เย็นวันเดียวกัน..
"หิววว"
"ฉันขอโทษแกด้วยนะ คิดว่าพวกเขาจะไม่อบรมจนถึงตอนเย็น" ทั้งสองเดินออกมาหน้าบริษัท หวังจะหาร้านอาหารตามสั่ง แต่ร้านก็ปิดกันหมดแล้ว
"ฉันว่าเรานั่งแท็กซี่กลับกันดีไหม" ของขวัญคิดว่าถ้าไปยืนเบียดบนรถเมล์ มีหวังได้เป็นลมเป็นแล้งแน่ ที่ทั้งสองหิวกันมากเพราะตอนเช้าก็ไม่ได้ทานอะไร แถมตอนเที่ยงกินแค่นั้นด้วย
"แกขึ้นแท็กซี่กลับก่อนเลยก็ได้นะ ยังไงบ้านเราก็อยู่คนละทางกัน"
ของขวัญคิดว่าที่เพื่อนพูดมาก็ถูก ถ้าขึ้นแท็กซี่คันเดียวกันก็คงต้องวนไปส่งไกล ..ทั้งสองก็เลยแยกกันตรงนั้น
ขณะที่จ๊ะเอ๋นั่งรอรถเมล์อยู่ ก็ได้ยินเพื่อนที่นั่งรออยู่ข้างๆ พูดกัน
"สงสัยคุณราม จะเป็นแฟนกับคุณมัลลิกาหรือเปล่า" ทั้งสองมองตามรถคันที่เพิ่งวิ่งผ่านไป จ๊ะเอ๋ก็เลยมองตามบ้าง
"แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน รักกันมากไม่ใช่เหรอ" จ๊ะเอ๋หมายถึงหนุงหนิงคนที่เรียนคณะเดียวกันกับเขา
[ ที่บ้าน ]
"การอบรมเป็นยังไงบ้างลูก" กว่าจอยจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืด เพราะถ้าวันไหนได้ทำโอทีต่อก็จะกลับค่ำแบบนี้
"ก็ไม่เป็นยังไงนี่คะแม่" พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจพยายามที่สุดแล้วที่จะอดทน เพื่อแม่จะได้ไม่ลำบากแบบนี้
"ถ้าหนูได้เข้าไปเป็นพนักงานในบริษัท หนูต้องทำหูทวนลมไว้นะลูก"
"อะไรคือหูทวนลมคะ"
"อยู่กับคนหมู่มากต้องมีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าอันไหนพอที่จะปล่อยผ่านได้หนูก็ปล่อย" นางทำความสะอาดห้องน้ำ ได้ยินทุกคำที่พนักงานนินทากัน ยิ่งถ้าเลื่อนขั้นได้ดิบได้ดีหน่อยก็ถูกเพื่อนลากมานินทา ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มแม่บ้านด้วยกัน
เช้าวันต่อมา..
วันนี้จ๊ะเอ๋ออกมาจากบ้านพร้อมกับแม่ และต่อจากนี้ไปคงจะเป็นแบบนี้ทุกวัน เพราะทั้งสองทำงานที่บริษัทเดียวกัน
[บริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์]
วันนี้ทุกคนที่เข้ามาใหม่ ต้องได้มารวมตัวกัน เพราะต้องได้รอรับคำสั่งว่าใครจะถูกจ่ายไปที่แผนกไหน
"ใครให้ขึ้นไปข้างบน" พอพระรามเห็นรายชื่อเด็กฝึกงานที่ไปประจำการอยู่ ชั้นบน เขาก็ไม่พอใจเอามากๆ
"ผู้จัดการเลือกมาเองค่ะ"
"ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจะเป็นคนคัดเองว่าใครต้องขึ้นไป เขาต้องการแค่สองคนใช่ไหม"
"เออ..ค่ะ" มัลลิกาแปลกใจทำไมหัวหน้าถึงกล้าขัดคำสั่งของผู้จัดการ
ห้องผู้จัดการ..
"แล้วคนที่ผมขอไปล่ะ" พระลักษณ์ถามเลขาเมื่อเห็นเด็กฝึกที่ต้องมาช่วยงาน ไม่ใช่คนที่ตัวเองลิสต์รายชื่อไปให้
"หัวหน้าบอกว่าน้องคนนั้น ต้องไปประจำการที่ฝ่ายผลิตค่ะ ก็เลยให้เพื่อนของน้องขึ้นมาแทน"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจัดการเอง"
"แล้วพนักงานฝึกงานทั้งสองคนนี้ล่ะคะผู้จัดการ" กาญจนาเอื้อมไปหยิบเอกสารที่ส่งให้กับพระลักษณ์ได้ดูกลับคืนมา"ขึ้นมาแล้วก็หางานให้ทำ" พระลักษณ์ดูจะไม่สนใจสองคนที่มีรายชื่ออยู่ในนั้นเลย"ค่ะ"พอเลขาออกไปแล้วสายตาคมก็มองตามและนึกโมโหที่หัวหน้าขัดคำสั่ง หรือผู้หญิงคนนั้นจะมีความสำคัญ? พระลักษณ์มาทวนคิดดู จริงๆ พนักงานฝึกงานต้องรับคนที่ผ่านงานมาแล้ว แต่ทำไมพระรามถึงรับนักศึกษาที่เพิ่งจะจบใหม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีประสบการณ์อะไรเลย"คุณกาญจนาเข้ามาหาผมหน่อย" ชายหนุ่มกดโทรศัพท์สายตรงออกไปหาเลขาหน้าห้องกาญจนาที่กำลังจะจัดงานให้กับเด็กใหม่ ต้องได้รีบกลับเข้ามาในห้องของผู้จัดการอีกครั้ง"ผมขอดูประวัติของพนักงานที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ทุกคน""ค่ะ"พอได้รับคำสั่งกาญจนาก็ต้องได้ลงมาที่ฝ่ายบุคคล เพื่อขอเอกสารทั้งหมดอะไรกัน..ทำไมต้องให้เรามาทำงานที่ฝ่ายผลิตแบบนี้ด้วย ..เธอจบมาทางด้านเทคโนโลยีก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะมานั่งผลิตชิ้นงานอะไรแบบนี้"น้องบัดกรีเป็นไหมครับ""เออ..ค่ะ" เธอทำเป็นแค่เครื่องมือเล็กๆ แต่นี่เครื่องมือของอุตสาหกรรมเลยนะ"ถ้างั้นน้องก็มานั่งเครื่องนี้เลย""พี่คะเกิดการเข้าใจผิดอะไรกันหรือเ
"ผู้จัดการบอกให้น้องไปหาหน่อยค่ะ" มาถึงที่แล้วจะไม่พูดก็ไม่ได้"ผู้จัดการหรือคะ?" จ๊ะเอ๋รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่"ไม่ต้องไป นั่งลงที่เดิม" คนที่สั่งก็คือพระรามซึ่งเขายังคงยืนอยู่ข้างเครื่องอุตสาหกรรมที่เธอนั่งจ๊ะเอ๋ไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะเธอเพิ่งเข้าทำงานวันนี้วันแรก สายตาหญิงสาวจึงได้มองไปขอความช่วยเหลือที่หัวหน้าแผนกแต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ และคนรอบข้างก็รีบหันไปสนใจงานของตัวเอง"ห้องของผู้จัดการอยู่ที่ไหนคะ" เธอต้องได้พึ่งตัวเองแล้วล่ะ พอจ๊ะเอ๋เดินตามคุณเลขาไป พระรามก็รีบออกไปเช่นกันกาญจนาพาจ๊ะเอ๋มาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นของผู้บริหารโดยมีพระรามเดินตามมาใช้ลิฟต์อีกตัวกดขึ้นไปที่ชั้นเดียวกันก๊อก ก๊อก "คนที่ผู้จัดการให้ตาม..มาแล้วค่ะ"ขณะที่จ๊ะเอ๋ยืนรออยู่หน้าห้องผู้จัดการ ของขวัญที่กำลังจัดเอกสารช่วยกาญจนาก็ได้มองดูเพื่อน"เข้ามาได้ครับ" พระลักษณ์อนุญาตโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองกาญจนาปล่อยให้จ๊ะเอ๋เข้ามาคนเดียว พอเข้ามาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เพราะเจ้าของห้องไม่ได้มองมาเลย"มานั่งก่อนสิ""ค่ะ" หญิงสาวก็เลยก้าวเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงที่วางอยู่ด้านหน้าของโต๊
"แม่เป็นอะไรไหม" พอพวกนั้นไปแล้ว มือเรียวก็ได้เอื้อมไปลูบคลำใบหน้าของแม่เบาๆ"ไม่เป็นอะไรหรอกลูก แม่อึดจะตายลูกก็รู้"ยิ่งได้ยินแม่พูดแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้แน่นในอก ..ขณะที่เดินออกมาจ๊ะเอ๋สาบานกับตัวเองว่าจะจัดการกับคนที่ทำร้ายแม่เธอให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม"เรานั่งแท็กซี่กลับกันดีกว่าค่ะแม่" หญิงสาวพูดพร้อมกับกวักมือเรียกแท็กซี่ให้จอด ถึงแม้แม่จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่จ๊ะเอ๋รู้ดีว่าแม่คงเจ็บพอสมควร"ขึ้นรถเมล์ก็ได้นะลูก" จอยต้องเซฟค่าใช้จ่ายไว้ เพราะกว่าจะถึงสิ้นเดือน แต่รู้ดีว่าลูกคงเป็นห่วง"ยังไงรถก็จอดแล้วขึ้นเถอะแม่" ชีวิตเธอเจอแต่ความลำบากมาโดยตลอด แค่นี้มันไม่ทำให้น้ำตาตกได้หรอก แต่ที่โมโหก็เพราะแม่ถูกทำร้ายร่างกายมากกว่าทั้งสองนั่งแท็กซี่มาจนถึงหน้าปากซอย จอยก็เลยให้แท็กซี่หยุดตรงนั้น เพราะถ้าเดินเข้ามาอีกไม่ไกลก็ถึงบ้านแล้ว"น่าจะให้รถมาส่งถึงบ้านเลยนะแม่""กว่ารถจะเลี้ยวเข้ามา เห็นไหมเนี่ยในซอยรถจอดขวางทาง เดี๋ยวมิเตอร์ก็จะวิ่งขึ้นไม่หยุด เดินเอาดีที่สุดแล้วลูก"เดินเข้ามาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้าน พอมาถึง จ๊ะเอ๋ต้องได้ถอดชุดทำงานออกมาซัก เพราะเธอซื้อมาแค่ชุดเดียวเช้าวันต่
"หัวหน้านัทถูกทำร้ายร่างกายก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกไล่ออกล่ะ""ฉันไม่แน่ใจ แต่เรื่องนี้เขาปิดกันให้แซดเลยนะ""เรื่องอะไร""ก็คุณเธอคนที่หัวหน้านัทไปมีเรื่องด้วยน่ะสิ""ทำไม?""เป็นเด็กของ..." คนที่พูดกรอกสายตามองไปทั่วก่อน เพราะกลัวงานจะเข้า "ทำไมวันนี้ก๋วยเตี๋ยวเค็มๆ แกว่าไหม" จากที่ดูจนทั่วแล้วก็ต้องได้รีบหุบปากไว้"แกจะโทษแม่ค้าไม่ได้นะ เพราะแกใส่น้ำปลาเยอะไป" เพื่อนที่นั่งคุยกันเริ่มสนทนาเรื่องอาหารที่กำลังกินอยู่ เมื่อเห็นว่าคู่กรณีของหัวหน้านัทกำลังเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับเพื่อน"วันนี้เราจะทานอะไรกันดี" จ๊ะเอ๋ยืนมองร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่ในโรงอาหาร"ทานอะไรก็ได้" ของขวัญเป็นอีกคนที่อยากถามเรื่องนี้ แต่ถ้าเพื่อนอยากเล่าให้ฟังก็คงจะเล่าเอง"ฉันว่าเราไปสั่งอาหาร ร้านนั้นดีกว่า" ไม่ใช่ว่าจ๊ะเอ๋จะไม่เห็นสายตาคนที่มองมา แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้หาเลี้ยงเธอสักหน่อยเย็นวันเดียวกัน.. ที่บ้าน"ไหนแม่บอกว่าวันนี้มีโอทีไง" ถ้ารู้ว่าแม่ไม่ได้ทำโอที เธอคงจะรอกลับพร้อมกันแล้ว แต่พอมาถึงได้ยังไม่นานก็เห็นแม่กลับมา"บอกแม่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น" จริงๆ ก็มีนั่นแหละ แต่จอยให้เพื่
"ขอโทษค่ะฉันไปด้วยไม่ได้ เพราะฉันต้องรอแม่ออกมาจากที่ทำงาน"คงเป็นครั้งแรกที่พระลักษณ์ถูกปฏิเสธ คนขับรถรีบหันกลับไปมองผู้เป็นนายปี๊ดดด! รถคันหลังบีบแตรเพื่อส่งสัญญาณให้รถคันหน้าขยับจ๊ะเอ๋ตกใจรีบก้าวถอยหลังออกมาจนสะดุดริมฟุตบาท "โอ๊ย" สะโพกของเธอกระแทกลงกับพื้น"คุณเป็นอะไรไหมครับ" พระลักษณ์รีบเปิดประตูลงมาจากรถ แล้วเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น"ดูผู้จัดการจะเป็นห่วงผู้หญิงของผมจังเลยนะครับ" รถคันหลังก็คือรถของพระราม เขาลงมาจากรถเช่นกัน"???" ไทยมุงที่แอบยืนอยู่แถวนั้นต่างก็ได้ยินประโยคที่พระรามพูด ว่าจ๊ะเอ๋เป็นผู้หญิงของเขา"คุณเป็นผู้หญิงของหัวหน้ารามหรือครับ" ยืนขึ้นได้ พระลักษณ์ก็ถามประโยคนั้นกับจ๊ะเอ๋"คือ.." นี่เราไปเป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่เมื่อไร แล้วคำว่าผู้หญิงของเขาหมายความว่ายังไง"ดูเหมือนผู้หญิงจะไม่เต็มใจเป็นของนายเลยนะ" แค่เห็นเธออ้ำๆ อึ้งๆ ก็เข้าทางของพระลักษณ์แล้ว"จริงหรือครับคุณจ๊ะ เรามีนัดกันไม่ใช่เหรอ ผมว่าคุณอย่ามัวเสียเวลาคุยกับคนแถวนี้เลยขึ้นรถดีกว่า" ว่าแล้วพระรามก็เดินไปเปิดประตูฝั่งคนที่นั่งข้าง"ขอตัวนะคะ" จ๊ะเอ๋พูดเบาๆ กับพระลักษณ์แล้วก็เดินไป ..แค่นี้ก็เหมื
เพียงไม่นานคลิปกล้องวงจรปิดตามวันและเวลาที่ขอไปก็ได้ถูกส่งมาให้ทางอีเมลจ๊ะเอ๋เดินอ้อมไปยืนอยู่ข้างๆ เพื่อที่จะมองจอ แต่เธอก็ไม่ได้ยืนใกล้ แค่มองไปให้เห็นหน้าจอก็พอคลิปที่ส่งมาถูกเปิดแบบเร็ว เพื่อที่จะใช้เวลาไม่มากในการดู"หยุดตรงนี้ก่อนค่ะ" หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคุ้นๆ เดินเข้าไปพระรามหยุดไว้ให้เธอได้ดูแบบชัดๆ"เปิดต่อไปอีกนิดค่ะ" ใบหน้าของเธอค่อยๆ โน้มลงมาใกล้จอ นั่นแสดงว่าใกล้ใบหน้าเขาเช่นกัน มือเรียวเอื้อมไปเพื่อที่จะกดหยุด จังหวะเดียวกับที่พระรามกำลังจะกด มือทั้งสองประสานกันเข้า ใบหน้าเรียวค่อยๆ หันไปมอง คนที่นั่งอยู่เก้าอี้ ซึ่งเขาก็หันมามองเธอเช่นกัน"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวรีบขยับออกห่าง "ฉันขอย้อนดูเมื่อกี้อีกนิดหนึ่ง""คุณสงสัยผู้หญิงคนนี้เหรอ" เขาถามพร้อมกับย้อนให้เธอดูกล้อง"หยุดตรงนี้ค่ะ" พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเธอก็จำได้ในทันที "เปิดต่อไปเลยค่ะ" รู้แล้วว่าผู้หญิงที่ออกมาจากห้องน้ำเป็นใคร แต่ที่ให้เขาเปิดต่อเพราะอยากจะเห็นว่าแม่เธอเจ็บตอนนั้นใช่ไหม และมันก็เป็นไปตามที่จ๊ะเอ๋คิดไว้ ..เพียงไม่นานแม่ของเธอก็เดินกระเผลกออกมาจากห้องน้ำ นั่นแสด
ในขณะที่ทำความสะอาดช่วย ของขวัญก็ยังคงรอเอาคำตอบจากจ๊ะเอ๋อยู่"ฉันจะเล่าให้แกฟังก็ได้ แต่จะมาเล่าในที่แบบนี้ได้ยังไง" จ๊ะเอ๋มองไปทั่วโรงอาหาร ถึงแม้ทุกคนจะหันเหความสนใจไปที่อื่นแล้วแต่ก็ยังมีมองมาอยู่บ้าง..ไม่เว้นแม้กระทั่งเขา"รามมองอะไรคะ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก" แม้แต่มัลลิกาก็ยังรู้ว่าพระรามมองไปที่ไหน"คุณก็กินก่อนสิ" ว่าแล้วพระรามก็ตักอาหารวางใส่จานให้กับมัลลิกา"แกจะไปมองพวกเขาทำไม อย่าบอกนะว่ายังคิดอะไรกับเขาอยู่" ของขวัญเรียกสติเพื่อนให้กลับมา ..เพราะจ๊ะเอ๋มองนี่แหละพระรามถึงได้ตักอาหารให้กับมัลลิกา"ฉันอยากเป็นผู้หญิงคนที่คุณพระรามตักอาหารให้จังเลย" พนักงานที่แอบมองอยู่แถวนั้น ต่างก็อิจฉามัลลิกาไปตามๆ กัน"เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า" จ๊ะเอ๋ลุกขึ้น แต่ขาที่เธอแกล้งสะดุดล้ม มันเจ็บจริง ก็เลยเดินไม่ค่อยถนัด"แกเจ็บขาเหรอ""ลมแรงขนาดนั้นไม่เจ็บก็เกินมนุษย์แล้วล่ะ" เธอยอมเจ็บเพื่อที่จะให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บยิ่งกว่า"ไปห้องพยาบาลกันดีกว่า""ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็หมดเวลาพักไม่ได้กินข้าวกันพอดี""ไม่กินก็ไม่ต้องกินสิ""ฉันรักแกนะขวัญ""ฉันก็รักแก" ถ้าของขวัญไม่เป็นห่วงเพื่อน มีเหรอที่จะย
"อะไรนะคะ??" จ๊ะเอ๋ถามซ้ำอีกครั้งเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังถูกหรือเปล่า"ท่านประธานเชิญคุณทานข้าวตอนเย็นค่ะ""เชิญฉันเนี่ยนะ คุณเลขาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?" ที่จ๊ะเอ๋รู้ว่าคนที่มาคุยด้วยคือเลขา เพราะอ้อได้แนะนำตัวก่อนหน้านั้นแล้ว"ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกค่ะ"จะทำยังไงดีปฏิเสธได้ไหมเนี่ย แต่นั้นท่านประธานเลยนะ แล้วท่านประธานรู้จักเราได้ยังไง เราฮอตขนาดนั้นเลยเหรอ ..หญิงสาวทำได้แค่คิดอยู่ในใจ และก็ตอบรับคำเชิญไปพอคุยกับคุณเลขาเสร็จจ๊ะเอ๋ก็กลับเข้ามาในแผนกเพื่อทำงาน ตอนที่คุย อ้อมาขอหัวหน้าให้เธอออกไปคุยข้างนอก เพราะเรื่องนี้จะให้ใครได้ยินด้วยไม่ได้เย็นวันเดียวกัน..จ๊ะเอ๋ส่งข้อความไปบอกแม่ว่าจะไปทานข้าวเย็นกับเพื่อน ถ้าแม่ไม่มีโอทีก็ให้กลับบ้านไปก่อน"ขึ้นรถเลยค่ะ"จ๊ะเอ๋ที่ยืนรออยู่หน้าบริษัทโน้มตัวลงไปมองคนที่เพิ่งจะเลื่อนกระจกรถลงมา แค่เห็นคนขับก็รู้แล้วว่าท่านประธานคงกลัวพนักงานคนอื่นจะเห็น ก็เลยให้เลขารับเธอออกไปด้วย แต่ดีเหมือนกันเธอก็ไม่อยากจะถูกงานเข้าซ้ำบ่อยๆห้องวีไอพีในโรงแรมหรู..เอาวะเกิดมาชาติหนึ่งก็ได้มาทานข้าวในโรงแรมแบบนี้ ..หญิงสาวเดินตามเลขาไปแบบประหม่า"นั่งรอท่านอยู่
วันต่อมา..วันนี้พระนาย และพระรามต้องได้กลับก่อน ส่วนพระลักษณ์ต้องนอนเฝ้าห้องหอให้ครบสามคืน เพราะที่นี่เขาถือกัน"นายต้องดูแลงานช่วยคุณพ่อเข้าใจไหม" นี่คือคำสั่งจากพี่ชาย ตอนที่มาส่งน้องขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้รถคันของพ่อได้ออกไปก่อนแล้ว"พูดมากบ่นเป็นตาแก่ไปได้""ขึ้นไปบริหารงานช่วยพ่อได้แล้ว ตำแหน่งหัวหน้าใครก็ทำได้" พระลักษณ์หมายถึงให้น้องชายขึ้นไปประจำการที่ชั้นผู้บริหารได้แล้ว บนนั้นมีหลายตำแหน่งที่รอน้องชายอยู่"ครับคุณพ่อคนที่สอง ผมไปได้หรือยัง""ขับรถดีๆ ล่ะ เมียยิ่งกำลังท้องอยู่"ของขวัญและจ๊ะเอ๋ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของรถ ต่างก็มองหน้ากันและยิ้มดีใจที่พี่และน้องเปิดใจคุยกันได้สักทีพอรถของพระรามวิ่งออกไป พระลักษณ์ก็เลยชวนเธอไปเดินดูทุ่งนา เพราะอีกสองวันก็จะกลับกันแล้วเดินมายังไม่ถึงไหนท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน"กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ""ไปหลบฝนที่กระท่อมน้อยก่อน""ไปหลบทำไมตรงนั้นคะ กลับบ้านเร็วกว่าอีก""ไปเถอะน่า" ชายหนุ่มรีบพาเธอเดินไปที่กระท่อม เกิดมาไม่เคยพบเจอบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งกว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะอากาศเวลาฝนตก อยู่ในกระท่อมน้อยกับคน
พระที่ลุงบุญกับจ้อยไปรับกำลังทยอยลงจากรถ สายตาคนเป็นเจ้าบ่าว มองทอดออกไป ซึ่งไม่ได้สนใจพระที่กำลังเดินเข้ามาเลย แต่เขามองหาใครบางคน ที่สามารถจะช่วยให้งานแต่งวันนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในขณะนั้นมือเรียวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยื่นไปกุมมือของเขาไว้ "ไม่ว่าท่านจะมาหรือไม่มา ยังไงงานแต่งของเราก็...?" สายตาเธอมองออกไปจังหวะที่พระเดินเข้ามาครบแล้ว ก็เห็นว่ามีใครอีกคนที่เดินตามหลังมา "..ท่าน"พระลักษณ์มองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นว่าคนที่เขากำลังเฝ้ารอเดินตามเข้ามาด้วย "พ่อ""สวัสดีค่ะ เชิญเข้าไปข้างในก่อนเลยค่ะ" คนที่ยืนรอต้อนรับก็คือแก้วกานดา"สวัสดีครับ วันนี้คุณสวยมากเลย" พระนายอดที่จะชมแม่ของฝ่ายหญิงไม่ได้ เพราะวันนี้นางแต่งตัวสวยจริงๆ"แอ๊ะแอ้ม" เสียงกระไอแอมนี้ดังขึ้น เมื่อกำนันไข่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินคำชมนั้น "อ้าวคุณกำนัน สวัสดีครับ""สวัสดีครับ" ทั้งสองต่างก็กล่าวคำสวัสดีกัน พระนายเดินเข้ามาส่งยิ้มให้กับคู่บ่าวสาว พระลักษณ์และของขวัญยกมือไหว้ โดยสายตาลูกชายไม่ได้ละไปจากแววตาและรอยยิ้มนั้นของพ่อเลย เพราะมันดูจริงใจไม่เหมือนปั้นหน้า"แล้วน้องล่ะ" เข้ามาถึงก็เห็นแต่คู่บ่าวส
"คุยอะไรกันอยู่คะ" พอเก็บของช่วยผู้ใหญ่เสร็จ ของขวัญและจ๊ะเอ๋ก็เดินมานั่งที่แคร่หน้าบ้านเป็นเพื่อนทั้งสอง"เปล่าหรอกครับ" พระลักษณ์ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจไปด้วย"ถ้าคุณมีเรื่องอะไรคุยกับฉันได้เลยนะ" ทำไมของขวัญจะไม่รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เพราะเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด"ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้สิ" มือหนาเอื้อมไปโอบเอวหญิงสาวให้เข้ามาซบอกตัวเอง"..อืม" พระรามกำลังจะอ้าปาก แต่ถูกจ๊ะเอ๋ปิดปากไว้แล้วลากตัวออกมา "อะไรของเธอเนี่ย""ฉันรู้นะว่านายจะพูดอะไร""แหมรู้ดีนักนะเรา มานั่งอยู่ในหัวใจพี่หรือไงจ๊ะสาวน้อย""ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในนั้นแล้วใครอยู่ล่ะ!""เปล่าครับมันก็เป็นของน้องจ๊ะทั้งสี่ห้องหัวใจนั่นแหละ" เกือบงานเข้าแล้วไหมล่ะดึกๆ ของคืนเดียวกัน"เดี๋ยวแม่ก็จับได้หรอกค่ะ""อีกสองวันก็ถึงงานแต่งแล้ว ท่านไม่ว่าอะไรหรอก" ริมฝีปากหนาพูดในขณะที่ไซร้ซอกคอระหงอยู่ วันนี้พระลักษณ์ลงทุนขอร้องพระราม ให้พาเมียขึ้นไปนอนชั้นบน ส่วนเขาใช้ห้องชั้นล่าง"อื้อ" พอใบหน้าเขาขยับต่ำลงไป หญิงสาวก็เริ่มมีเสียงครางออกมา "ไม่ค่ะ" ของขวัญรู้ดีว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่สะดือแน่"หลายวันแล้วนะไม่ได้กิน""คุณพ
แอด.. แอด.."บอกแล้วไงว่าให้เดินเบาๆ!" พระลักษณ์ กระซิบตะคอกน้องชาย เพราะลงแรงที่ปลายเท้าหนักเกินไป"โทษๆ ที" ถ้าตะคอกเรื่องอื่นมีสวนแน่ แต่เรื่องนี้เข้ากันดียิ่งกว่าปี่กับขลุ่ยทั้งสองย่องเดินมาจนถึงหน้าห้องของสาวๆป๊อก..ป๊อก.. เสียงเคาะส่งสัญญาณเบาๆ เพื่อให้คนด้านในรู้"?" สองสาวกำลังนอนคุยกันอยู่พอดี ไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าเป็นเสียงใครแกร็ก.. ประตูบานนั้นค่อยๆ ถูกเปิดแง้มออก"พวกคุณขึ้นมาทำไม" คนที่มาเปิดประตูก็คือจ๊ะเอ๋"ก็ไอ้นี่น่ะสิมันเล่นนอนดิ้นไปดิ้นมา ใครจะไปนอนหลับ""เรื่องแค่นี้เองนะ" ว่าแล้วจ๊เอ๋ก็กำลังจะปิดประตูไว้"โอ๊ย" แต่มือของใครไม่รู้แหย่เข้ามาจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดสนิท"คุณพระลักษณ์!?" จ๊ะเอ๋ตกใจที่ปิดประตูหนีบมือพระลักษณ์"เป็นอะไรไหมคะ" ของขวัญรีบเข้ามาดู "คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย""คิดถึง นอนไม่หลับ" ถึงแม้ประโยคนี้พระลักษณ์จะพูดออกมาเพียงเบาๆ แต่เพื่อนที่อยู่ร่วมห้องก็ได้ยิน"แหวะ" พระรามอดประชดไม่ได้ เพราะแต่ก่อนว่าให้เขาดีนัก เดี๋ยวนี้เป็นไงล่ะเจอกับตัว..หนักกว่าอีก"เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็ตื่นหรอกค่ะ พวกคุณลงไปนอนได้แล้ว""ขอเปลี่ยนคู่ได้ไหม""ไม่เอาแม่จัดให้แบบนี้แล
ท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะพายุฝนกำลังเข้า แต่ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้คู่รักที่กำลังนัวเนียกันอยู่ในกระท่อมน้อยนั้นได้เลย"คุณพระลักษณ์คะ" หญิงสาวต้องได้รีบเรียกสติเขาไว้ก่อนที่มันจะเตลิด เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การทำเรื่องที่เขากำลังต้องการในเวลานี้เลย"ไม่มีใครมาเห็นหรอก" เขาพาเธอหลบเข้ามาตรงที่เป็นมุม ซึ่งเป็นผนังมุงด้วยใบจากพอบังสายตาคนได้"ถ้าลุงบุญกับจ้อยมาหลบฝนจะทำยังไงล่ะคะ""ถ้าเลือกให้มาหลบฝนที่นี่กับวิ่งกลับบ้าน คุณคิดว่าทั้งสองจะเลือกอะไร" เพราะระยะทางก็ไม่ได้แตกต่างกันจริงด้วยถ้ามาหลบฝนตรงนี้ก็ทำให้หนาวเปล่าๆ แต่ถ้าวิ่งกลับบ้านยังพอได้ชำระร่างกายแล้วนอนห่มผ้า ..ของขวัญมองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ตอนนี้มืดมากแถมยังมีฝนเลยทำให้มองไม่ค่อยถนัด"สัญญาว่าจะไม่นาน" ถ้ากลับบ้านดีไม่ดีอาจจะไม่ได้เลย แต่อยู่ตรงนี้ทนเจ็บเข่าหน่อยคงพอไหว"อื้อ อ " ทั้งสองไม่ได้ถอดเสื้อผ้า เพราะกางเกงขาสั้นที่เธอสวมใส่อยู่สามารถที่จะส่งผ่านความเป็นชายเข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถนัดเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เกินความพยายามของพระลักษณ์"ซี๊ดด" เสียงครางดังออกมาเป็นระยะ ระหว่างความเสียวกับเข่าที่ต้องใช้ค้ำย
ทานข้าวเสร็จของขวัญก็มาช่วยแม่จัดห้อง เพื่อให้เขาใช้นอนในคืนนี้เธอแอบดีใจอยู่ที่ไม่เห็นเขามีท่าทีไม่พอใจ หรือคนที่คิดมากคือเรา? ..อาจเป็นเราเองต่างหากที่ต่อต้านพ่อกับแม่อยู่ในใจ"โอ๊ย" มัวแต่ใจลอยมือก็เลยไปชนถูกเหลี่ยมหัวเตียงเข้า"เป็นอะไรลูก" คนที่รีบถามก็คือแม่..แต่สายตาพระลักษณ์ที่มองมาก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน"สงสัยเล็บจะฉีกค่ะ""ทำอะไรไม่เคยจะระวัง แค่ทำความสะอาดห้องยังทำให้ตัวเองเจ็บเลย เดี๋ยวแม่หาที่ตัดเล็บมาให้""ค่ะ" พอแม่เดินออกจากห้องเธอก็มองมาที่เขา อยากดูว่าเขาเป็นห่วงไหม "เจ็บ" เห็นสายตาเขาที่มองมาก็เลยอยากจะอ้อนหน่อย"ก็ตัวเองไม่ระวัง" เขาเป็นผู้ชายแสดงอารมณ์และคำพูดออกมาได้ไม่ค่อยมากของขวัญรู้สึกนอยด์ขึ้นมาในทันทีที่เขาไม่โอ๋"ที่ตัดเล็บมาแล้ว""เดี๋ยวผมตัดให้ครับ" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขอที่ตัดเล็บจากแม่ของเธอ"จัดห้องใกล้จะเสร็จแล้ว งั้นแม่ออกไปดูพ่อก่อนนะ" แก้วกานดาเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันก่อนที่จะแยกห้องนอน"ฉันทำเองค่ะ" พอแม่ออกไปแล้วหญิงสาวก็ยื่นมือไปแย่งที่ตัดเล็บจากเขา แต่พระลักษณ์ไม่ยอมส่งให้ เขายังคว้าตัวเธอเข้ามาใกล้"คุณ!""อย่าทำตัวเองเจ็บอีก" ชายหนุ่
ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง เขาอยากมีลูกกับเราเหรอ? ..มันน่าอายเกินไปที่จะถาม เพราะเธอก็ยังไม่ได้สนิทกับเขาอะไรมากมาย ..เอาวะลองเสี่ยงดู ยังไงถ้าเรามีลูก..เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขาอยู่แล้ว เขาคงไม่ทิ้งขว้างหรอกมั้งศีรษะคนตัวเล็กหนุนลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายแทนหมอน จนทั้งสองหลับไปพร้อมกัน..เช้าวันต่อมา..ที่บริษัท"น้องคะ""คะ" ของขวัญที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ได้เงยขึ้นมอง พอเห็นว่าอ้อหันมองมาที่ตัวเอง ก็แน่ใจว่าคนที่อ้อเรียกคงเป็นตัวเองแน่"ท่านประธานให้เข้าไปหาค่ะ""ให้ขวัญเข้าไปหาเหรอคะ" ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"ใช่ค่ะ..และท่านก็กำชับมาบอกว่าอย่าให้ผู้จัดการรู้""อะไรนะคะ?""ตามพี่มาตอนนี้ได้เลยค่ะ"ของขวัญเดินตามอ้อไปแบบประหม่า แต่ครั้นจะไม่ไปก็ไม่ได้"มาแล้วค่ะ" มาถึงอ้อก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้บอกกล่าวคนที่อยู่ด้านใน เพราะรู้กันอยู่แล้ว"เข้ามาใกล้ๆ นี่สิ""ค่ะ" หญิงสาวจำใจต้องได้ก้าวเดินเข้าไปหา"พี่กาญจะไปไหนคะ" พรทิพย์กำลังมองไปที่ห้องท่านประธานแบบเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน เห็นว่ากาญจนาลุกขึ้นก็เลยถามดู"พี่จะเอาเครื่องดื่มเข้าไปให้ผู้จัดการ" ว่าแล้วกาญจนาก็รีบไปชงโกโก้ร้อนก๊อก ก๊
.มัลลิกา.."สวัสดีค่ะ บริษัทพีเอ็นส่งดิฉันมา" มัลลิกายื่นซองที่เพิ่งจะไปรับจากฝ่ายบุคคลให้กับบริษัทใหม่ที่ทางนั้นให้มาติดต่อ"เราได้รับอีเมลแล้วค่ะ ว่าจะให้คุณมารับตำแหน่งที่นี่" บริษัทนี้เป็นบริษัทในเครือเดียวกับบริษัท PN อิเล็กทรอนิกส์ ที่จริงมัลลิกาไม่ได้ถูกไล่ออก แค่ถูกย้ายไปทำงานที่อื่น เพราะถ้ายังอยู่ในบริษัทนี้ คงสร้างเรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่ พระลักษณ์จึงสั่งให้ย้าย ที่เขาไม่ไล่ออกเลยเพราะเขายังมีส่วนผิดอยู่บ้าง ที่ดึงเธอเข้ามาช่วยงาน แต่ถ้ามัลลิกาไม่หวังสูงก็คงยังจะได้ร่วมงานกันต่อไปเย็นวันเดียวกัน..ที่ห้องเช่าของขวัญ"ขอบคุณค่ะคุณลุง" หญิงสาวลงจากรถ ซึ่งเป็นรถที่พระลักษณ์ให้คนมาส่งเธอที่ห้องจริงๆ แล้วงานประชุมไม่ได้จบลงแค่นั้น ยังมีกินเลี้ยงตอนเย็นอีก แต่งานตอนเย็นพ่อของเขาก็ไปร่วมด้วย พระลักษณ์จึงให้คนรถมาส่งเธอที่ห้อง เพราะถ้าให้ไปร่วมงานด้วยกลัวว่าเธอจะอึดอัดกลับเข้ามาถึงในห้อง ก็รู้สึกคิดถึงคนที่นอนร่วมห้องเมื่อคืนนี้ ..นี่อะไรกัน เคยนอนคนเดียวมาตลอดทั้งชีวิต แค่อยู่กับเขาไม่กี่คืน ทำไมเราเป็นได้ถึงเพียงนี้ครื่นนน ครื่นนนนขณะที่นอนกอดหมอนใบที่พระลักษณ์ใช้หนุนนอนเ
พอถามเรื่องมัลลิกาแล้วเขาไม่ตอบ ของขวัญก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ที่จะถามต่อ ว่าทำไมดูเหมือนมัลลิกาขนของตัวเองออกจากบริษัท"ผู้จัดการคะท่านประธานให้เข้าพบค่ะ" เดินมาถึงหน้าห้องทำงายก็เห็นอ้อยืนรออยู่"เดี๋ยวผมตามไป" ชายหนุ่มมองตามเธอที่เดินไปโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าห้องเพื่อเอาเอกสารไปเก็บก่อนที่จะเข้าไปพบพ่อ..ห้องท่านประธาน.."ทำไมแกถึงแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องผู้หญิง พ่อไม่คิดว่าแกจะเป็นคนแบบนี้" ลูกชายคนนี้ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง สั่งอะไรได้แบบนั้น แต่พอถูกขัดคำสั่ง ผู้เป็นพ่อก็เลยโมโหมาก"พ่อเรียกผมมาเพื่อจะพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ""หยุดนะพระลักษณ์!"ได้ยินเสียงพ่อตะคอกเขาก็เลยเงียบ"เรื่องแต่งงานยกเลิกไป" พระนายมาชั่งดูแล้ว มันได้ไม่คุ้มเสีย แค่ข่าวเรื่องผู้หญิงไม่นานสังคมก็คงลืมไป เพราะถ้าถึงขั้นจดทะเบียนสมรสยังไงฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมปล่อยลูกชายตัวเองไปแน่"ไม่ครับ"ตุ๊บ!! "หึ!! แกไม่เชื่อฟังพ่อตั้งแต่เมื่อไร!" พระนายถึงกับตบโต๊ะอย่างแรงแบบเกรี้ยวกราด"ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมช่วยพ่อได้ แต่เรื่องนี้ ขอร้องพ่ออย่าเข้ามายุ่งเลยครับ" ถึงแม้พ่อจะแสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่พระลักษ