วันต่อมา..วันนี้พระนาย และพระรามต้องได้กลับก่อน ส่วนพระลักษณ์ต้องนอนเฝ้าห้องหอให้ครบสามคืน เพราะที่นี่เขาถือกัน"นายต้องดูแลงานช่วยคุณพ่อเข้าใจไหม" นี่คือคำสั่งจากพี่ชาย ตอนที่มาส่งน้องขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้รถคันของพ่อได้ออกไปก่อนแล้ว"พูดมากบ่นเป็นตาแก่ไปได้""ขึ้นไปบริหารงานช่วยพ่อได้แล้ว ตำแหน่งหัวหน้าใครก็ทำได้" พระลักษณ์หมายถึงให้น้องชายขึ้นไปประจำการที่ชั้นผู้บริหารได้แล้ว บนนั้นมีหลายตำแหน่งที่รอน้องชายอยู่"ครับคุณพ่อคนที่สอง ผมไปได้หรือยัง""ขับรถดีๆ ล่ะ เมียยิ่งกำลังท้องอยู่"ของขวัญและจ๊ะเอ๋ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของรถ ต่างก็มองหน้ากันและยิ้มดีใจที่พี่และน้องเปิดใจคุยกันได้สักทีพอรถของพระรามวิ่งออกไป พระลักษณ์ก็เลยชวนเธอไปเดินดูทุ่งนา เพราะอีกสองวันก็จะกลับกันแล้วเดินมายังไม่ถึงไหนท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน"กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ""ไปหลบฝนที่กระท่อมน้อยก่อน""ไปหลบทำไมตรงนั้นคะ กลับบ้านเร็วกว่าอีก""ไปเถอะน่า" ชายหนุ่มรีบพาเธอเดินไปที่กระท่อม เกิดมาไม่เคยพบเจอบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งกว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะอากาศเวลาฝนตก อยู่ในกระท่อมน้อยกับคน
"ทำไมช่วงนี้นายถึงไม่ค่อยว่างเลยล่ะ" หญิงสาวที่ร่างกายสมบูรณ์ สมบูรณ์ในที่นี้คือ อก..เอว..สะโพก..เกินขนาดของหญิงไทย แต่ก็ไม่ถึงกับอ้วน"อย่างี่เง่าได้ไหม ก็บอกแล้วไงว่าต้องได้ช่วยงานทางบ้าน"ใบหน้าอวบ เต่งตึง บูดบึ้งขึ้นมาทันตาเห็น หลายวันแล้วที่ไม่ค่อยได้คุยกับเขา..ผู้ชายที่ทำให้หัวใจเต้นแรง"แล้ววันไหนนายถึงจะว่างไปดูหนังกับเราล่ะ""ช่วงนี้ต้องส่งงานอาจารย์ กลับบ้านก็ต้องช่วยงานที่บ้านอีก ไว้ว่างค่อยไปดูกัน""ไปกันหรือยังคะราม"ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงอีกคนเดินมาเรียก ชายหนุ่มรีบหอบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเดินตามผู้หญิงคนนั้นออกไป"ฉันว่าแกถอยออกมาดีกว่าไหม" ของขวัญที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ รีบเขยิบเข้ามาหาเพื่อน"ถอยออกมาหมายความว่ายังไง""ยังจะให้ฉันพูดอีกเหรอ แค่นี้ก็เห็นอยู่ตําตา""แต่เขาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย""ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่มาสะกิดก็วิ่งตามแล้วเนี่ยนะ""เขาบอกว่าทำรายงานกลุ่มกันอยู่""แล้วแกก็เชื่อ?"ดวงตางามที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าได้แต่มองตามไป ถ้าสถานะของเธอชัดเจนกว่านี้ ก็คงจะแสดงอารมณ์ออกมาได้บ้าง แต่นี่..ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน จะว่าเพื่อน
ค่ำๆ ของวันเดียวกัน.. กว่าจะคุยกับอาจารย์เสร็จออกมาก็ค่ำมืดแล้ว"น้องสาว ให้พี่ไปส่งไหมจ๊ะ" วินมอเตอร์ไซค์ตรงหน้ามหาวิทยาลัย ส่วนมากจะชอบแซวสาวๆ แบบนี้ประจำ แต่ก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร"ไปส่งที่ซอย 5 หน่อยค่ะ" ซอย 5 เป็นห้องเช่าของขวัญ บางวันถ้าไม่อยากกลับบ้าน จ๊ะเอ๋ก็จะไปพักกับเพื่อน ที่ไม่อยากกลับบ้านไม่ใช่เพราะมีปัญหาแค่เรื่องถูกโกงมรดก พ่อกับแม่ก็มีปากเสียงกันตลอดจนเธอไม่ค่อยอยากกลับบ้านเลย"โช๊ครถมึงดีหรือเปล่าวะ""มึงก็พูดเกินไป น้องเขาแค่อวบกำลังพอดี""อย่าว่ากำลังพอดีเลย แบบนี้เรียกว่าอวบระยะสุดท้ายแล้ว"ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้ยินสิ่งที่วินมอเตอร์ไซค์พูดแซวกัน แต่ที่พวกเขาพูดมันก็เป็นจริง คนอื่นถ้ามีเรื่องหนักใจหรือไม่สบายใจคงกินไม่ลง แต่กับจ๊ะเอ๋แล้ว ยิ่งไม่สบายใจก็ยิ่งกิน จนห้ามปากตัวเองไม่ได้ ตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ก็ไม่ถึงกับอวบขนาดนี้ หรือเป็นเพราะหุ่นที่เปลี่ยนไปเขาถึงไม่ค่อยสนใจ"แล้วแกบอกพ่อกับแม่หรือยัง" ของขวัญถามเพื่อนเมื่อได้ยินว่าเพื่อนขอค้างที่นี่ด้วย"เดี๋ยวโทรไปบอก" ถึงแม้จะไม่บอก..พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วแล้วทั้งสองก็เลยพูดคุยกันเรื่องทั่วไป จนดึกดื่นค่อนคืน"
"ใครทำอะไรแก" ของขวัญเห็นเพื่อนไม่ขึ้นเรียน ก็เลยลงมาดู "ฉันถามว่าใครทำอะไรแก""ไม่มี""ไม่มีแล้วแกร้องไห้ทำไม""ร้องไห้เฉยๆ ไม่ได้หรือไง""การที่คนคนหนึ่งจะร้องไห้ ถ้าไม่ดีใจมาก ก็คือเสียใจ แต่ดูจากสภาพของแกแล้วคงไม่ใช่ดีใจแน่""ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ""เลิก?""ใช่""ก็ดีแล้วนี่.." ของขวัญก็เลยนั่งลงข้างๆ เพื่อน "ฉันให้ยืมไหล่ซับน้ำตาแล้วกัน แต่ฉันให้ยืมแค่ครั้งเดียวนะ""งื้ออออ" หญิงสาวซุกหน้าลงที่ไหล่ของเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง โชคดีที่เพื่อนคนอื่นเข้าห้องเรียนกันไปหมดแล้วเย็นวันเดียวกัน.."พ่อไปไหนคะแม่" กลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็นพ่ออยู่"ไปตายแล้วมั้ง""แม่ก็พูดดีๆ กับพ่อหน่อยสิ""นี่แหละดีสุดแล้ว แล้วนี่เมื่อไรจะเรียนจบสักที""อีกปีหนึ่งค่ะ""แล้วที่แม่บอกให้หางานทำไปด้วย หาได้หรือยัง""แค่เรียนก็หนักมากพออยู่แล้วนะแม่"จ๊ะเอ๋ได้แต่มองตามหลังแม่ที่เดินออกไปทางหลังบ้าน และเธอก็รู้ดีว่าแม่จะแอบไปร้องไห้อีก"ถ้างั้นจ๊ะไม่เรียนต่อก็ได้นะแม่"พอลูกสาวพูดขึ้นผู้เป็นแม่ถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา"เหลืออีกแค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอ รีบเรียนให้มันจบ อย่าเหลวไหลเหมือนพ่อแกแ
จ๊ะเอ๋เปิดดูตู้เสื้อผ้าว่าพอมีชุดที่จะไปใส่สมัครงานได้ไหม"ต้องได้ซื้อชุดใหม่หมดเลยหรือเรา" หญิงสาวพูดพร้อมกับมองลงไปดูเรือนร่างของตัวเอง[ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน]เธอต้องได้นั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกมาซื้อชุดใหม่ โชคดีที่ร้านในห้างยังไม่ปิด เพราะยังไม่ดึกเท่าไร"ลดราคาให้หน่อยสิแม่ค้า""นี่ราคาเซลล์แล้วนะน้อง""ก็ได้ค่ะ เอาชุดนี้" ถ้าได้งานทำค่อยซื้อเพิ่มแล้วกัน ยังไงก็ต้องหาชุดที่เหมาะสมเพื่อไปสมัครงานก่อนพอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จ๊ะเอ๋ก็เลือกที่จะนั่งรถเมล์มาลงหน้าปากซอยบ้าน เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย ..พอมาถึงหน้าปากซอยก็เดินอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงบ้าน"ได้ชุดไหมล่ะลูก" แม่ยังคงนั่งรอลูกสาวที่หน้าบ้าน เพราะช่วงนี้ขี้เหล้าในซอยชอบแซวลูกสาว"ได้ค่ะแม่ จ๊ะขอไปรีดเสื้อไว้ก่อนนะ แม่ก็เข้านอนได้แล้ว"จอยแม่ของจ๊ะเอ๋ก็เลยหันไปปิดบ้าน..เช้าวันต่อมา..จ๊ะเอ๋ออกมาจากบ้านพร้อมกับแม่ ทั้งสองนั่งรถเมล์ที่หน้าปากซอย น้ำตาคลอออกมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อเห็นแม่ยืนห้อยรถเมล์ที่คนหนาแน่น ..ถ้าฉันได้ทำงาน แม่ก็คงจะไม่ลำบากแบบนี้ใช่ไหม ครั้งแรกที่เคยขึ้นรถเมล์มาพร้อมกับแม่ เพราะตอนเรียนอยู่ต้องได้ออกจากบ้านคนละเวลากัน
"ทีนี้เราก็ต้องได้มารอลุ้นกันแล้วว่าจะออกหมู่หรือจ่า""ยังจะลุ้นอีกเหรอแก" ของขวัญยังคงคิดเหมือนเดิม เพราะความหวังมันน้อยนิดมาก"แกก็อย่าพูดให้ฉันเสียกำลังใจสิวะ""ทำใจไว้บ้างเถอะเพื่อน"ทั้งสองคุยกันในระหว่างเดินออกมาจากห้องฝ่ายบุคคลที่มายื่นเอกสาร"แกกลับไปก่อนเลยนะ ฉันจะไปดูแม่หน่อย""ฉันไปด้วยสิ""ไม่ต้องหรอก" จ๊ะเอ๋ได้ยินว่าแม่ทำความสะอาดห้องน้ำ ต้องเป็นห้องไหนห้องหนึ่งที่อยู่แถวนี้แน่ของขวัญก็เลยเดินออกมาเรียกแท็กซี่ เพื่อที่จะกลับห้องพักก่อน ขณะที่ของขวัญล้วงเอาเงินในกระเป๋าเพื่อที่จะจ่ายค่าแท็กซี่ ก็จับได้อะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย"ปากกา?" ปากกาด้ามที่จ๊ะเอ๋ยืมมาอยู่ในกระเป๋าของขวัญ เพราะเธอเป็นคนกรอกเอกสารต่อจากเพื่อน ..ไปยืมของใครเขามาล่ะเนี่ย ท่าจะแพงด้วยหรือของก๊อป? เธอก็เลยจับยัดลงไปไว้ที่เดิม รอเอาคืนให้เพื่อนวันหลังแล้วกันส่วนทางด้านจ๊ะเอ๋ เดินน้ำตาไหลออกมาจากบริษัท เพราะภาพที่ไปเห็นแม่ยืนแอบทานข้าวเที่ยงอยู่ห้องเก็บของในห้องน้ำ.. นี่แม่เราลำบากขนาดนี้เลยเหรอ ขณะที่แม่กำลังลำบาก เธอไปเดินห้างดูหนังกับเพื่อนออกมาถึงด้านนอกกำลังจะเรียกแท็กซี่ หญิงสาวก็เลยเปลี่ยนใจนั่งรอรถ
>>{"ฮัลโหลใครคะ"} เสียงของเธอยังคงงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น {"สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์โทรของคุณจ๊ะเอ๋ไหมคะ"}>>{"ใช่ค่ะ"} {"ทางบริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์ ขอเชิญคุณมาสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้ค่ะ"}>>{"ค่ะ"} ว่าแล้วหญิงสาวก็วางสายไป คิดว่าจะงีบต่ออีกสักหน่อย ..แต่ประโยคของคนที่โทรเมื่อสักครู่ค่อยๆ ก้องเข้ามาในหู บริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์?? "บริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์!! กรี๊ดดดดดดด เราทำอะไรลงไปเนี่ย" จ๊ะเอ๋รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรกลับไป เพราะเธอเสียมารยาทวางสายไปก่อน แต่พอโทรกลับเบอร์เดิมก็ไม่ว่างแล้ว เพราะพนักงานต้องโทรไปแจ้งข่าวผู้สมัครท่านต่อไป..ครื่นนน ครื่นนนนขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี..โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง"สวัสดีค่ะพี่ เมื่อสักครู่ฉันขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท""พี่ที่ไหนวะ""อ้าว ขวัญแกเองเหรอ" จ๊ะเอ๋ก็เลยมองไปดูที่หน้าจอโทรศัพท์ ลืมดูเลยว่าเป็นเบอร์ของใครที่โทรเข้ามา"ใช่..ฉันโทรมาหาแกเรื่องที่บริษัทโทรมาบอกให้ไปสัมภาษณ์งาน""เขาโทรมาหาแกด้วยเหรอ?""อย่าบอกนะว่าเขาโทรไปหาแกเหมือนกัน""ใช่ กรี๊ดดดดด" ทั้งสองกรี๊ดขึ้นพร้อมกันแบบลืมตัว ถ้าอยู่ใกล้คงได้กระโดดกอดก
"เชิญนั่งก่อนสิคะ" คนที่กล่าวเชิญก็คือมัลลิกา เป็นเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ในครั้งนี้"ขอบคุณค่ะ" จ๊ะเอ๋รีบเรียกสติตัวเองให้กลับมา แล้วก็นั่งลงตรงหน้าของคนที่สัมภาษณ์"ดูจากประวัติแล้ว คุณจ๊ะเอ๋ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลยนี่คะ""ใช่ค่ะ ดิฉันเพิ่งเรียนจบ""แต่สายที่คุณเรียนมาก็ตรงกับที่เราต้องการ.."จ๊ะเอ๋ทำได้แค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พอทางฝ่ายสัมภาษณ์ต้องการรายละเอียดเธอถึงได้บอกไปตามนั้น ..ไอ้ที่เตรียมมาว่าจะพูด ตอนนี้ลืมไปหมดสิ้น แต่ถึงพูดสิ่งที่เตรียมมา ทางบริษัทก็คงไม่รับเธอเข้าทำงานแล้วล่ะ"คนต่อไปเลยค่ะ" ของขวัญลุกขึ้นแล้วเดินมารอเพื่อจะเข้าไปสัมภาษณ์คนต่อไป แต่จังหวะที่เพื่อนเดินออกมา ดูสีหน้าแล้วคงหมดหวัง จะถามก็ไม่ได้ เพราะต้องรีบเดินเข้าไป.."สวัสดีค่ะดิฉันชื่อนางสาวของขวัญ...??" พอของขวัญเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ในห้องจนทั่ว เครื่องหมายคำถามก็ได้ผุดขึ้นมา แบบนี้เองเหรอเพื่อนถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น"คุณจบมาจากที่เดียวกับคนเมื่อสักครู่ใช่ไหมคะ" มัลลิกายังคงทำหน้าที่สัมภาษณ์ต่อ"ใช่ค่ะ" ของขวัญก็ตอบรายละเอียดตามที่ผู้สัมภาษณ์ได้ถาม แถมสายตายังคงแอบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย
วันต่อมา..วันนี้พระนาย และพระรามต้องได้กลับก่อน ส่วนพระลักษณ์ต้องนอนเฝ้าห้องหอให้ครบสามคืน เพราะที่นี่เขาถือกัน"นายต้องดูแลงานช่วยคุณพ่อเข้าใจไหม" นี่คือคำสั่งจากพี่ชาย ตอนที่มาส่งน้องขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้รถคันของพ่อได้ออกไปก่อนแล้ว"พูดมากบ่นเป็นตาแก่ไปได้""ขึ้นไปบริหารงานช่วยพ่อได้แล้ว ตำแหน่งหัวหน้าใครก็ทำได้" พระลักษณ์หมายถึงให้น้องชายขึ้นไปประจำการที่ชั้นผู้บริหารได้แล้ว บนนั้นมีหลายตำแหน่งที่รอน้องชายอยู่"ครับคุณพ่อคนที่สอง ผมไปได้หรือยัง""ขับรถดีๆ ล่ะ เมียยิ่งกำลังท้องอยู่"ของขวัญและจ๊ะเอ๋ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของรถ ต่างก็มองหน้ากันและยิ้มดีใจที่พี่และน้องเปิดใจคุยกันได้สักทีพอรถของพระรามวิ่งออกไป พระลักษณ์ก็เลยชวนเธอไปเดินดูทุ่งนา เพราะอีกสองวันก็จะกลับกันแล้วเดินมายังไม่ถึงไหนท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน"กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ""ไปหลบฝนที่กระท่อมน้อยก่อน""ไปหลบทำไมตรงนั้นคะ กลับบ้านเร็วกว่าอีก""ไปเถอะน่า" ชายหนุ่มรีบพาเธอเดินไปที่กระท่อม เกิดมาไม่เคยพบเจอบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งกว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะอากาศเวลาฝนตก อยู่ในกระท่อมน้อยกับคน
พระที่ลุงบุญกับจ้อยไปรับกำลังทยอยลงจากรถ สายตาคนเป็นเจ้าบ่าว มองทอดออกไป ซึ่งไม่ได้สนใจพระที่กำลังเดินเข้ามาเลย แต่เขามองหาใครบางคน ที่สามารถจะช่วยให้งานแต่งวันนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในขณะนั้นมือเรียวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยื่นไปกุมมือของเขาไว้ "ไม่ว่าท่านจะมาหรือไม่มา ยังไงงานแต่งของเราก็...?" สายตาเธอมองออกไปจังหวะที่พระเดินเข้ามาครบแล้ว ก็เห็นว่ามีใครอีกคนที่เดินตามหลังมา "..ท่าน"พระลักษณ์มองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นว่าคนที่เขากำลังเฝ้ารอเดินตามเข้ามาด้วย "พ่อ""สวัสดีค่ะ เชิญเข้าไปข้างในก่อนเลยค่ะ" คนที่ยืนรอต้อนรับก็คือแก้วกานดา"สวัสดีครับ วันนี้คุณสวยมากเลย" พระนายอดที่จะชมแม่ของฝ่ายหญิงไม่ได้ เพราะวันนี้นางแต่งตัวสวยจริงๆ"แอ๊ะแอ้ม" เสียงกระไอแอมนี้ดังขึ้น เมื่อกำนันไข่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินคำชมนั้น "อ้าวคุณกำนัน สวัสดีครับ""สวัสดีครับ" ทั้งสองต่างก็กล่าวคำสวัสดีกัน พระนายเดินเข้ามาส่งยิ้มให้กับคู่บ่าวสาว พระลักษณ์และของขวัญยกมือไหว้ โดยสายตาลูกชายไม่ได้ละไปจากแววตาและรอยยิ้มนั้นของพ่อเลย เพราะมันดูจริงใจไม่เหมือนปั้นหน้า"แล้วน้องล่ะ" เข้ามาถึงก็เห็นแต่คู่บ่าวส
"คุยอะไรกันอยู่คะ" พอเก็บของช่วยผู้ใหญ่เสร็จ ของขวัญและจ๊ะเอ๋ก็เดินมานั่งที่แคร่หน้าบ้านเป็นเพื่อนทั้งสอง"เปล่าหรอกครับ" พระลักษณ์ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจไปด้วย"ถ้าคุณมีเรื่องอะไรคุยกับฉันได้เลยนะ" ทำไมของขวัญจะไม่รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เพราะเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด"ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้สิ" มือหนาเอื้อมไปโอบเอวหญิงสาวให้เข้ามาซบอกตัวเอง"..อืม" พระรามกำลังจะอ้าปาก แต่ถูกจ๊ะเอ๋ปิดปากไว้แล้วลากตัวออกมา "อะไรของเธอเนี่ย""ฉันรู้นะว่านายจะพูดอะไร""แหมรู้ดีนักนะเรา มานั่งอยู่ในหัวใจพี่หรือไงจ๊ะสาวน้อย""ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในนั้นแล้วใครอยู่ล่ะ!""เปล่าครับมันก็เป็นของน้องจ๊ะทั้งสี่ห้องหัวใจนั่นแหละ" เกือบงานเข้าแล้วไหมล่ะดึกๆ ของคืนเดียวกัน"เดี๋ยวแม่ก็จับได้หรอกค่ะ""อีกสองวันก็ถึงงานแต่งแล้ว ท่านไม่ว่าอะไรหรอก" ริมฝีปากหนาพูดในขณะที่ไซร้ซอกคอระหงอยู่ วันนี้พระลักษณ์ลงทุนขอร้องพระราม ให้พาเมียขึ้นไปนอนชั้นบน ส่วนเขาใช้ห้องชั้นล่าง"อื้อ" พอใบหน้าเขาขยับต่ำลงไป หญิงสาวก็เริ่มมีเสียงครางออกมา "ไม่ค่ะ" ของขวัญรู้ดีว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่สะดือแน่"หลายวันแล้วนะไม่ได้กิน""คุณพ
แอด.. แอด.."บอกแล้วไงว่าให้เดินเบาๆ!" พระลักษณ์ กระซิบตะคอกน้องชาย เพราะลงแรงที่ปลายเท้าหนักเกินไป"โทษๆ ที" ถ้าตะคอกเรื่องอื่นมีสวนแน่ แต่เรื่องนี้เข้ากันดียิ่งกว่าปี่กับขลุ่ยทั้งสองย่องเดินมาจนถึงหน้าห้องของสาวๆป๊อก..ป๊อก.. เสียงเคาะส่งสัญญาณเบาๆ เพื่อให้คนด้านในรู้"?" สองสาวกำลังนอนคุยกันอยู่พอดี ไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าเป็นเสียงใครแกร็ก.. ประตูบานนั้นค่อยๆ ถูกเปิดแง้มออก"พวกคุณขึ้นมาทำไม" คนที่มาเปิดประตูก็คือจ๊ะเอ๋"ก็ไอ้นี่น่ะสิมันเล่นนอนดิ้นไปดิ้นมา ใครจะไปนอนหลับ""เรื่องแค่นี้เองนะ" ว่าแล้วจ๊เอ๋ก็กำลังจะปิดประตูไว้"โอ๊ย" แต่มือของใครไม่รู้แหย่เข้ามาจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดสนิท"คุณพระลักษณ์!?" จ๊ะเอ๋ตกใจที่ปิดประตูหนีบมือพระลักษณ์"เป็นอะไรไหมคะ" ของขวัญรีบเข้ามาดู "คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย""คิดถึง นอนไม่หลับ" ถึงแม้ประโยคนี้พระลักษณ์จะพูดออกมาเพียงเบาๆ แต่เพื่อนที่อยู่ร่วมห้องก็ได้ยิน"แหวะ" พระรามอดประชดไม่ได้ เพราะแต่ก่อนว่าให้เขาดีนัก เดี๋ยวนี้เป็นไงล่ะเจอกับตัว..หนักกว่าอีก"เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็ตื่นหรอกค่ะ พวกคุณลงไปนอนได้แล้ว""ขอเปลี่ยนคู่ได้ไหม""ไม่เอาแม่จัดให้แบบนี้แล
ท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะพายุฝนกำลังเข้า แต่ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้คู่รักที่กำลังนัวเนียกันอยู่ในกระท่อมน้อยนั้นได้เลย"คุณพระลักษณ์คะ" หญิงสาวต้องได้รีบเรียกสติเขาไว้ก่อนที่มันจะเตลิด เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การทำเรื่องที่เขากำลังต้องการในเวลานี้เลย"ไม่มีใครมาเห็นหรอก" เขาพาเธอหลบเข้ามาตรงที่เป็นมุม ซึ่งเป็นผนังมุงด้วยใบจากพอบังสายตาคนได้"ถ้าลุงบุญกับจ้อยมาหลบฝนจะทำยังไงล่ะคะ""ถ้าเลือกให้มาหลบฝนที่นี่กับวิ่งกลับบ้าน คุณคิดว่าทั้งสองจะเลือกอะไร" เพราะระยะทางก็ไม่ได้แตกต่างกันจริงด้วยถ้ามาหลบฝนตรงนี้ก็ทำให้หนาวเปล่าๆ แต่ถ้าวิ่งกลับบ้านยังพอได้ชำระร่างกายแล้วนอนห่มผ้า ..ของขวัญมองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ตอนนี้มืดมากแถมยังมีฝนเลยทำให้มองไม่ค่อยถนัด"สัญญาว่าจะไม่นาน" ถ้ากลับบ้านดีไม่ดีอาจจะไม่ได้เลย แต่อยู่ตรงนี้ทนเจ็บเข่าหน่อยคงพอไหว"อื้อ อ " ทั้งสองไม่ได้ถอดเสื้อผ้า เพราะกางเกงขาสั้นที่เธอสวมใส่อยู่สามารถที่จะส่งผ่านความเป็นชายเข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถนัดเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เกินความพยายามของพระลักษณ์"ซี๊ดด" เสียงครางดังออกมาเป็นระยะ ระหว่างความเสียวกับเข่าที่ต้องใช้ค้ำย
ทานข้าวเสร็จของขวัญก็มาช่วยแม่จัดห้อง เพื่อให้เขาใช้นอนในคืนนี้เธอแอบดีใจอยู่ที่ไม่เห็นเขามีท่าทีไม่พอใจ หรือคนที่คิดมากคือเรา? ..อาจเป็นเราเองต่างหากที่ต่อต้านพ่อกับแม่อยู่ในใจ"โอ๊ย" มัวแต่ใจลอยมือก็เลยไปชนถูกเหลี่ยมหัวเตียงเข้า"เป็นอะไรลูก" คนที่รีบถามก็คือแม่..แต่สายตาพระลักษณ์ที่มองมาก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน"สงสัยเล็บจะฉีกค่ะ""ทำอะไรไม่เคยจะระวัง แค่ทำความสะอาดห้องยังทำให้ตัวเองเจ็บเลย เดี๋ยวแม่หาที่ตัดเล็บมาให้""ค่ะ" พอแม่เดินออกจากห้องเธอก็มองมาที่เขา อยากดูว่าเขาเป็นห่วงไหม "เจ็บ" เห็นสายตาเขาที่มองมาก็เลยอยากจะอ้อนหน่อย"ก็ตัวเองไม่ระวัง" เขาเป็นผู้ชายแสดงอารมณ์และคำพูดออกมาได้ไม่ค่อยมากของขวัญรู้สึกนอยด์ขึ้นมาในทันทีที่เขาไม่โอ๋"ที่ตัดเล็บมาแล้ว""เดี๋ยวผมตัดให้ครับ" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขอที่ตัดเล็บจากแม่ของเธอ"จัดห้องใกล้จะเสร็จแล้ว งั้นแม่ออกไปดูพ่อก่อนนะ" แก้วกานดาเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันก่อนที่จะแยกห้องนอน"ฉันทำเองค่ะ" พอแม่ออกไปแล้วหญิงสาวก็ยื่นมือไปแย่งที่ตัดเล็บจากเขา แต่พระลักษณ์ไม่ยอมส่งให้ เขายังคว้าตัวเธอเข้ามาใกล้"คุณ!""อย่าทำตัวเองเจ็บอีก" ชายหนุ่
ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง เขาอยากมีลูกกับเราเหรอ? ..มันน่าอายเกินไปที่จะถาม เพราะเธอก็ยังไม่ได้สนิทกับเขาอะไรมากมาย ..เอาวะลองเสี่ยงดู ยังไงถ้าเรามีลูก..เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขาอยู่แล้ว เขาคงไม่ทิ้งขว้างหรอกมั้งศีรษะคนตัวเล็กหนุนลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายแทนหมอน จนทั้งสองหลับไปพร้อมกัน..เช้าวันต่อมา..ที่บริษัท"น้องคะ""คะ" ของขวัญที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ได้เงยขึ้นมอง พอเห็นว่าอ้อหันมองมาที่ตัวเอง ก็แน่ใจว่าคนที่อ้อเรียกคงเป็นตัวเองแน่"ท่านประธานให้เข้าไปหาค่ะ""ให้ขวัญเข้าไปหาเหรอคะ" ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ใช่ค่ะ..และท่านก็กำชับมาบอกว่าอย่าให้ผู้จัดการรู้""อะไรนะคะ?""ตามพี่มาตอนนี้ได้เลยค่ะ"ของขวัญเดินตามอ้อไปแบบประหม่า แต่ครั้นจะไม่ไปก็ไม่ได้"มาแล้วค่ะ" มาถึงอ้อก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้บอกกล่าวคนที่อยู่ด้านใน เพราะรู้กันอยู่แล้ว"เข้ามาใกล้ๆ นี่สิ""ค่ะ" หญิงสาวจำใจต้องได้ก้าวเดินเข้าไปหา"พี่กาญจะไปไหนคะ" พรทิพย์กำลังมองไปที่ห้องท่านประธานแบบเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน เห็นว่ากาญจนาลุกขึ้นก็เลยถามดู"พี่จะเอาเครื่องดื่มเข้าไปให้ผู้จัดการ" ว่าแล้วกาญจนาก็รีบไปชงโกโก้ร้อนก๊อก ก๊
.มัลลิกา.."สวัสดีค่ะ บริษัทพีเอ็นส่งดิฉันมา" มัลลิกายื่นซองที่เพิ่งจะไปรับจากฝ่ายบุคคลให้กับบริษัทใหม่ที่ทางนั้นให้มาติดต่อ"เราได้รับอีเมลแล้วค่ะ ว่าจะให้คุณมารับตำแหน่งที่นี่" บริษัทนี้เป็นบริษัทในเครือเดียวกับบริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์ ที่จริงมัลลิกาไม่ได้ถูกไล่ออก แค่ถูกย้ายไปทำงานที่อื่น เพราะถ้ายังอยู่ในบริษัทนี้ คงสร้างเรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่ พระลักษณ์จึงสั่งให้ย้าย ที่เขาไม่ไล่ออกเลยเพราะเขายังมีส่วนผิดอยู่บ้าง ที่ดึงเธอเข้ามาช่วยงาน แต่ถ้ามัลลิกาไม่หวังสูงก็คงยังจะได้ร่วมงานกันต่อไปเย็นวันเดียวกัน..ที่ห้องเช่าของขวัญ"ขอบคุณค่ะคุณลุง" หญิงสาวลงจากรถ ซึ่งเป็นรถที่พระลักษณ์ให้คนมาส่งเธอที่ห้องจริงๆ แล้วงานประชุมไม่ได้จบลงแค่นั้น ยังมีกินเลี้ยงตอนเย็นอีก แต่งานตอนเย็นพ่อของเขาก็ไปร่วมด้วย พระลักษณ์จึงให้คนรถมาส่งเธอที่ห้อง เพราะถ้าให้ไปร่วมงานด้วยกลัวว่าเธอจะอึดอัดกลับเข้ามาถึงในห้อง ก็รู้สึกคิดถึงคนที่นอนร่วมห้องเมื่อคืนนี้ ..นี่อะไรกัน เคยนอนคนเดียวมาตลอดทั้งชีวิต แค่อยู่กับเขาไม่กี่คืน ทำไมเราเป็นได้ถึงเพียงนี้ครื่นนน ครื่นนนนขณะที่นอนกอดหมอนใบที่พระลักษณ์ใช้หนุนนอนเ
พอถามเรื่องมัลลิกาแล้วเขาไม่ตอบ ของขวัญก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ที่จะถามต่อ ว่าทำไมดูเหมือนมัลลิกาขนของตัวเองออกจากบริษัท"ผู้จัดการคะท่านประธานให้เข้าพบค่ะ" เดินมาถึงหน้าห้องทำงายก็เห็นอ้อยืนรออยู่"เดี๋ยวผมตามไป" ชายหนุ่มมองตามเธอที่เดินไปโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าห้องเพื่อเอาเอกสารไปเก็บก่อนที่จะเข้าไปพบพ่อ..ห้องท่านประธาน.."ทำไมแกถึงแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องผู้หญิง พ่อไม่คิดว่าแกจะเป็นคนแบบนี้" ลูกชายคนนี้ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง สั่งอะไรได้แบบนั้น แต่พอถูกขัดคำสั่ง ผู้เป็นพ่อก็เลยโมโหมาก"พ่อเรียกผมมาเพื่อจะพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ""หยุดนะพระลักษณ์!"ได้ยินเสียงพ่อตะคอกเขาก็เลยเงียบ"เรื่องแต่งงานยกเลิกไป" พระนายมาชั่งดูแล้ว มันได้ไม่คุ้มเสีย แค่ข่าวเรื่องผู้หญิงไม่นานสังคมก็คงลืมไป เพราะถ้าถึงขั้นจดทะเบียนสมรสยังไงฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมปล่อยลูกชายตัวเองไปแน่"ไม่ครับ"ตุ๊บ!! "หึ!! แกไม่เชื่อฟังพ่อตั้งแต่เมื่อไร!" พระนายถึงกับตบโต๊ะอย่างแรงแบบเกรี้ยวกราด"ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมช่วยพ่อได้ แต่เรื่องนี้ ขอร้องพ่ออย่าเข้ามายุ่งเลยครับ" ถึงแม้พ่อจะแสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่พระลักษ