ฉันพูดจริงนะ! เย่เฟิงเรียกประธานเซียวแห่งคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารมา แล้วผู้จัดการลวีก็ยอมปลดล็อกบัญชีให้แต่โดยดี!”หลีเอียนกัดฟันพูดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีเยาะเย้ย “ประธานเซียวฉางเหอ? เอียนเอ๋อร์ ตอนนี้เธอถึงขั้นพูดโกหกแล้วเหรอ? ประธานเซียวเป็นใคร เย่เฟิงเป็นใครถึงจะไปขอให้เขามาได้?”“เรื่องจริงนะคะ!”หลีเอียนพยายามแก้ต่าง“พี่คะ พี่คบกับไอ้หน้าขาวคนนี้จนกลายเป็นพวกโกหกไปแล้ว!”หลีถิงเย้ย“นั่นน่ะสิ คุณหนูเอียน คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ!”“หลานเอ้ย รีบเลิกกับผู้ชายคนนี้ซะ อยู่ใกล้สิ่งไหน เราก็จะเป็นสิ่งนั้น นี่เราเริ่มจะกลายเป็นคนชอบโกหกแล้ว!”“ประธานเซียวไม่มีทางมาหรอก ถึงแม้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของผู้อาวุโส เขาก็ไม่ให้ความสำคัญหรอก!”“เย่เฟิงจะมีหน้ามีตามากกว่าผู้อาวุโสอีกเหรอ?”คนในตระกูลหลีต่างแสดงสีหน้าเหยียดหยาม ไม่มีใครเชื่อ“อีกไม่นานพวกคุณก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! หวังว่าคนบางคนอย่าแพ้แล้วไม่ยอมรับก็พอ”เย่เฟิงหันไปมองหลีถิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“ไอ้เวร ฝันไปเถอะ! มีแต่ในฝันเท่านั้นแหละถึงจะโกหกตัวเองได้!”หลีถิงสบถพร้อมถุยน้ำลายใส่หลังจากได้ยินดังนั้
หลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ยและหลีหย่วนต่างก็มองหลีถิงด้วยความโกรธเช่นกัน+คำพูดของอีกฝ่ายน่าเกลียดชะมัด!ดูถูกเย่เฟิงไม่พอ แม้แต่หลีเอียนก็เหยียดหยามไปด้วย?“พูดว่าไงนะ?”เย่เฟิงถามชัดถ้อยชัดคำ“ทำไม? ไม่ใช่เหรอ? เย่เฟิง นายเองก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เพียงแค่จะขอให้คนอื่นช่วย นายถึงกับให้ภรรยาของตัวเองไปนอนกับคนอื่นเลยเหรอ!”“ต้องเป็นเพราะหลีเอียนไปนอนกับผู้จัดการลวีแน่ๆ อีกฝ่ายเขาถึง…”หลีถิงจะยอมเรียกเย่เฟิงว่าพ่อได้ยังไง ดังนั้นเธอจึงพูดจาพร่ำเพรื่อไม่หยุดปากเพียะ!แต่เมื่อเธอกล่าวจบ เสียงตบอันดังชัดเจนก็ดังขึ้นเห็นเพียงสวีเพ่ยเพ่ยปั้นหน้าเย็นชา ในตาเต็มไปด้วยความโกรธหลีเอียนเป็นลูกสาวของเธอ อีกฝ่ายพูดจาดูถูกลูกสาวของเธอแบบนี้ สวีเพ่ยเพ่ยจะทนไหวได้ยังไงหลีเทียนหยางเองก็มองหลานสาวด้วยสีหน้านิ่งขรึม จากนั้นหันไปมองภรรยาของตัวเองแล้วไม่พูดอะไร“คุณ…คุณตีฉันเหรอ? ตีฉันทำไม? หลีเอียนกล้าทำ แต่ไม่กล้ารับเหรอ?”หลีถิงเอามือปิดหน้า แล้วพูดเสียงแหลม“สวีเพ่ยเพ่ย เธอกล้าตบหน้าลูกสาวฉันเหรอ? ฉัน…”หลีเทียนกังเห็นดังนั้นก็โกรธจนหน้าแดง แล้วเดินไปจะลงมือกับสวีเพ่ยเพ่ยพี่สะใภ้ของต
“…”หลายคนในตระกูลหลีที่เคยอิจฉาหลีเอียนอยู่แล้ว ต่างก็ร่วมใส่ร้ายเธอไปด้วย"แม่คะ แม่พูดเกินไปหรือเปล่า? เอียนเอ๋อร์ทำตามที่ตกลงกับตระกูล แถมทำให้บัญชีของบริษัทถูกปลดล็อก แต่ตระกูลกลับไม่ปกป้องเธอ ซ้ำยังจะไล่เธอออกจากตระกูลอีก? ทำไมกัน?"สวีเพ่ยเพ่ยถามด้วยความโกรธ"ทำไมงั้นเหรอ? เพราะฉันเป็นหัวหน้าของตระกูลนี้! ถ้าเธอไม่อยากอยู่ในตระกูลนี้ ก็ไสหัวออกจากตระกูลหลีซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดกับลูกสะใภ้คนโตอย่างไม่เกรงใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็โมโหจนปากสั่นหลีเทียนหยางก็แสดงสีหน้าไม่พอใจสุดขีด "แม่ครับ แม่จะไล่ผมออกจากตระกูลด้วยใช่ไหมครับ?"เหอะๆ ทั้งภรรยาและลูกสาวของตนถูกไล่ออกจากตระกูลหมด?นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?"ไอ้คนไร้ประโยชน์! แม้แต่ภรรยากับลูกสาวของตัวเองก็จัดการไม่ได้! ถ้าแกไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหลีเอียนให้แต่งงานกับคุณชายฉู่ได้ แกก็ไสหัวไปซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดอย่างเย็นชา"ถ้างั้น ผมก็จะไม่อยู่ในตระกูลนี้แล้ว! คุณย่า คุณย่าลำเอียงเกินไปแล้ว!"หลีหย่วนหน้าแดง และพูดออกมาด้วยความโกรธผู้อาวุโสหลีมองไปที่หลานชายของตนด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "
“"ที่รัก ก็แค่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลีเท่านั้นเอง? เชื่อผม ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ และเราจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้คุณย่าของคุณ และคนในตระกูลหลีต้องเสียใจ"เย่เฟิงพูดขึ้นเมื่อเห็นหลีเอียนในสภาพเช่นนี้ เขารู้สึกแน่นในอกเล็กน้อยหลีเอียนส่ายหัว ดวงตาที่งดงามจ้องมองเย่เฟิงอย่างเหม่อลอย "เย่เฟิง สายสัมพันธ์ในครอบครัวมันเปราะบางขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ทำไมถึงต้องทะเลาะกันด้วย?"เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหัวและตอบอย่างจริงจัง "ไม่ใช่แน่นอน! ดูสิ พ่อแม่คุณ แม้จะถูกไล่ออกจากตระกูลพร้อมกับคุณ แต่พวกเขาก็ไม่บ่นอะไรสักคำ ส่วนอาหย่วนเองก็ยืนเคียงข้างคุณตลอด"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเย่เฟิงก็แสดงรอยยิ้มแบบถากถาง "ลองคิดถึงผม กับนั่วนั่วสิ คุณมีความสุขมากกว่าเราแค่ไหน?"เมื่อได้ยินคำนี้ หลีเอียนก็ตะลึงเล็กน้อย มองชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนใช่สิ เย่เฟิงถูกภรรยาของเขาทรยศนั่วนั่วก็ถูกแม่แท้ๆ ของเธอทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานีแต่ก่อนสำหรับหลีเอียนแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็เป็นแค่ ‘ข้อมูล’ ที่เธอเคยสืบรู้เกี่ยวกับเย่เฟิงเท่านั้นเธอซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลหลีที่ไม่เคยเ
เดิมทีวังหมิงจูไม่ค่อยอยากขายเท่าไหร่ แต่พอได้ยินราคานี้แล้ว เขาก็ตอบตกลงทันที “เรียบร้อย! เขาบอกว่าจะมาทำเรื่องให้เสร็จในช่วงบ่ายนี้ ถึงตอนนั้นใช้ชื่อคุณเป็นเจ้าของเลยนะ”เย่เฟิงพูดหลังจากวางสาย"อืม..."หลีเอียนพยักหน้าเล็กน้อย ในใจคิดอยากจะบอกว่าเอาเงินที่ซื้อโรงงานนี้ให้เธอเลยดีกว่า แต่เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็กลืนคำพูดนั้นลงไป "ช่างมันเถอะ ดูเหมือนว่าตอนนี้หมอนี่ดูจะมีเงินเยอะมาก แถมยังช่วยตนมาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยยังไงก็ได้ประโยชน์มาหลายครั้งแล้ว ได้ประโยชน์แบบนี้ต่อไปเดี๋ยวก็คงชินเองแหละมั้ง…ในขณะนั้นเอง มีรถ Audi A6 คันหนึ่งขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กับที่พวกเขายืนอยู่ "อ้าว นี่มันพี่เฟิงไม่ใช่เหรอ? มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?"ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถแล้วถามเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถัดจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมถุงน่องลายตาข่ายพร้อมกระโปรงสั้นลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย้ยหยันเช่นเดียวกัน"โอ้ นี่มันบอสไม่ใช่เหรอ? โอ๊ะ! ไม่สิ ต้องเรียกว่า อดีตบอสต่างหาก!" "ได้ข่าวว่า ตอนนี้จนขนาดต้องขายไตแล้วเหรอ? แหมๆๆ..."เมื่อเห็นชายหญิงคู่นี้ สีหน้าของเย่เ
เมื่อหลีเอียนพูดคำนี้ออกไป เจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แสดงท่าทีไม่สนใจเจียอี้หัวเราะเยาะ "เย่เฟิง นายบอกคนอื่นเขาว่านายซื้อโรงงานนี้คืนมาแล้วเหรอ? นายนี่มันไม่จริงใจเลยนะ ใช้ทุกวิถีทางในการหลอกผู้หญิง!" "ใครๆ ก็รู้ว่านายจนมากจนไม่เหลืออะไรแล้ว ภรรยาของนายยังทิ้งนายไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น คนจนแบบนายจะซื้อโรงงานคืนมาได้ยังไง?"จางเสี่ยวหลานพูดเย้ยหยัน หลีเอียนขมวดคิ้วพลางหันไปถามเย่เฟิง "พวกเขาเป็นใครเหรอ?" เย่เฟิงไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนและลูกน้องพวกนี้ให้หลีเอียนฟังมาก่อน"ก็แค่พวกคนไร้ค่าน่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่อยากแนะนำเจียอี้และจางเสี่ยวหลาน เพียงแค่หันไปมองเจียอี้ด้วยสายตาเย็นชา "เจียอี้ นายคบกับจางเสี่ยวหลานแล้วเหรอ? นายไม่รู้สึกผิดต่อภรรยาที่คลอดลูกทั้งสองคนให้นายเลยหรือไง?" เจียอี้แต่งงานแล้ว และภรรยาของเขายังคลอดลูกสาวสองคนให้เขาด้วยแต่ตอนนี้เขากับจางเสี่ยวหลานกลับมีท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังคบหากัน "แม่มึงสิ! ฉันกับเสี่ยวหลานก็แค่เพื่อนร่วมงานกันเฉยๆ คนชั้นต่ำอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาพูด!"เจียอี้หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะโกรธแล
"ถึงจะคลานเข้าไปทำงาน คุณก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "อุ๊ย ยังจะเสแสร้งอีก?"เจียอี้เย้ยหยัน แต่ทันใดนั้น รถเบนซ์รุ่น C-Class ก็แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วและจอดลงข้างๆ พวกเขา จากนั้นไม่นาน ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูน่าเชื่อถือคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ "เถ้าแก่เย่ ขอโทษที่ให้รอนานนะ!" หลังจากที่วังหมิงจูลงจากรถ เขาก็เดินเข้าไปหาเย่เฟิงและยื่นบุหรี่หรูให้ด้วยความเคารพเย่เฟิงโบกมือเบาๆ "ไม่นานเท่าไหร่ พี่วังมาถึงไวดีนะครับ" "ฮ่าๆ…พอคุณโทรมา ผมก็รีบออกจากบ้านเลย!"วังหมิงจูพูดหัวเราะ ทันใดนั้น เขาถึงจะสังเกตเห็นเจียอี้และจางเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ข้างๆ "อ้าว เสี่ยวเจีย คุณจาง พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? มาทักทายเถ้าแก่เย่กันเหรอ? หรือว่าพวกคุณเองก็รู้ว่าเถ้าแก่เย่จะกลับมาบริหารที่นี่ใหม่อีกครั้งน่ะ? ฮ่าๆ…”ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แข็งทื่อไปทันทีใบหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว "บะ...บอส คุณพูดอะไรนะครับ?"เจียอี้พูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความตกตะลึง"นี่ อย่าเรียกผมว่าบอสเลย อีกไม่นานผมก็ไม่ใช่เจ้านายของพวกคุณแล้ว เถ้าแก่เย่
เจียอี้และจางเสี่ยวหลานไม่คิดว่าเย่เฟิงจะออกเงินสิบล้านซื้อโรงงานกลับคืนมาจริงๆ แถมยังจ่ายเงินมัดจำไปห้าล้านแล้วด้วยหมอนี่เป็นปลาเค็มพลิกตัวเป็นเศรษฐีอีกแล้วเหรอ!เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนดูถูกเย้ยหยันเย่เฟิงไปก่อนหน้านี้แล้ว เจียอี้ก็ตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา“พี่เฟิง! ผมล้อเล่นจริงๆ นะ พี่อย่าคิดจริงสิ! ผมเป็นคนยังไงพี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ผมน่ะพูดอะไรไม่ผ่านสมอง!ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ ผมจะทำตัวดีแน่นอน!”เจียอี้พูดด้วยเสียงร้อนรนใจ“นายคู่ควรด้วยเหรอ?”เย่เฟิงถามกลับอย่างเย็นชา ไร้ความรู้สึกต่อเจียอี้อย่างสิ้นเชิงความจริงอีกฝ่ายไม่มีวุฒิการศึกษาสูงส่งอะไร หลังจากจบมัธยมปลายก็ไม่มีงานที่เข้าที่เข้าทาง เป็นเพราะเย่เฟิงให้โอกาสเขาในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทให้เขาทำงานตั้งแต่ตำแหน่งหัวหน้าลานจอดรถ จนเป็นหัวหน้าโรงงานที่ได้เงินเดือนสองหมื่นแต่แล้วเจียอี้ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้น แต่ยังซ้ำเติมเย่เฟิงตอนที่เขาล้มด้วยพบกันครั้งนี้ ใบหน้าฉวยโอกาส ไม่สนใจใครเหมือนเดิมนั้นยิ่งชัดเจนกว่าเดิมคนแบบนี้ เย่เฟิงจะให้โอกาสเขาอีกได้ยังไง?เมื่อสิ้นเสียง ขาของเจียอี้ก็ทรุดลงกับพื้นทันที
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้