ฉันพูดจริงนะ! เย่เฟิงเรียกประธานเซียวแห่งคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารมา แล้วผู้จัดการลวีก็ยอมปลดล็อกบัญชีให้แต่โดยดี!”หลีเอียนกัดฟันพูดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีเยาะเย้ย “ประธานเซียวฉางเหอ? เอียนเอ๋อร์ ตอนนี้เธอถึงขั้นพูดโกหกแล้วเหรอ? ประธานเซียวเป็นใคร เย่เฟิงเป็นใครถึงจะไปขอให้เขามาได้?”“เรื่องจริงนะคะ!”หลีเอียนพยายามแก้ต่าง“พี่คะ พี่คบกับไอ้หน้าขาวคนนี้จนกลายเป็นพวกโกหกไปแล้ว!”หลีถิงเย้ย“นั่นน่ะสิ คุณหนูเอียน คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ!”“หลานเอ้ย รีบเลิกกับผู้ชายคนนี้ซะ อยู่ใกล้สิ่งไหน เราก็จะเป็นสิ่งนั้น นี่เราเริ่มจะกลายเป็นคนชอบโกหกแล้ว!”“ประธานเซียวไม่มีทางมาหรอก ถึงแม้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของผู้อาวุโส เขาก็ไม่ให้ความสำคัญหรอก!”“เย่เฟิงจะมีหน้ามีตามากกว่าผู้อาวุโสอีกเหรอ?”คนในตระกูลหลีต่างแสดงสีหน้าเหยียดหยาม ไม่มีใครเชื่อ“อีกไม่นานพวกคุณก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! หวังว่าคนบางคนอย่าแพ้แล้วไม่ยอมรับก็พอ”เย่เฟิงหันไปมองหลีถิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“ไอ้เวร ฝันไปเถอะ! มีแต่ในฝันเท่านั้นแหละถึงจะโกหกตัวเองได้!”หลีถิงสบถพร้อมถุยน้ำลายใส่หลังจากได้ยินดังนั้
หลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ยและหลีหย่วนต่างก็มองหลีถิงด้วยความโกรธเช่นกัน+คำพูดของอีกฝ่ายน่าเกลียดชะมัด!ดูถูกเย่เฟิงไม่พอ แม้แต่หลีเอียนก็เหยียดหยามไปด้วย?“พูดว่าไงนะ?”เย่เฟิงถามชัดถ้อยชัดคำ“ทำไม? ไม่ใช่เหรอ? เย่เฟิง นายเองก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เพียงแค่จะขอให้คนอื่นช่วย นายถึงกับให้ภรรยาของตัวเองไปนอนกับคนอื่นเลยเหรอ!”“ต้องเป็นเพราะหลีเอียนไปนอนกับผู้จัดการลวีแน่ๆ อีกฝ่ายเขาถึง…”หลีถิงจะยอมเรียกเย่เฟิงว่าพ่อได้ยังไง ดังนั้นเธอจึงพูดจาพร่ำเพรื่อไม่หยุดปากเพียะ!แต่เมื่อเธอกล่าวจบ เสียงตบอันดังชัดเจนก็ดังขึ้นเห็นเพียงสวีเพ่ยเพ่ยปั้นหน้าเย็นชา ในตาเต็มไปด้วยความโกรธหลีเอียนเป็นลูกสาวของเธอ อีกฝ่ายพูดจาดูถูกลูกสาวของเธอแบบนี้ สวีเพ่ยเพ่ยจะทนไหวได้ยังไงหลีเทียนหยางเองก็มองหลานสาวด้วยสีหน้านิ่งขรึม จากนั้นหันไปมองภรรยาของตัวเองแล้วไม่พูดอะไร“คุณ…คุณตีฉันเหรอ? ตีฉันทำไม? หลีเอียนกล้าทำ แต่ไม่กล้ารับเหรอ?”หลีถิงเอามือปิดหน้า แล้วพูดเสียงแหลม“สวีเพ่ยเพ่ย เธอกล้าตบหน้าลูกสาวฉันเหรอ? ฉัน…”หลีเทียนกังเห็นดังนั้นก็โกรธจนหน้าแดง แล้วเดินไปจะลงมือกับสวีเพ่ยเพ่ยพี่สะใภ้ของต
“…”หลายคนในตระกูลหลีที่เคยอิจฉาหลีเอียนอยู่แล้ว ต่างก็ร่วมใส่ร้ายเธอไปด้วย"แม่คะ แม่พูดเกินไปหรือเปล่า? เอียนเอ๋อร์ทำตามที่ตกลงกับตระกูล แถมทำให้บัญชีของบริษัทถูกปลดล็อก แต่ตระกูลกลับไม่ปกป้องเธอ ซ้ำยังจะไล่เธอออกจากตระกูลอีก? ทำไมกัน?"สวีเพ่ยเพ่ยถามด้วยความโกรธ"ทำไมงั้นเหรอ? เพราะฉันเป็นหัวหน้าของตระกูลนี้! ถ้าเธอไม่อยากอยู่ในตระกูลนี้ ก็ไสหัวออกจากตระกูลหลีซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดกับลูกสะใภ้คนโตอย่างไม่เกรงใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็โมโหจนปากสั่นหลีเทียนหยางก็แสดงสีหน้าไม่พอใจสุดขีด "แม่ครับ แม่จะไล่ผมออกจากตระกูลด้วยใช่ไหมครับ?"เหอะๆ ทั้งภรรยาและลูกสาวของตนถูกไล่ออกจากตระกูลหมด?นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?"ไอ้คนไร้ประโยชน์! แม้แต่ภรรยากับลูกสาวของตัวเองก็จัดการไม่ได้! ถ้าแกไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหลีเอียนให้แต่งงานกับคุณชายฉู่ได้ แกก็ไสหัวไปซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดอย่างเย็นชา"ถ้างั้น ผมก็จะไม่อยู่ในตระกูลนี้แล้ว! คุณย่า คุณย่าลำเอียงเกินไปแล้ว!"หลีหย่วนหน้าแดง และพูดออกมาด้วยความโกรธผู้อาวุโสหลีมองไปที่หลานชายของตนด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "
“"ที่รัก ก็แค่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลีเท่านั้นเอง? เชื่อผม ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ และเราจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้คุณย่าของคุณ และคนในตระกูลหลีต้องเสียใจ"เย่เฟิงพูดขึ้นเมื่อเห็นหลีเอียนในสภาพเช่นนี้ เขารู้สึกแน่นในอกเล็กน้อยหลีเอียนส่ายหัว ดวงตาที่งดงามจ้องมองเย่เฟิงอย่างเหม่อลอย "เย่เฟิง สายสัมพันธ์ในครอบครัวมันเปราะบางขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ทำไมถึงต้องทะเลาะกันด้วย?"เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหัวและตอบอย่างจริงจัง "ไม่ใช่แน่นอน! ดูสิ พ่อแม่คุณ แม้จะถูกไล่ออกจากตระกูลพร้อมกับคุณ แต่พวกเขาก็ไม่บ่นอะไรสักคำ ส่วนอาหย่วนเองก็ยืนเคียงข้างคุณตลอด"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเย่เฟิงก็แสดงรอยยิ้มแบบถากถาง "ลองคิดถึงผม กับนั่วนั่วสิ คุณมีความสุขมากกว่าเราแค่ไหน?"เมื่อได้ยินคำนี้ หลีเอียนก็ตะลึงเล็กน้อย มองชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนใช่สิ เย่เฟิงถูกภรรยาของเขาทรยศนั่วนั่วก็ถูกแม่แท้ๆ ของเธอทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานีแต่ก่อนสำหรับหลีเอียนแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็เป็นแค่ ‘ข้อมูล’ ที่เธอเคยสืบรู้เกี่ยวกับเย่เฟิงเท่านั้นเธอซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลหลีที่ไม่เคยเ
เดิมทีวังหมิงจูไม่ค่อยอยากขายเท่าไหร่ แต่พอได้ยินราคานี้แล้ว เขาก็ตอบตกลงทันที “เรียบร้อย! เขาบอกว่าจะมาทำเรื่องให้เสร็จในช่วงบ่ายนี้ ถึงตอนนั้นใช้ชื่อคุณเป็นเจ้าของเลยนะ”เย่เฟิงพูดหลังจากวางสาย"อืม..."หลีเอียนพยักหน้าเล็กน้อย ในใจคิดอยากจะบอกว่าเอาเงินที่ซื้อโรงงานนี้ให้เธอเลยดีกว่า แต่เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็กลืนคำพูดนั้นลงไป "ช่างมันเถอะ ดูเหมือนว่าตอนนี้หมอนี่ดูจะมีเงินเยอะมาก แถมยังช่วยตนมาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยยังไงก็ได้ประโยชน์มาหลายครั้งแล้ว ได้ประโยชน์แบบนี้ต่อไปเดี๋ยวก็คงชินเองแหละมั้ง…ในขณะนั้นเอง มีรถ Audi A6 คันหนึ่งขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กับที่พวกเขายืนอยู่ "อ้าว นี่มันพี่เฟิงไม่ใช่เหรอ? มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?"ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถแล้วถามเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถัดจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมถุงน่องลายตาข่ายพร้อมกระโปรงสั้นลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย้ยหยันเช่นเดียวกัน"โอ้ นี่มันบอสไม่ใช่เหรอ? โอ๊ะ! ไม่สิ ต้องเรียกว่า อดีตบอสต่างหาก!" "ได้ข่าวว่า ตอนนี้จนขนาดต้องขายไตแล้วเหรอ? แหมๆๆ..."เมื่อเห็นชายหญิงคู่นี้ สีหน้าของเย่เ
เมื่อหลีเอียนพูดคำนี้ออกไป เจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แสดงท่าทีไม่สนใจเจียอี้หัวเราะเยาะ "เย่เฟิง นายบอกคนอื่นเขาว่านายซื้อโรงงานนี้คืนมาแล้วเหรอ? นายนี่มันไม่จริงใจเลยนะ ใช้ทุกวิถีทางในการหลอกผู้หญิง!" "ใครๆ ก็รู้ว่านายจนมากจนไม่เหลืออะไรแล้ว ภรรยาของนายยังทิ้งนายไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น คนจนแบบนายจะซื้อโรงงานคืนมาได้ยังไง?"จางเสี่ยวหลานพูดเย้ยหยัน หลีเอียนขมวดคิ้วพลางหันไปถามเย่เฟิง "พวกเขาเป็นใครเหรอ?" เย่เฟิงไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนและลูกน้องพวกนี้ให้หลีเอียนฟังมาก่อน"ก็แค่พวกคนไร้ค่าน่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่อยากแนะนำเจียอี้และจางเสี่ยวหลาน เพียงแค่หันไปมองเจียอี้ด้วยสายตาเย็นชา "เจียอี้ นายคบกับจางเสี่ยวหลานแล้วเหรอ? นายไม่รู้สึกผิดต่อภรรยาที่คลอดลูกทั้งสองคนให้นายเลยหรือไง?" เจียอี้แต่งงานแล้ว และภรรยาของเขายังคลอดลูกสาวสองคนให้เขาด้วยแต่ตอนนี้เขากับจางเสี่ยวหลานกลับมีท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังคบหากัน "แม่มึงสิ! ฉันกับเสี่ยวหลานก็แค่เพื่อนร่วมงานกันเฉยๆ คนชั้นต่ำอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาพูด!"เจียอี้หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะโกรธแล
"ถึงจะคลานเข้าไปทำงาน คุณก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "อุ๊ย ยังจะเสแสร้งอีก?"เจียอี้เย้ยหยัน แต่ทันใดนั้น รถเบนซ์รุ่น C-Class ก็แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วและจอดลงข้างๆ พวกเขา จากนั้นไม่นาน ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูน่าเชื่อถือคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ "เถ้าแก่เย่ ขอโทษที่ให้รอนานนะ!" หลังจากที่วังหมิงจูลงจากรถ เขาก็เดินเข้าไปหาเย่เฟิงและยื่นบุหรี่หรูให้ด้วยความเคารพเย่เฟิงโบกมือเบาๆ "ไม่นานเท่าไหร่ พี่วังมาถึงไวดีนะครับ" "ฮ่าๆ…พอคุณโทรมา ผมก็รีบออกจากบ้านเลย!"วังหมิงจูพูดหัวเราะ ทันใดนั้น เขาถึงจะสังเกตเห็นเจียอี้และจางเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ข้างๆ "อ้าว เสี่ยวเจีย คุณจาง พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? มาทักทายเถ้าแก่เย่กันเหรอ? หรือว่าพวกคุณเองก็รู้ว่าเถ้าแก่เย่จะกลับมาบริหารที่นี่ใหม่อีกครั้งน่ะ? ฮ่าๆ…”ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แข็งทื่อไปทันทีใบหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว "บะ...บอส คุณพูดอะไรนะครับ?"เจียอี้พูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความตกตะลึง"นี่ อย่าเรียกผมว่าบอสเลย อีกไม่นานผมก็ไม่ใช่เจ้านายของพวกคุณแล้ว เถ้าแก่เย่
เจียอี้และจางเสี่ยวหลานไม่คิดว่าเย่เฟิงจะออกเงินสิบล้านซื้อโรงงานกลับคืนมาจริงๆ แถมยังจ่ายเงินมัดจำไปห้าล้านแล้วด้วยหมอนี่เป็นปลาเค็มพลิกตัวเป็นเศรษฐีอีกแล้วเหรอ!เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนดูถูกเย้ยหยันเย่เฟิงไปก่อนหน้านี้แล้ว เจียอี้ก็ตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา“พี่เฟิง! ผมล้อเล่นจริงๆ นะ พี่อย่าคิดจริงสิ! ผมเป็นคนยังไงพี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ผมน่ะพูดอะไรไม่ผ่านสมอง!ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ ผมจะทำตัวดีแน่นอน!”เจียอี้พูดด้วยเสียงร้อนรนใจ“นายคู่ควรด้วยเหรอ?”เย่เฟิงถามกลับอย่างเย็นชา ไร้ความรู้สึกต่อเจียอี้อย่างสิ้นเชิงความจริงอีกฝ่ายไม่มีวุฒิการศึกษาสูงส่งอะไร หลังจากจบมัธยมปลายก็ไม่มีงานที่เข้าที่เข้าทาง เป็นเพราะเย่เฟิงให้โอกาสเขาในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทให้เขาทำงานตั้งแต่ตำแหน่งหัวหน้าลานจอดรถ จนเป็นหัวหน้าโรงงานที่ได้เงินเดือนสองหมื่นแต่แล้วเจียอี้ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้น แต่ยังซ้ำเติมเย่เฟิงตอนที่เขาล้มด้วยพบกันครั้งนี้ ใบหน้าฉวยโอกาส ไม่สนใจใครเหมือนเดิมนั้นยิ่งชัดเจนกว่าเดิมคนแบบนี้ เย่เฟิงจะให้โอกาสเขาอีกได้ยังไง?เมื่อสิ้นเสียง ขาของเจียอี้ก็ทรุดลงกับพื้นทันที