว้ามือเพื่อนได้ก็รีบชิ่งหนีไป
"ดูเขาจะเจ็บมากเลยนะแก"
"เจ็บสิโดนเต็มๆ เลยแหละ"
"ใหญ่ไหมวะ"
"ไอ้บ้า!"
"ฮ่าาาาา" ของขวัญถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
"ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นทำไมหน้าคุ้นจัง..เหมือนฉันเคยเจอเขาที่ไหน" พอเดินหนีมาจนจะถึงฝ่ายบุคคลแล้ว จ๊ะเอ๋ถึงได้คิดทบทวนดูว่าเคยเห็นเขาที่ไหน..
หญิงสาวพยายามใช้ความคิด..ว่าเคยเจอเขาคนนั้นที่ไหน ..แต่เวลานี้ไม่เหมาะสำหรับการที่มาคิดทบทวนอะไรแบบนี้ เพราะเธอต้องได้เข้าไปพบฝ่ายบุคคล"เข้าไปในห้องอบรมได้เลยค่ะ" พนักงานที่เข้ามาใหม่ต้องได้รับการอบรมแบบนี้กันทุกคน เพราะจะได้รู้กฎของบริษัทจ๊ะเอ๋และของขวัญก็เลยรีบไปที่ห้องอบรม พอเปิดประตูเข้ามาคนที่ได้งาน ต่างก็พร้อมหน้าพร้อมตากันในห้องอบรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"จ๊ะ" ของขวัญเดินเข้ามานั่งแต่มองกลับไปอีกทีเพื่อนยังคงยืนอยู่หน้าประตู ก็เลยต้องได้เรียกให้ตามไป ..ที่จ๊ะเอ๋ยังยืนอยู่ตรงนั้น เพราะเธอมองเห็นใครคนหนึ่งนั่งประจำที่พนักงานฝ่ายอบรมของบริษัทหญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้าวเดินไปนั่งลงข้างๆ เพื่อน"แค่วันแรกก็สาย" มันคือคำพูดประโยคแรกของคนที่ทำให้เธอตกใจ และคนที่มาร่วมอบรมพร้อมกันต่างก็มองมาแบบสมน้ำหน้าที่ถูกต่อว่า เพราะดูทุกคนจะไม่ค่อยชอบหน้าของทั้งสองเลย"ขอโทษค่ะพวกเราไม่รู้ว่าต้องมาห้องนี้ก่อน" ของขวัญเป็นคนกล่าวขอโทษ"เริ่มเลยครับคุณมัลลิกา""ได้ค่ะหัวหน้า""หัวหน้า?" จ๊ะเอ๋และของขวัญมองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย"ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อมัลลิกา เป็นผู้รับผิดชอบพวกน
เย็นวันเดียวกัน.."หิววว""ฉันขอโทษแกด้วยนะ คิดว่าพวกเขาจะไม่อบรมจนถึงตอนเย็น" ทั้งสองเดินออกมาหน้าบริษัท หวังจะหาร้านอาหารตามสั่ง แต่ร้านก็ปิดกันหมดแล้ว"ฉันว่าเรานั่งแท็กซี่กลับกันดีไหม" ของขวัญคิดว่าถ้าไปยืนเบียดบนรถเมล์ มีหวังได้เป็นลมเป็นแล้งแน่ ที่ทั้งสองหิวกันมากเพราะตอนเช้าก็ไม่ได้ทานอะไร แถมตอนเที่ยงกินแค่นั้นด้วย"แกขึ้นแท็กซี่กลับก่อนเลยก็ได้นะ ยังไงบ้านเราก็อยู่คนละทางกัน"ของขวัญคิดว่าที่เพื่อนพูดมาก็ถูก ถ้าขึ้นแท็กซี่คันเดียวกันก็คงต้องวนไปส่งไกล ..ทั้งสองก็เลยแยกกันตรงนั้นขณะที่จ๊ะเอ๋นั่งรอรถเมล์อยู่ ก็ได้ยินเพื่อนที่นั่งรออยู่ข้างๆ พูดกัน"สงสัยคุณราม จะเป็นแฟนกับคุณมัลลิกาหรือเปล่า" ทั้งสองมองตามรถคันที่เพิ่งวิ่งผ่านไป จ๊ะเอ๋ก็เลยมองตามบ้าง"แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน รักกันมากไม่ใช่เหรอ" จ๊ะเอ๋หมายถึงหนุงหนิงคนที่เรียนคณะเดียวกันกับเขา[ ที่บ้าน ]"การอบรมเป็นยังไงบ้างลูก" กว่าจอยจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืด เพราะถ้าวันไหนได้ทำโอทีต่อก็จะกลับค่ำแบบนี้"ก็ไม่เป็นยังไงนี่คะแม่" พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจพยายามที่สุดแล้วที่จะอดทน เพื่อแม่จะได้ไม่ลำบากแบบนี้"ถ้าหนูได้เข้
"แล้วพนักงานฝึกงานทั้งสองคนนี้ล่ะคะผู้จัดการ" กาญจนาเอื้อมไปหยิบเอกสารที่ส่งให้กับพระลักษณ์ได้ดูกลับคืนมา"ขึ้นมาแล้วก็หางานให้ทำ" พระลักษณ์ดูจะไม่สนใจสองคนที่มีรายชื่ออยู่ในนั้นเลย"ค่ะ"พอเลขาออกไปแล้วสายตาคมก็มองตามและนึกโมโหที่หัวหน้าขัดคำสั่ง หรือผู้หญิงคนนั้นจะมีความสำคัญ? พระลักษณ์มาทวนคิดดู จริงๆ พนักงานฝึกงานต้องรับคนที่ผ่านงานมาแล้ว แต่ทำไมพระรามถึงรับนักศึกษาที่เพิ่งจะจบใหม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีประสบการณ์อะไรเลย"คุณกาญจนาเข้ามาหาผมหน่อย" ชายหนุ่มกดโทรศัพท์สายตรงออกไปหาเลขาหน้าห้องกาญจนาที่กำลังจะจัดงานให้กับเด็กใหม่ ต้องได้รีบกลับเข้ามาในห้องของผู้จัดการอีกครั้ง"ผมขอดูประวัติของพนักงานที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ทุกคน""ค่ะ"พอได้รับคำสั่งกาญจนาก็ต้องได้ลงมาที่ฝ่ายบุคคล เพื่อขอเอกสารทั้งหมดอะไรกัน..ทำไมต้องให้เรามาทำงานที่ฝ่ายผลิตแบบนี้ด้วย ..เธอจบมาทางด้านเทคโนโลยีก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะมานั่งผลิตชิ้นงานอะไรแบบนี้"น้องบัดกรีเป็นไหมครับ""เออ..ค่ะ" เธอทำเป็นแค่เครื่องมือเล็กๆ แต่นี่เครื่องมือของอุตสาหกรรมเลยนะ"ถ้างั้นน้องก็มานั่งเครื่องนี้เลย""พี่คะเกิดการเข้าใจผิดอะไรกันหรือเ
"ผู้จัดการบอกให้น้องไปหาหน่อยค่ะ" มาถึงที่แล้วจะไม่พูดก็ไม่ได้"ผู้จัดการหรือคะ?" จ๊ะเอ๋รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่"ไม่ต้องไป นั่งลงที่เดิม" คนที่สั่งก็คือพระรามซึ่งเขายังคงยืนอยู่ข้างเครื่องอุตสาหกรรมที่เธอนั่งจ๊ะเอ๋ไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะเธอเพิ่งเข้าทำงานวันนี้วันแรก สายตาหญิงสาวจึงได้มองไปขอความช่วยเหลือที่หัวหน้าแผนกแต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ และคนรอบข้างก็รีบหันไปสนใจงานของตัวเอง"ห้องของผู้จัดการอยู่ที่ไหนคะ" เธอต้องได้พึ่งตัวเองแล้วล่ะ พอจ๊ะเอ๋เดินตามคุณเลขาไป พระรามก็รีบออกไปเช่นกันกาญจนาพาจ๊ะเอ๋มาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นของผู้บริหารโดยมีพระรามเดินตามมาใช้ลิฟต์อีกตัวกดขึ้นไปที่ชั้นเดียวกันก๊อก ก๊อก "คนที่ผู้จัดการให้ตาม..มาแล้วค่ะ"ขณะที่จ๊ะเอ๋ยืนรออยู่หน้าห้องผู้จัดการ ของขวัญที่กำลังจัดเอกสารช่วยกาญจนาก็ได้มองดูเพื่อน"เข้ามาได้ครับ" พระลักษณ์อนุญาตโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองกาญจนาปล่อยให้จ๊ะเอ๋เข้ามาคนเดียว พอเข้ามาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เพราะเจ้าของห้องไม่ได้มองมาเลย"มานั่งก่อนสิ""ค่ะ" หญิงสาวก็เลยก้าวเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงที่วางอยู่ด้านหน้าของโต๊
"แม่เป็นอะไรไหม" พอพวกนั้นไปแล้ว มือเรียวก็ได้เอื้อมไปลูบคลำใบหน้าของแม่เบาๆ"ไม่เป็นอะไรหรอกลูก แม่อึดจะตายลูกก็รู้"ยิ่งได้ยินแม่พูดแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้แน่นในอก ..ขณะที่เดินออกมาจ๊ะเอ๋สาบานกับตัวเองว่าจะจัดการกับคนที่ทำร้ายแม่เธอให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม"เรานั่งแท็กซี่กลับกันดีกว่าค่ะแม่" หญิงสาวพูดพร้อมกับกวักมือเรียกแท็กซี่ให้จอด ถึงแม้แม่จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่จ๊ะเอ๋รู้ดีว่าแม่คงเจ็บพอสมควร"ขึ้นรถเมล์ก็ได้นะลูก" จอยต้องเซฟค่าใช้จ่ายไว้ เพราะกว่าจะถึงสิ้นเดือน แต่รู้ดีว่าลูกคงเป็นห่วง"ยังไงรถก็จอดแล้วขึ้นเถอะแม่" ชีวิตเธอเจอแต่ความลำบากมาโดยตลอด แค่นี้มันไม่ทำให้น้ำตาตกได้หรอก แต่ที่โมโหก็เพราะแม่ถูกทำร้ายร่างกายมากกว่าทั้งสองนั่งแท็กซี่มาจนถึงหน้าปากซอย จอยก็เลยให้แท็กซี่หยุดตรงนั้น เพราะถ้าเดินเข้ามาอีกไม่ไกลก็ถึงบ้านแล้ว"น่าจะให้รถมาส่งถึงบ้านเลยนะแม่""กว่ารถจะเลี้ยวเข้ามา เห็นไหมเนี่ยในซอยรถจอดขวางทาง เดี๋ยวมิเตอร์ก็จะวิ่งขึ้นไม่หยุด เดินเอาดีที่สุดแล้วลูก"เดินเข้ามาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้าน พอมาถึง จ๊ะเอ๋ต้องได้ถอดชุดทำงานออกมาซัก เพราะเธอซื้อมาแค่ชุดเดียวเช้าวันต่
"หัวหน้านัทถูกทำร้ายร่างกายก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกไล่ออกล่ะ""ฉันไม่แน่ใจ แต่เรื่องนี้เขาปิดกันให้แซดเลยนะ""เรื่องอะไร""ก็คุณเธอคนที่หัวหน้านัทไปมีเรื่องด้วยน่ะสิ""ทำไม?""เป็นเด็กของ..." คนที่พูดกรอกสายตามองไปทั่วก่อน เพราะกลัวงานจะเข้า "ทำไมวันนี้ก๋วยเตี๋ยวเค็มๆ แกว่าไหม" จากที่ดูจนทั่วแล้วก็ต้องได้รีบหุบปากไว้"แกจะโทษแม่ค้าไม่ได้นะ เพราะแกใส่น้ำปลาเยอะไป" เพื่อนที่นั่งคุยกันเริ่มสนทนาเรื่องอาหารที่กำลังกินอยู่ เมื่อเห็นว่าคู่กรณีของหัวหน้านัทกำลังเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับเพื่อน"วันนี้เราจะทานอะไรกันดี" จ๊ะเอ๋ยืนมองร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่ในโรงอาหาร"ทานอะไรก็ได้" ของขวัญเป็นอีกคนที่อยากถามเรื่องนี้ แต่ถ้าเพื่อนอยากเล่าให้ฟังก็คงจะเล่าเอง"ฉันว่าเราไปสั่งอาหาร ร้านนั้นดีกว่า" ไม่ใช่ว่าจ๊ะเอ๋จะไม่เห็นสายตาคนที่มองมา แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้หาเลี้ยงเธอสักหน่อยเย็นวันเดียวกัน.. ที่บ้าน"ไหนแม่บอกว่าวันนี้มีโอทีไง" ถ้ารู้ว่าแม่ไม่ได้ทำโอที เธอคงจะรอกลับพร้อมกันแล้ว แต่พอมาถึงได้ยังไม่นานก็เห็นแม่กลับมา"บอกแม่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น" จริงๆ ก็มีนั่นแหละ แต่จอยให้เพื่
"ขอโทษค่ะฉันไปด้วยไม่ได้ เพราะฉันต้องรอแม่ออกมาจากที่ทำงาน"คงเป็นครั้งแรกที่พระลักษณ์ถูกปฏิเสธ คนขับรถรีบหันกลับไปมองผู้เป็นนายปี๊ดดด! รถคันหลังบีบแตรเพื่อส่งสัญญาณให้รถคันหน้าขยับจ๊ะเอ๋ตกใจรีบก้าวถอยหลังออกมาจนสะดุดริมฟุตบาท "โอ๊ย" สะโพกของเธอกระแทกลงกับพื้น"คุณเป็นอะไรไหมครับ" พระลักษณ์รีบเปิดประตูลงมาจากรถ แล้วเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น"ดูผู้จัดการจะเป็นห่วงผู้หญิงของผมจังเลยนะครับ" รถคันหลังก็คือรถของพระราม เขาลงมาจากรถเช่นกัน"???" ไทยมุงที่แอบยืนอยู่แถวนั้นต่างก็ได้ยินประโยคที่พระรามพูด ว่าจ๊ะเอ๋เป็นผู้หญิงของเขา"คุณเป็นผู้หญิงของหัวหน้ารามหรือครับ" ยืนขึ้นได้ พระลักษณ์ก็ถามประโยคนั้นกับจ๊ะเอ๋"คือ.." นี่เราไปเป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่เมื่อไร แล้วคำว่าผู้หญิงของเขาหมายความว่ายังไง"ดูเหมือนผู้หญิงจะไม่เต็มใจเป็นของนายเลยนะ" แค่เห็นเธออ้ำๆ อึ้งๆ ก็เข้าทางของพระลักษณ์แล้ว"จริงหรือครับคุณจ๊ะ เรามีนัดกันไม่ใช่เหรอ ผมว่าคุณอย่ามัวเสียเวลาคุยกับคนแถวนี้เลยขึ้นรถดีกว่า" ว่าแล้วพระรามก็เดินไปเปิดประตูฝั่งคนที่นั่งข้าง"ขอตัวนะคะ" จ๊ะเอ๋พูดเบาๆ กับพระลักษณ์แล้วก็เดินไป ..แค่นี้ก็เหมื
เพียงไม่นานคลิปกล้องวงจรปิดตามวันและเวลาที่ขอไปก็ได้ถูกส่งมาให้ทางอีเมลจ๊ะเอ๋เดินอ้อมไปยืนอยู่ข้างๆ เพื่อที่จะมองจอ แต่เธอก็ไม่ได้ยืนใกล้ แค่มองไปให้เห็นหน้าจอก็พอคลิปที่ส่งมาถูกเปิดแบบเร็ว เพื่อที่จะใช้เวลาไม่มากในการดู"หยุดตรงนี้ก่อนค่ะ" หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคุ้นๆ เดินเข้าไปพระรามหยุดไว้ให้เธอได้ดูแบบชัดๆ"เปิดต่อไปอีกนิดค่ะ" ใบหน้าของเธอค่อยๆ โน้มลงมาใกล้จอ นั่นแสดงว่าใกล้ใบหน้าเขาเช่นกัน มือเรียวเอื้อมไปเพื่อที่จะกดหยุด จังหวะเดียวกับที่พระรามกำลังจะกด มือทั้งสองประสานกันเข้า ใบหน้าเรียวค่อยๆ หันไปมอง คนที่นั่งอยู่เก้าอี้ ซึ่งเขาก็หันมามองเธอเช่นกัน"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวรีบขยับออกห่าง "ฉันขอย้อนดูเมื่อกี้อีกนิดหนึ่ง""คุณสงสัยผู้หญิงคนนี้เหรอ" เขาถามพร้อมกับย้อนให้เธอดูกล้อง"หยุดตรงนี้ค่ะ" พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเธอก็จำได้ในทันที "เปิดต่อไปเลยค่ะ" รู้แล้วว่าผู้หญิงที่ออกมาจากห้องน้ำเป็นใคร แต่ที่ให้เขาเปิดต่อเพราะอยากจะเห็นว่าแม่เธอเจ็บตอนนั้นใช่ไหม และมันก็เป็นไปตามที่จ๊ะเอ๋คิดไว้ ..เพียงไม่นานแม่ของเธอก็เดินกระเผลกออกมาจากห้องน้ำ นั่นแสด
"คุณทำไมดูไม่ตกใจเลยล่ะ" เข้ามาถึงในห้องก็ยังเห็นว่าเขาปกติ ไม่มีท่าทีตกใจกลัวอะไรเลยตอนเห็นปืนใครบ้างจะไม่ตกใจ แต่พอเห็นว่าเธอกับแม่พยายามปกป้องเขาอยู่ ก็เลยทำให้คลายความกลัวไปได้เยอะ"พ่อคุณเป็นกำนันเหรอ" ที่เขาถามแบบนี้เพราะได้ยิน คนชื่อจ้อยเรียกว่าพ่อกำนัน"ใช่ค่ะ"ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียง"นี่คุณ ฉันไม่ได้จะให้คุณนอนในห้องนี้สักหน่อย""ไม่ให้ผมนอนนี่แล้วจะให้นอนไหน""เดี๋ยวพ่อฉันสงบลงแล้วจะหาห้องให้" บ้านเธอกว้างขวาง ห้องนอนก็มีหลายห้อง"คุณคิดว่าพ่อคุณจะสงบง่ายไหม ยิ่งตอนนี้เห็นผมเข้ามาในห้องของคุณด้วยแล้ว""คุณก็อย่าพูดให้ฉันเสียวสันหลังสิ" ตอนเรียนมัธยมเคยถูกพ่อตีมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเรื่องผู้ชายนี่แหละ แต่ก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรมากก็แค่วัยรุ่นอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง"ผมขอนอนพักเอาแรงหน่อยแล้วกัน ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง"อะไรของเขาเนี่ย ยังจะนอนหลับอีกเหรอ"ออกมา!""พ่อ?" เขานอนไปได้แค่ครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงพ่อตะโกนมาจากหน้าห้อง"ไม่ต้องออกมานะลูก ปล่อยให้พ่อบ้าอยู่คนเดียวเถอะ" แม่รีบตามมาห้ามพ่อ"ลูกเราเป็นผู้หญิงนะแม่!""พ่อกล้าขึ
"ผู้จัดการ?" พอรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือใคร ของขวัญรีบปิดประตูกลับคืนไว้เหมือนเดิม "ขะ..คุณมาทำไมคะ""ตกใจเหมือนเห็นผี" โชคดีที่เขาก้าวขาถอยกลับทันจังหวะที่เธอปิดประตู ถ้าไม่งั้นได้หน้าแหกแน่ "เปิดประตูออกมาคุยกันก่อน""คุณไม่เห็นหรือไงว่าฉันอยู่ในสภาพไหน""ไม่ได้ใส่อะไรยังเห็นมาแล้ว แค่นี้ทำไมต้องอาย"นี่แสดงว่าเขายังคงจำได้เหรอ? ..ของขวัญพยายามบอกตัวเองว่าเขาคงลืมแล้ว เพราะเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา แต่ทำไมเขายังจำได้ล่ะ "ฉันขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวออกไปหา""คุณจะให้ผมยืนรออยู่ตรงนี้เหรอ""ไม่รู้จะมาทำไม แล้วนี่เมื่อไรพระรามกับจ๊ะเอ๋จะมา" หญิงสาวพึมพำออกมาแค่เบาๆ แต่ก็ยอมเปิดประตูให้ห้องเช่าของเธอไม่ได้กว้างขวาง แต่ก็แบ่งโซนที่ใช้ทำเป็นครัว ห้องน้ำในตัว ส่วนเตียงนอนก็จะถูกจัดวางไว้อีกมุมหนึ่งในห้องเดียวกัน"คุณนั่งรอก่อนแล้วกัน" ในห้องนี้ถ้าจะนั่งรอก็คงมีแค่เตียงนอน จากที่ไม่เคยเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เธอก็เลยต้องได้เอาเข้าไป เพราะจะมาเปลี่ยนต่อหน้าเขาคงไม่ได้แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จของขวัญก็ออกมา"คุณมีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามาสิ""เก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพากลับบ้าน""ไห
ชายหนุ่มออกมาจากห้องของผู้เป็นพ่อก่อนที่จะกลับเข้าห้องตัวเอง สายตาคมก็ได้มองไปที่.."เข้ามาหาผมหน่อย"กาญจนาหันมองกลับไปด้านหลัง เพราะดูเหมือนว่าผู้จัดการจะไม่ได้พูดกับตัวเอง"เมื่อสักครู่ผู้จัดการบอกใครคะ" พรทิพย์ก็มีความสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะด้านหลังของคุณเลขามีอยู่สองคน เผื่อว่าผู้จัดการจะเรียกใช้ตัวเองบ้าง"พี่ว่าคงจะบอก.." กาญจนาตวัดสายตามองไปที่ของขวัญ "เข้าไปหาผู้จัดการสิ"มีธุระอะไรต้องเรียกเราอีกเนี่ย ..หญิงสาววางงานไว้แล้วก็เดินมาที่ห้องของเขาแกร็ก! แอดดด.. "อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ" มัวแต่คิดอยู่ว่าเขาจะคุยอะไรด้วยก็เลยลืมเคาะประตู พอเปิดเข้าไปแล้วก็ต้องได้ปิดไว้ก่อนก๊อก ก๊อก "เข้ามา""ผู้จัดการให้ฉันเข้ามามีอะไรคะ" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องนี้แล้ว"บ้านของคุณอยู่ที่ไหน""คะ?""คุณเป็นคนจังหวัดอะไร""ถามแปลก..ฉันก็เป็นคนทุกจังหวัดนั่นแหละค่ะ" ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แค่ไม่อยากจะบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน ..แต่พอเห็นสายตาของเขามองมา ของขวัญก็เลยต้องได้บอกไป"เคลียร์งานเสร็จอีกสองวันเดี๋ยวจะพากลับบ้าน" เขาพูดเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับคำพูดของตัวเองเลย"อะไรนะคะ?""อยากจะกลับบ้านไม
ของขวัญที่ยังไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ก็แอบคิดในใจอยู่หรอกว่า ทำไมเขาพาเธอมาดินเนอร์ อยากจะพูดอะไรกับเราหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าต้องพามาเปลืองเงินแบบนี้"ทานสิครับ" พระลักษณ์เอื้อมมือมาตักอาหารวางใส่จานตรงหน้าให้กับเธอแบบอ่อนโยน"??" หญิงสาวแปลกใจมากขึ้น แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว แต่เธอก็เล่นไปตามเกมที่เขาวางไว้ "ขอบคุณค่ะ""คุณไม่ชอบแบบนี้หรือครับ"ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้น ไม่นะของขวัญ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาทำไปเพื่ออะไร เธออย่าหวั่นไหวกับเขาเด็ดขาด ..เพราะแต่ละคำพูดแต่ละประโยคที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้ามันช่างละมุนยิ่งนัก จนของขวัญเผลอเคลิ้มไปกับคำหวานพวกนั้น"วันหลังอยากไปไหนก็บอกผมแล้วกัน จะได้หาเวลาว่างให้" ชายหนุ่มยังคงทำใบหน้าละมุนนั่นไง..ว่าแล้ว ..จากที่มองหน้าเขาแบบตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้ดวงตาของเธอมองสอดส่ายไปทั่วห้องอาหารหรูแห่งนี้"คุณพูดจริงนะคะ ฉันอยากไปหลายที่เลย" เสียงของเธอเริ่มเปลี่ยนไป จากที่พูดแบบไม่มีหางเสียง ตอนนี้น้ำตาลยังอายพระลักษณ์ก็เลยต้องได้มองหน้าเธออีกครั้ง "แล้วคุณอยากไปไหนล่ะครับ""อยากกลับบ้านค่ะ""กลับบ้าน?" ชายหนุ่มมองไปดู กลุ่มคนที่เขารู้แล้วแหละว่าเป็นนักข่าว เพรา
"ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น""แล้วผู้จัดการจะคุยเรื่องอะไรล่ะคะ" เขาไม่คิดเลยเหรอว่าเราจะอาย ..พอถูกเบรคของขวัญก็นึกอายขึ้นมา เรื่องเมื่อคืนนี้มีอะไรต้องให้พูดกันอีกนอกจากเรื่องที่เขาทำกับเธอแบบนั้น"ถ้าคุณพ่อเรียกตัวไปพบ ก็บอกท่านไปว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น""??" อะไรกันท่านประธานจะเรียกตัวเราไปพบเหรอ แค่ผู้จัดการเธอก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว นี่ท่านประธานเลยนะ "ฉันไม่ไปค่ะ" คิดดูแล้วถ้าท่านประธานเรียกไปพบ เธอขอลาออกดีกว่า"ไม่ไปไหน?""ก็ถ้าท่านประธานเรียกตัวไปพบฉันขอไม่ไปพบท่านไงคะ""ผมแค่พูดเผื่อไว้ถ้าท่านเรียกตัวคุณไป" พระลักษณ์รู้ดีว่ายังไงพ่อก็ต้องเรียกตัวเธอไปคุยเรื่องนี้อยู่แล้วทำไมเราต้องไปด้วย เขาต่างหากที่ทำกับเรา "ฉันไม่ไปหรอกค่ะ เพราะฉันโกหกใครไม่เป็น""โกหก?""ก็ใช่ไงคะ คุณจะให้ฉันบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง..ก็ในเมื่อมันมี""เธอคิดจะแบล็คเมล์ฉันเหรอ" แค่จูบเขาไม่คิดว่ามีอะไรอยู่แล้วคิดว่าฉันจะแบล็คเมล์เลยเหรอ? ..ของขวัญคิดว่าแค่จะพูดให้ผู้จัดการไปเคลียร์กับพ่อเอง "แล้วแต่ผู้จัดการจะคิดแล้วกันค่ะ ฉันขอออกไปทำงาน" ทำไมเรื่องวุ่นวายต้องเกิดขึ้นกับเราด้วย จริงๆ แล้วของขวัญไม่ใช่ค
"??" คนที่อยู่ในห้องไม่รู้หรอกว่าหน้าห้องกำลังเกิดอะไรขึ้น เพราะม่านรูดที่นี่เป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนจากข้างนอก หรือเสียงที่อยู่ข้างในก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ "คุณพ่อ?""จ๊ะ??" ไม่ได้ตกใจแค่พระลักษณ์ ของขวัญที่ตามออกมาก็ตกใจไม่ต่างกัน"ขวัญอยู่ในห้องนั้นจริงๆ ด้วย" จ๊ะเอ๋เอ่ยพูดออกมาเบาๆ พระรามต้องรีบโอบร่างเธอไว้ก่อนที่เข่าจะทรุด "พี่ชายของคุณทำอะไรเพื่อนฉัน" หญิงสาวเฝ้าแต่โทษตัวเองที่ดึงเพื่อนเข้ามาเดือดร้อนด้วย"เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่คะ" นักข่าวไม่พลาดสักช๊อต และตอนนี้ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเป็นคลิปไว้หมดแล้ว รอแค่เวลาเผยแพร่"ลูกมาทำอะไรที่นี่" พระนายถามออกไปด้วยท่าทางที่ปกติมาก ไม่ตื่นตระหนกเหมือนคนอื่นเลย"คือว่าผม.." พระลักษณ์มองสายตาพ่อก็รู้แล้วว่าไม่ได้ปกติเหมือนใบหน้าและคำพูดที่แสดงออกมาในเวลานี้เลย"ก็บอกแล้วไงว่าพ่อรู้เรื่องนี้แล้ว จะคบกันพ่อก็ไม่ว่า"???? เครื่องหมายนี้ไม่ได้ผุดขึ้นแค่พระลักษณ์ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสัยและแปลกใจ เพราะพระนายทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ และรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว"ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ
"ทำยังไงดีโทรก็ไม่ติด" จ๊ะเอ๋พยายามโทรหาของขวัญ แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของเพื่อนจะถูกปิดเครื่อง"เราไปดูที่ห้องเช่าก่อน..ขวัญอาจจะนั่งแท็กซี่กลับไปแล้ว" ในขณะที่ขับรถไปห้องของขวัญ พระรามก็ทำได้แค่พูดปลอบใจเธอ"ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้นทีเถอะ"ในเวลาต่อมา..ที่ห้องเช่า"ขวัญยังไม่กลับมาเลย" จ๊ะเอ๋เริ่มใจไม่ดี เมื่อมาถึงเห็นว่ากุญแจคล้องจากด้านนอก "ทำยังไงดี""เดี๋ยวเรากลับไปโรงแรมอีกครั้ง ไปขอดูกล้องวงจรปิด" ที่เขายังไม่ไปขอดูเพราะกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ และต้องเช็คให้แน่ใจก่อนว่าเพื่อนของเธอไม่ได้กลับมาที่ห้องพัก[โรงแรมที่ใช้จัดงาน]"นั่นลูกชายของคุณพระนายไม่ใช่เหรอ" นักข่าวที่กำลังจะกลับ เห็นพระรามแล้วจ๊ะเอ๋เดินผ่านเข้าไปด้านในก็เลยจำได้"พวกเขาจะเข้าไปทำไม งานเลี้ยงเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ""อยากรู้ก็ตามไปดูสิ" นักข่าวทั้งสองเดินตามไปแบบไม่ให้รู้ตัว"เรามาขอดูกล้องวงจรปิดที่ลานจอดรถครับ" เขาไปถึงพระรามก็พูดกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม"มีอะไรเกิดขึ้นคะ""เพื่อนของเรายังไม่กลับบ้าน" แล้วจ๊ะเอ๋ก็เล่าให้ฟังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างพนักงานได้ยินแบบนั้นก็ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดให้ทันที บางกรณีถ้าแขก
นักข่าวที่ประจำอยู่หน้างาน ก็เห็นอยู่ว่ามีคู่รักเดินมาด้วยกัน แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่ามาร่วมงานปกติพระนายมองออกไปที่หน้างาน ก็ไม่พอใจเอามากๆ เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กควงผู้หญิงคนนั้นมาด้วยพระลักษณ์ที่กำลังพาของขวัญไปคุยกันมุมหนึ่งของงานนั้น แต่ยังไม่ได้คุยเลยด้วยซ้ำก็มองไปเห็นพ่อที่เรียกตัวให้เข้ามาหาก่อน"ผู้จัดการมีอะไร..?" ของขวัญกำลังจะถามว่าผู้จัดการมีอะไรจะคุยกับเธอ แต่พอมองอีกทีผู้จัดการเดินไปโน่นแล้ว "อะไรวะ เรียกเรามาคุยด้วยซะดิบดี" หญิงสาวมองซ้ายมองขวา เพราะถ้าใครเห็นคงน่าอายมาก"จะทำยังไง" พระนายยื่นใบหน้าเข้าไปถามลูกชายเบาๆ เพราะไม่อยากให้แขกที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน"ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะ..""อย่าให้พ่อได้ยินคำว่าไม่แน่ใจอีก" ลูกชายยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ ผู้เป็นพ่อก็พูดสวนขึ้น"ผมจะพยายามแล้วกันครับ" พระลักษณ์เดินออกมาแล้วก็มองว่าผู้หญิงสองคนที่เขาชวนมางานด้วย คนไหนพอที่จะเรียกใช้งานได้"คุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ" และเขาก็เลือกที่จะเดินมาหา.."ลิกาหรือคะ?""ถ้าคุณช่วยผมได้ ผมจะตอบแทนอย่างงาม""ช่วยอะไรคะผู้จัดการ" "ช่วยแยกผู้หญิงคนนั้นออกจากพระรามหน่อย"มัลลิกามอง
[ห้องเช่าของขวัญ]ตอนที่โทรคุยกันจ๊ะเอ๋บอกให้เพื่อนกลับห้องไปก่อนเดี๋ยวตามไปหา"เข้ามาข้างในก่อน" ของขวัญเปิดประตูห้องให้กับจ๊ะเอ๋ สายตาไม่ได้มองเพื่อนหรอกแต่มองคนที่เดินตามหลังเข้ามา"ฉันรู้ว่าแกอยากจะถามอะไร" เพราะคิดว่าของขวัญต้องอยากรู้แน่ว่าทั้งสองกลับมาคบกันแล้วเหรอ ทำไมถึงตามติดเหมือนเงาเลย"แกพร้อมที่จะเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะ" ของขวัญแอบน้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่ได้ยินเรื่องราวของเพื่อนจากปากคนอื่น แต่ถ้าเพื่อนพร้อมที่จะเล่าให้ฟังป่านนี้คงเล่าแล้ววันต่อมาที่บริษัท"จริงเหรอ?" ตอนนี้ข่าวที่ผู้จัดการชวนมัลลิกาไปออกงานรู้กันไปทั่วทั้งบริษัทแล้ว"จริงสิ..ได้ยินมาจากเจ้าตัวเองเลยแหละ""ทำไมเราไม่ถูกเชิญแบบนี้บ้าง""เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เรามาเม้าท์เรื่องที่ทำไมผู้จัดการถึงเชิญมัลลิกา" คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็จ้องตา เพราะผู้จัดการก็ยังโสด ส่วนมัลลิกาตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าคงไม่สมหวังจากพระรามแล้วล่ะ"นางหาที่เกาะใหม่ได้เร็วมาก""มาโน่นแล้ว" อีกคนรีบสะกิดเพื่อนไว้เมื่อเห็นมัลลิกาเดินยิ้มแป้นเข้ามาในบริษัท"คุณมัลลิกา""คะ""วันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ""จริงเหรอคะ..ไม่รู้เลยนะเนี่ย""คืนนี