"ใครทำอะไรแก" ของขวัญเห็นเพื่อนไม่ขึ้นเรียน ก็เลยลงมาดู "ฉันถามว่าใครทำอะไรแก"
"ไม่มี"
"ไม่มีแล้วแกร้องไห้ทำไม"
"ร้องไห้เฉยๆ ไม่ได้หรือไง"
"การที่คนคนหนึ่งจะร้องไห้ ถ้าไม่ดีใจมาก ก็คือเสียใจ แต่ดูจากสภาพของแกแล้วคงไม่ใช่ดีใจแน่"
"ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ"
"เลิก?"
"ใช่"
"ก็ดีแล้วนี่.." ของขวัญก็เลยนั่งลงข้างๆ เพื่อน "ฉันให้ยืมไหล่ซับน้ำตาแล้วกัน แต่ฉันให้ยืมแค่ครั้งเดียวนะ"
"งื้ออออ" หญิงสาวซุกหน้าลงที่ไหล่ของเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง โชคดีที่เพื่อนคนอื่นเข้าห้องเรียนกันไปหมดแล้ว
เย็นวันเดียวกัน..
"พ่อไปไหนคะแม่" กลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็นพ่ออยู่
"ไปตายแล้วมั้ง"
"แม่ก็พูดดีๆ กับพ่อหน่อยสิ"
"นี่แหละดีสุดแล้ว แล้วนี่เมื่อไรจะเรียนจบสักที"
"อีกปีหนึ่งค่ะ"
"แล้วที่แม่บอกให้หางานทำไปด้วย หาได้หรือยัง"
"แค่เรียนก็หนักมากพออยู่แล้วนะแม่"
จ๊ะเอ๋ได้แต่มองตามหลังแม่ที่เดินออกไปทางหลังบ้าน และเธอก็รู้ดีว่าแม่จะแอบไปร้องไห้อีก
"ถ้างั้นจ๊ะไม่เรียนต่อก็ได้นะแม่"
พอลูกสาวพูดขึ้นผู้เป็นแม่ถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา
"เหลืออีกแค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอ รีบเรียนให้มันจบ อย่าเหลวไหลเหมือนพ่อแกแล้วกัน"
จ๊ะเอ๋รู้ดีว่าแม่แบกรับภาระในบ้านเกือบทั้งหมด รวมทั้งตอนนี้ต้องได้จ่ายค่าเช่าบ้าน เพราะเพิ่งจะย้ายออกมาจากบ้านหลังเดิม
หลายวันต่อมา..ที่มหาวิทยาลัย
"เธอได้ข่าวไหมว่ารามที่เรียนคณะบริหารลาออกแล้ว"
"อะไรนะ" จ๊ะเอ๋ที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ ได้ยินเพื่อนคุยกันก็เลยหันกลับไปถาม "พระรามน่ะเหรอ?"
เพื่อนสองสามคนต่างก็หันมามองหน้ากัน รู้ดีว่าจ๊ะเอ๋เคยคบกับพระราม
"ใช่"
"เขาลาออกทำไม"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินว่ามีปัญหาครอบครัว"
"?" ..คงไม่ลาออกเพราะอายเพื่อนที่เราตบวันนั้นหรอกนะ กลุ้มใจเรื่องที่บ้านก็หนักหนาพออยู่แล้ว ยังจะมาคิดมากกับเรื่องนี้อีก
อีกหลายวันต่อมา..
"ฉันคงต้องหางานพิเศษทำ"
"ทำไมเหรอ"
"อยากจะช่วยค่าเช่าบ้านแม่ด้วย"
"แล้วพ่อแกล่ะ"
"พ่อหายออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้นยังไม่กลับมาเลย"
"แจ้งความหรือยัง"
"ไม่ต้องแจ้งหรอก" เพราะถ้าพ่อไม่ออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อน..ก็คงจะเรื่องผู้หญิง
หนึ่งปีผ่านไป..
กว่าจ๊ะเอ๋จะเรียนจบมาได้เลือดตาแทบกระเด็น ที่พ่อหายไปในวันนั้น คือไปอยู่กับเมียใหม่ เธอต้องได้ใช้ชีวิตกับแม่ตามลำพัง แต่ถึงแม้ว่าจะทุกข์ยากกว่าตอนที่พ่ออยู่ด้วย จ๊ะเอ๋ก็รู้สึกสบายใจที่ไม่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีก
"บริษัทที่แม่ทำงานอยู่กำลังเปิดรับสมัครพนักงานใหม่นะลูก" ตั้งแต่เลิกกับพ่อ แม่ก็ได้งานแม่บ้านที่บริษัทนั้น พอได้เงินมาจุนเจือครอบครัวบ้าง
"เขาเปิดรับสมัครแล้วเหรอแม่" จ๊ะเอ๋ยิ้มแบบมีความหวัง เพราะบริษัทนี้สวัสดิการดีมาก แต่การแข่งขันสูง ถ้าแม่ของเธอทำตำแหน่งอื่นก็คงจะเข้าไม่ได้ แต่นี่ทำงานแม่บ้าน แถมยังเป็นแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากจะทำกัน
เย็นวันเดียวกันนั้น..
>>{"แกไปสมัครงานเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"} ได้ยินว่าบริษัทนั้นเปิดรับสมัครพนักงาน จ๊ะเอ๋ก็รีบโทรไปชวนของขวัญ
{"บริษัทนี้เขาคัดคนเข้าทำงานไม่ใช่เหรอ เราเพิ่งเรียนจบกันแล้วเขาจะรับไหม"}
>>{"ไม่ลองก็ไม่รู้ เราอาจจะดวงดีก็ได้นะ"}
{"ก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่หน้าบริษัทเลยแล้วกัน"}
>>{"ฉันรักแกว่ะ"}
{"อย่าพูดแบบนั้นนะฉันขนลุก"} จริงๆ แล้วของขวัญเป็นคนต่างจังหวัด คิดว่าเรียนจบก็จะกลับบ้าน แต่ถ้าได้งานทำก็คงขอที่บ้านอยู่ต่อ..
จ๊ะเอ๋เปิดดูตู้เสื้อผ้าว่าพอมีชุดที่จะไปใส่สมัครงานได้ไหม"ต้องได้ซื้อชุดใหม่หมดเลยหรือเรา" หญิงสาวพูดพร้อมกับมองลงไปดูเรือนร่างของตัวเอง[ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน]เธอต้องได้นั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกมาซื้อชุดใหม่ โชคดีที่ร้านในห้างยังไม่ปิด เพราะยังไม่ดึกเท่าไร"ลดราคาให้หน่อยสิแม่ค้า""นี่ราคาเซลล์แล้วนะน้อง""ก็ได้ค่ะ เอาชุดนี้" ถ้าได้งานทำค่อยซื้อเพิ่มแล้วกัน ยังไงก็ต้องหาชุดที่เหมาะสมเพื่อไปสมัครงานก่อนพอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จ๊ะเอ๋ก็เลือกที่จะนั่งรถเมล์มาลงหน้าปากซอยบ้าน เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย ..พอมาถึงหน้าปากซอยก็เดินอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงบ้าน"ได้ชุดไหมล่ะลูก" แม่ยังคงนั่งรอลูกสาวที่หน้าบ้าน เพราะช่วงนี้ขี้เหล้าในซอยชอบแซวลูกสาว"ได้ค่ะแม่ จ๊ะขอไปรีดเสื้อไว้ก่อนนะ แม่ก็เข้านอนได้แล้ว"จอยแม่ของจ๊ะเอ๋ก็เลยหันไปปิดบ้าน..เช้าวันต่อมา..จ๊ะเอ๋ออกมาจากบ้านพร้อมกับแม่ ทั้งสองนั่งรถเมล์ที่หน้าปากซอย น้ำตาคลอออกมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อเห็นแม่ยืนห้อยรถเมล์ที่คนหนาแน่น ..ถ้าฉันได้ทำงาน แม่ก็คงจะไม่ลำบากแบบนี้ใช่ไหม ครั้งแรกที่เคยขึ้นรถเมล์มาพร้อมกับแม่ เพราะตอนเรียนอยู่ต้องได้ออกจากบ้านคนละเวลากัน
"ทีนี้เราก็ต้องได้มารอลุ้นกันแล้วว่าจะออกหมู่หรือจ่า""ยังจะลุ้นอีกเหรอแก" ของขวัญยังคงคิดเหมือนเดิม เพราะความหวังมันน้อยนิดมาก"แกก็อย่าพูดให้ฉันเสียกำลังใจสิวะ""ทำใจไว้บ้างเถอะเพื่อน"ทั้งสองคุยกันในระหว่างเดินออกมาจากห้องฝ่ายบุคคลที่มายื่นเอกสาร"แกกลับไปก่อนเลยนะ ฉันจะไปดูแม่หน่อย""ฉันไปด้วยสิ""ไม่ต้องหรอก" จ๊ะเอ๋ได้ยินว่าแม่ทำความสะอาดห้องน้ำ ต้องเป็นห้องไหนห้องหนึ่งที่อยู่แถวนี้แน่ของขวัญก็เลยเดินออกมาเรียกแท็กซี่ เพื่อที่จะกลับห้องพักก่อน ขณะที่ของขวัญล้วงเอาเงินในกระเป๋าเพื่อที่จะจ่ายค่าแท็กซี่ ก็จับได้อะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย"ปากกา?" ปากกาด้ามที่จ๊ะเอ๋ยืมมาอยู่ในกระเป๋าของขวัญ เพราะเธอเป็นคนกรอกเอกสารต่อจากเพื่อน ..ไปยืมของใครเขามาล่ะเนี่ย ท่าจะแพงด้วยหรือของก๊อป? เธอก็เลยจับยัดลงไปไว้ที่เดิม รอเอาคืนให้เพื่อนวันหลังแล้วกันส่วนทางด้านจ๊ะเอ๋ เดินน้ำตาไหลออกมาจากบริษัท เพราะภาพที่ไปเห็นแม่ยืนแอบทานข้าวเที่ยงอยู่ห้องเก็บของในห้องน้ำ.. นี่แม่เราลำบากขนาดนี้เลยเหรอ ขณะที่แม่กำลังลำบาก เธอไปเดินห้างดูหนังกับเพื่อนออกมาถึงด้านนอกกำลังจะเรียกแท็กซี่ หญิงสาวก็เลยเปลี่ยนใจนั่งรอรถ
>>{"ฮัลโหลใครคะ"} เสียงของเธอยังคงงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น {"สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์โทรของคุณจ๊ะเอ๋ไหมคะ"}>>{"ใช่ค่ะ"} {"ทางบริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์ ขอเชิญคุณมาสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้ค่ะ"}>>{"ค่ะ"} ว่าแล้วหญิงสาวก็วางสายไป คิดว่าจะงีบต่ออีกสักหน่อย ..แต่ประโยคของคนที่โทรเมื่อสักครู่ค่อยๆ ก้องเข้ามาในหู บริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์?? "บริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์!! กรี๊ดดดดดดด เราทำอะไรลงไปเนี่ย" จ๊ะเอ๋รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรกลับไป เพราะเธอเสียมารยาทวางสายไปก่อน แต่พอโทรกลับเบอร์เดิมก็ไม่ว่างแล้ว เพราะพนักงานต้องโทรไปแจ้งข่าวผู้สมัครท่านต่อไป..ครื่นนน ครื่นนนนขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี..โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง"สวัสดีค่ะพี่ เมื่อสักครู่ฉันขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท""พี่ที่ไหนวะ""อ้าว ขวัญแกเองเหรอ" จ๊ะเอ๋ก็เลยมองไปดูที่หน้าจอโทรศัพท์ ลืมดูเลยว่าเป็นเบอร์ของใครที่โทรเข้ามา"ใช่..ฉันโทรมาหาแกเรื่องที่บริษัทโทรมาบอกให้ไปสัมภาษณ์งาน""เขาโทรมาหาแกด้วยเหรอ?""อย่าบอกนะว่าเขาโทรไปหาแกเหมือนกัน""ใช่ กรี๊ดดดดด" ทั้งสองกรี๊ดขึ้นพร้อมกันแบบลืมตัว ถ้าอยู่ใกล้คงได้กระโดดกอดก
"เชิญนั่งก่อนสิคะ" คนที่กล่าวเชิญก็คือมัลลิกา เป็นเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ในครั้งนี้"ขอบคุณค่ะ" จ๊ะเอ๋รีบเรียกสติตัวเองให้กลับมา แล้วก็นั่งลงตรงหน้าของคนที่สัมภาษณ์"ดูจากประวัติแล้ว คุณจ๊ะเอ๋ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลยนี่คะ""ใช่ค่ะ ดิฉันเพิ่งเรียนจบ""แต่สายที่คุณเรียนมาก็ตรงกับที่เราต้องการ.."จ๊ะเอ๋ทำได้แค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พอทางฝ่ายสัมภาษณ์ต้องการรายละเอียดเธอถึงได้บอกไปตามนั้น ..ไอ้ที่เตรียมมาว่าจะพูด ตอนนี้ลืมไปหมดสิ้น แต่ถึงพูดสิ่งที่เตรียมมา ทางบริษัทก็คงไม่รับเธอเข้าทำงานแล้วล่ะ"คนต่อไปเลยค่ะ" ของขวัญลุกขึ้นแล้วเดินมารอเพื่อจะเข้าไปสัมภาษณ์คนต่อไป แต่จังหวะที่เพื่อนเดินออกมา ดูสีหน้าแล้วคงหมดหวัง จะถามก็ไม่ได้ เพราะต้องรีบเดินเข้าไป.."สวัสดีค่ะดิฉันชื่อนางสาวของขวัญ...??" พอของขวัญเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ในห้องจนทั่ว เครื่องหมายคำถามก็ได้ผุดขึ้นมา แบบนี้เองเหรอเพื่อนถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น"คุณจบมาจากที่เดียวกับคนเมื่อสักครู่ใช่ไหมคะ" มัลลิกายังคงทำหน้าที่สัมภาษณ์ต่อ"ใช่ค่ะ" ของขวัญก็ตอบรายละเอียดตามที่ผู้สัมภาษณ์ได้ถาม แถมสายตายังคงแอบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย
กลับมาถึงบ้านแทนที่จะรีบนอนพักเอาแรงเพื่อไปทำงานเย็นนี้ แต่เรื่องที่เจอมามันทำให้นอนยังไงก็นอนไม่หลับ[ บาร์ ]"แล้วเสี่ยไปไหน" จ๊ะเอ๋มาได้สักพักแล้วแต่ไม่เห็นเสี่ย ก็เลยแอบถามเพื่อนร่วมงานดู"เมื่อคืนนี้ถูกเจ๊เล่นงาน สงสัยจะหนัก""หนักเลยเหรอ" ถ้าเสี่ยมาทำงานมีหวังเราได้ตายแน่ ..แต่ก็คุยได้เพียงไม่นานพอแขกเข้าร้านจ๊ะเอ๋ก็ต้องได้ไปรับแขกบริการโต๊ะแรกผ่านไปโต๊ะ 2 โต๊ะ 3 ก็ตามมา"อุ๊ย" ขณะที่จ๊ะเอ๋เดินผ่านโต๊ะหนึ่ง มือของลูกค้าก็ได้ยื่นมาลูบคลำสะโพกของเธอ "เมื่อกี้คุณทำอะไร!""จ๊ะ" เพื่อนที่ทำงานเสริมด้วยการรีบเดินเข้ามาห้าม"แต่เมื่อกี้เขาจับสะโพกจ๊ะนะ""ทำไมเหรอคร้าบคนสวย อยากไปเคลียร์กับพี่ตัวต่อตัวไหมล่ะ""ไอ้โรคจิต!""พอแล้วจ๊ะเดี๋ยวเจ๊ว่า" ว่าแล้วเพื่อนก็ลากจ๊ะเอ๋ไปทางหลังร้าน เพื่อไปสงบสติอารมณ์ลูกค้าคนที่แต๊ะอั๋งมองตามไปตาเป็นมันวันต่อมา.. ที่บ้านเช่าของจ๊ะเอ๋"แล้วแม่ของแกล่ะ""สายขนาดนี้แม่คงไปทำงานแล้วมั้ง" กว่าจะตื่นก็สายมากแล้ว"ฉันว่าเราคงไม่ได้งานแล้วล่ะ และฉันคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว""แกจะกลับบ้านแล้วเหรอ""คงต้องได้กลับแหละ..แกจะไปอยู่ที่บ้านนอกกับฉันไหมล่ะ""ไปอยู
"เดี๋ยวเขาคงโทรมามั้ง""ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วเขาคงไม่โทรมาแล้วล่ะ ฉันดีใจกับแกด้วยนะขวัญ""ถ้าแกไม่ได้ไปทำที่นั่นฉันอาจจะไม่ไปทำก็ได้" บริษัทนั้นเป็นความฝันของนิสิตนักศึกษาหลายคน ถ้าได้เข้าไปที่นั่น อนาคตความก้าวหน้าก็จะดีด้วย"อย่าคิดแบบนี้เด็ดขาด รู้ไหมว่าอนาคตยังรอเธออยู่ อย่าเอาอนาคตตัวเองมาไว้กับฉัน" คิดไปอีกทีก็ดีเหมือนกันที่ของขวัญได้งานจะได้ไม่ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็ลอยเข้ามา ทำไมเธอถึงคิดว่าที่เขารับของขวัญเพราะอยากทำประชด หึ..คิดได้ยังไงตัวเองจะมีค่าอะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอ"ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องได้ไปเตรียมตัวทำงานเย็นนี้อีก" ถ้ากลับไปที่บาร์นั่น คงไม่พ้นต้องเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยตัณหากลับ แต่ถ้าจะไปหางานที่ใหม่ กว่าจะเดินหางาน และยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับนักศึกษาที่เพิ่งจะจบหรือเปล่าของขวัญได้แต่มองตามเพื่อนออกไปจากห้อง ถ้าเปลี่ยนกันได้อยากจะให้เพื่อนเป็นคนได้งานมากกว่าจ๊ะเอ๋เดินมานั่งรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้เดี๋ยวคนหาว่าเป็นบ้า ก็เลยทำได้แค่นั่งมองรถวิ่งผ่านไปมา"จอดด้วยค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นกวักม
หญิงสาวพยายามใช้ความคิด..ว่าเคยเจอเขาคนนั้นที่ไหน ..แต่เวลานี้ไม่เหมาะสำหรับการที่มาคิดทบทวนอะไรแบบนี้ เพราะเธอต้องได้เข้าไปพบฝ่ายบุคคล"เข้าไปในห้องอบรมได้เลยค่ะ" พนักงานที่เข้ามาใหม่ต้องได้รับการอบรมแบบนี้กันทุกคน เพราะจะได้รู้กฎของบริษัทจ๊ะเอ๋และของขวัญก็เลยรีบไปที่ห้องอบรม พอเปิดประตูเข้ามาคนที่ได้งาน ต่างก็พร้อมหน้าพร้อมตากันในห้องอบรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"จ๊ะ" ของขวัญเดินเข้ามานั่งแต่มองกลับไปอีกทีเพื่อนยังคงยืนอยู่หน้าประตู ก็เลยต้องได้เรียกให้ตามไป ..ที่จ๊ะเอ๋ยังยืนอยู่ตรงนั้น เพราะเธอมองเห็นใครคนหนึ่งนั่งประจำที่พนักงานฝ่ายอบรมของบริษัทหญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้าวเดินไปนั่งลงข้างๆ เพื่อน"แค่วันแรกก็สาย" มันคือคำพูดประโยคแรกของคนที่ทำให้เธอตกใจ และคนที่มาร่วมอบรมพร้อมกันต่างก็มองมาแบบสมน้ำหน้าที่ถูกต่อว่า เพราะดูทุกคนจะไม่ค่อยชอบหน้าของทั้งสองเลย"ขอโทษค่ะพวกเราไม่รู้ว่าต้องมาห้องนี้ก่อน" ของขวัญเป็นคนกล่าวขอโทษ"เริ่มเลยครับคุณมัลลิกา""ได้ค่ะหัวหน้า""หัวหน้า?" จ๊ะเอ๋และของขวัญมองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย"ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อมัลลิกา เป็นผู้รับผิดชอบพวกน
เย็นวันเดียวกัน.."หิววว""ฉันขอโทษแกด้วยนะ คิดว่าพวกเขาจะไม่อบรมจนถึงตอนเย็น" ทั้งสองเดินออกมาหน้าบริษัท หวังจะหาร้านอาหารตามสั่ง แต่ร้านก็ปิดกันหมดแล้ว"ฉันว่าเรานั่งแท็กซี่กลับกันดีไหม" ของขวัญคิดว่าถ้าไปยืนเบียดบนรถเมล์ มีหวังได้เป็นลมเป็นแล้งแน่ ที่ทั้งสองหิวกันมากเพราะตอนเช้าก็ไม่ได้ทานอะไร แถมตอนเที่ยงกินแค่นั้นด้วย"แกขึ้นแท็กซี่กลับก่อนเลยก็ได้นะ ยังไงบ้านเราก็อยู่คนละทางกัน"ของขวัญคิดว่าที่เพื่อนพูดมาก็ถูก ถ้าขึ้นแท็กซี่คันเดียวกันก็คงต้องวนไปส่งไกล ..ทั้งสองก็เลยแยกกันตรงนั้นขณะที่จ๊ะเอ๋นั่งรอรถเมล์อยู่ ก็ได้ยินเพื่อนที่นั่งรออยู่ข้างๆ พูดกัน"สงสัยคุณราม จะเป็นแฟนกับคุณมัลลิกาหรือเปล่า" ทั้งสองมองตามรถคันที่เพิ่งวิ่งผ่านไป จ๊ะเอ๋ก็เลยมองตามบ้าง"แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน รักกันมากไม่ใช่เหรอ" จ๊ะเอ๋หมายถึงหนุงหนิงคนที่เรียนคณะเดียวกันกับเขา[ ที่บ้าน ]"การอบรมเป็นยังไงบ้างลูก" กว่าจอยจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืด เพราะถ้าวันไหนได้ทำโอทีต่อก็จะกลับค่ำแบบนี้"ก็ไม่เป็นยังไงนี่คะแม่" พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจพยายามที่สุดแล้วที่จะอดทน เพื่อแม่จะได้ไม่ลำบากแบบนี้"ถ้าหนูได้เข้
"คุณทำไมดูไม่ตกใจเลยล่ะ" เข้ามาถึงในห้องก็ยังเห็นว่าเขาปกติ ไม่มีท่าทีตกใจกลัวอะไรเลยตอนเห็นปืนใครบ้างจะไม่ตกใจ แต่พอเห็นว่าเธอกับแม่พยายามปกป้องเขาอยู่ ก็เลยทำให้คลายความกลัวไปได้เยอะ"พ่อคุณเป็นกำนันเหรอ" ที่เขาถามแบบนี้เพราะได้ยิน คนชื่อจ้อยเรียกว่าพ่อกำนัน"ใช่ค่ะ"ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียง"นี่คุณ ฉันไม่ได้จะให้คุณนอนในห้องนี้สักหน่อย""ไม่ให้ผมนอนนี่แล้วจะให้นอนไหน""เดี๋ยวพ่อฉันสงบลงแล้วจะหาห้องให้" บ้านเธอกว้างขวาง ห้องนอนก็มีหลายห้อง"คุณคิดว่าพ่อคุณจะสงบง่ายไหม ยิ่งตอนนี้เห็นผมเข้ามาในห้องของคุณด้วยแล้ว""คุณก็อย่าพูดให้ฉันเสียวสันหลังสิ" ตอนเรียนมัธยมเคยถูกพ่อตีมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเรื่องผู้ชายนี่แหละ แต่ก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรมากก็แค่วัยรุ่นอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง"ผมขอนอนพักเอาแรงหน่อยแล้วกัน ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง"อะไรของเขาเนี่ย ยังจะนอนหลับอีกเหรอ"ออกมา!""พ่อ?" เขานอนไปได้แค่ครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงพ่อตะโกนมาจากหน้าห้อง"ไม่ต้องออกมานะลูก ปล่อยให้พ่อบ้าอยู่คนเดียวเถอะ" แม่รีบตามมาห้ามพ่อ"ลูกเราเป็นผู้หญิงนะแม่!""พ่อกล้าขึ
"ผู้จัดการ?" พอรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือใคร ของขวัญรีบปิดประตูกลับคืนไว้เหมือนเดิม "ขะ..คุณมาทำไมคะ""ตกใจเหมือนเห็นผี" โชคดีที่เขาก้าวขาถอยกลับทันจังหวะที่เธอปิดประตู ถ้าไม่งั้นได้หน้าแหกแน่ "เปิดประตูออกมาคุยกันก่อน""คุณไม่เห็นหรือไงว่าฉันอยู่ในสภาพไหน""ไม่ได้ใส่อะไรยังเห็นมาแล้ว แค่นี้ทำไมต้องอาย"นี่แสดงว่าเขายังคงจำได้เหรอ? ..ของขวัญพยายามบอกตัวเองว่าเขาคงลืมแล้ว เพราะเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา แต่ทำไมเขายังจำได้ล่ะ "ฉันขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวออกไปหา""คุณจะให้ผมยืนรออยู่ตรงนี้เหรอ""ไม่รู้จะมาทำไม แล้วนี่เมื่อไรพระรามกับจ๊ะเอ๋จะมา" หญิงสาวพึมพำออกมาแค่เบาๆ แต่ก็ยอมเปิดประตูให้ห้องเช่าของเธอไม่ได้กว้างขวาง แต่ก็แบ่งโซนที่ใช้ทำเป็นครัว ห้องน้ำในตัว ส่วนเตียงนอนก็จะถูกจัดวางไว้อีกมุมหนึ่งในห้องเดียวกัน"คุณนั่งรอก่อนแล้วกัน" ในห้องนี้ถ้าจะนั่งรอก็คงมีแค่เตียงนอน จากที่ไม่เคยเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เธอก็เลยต้องได้เอาเข้าไป เพราะจะมาเปลี่ยนต่อหน้าเขาคงไม่ได้แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จของขวัญก็ออกมา"คุณมีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามาสิ""เก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพากลับบ้าน""ไห
ชายหนุ่มออกมาจากห้องของผู้เป็นพ่อก่อนที่จะกลับเข้าห้องตัวเอง สายตาคมก็ได้มองไปที่.."เข้ามาหาผมหน่อย"กาญจนาหันมองกลับไปด้านหลัง เพราะดูเหมือนว่าผู้จัดการจะไม่ได้พูดกับตัวเอง"เมื่อสักครู่ผู้จัดการบอกใครคะ" พรทิพย์ก็มีความสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะด้านหลังของคุณเลขามีอยู่สองคน เผื่อว่าผู้จัดการจะเรียกใช้ตัวเองบ้าง"พี่ว่าคงจะบอก.." กาญจนาตวัดสายตามองไปที่ของขวัญ "เข้าไปหาผู้จัดการสิ"มีธุระอะไรต้องเรียกเราอีกเนี่ย ..หญิงสาววางงานไว้แล้วก็เดินมาที่ห้องของเขาแกร็ก! แอดดด.. "อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ" มัวแต่คิดอยู่ว่าเขาจะคุยอะไรด้วยก็เลยลืมเคาะประตู พอเปิดเข้าไปแล้วก็ต้องได้ปิดไว้ก่อนก๊อก ก๊อก "เข้ามา""ผู้จัดการให้ฉันเข้ามามีอะไรคะ" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องนี้แล้ว"บ้านของคุณอยู่ที่ไหน""คะ?""คุณเป็นคนจังหวัดอะไร""ถามแปลก..ฉันก็เป็นคนทุกจังหวัดนั่นแหละค่ะ" ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แค่ไม่อยากจะบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน ..แต่พอเห็นสายตาของเขามองมา ของขวัญก็เลยต้องได้บอกไป"เคลียร์งานเสร็จอีกสองวันเดี๋ยวจะพากลับบ้าน" เขาพูดเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับคำพูดของตัวเองเลย"อะไรนะคะ?""อยากจะกลับบ้านไม
ของขวัญที่ยังไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ก็แอบคิดในใจอยู่หรอกว่า ทำไมเขาพาเธอมาดินเนอร์ อยากจะพูดอะไรกับเราหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าต้องพามาเปลืองเงินแบบนี้"ทานสิครับ" พระลักษณ์เอื้อมมือมาตักอาหารวางใส่จานตรงหน้าให้กับเธอแบบอ่อนโยน"??" หญิงสาวแปลกใจมากขึ้น แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว แต่เธอก็เล่นไปตามเกมที่เขาวางไว้ "ขอบคุณค่ะ""คุณไม่ชอบแบบนี้หรือครับ"ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้น ไม่นะของขวัญ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาทำไปเพื่ออะไร เธออย่าหวั่นไหวกับเขาเด็ดขาด ..เพราะแต่ละคำพูดแต่ละประโยคที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้ามันช่างละมุนยิ่งนัก จนของขวัญเผลอเคลิ้มไปกับคำหวานพวกนั้น"วันหลังอยากไปไหนก็บอกผมแล้วกัน จะได้หาเวลาว่างให้" ชายหนุ่มยังคงทำใบหน้าละมุนนั่นไง..ว่าแล้ว ..จากที่มองหน้าเขาแบบตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้ดวงตาของเธอมองสอดส่ายไปทั่วห้องอาหารหรูแห่งนี้"คุณพูดจริงนะคะ ฉันอยากไปหลายที่เลย" เสียงของเธอเริ่มเปลี่ยนไป จากที่พูดแบบไม่มีหางเสียง ตอนนี้น้ำตาลยังอายพระลักษณ์ก็เลยต้องได้มองหน้าเธออีกครั้ง "แล้วคุณอยากไปไหนล่ะครับ""อยากกลับบ้านค่ะ""กลับบ้าน?" ชายหนุ่มมองไปดู กลุ่มคนที่เขารู้แล้วแหละว่าเป็นนักข่าว เพรา
"ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น""แล้วผู้จัดการจะคุยเรื่องอะไรล่ะคะ" เขาไม่คิดเลยเหรอว่าเราจะอาย ..พอถูกเบรคของขวัญก็นึกอายขึ้นมา เรื่องเมื่อคืนนี้มีอะไรต้องให้พูดกันอีกนอกจากเรื่องที่เขาทำกับเธอแบบนั้น"ถ้าคุณพ่อเรียกตัวไปพบ ก็บอกท่านไปว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น""??" อะไรกันท่านประธานจะเรียกตัวเราไปพบเหรอ แค่ผู้จัดการเธอก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว นี่ท่านประธานเลยนะ "ฉันไม่ไปค่ะ" คิดดูแล้วถ้าท่านประธานเรียกไปพบ เธอขอลาออกดีกว่า"ไม่ไปไหน?""ก็ถ้าท่านประธานเรียกตัวไปพบฉันขอไม่ไปพบท่านไงคะ""ผมแค่พูดเผื่อไว้ถ้าท่านเรียกตัวคุณไป" พระลักษณ์รู้ดีว่ายังไงพ่อก็ต้องเรียกตัวเธอไปคุยเรื่องนี้อยู่แล้วทำไมเราต้องไปด้วย เขาต่างหากที่ทำกับเรา "ฉันไม่ไปหรอกค่ะ เพราะฉันโกหกใครไม่เป็น""โกหก?""ก็ใช่ไงคะ คุณจะให้ฉันบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง..ก็ในเมื่อมันมี""เธอคิดจะแบล็คเมล์ฉันเหรอ" แค่จูบเขาไม่คิดว่ามีอะไรอยู่แล้วคิดว่าฉันจะแบล็คเมล์เลยเหรอ? ..ของขวัญคิดว่าแค่จะพูดให้ผู้จัดการไปเคลียร์กับพ่อเอง "แล้วแต่ผู้จัดการจะคิดแล้วกันค่ะ ฉันขอออกไปทำงาน" ทำไมเรื่องวุ่นวายต้องเกิดขึ้นกับเราด้วย จริงๆ แล้วของขวัญไม่ใช่ค
"??" คนที่อยู่ในห้องไม่รู้หรอกว่าหน้าห้องกำลังเกิดอะไรขึ้น เพราะม่านรูดที่นี่เป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนจากข้างนอก หรือเสียงที่อยู่ข้างในก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ "คุณพ่อ?""จ๊ะ??" ไม่ได้ตกใจแค่พระลักษณ์ ของขวัญที่ตามออกมาก็ตกใจไม่ต่างกัน"ขวัญอยู่ในห้องนั้นจริงๆ ด้วย" จ๊ะเอ๋เอ่ยพูดออกมาเบาๆ พระรามต้องรีบโอบร่างเธอไว้ก่อนที่เข่าจะทรุด "พี่ชายของคุณทำอะไรเพื่อนฉัน" หญิงสาวเฝ้าแต่โทษตัวเองที่ดึงเพื่อนเข้ามาเดือดร้อนด้วย"เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่คะ" นักข่าวไม่พลาดสักช๊อต และตอนนี้ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเป็นคลิปไว้หมดแล้ว รอแค่เวลาเผยแพร่"ลูกมาทำอะไรที่นี่" พระนายถามออกไปด้วยท่าทางที่ปกติมาก ไม่ตื่นตระหนกเหมือนคนอื่นเลย"คือว่าผม.." พระลักษณ์มองสายตาพ่อก็รู้แล้วว่าไม่ได้ปกติเหมือนใบหน้าและคำพูดที่แสดงออกมาในเวลานี้เลย"ก็บอกแล้วไงว่าพ่อรู้เรื่องนี้แล้ว จะคบกันพ่อก็ไม่ว่า"???? เครื่องหมายนี้ไม่ได้ผุดขึ้นแค่พระลักษณ์ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสัยและแปลกใจ เพราะพระนายทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ และรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว"ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ
"ทำยังไงดีโทรก็ไม่ติด" จ๊ะเอ๋พยายามโทรหาของขวัญ แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของเพื่อนจะถูกปิดเครื่อง"เราไปดูที่ห้องเช่าก่อน..ขวัญอาจจะนั่งแท็กซี่กลับไปแล้ว" ในขณะที่ขับรถไปห้องของขวัญ พระรามก็ทำได้แค่พูดปลอบใจเธอ"ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้นทีเถอะ"ในเวลาต่อมา..ที่ห้องเช่า"ขวัญยังไม่กลับมาเลย" จ๊ะเอ๋เริ่มใจไม่ดี เมื่อมาถึงเห็นว่ากุญแจคล้องจากด้านนอก "ทำยังไงดี""เดี๋ยวเรากลับไปโรงแรมอีกครั้ง ไปขอดูกล้องวงจรปิด" ที่เขายังไม่ไปขอดูเพราะกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ และต้องเช็คให้แน่ใจก่อนว่าเพื่อนของเธอไม่ได้กลับมาที่ห้องพัก[โรงแรมที่ใช้จัดงาน]"นั่นลูกชายของคุณพระนายไม่ใช่เหรอ" นักข่าวที่กำลังจะกลับ เห็นพระรามแล้วจ๊ะเอ๋เดินผ่านเข้าไปด้านในก็เลยจำได้"พวกเขาจะเข้าไปทำไม งานเลี้ยงเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ""อยากรู้ก็ตามไปดูสิ" นักข่าวทั้งสองเดินตามไปแบบไม่ให้รู้ตัว"เรามาขอดูกล้องวงจรปิดที่ลานจอดรถครับ" เขาไปถึงพระรามก็พูดกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม"มีอะไรเกิดขึ้นคะ""เพื่อนของเรายังไม่กลับบ้าน" แล้วจ๊ะเอ๋ก็เล่าให้ฟังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างพนักงานได้ยินแบบนั้นก็ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดให้ทันที บางกรณีถ้าแขก
นักข่าวที่ประจำอยู่หน้างาน ก็เห็นอยู่ว่ามีคู่รักเดินมาด้วยกัน แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่ามาร่วมงานปกติพระนายมองออกไปที่หน้างาน ก็ไม่พอใจเอามากๆ เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กควงผู้หญิงคนนั้นมาด้วยพระลักษณ์ที่กำลังพาของขวัญไปคุยกันมุมหนึ่งของงานนั้น แต่ยังไม่ได้คุยเลยด้วยซ้ำก็มองไปเห็นพ่อที่เรียกตัวให้เข้ามาหาก่อน"ผู้จัดการมีอะไร..?" ของขวัญกำลังจะถามว่าผู้จัดการมีอะไรจะคุยกับเธอ แต่พอมองอีกทีผู้จัดการเดินไปโน่นแล้ว "อะไรวะ เรียกเรามาคุยด้วยซะดิบดี" หญิงสาวมองซ้ายมองขวา เพราะถ้าใครเห็นคงน่าอายมาก"จะทำยังไง" พระนายยื่นใบหน้าเข้าไปถามลูกชายเบาๆ เพราะไม่อยากให้แขกที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน"ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะ..""อย่าให้พ่อได้ยินคำว่าไม่แน่ใจอีก" ลูกชายยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ ผู้เป็นพ่อก็พูดสวนขึ้น"ผมจะพยายามแล้วกันครับ" พระลักษณ์เดินออกมาแล้วก็มองว่าผู้หญิงสองคนที่เขาชวนมางานด้วย คนไหนพอที่จะเรียกใช้งานได้"คุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ" และเขาก็เลือกที่จะเดินมาหา.."ลิกาหรือคะ?""ถ้าคุณช่วยผมได้ ผมจะตอบแทนอย่างงาม""ช่วยอะไรคะผู้จัดการ" "ช่วยแยกผู้หญิงคนนั้นออกจากพระรามหน่อย"มัลลิกามอง
[ห้องเช่าของขวัญ]ตอนที่โทรคุยกันจ๊ะเอ๋บอกให้เพื่อนกลับห้องไปก่อนเดี๋ยวตามไปหา"เข้ามาข้างในก่อน" ของขวัญเปิดประตูห้องให้กับจ๊ะเอ๋ สายตาไม่ได้มองเพื่อนหรอกแต่มองคนที่เดินตามหลังเข้ามา"ฉันรู้ว่าแกอยากจะถามอะไร" เพราะคิดว่าของขวัญต้องอยากรู้แน่ว่าทั้งสองกลับมาคบกันแล้วเหรอ ทำไมถึงตามติดเหมือนเงาเลย"แกพร้อมที่จะเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะ" ของขวัญแอบน้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่ได้ยินเรื่องราวของเพื่อนจากปากคนอื่น แต่ถ้าเพื่อนพร้อมที่จะเล่าให้ฟังป่านนี้คงเล่าแล้ววันต่อมาที่บริษัท"จริงเหรอ?" ตอนนี้ข่าวที่ผู้จัดการชวนมัลลิกาไปออกงานรู้กันไปทั่วทั้งบริษัทแล้ว"จริงสิ..ได้ยินมาจากเจ้าตัวเองเลยแหละ""ทำไมเราไม่ถูกเชิญแบบนี้บ้าง""เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เรามาเม้าท์เรื่องที่ทำไมผู้จัดการถึงเชิญมัลลิกา" คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็จ้องตา เพราะผู้จัดการก็ยังโสด ส่วนมัลลิกาตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าคงไม่สมหวังจากพระรามแล้วล่ะ"นางหาที่เกาะใหม่ได้เร็วมาก""มาโน่นแล้ว" อีกคนรีบสะกิดเพื่อนไว้เมื่อเห็นมัลลิกาเดินยิ้มแป้นเข้ามาในบริษัท"คุณมัลลิกา""คะ""วันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ""จริงเหรอคะ..ไม่รู้เลยนะเนี่ย""คืนนี