เดิมทีวังหมิงจูไม่ค่อยอยากขายเท่าไหร่ แต่พอได้ยินราคานี้แล้ว เขาก็ตอบตกลงทันที “เรียบร้อย! เขาบอกว่าจะมาทำเรื่องให้เสร็จในช่วงบ่ายนี้ ถึงตอนนั้นใช้ชื่อคุณเป็นเจ้าของเลยนะ”เย่เฟิงพูดหลังจากวางสาย"อืม..."หลีเอียนพยักหน้าเล็กน้อย ในใจคิดอยากจะบอกว่าเอาเงินที่ซื้อโรงงานนี้ให้เธอเลยดีกว่า แต่เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็กลืนคำพูดนั้นลงไป "ช่างมันเถอะ ดูเหมือนว่าตอนนี้หมอนี่ดูจะมีเงินเยอะมาก แถมยังช่วยตนมาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยยังไงก็ได้ประโยชน์มาหลายครั้งแล้ว ได้ประโยชน์แบบนี้ต่อไปเดี๋ยวก็คงชินเองแหละมั้ง…ในขณะนั้นเอง มีรถ Audi A6 คันหนึ่งขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กับที่พวกเขายืนอยู่ "อ้าว นี่มันพี่เฟิงไม่ใช่เหรอ? มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?"ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถแล้วถามเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถัดจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมถุงน่องลายตาข่ายพร้อมกระโปรงสั้นลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย้ยหยันเช่นเดียวกัน"โอ้ นี่มันบอสไม่ใช่เหรอ? โอ๊ะ! ไม่สิ ต้องเรียกว่า อดีตบอสต่างหาก!" "ได้ข่าวว่า ตอนนี้จนขนาดต้องขายไตแล้วเหรอ? แหมๆๆ..."เมื่อเห็นชายหญิงคู่นี้ สีหน้าของเย่เ
เมื่อหลีเอียนพูดคำนี้ออกไป เจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แสดงท่าทีไม่สนใจเจียอี้หัวเราะเยาะ "เย่เฟิง นายบอกคนอื่นเขาว่านายซื้อโรงงานนี้คืนมาแล้วเหรอ? นายนี่มันไม่จริงใจเลยนะ ใช้ทุกวิถีทางในการหลอกผู้หญิง!" "ใครๆ ก็รู้ว่านายจนมากจนไม่เหลืออะไรแล้ว ภรรยาของนายยังทิ้งนายไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น คนจนแบบนายจะซื้อโรงงานคืนมาได้ยังไง?"จางเสี่ยวหลานพูดเย้ยหยัน หลีเอียนขมวดคิ้วพลางหันไปถามเย่เฟิง "พวกเขาเป็นใครเหรอ?" เย่เฟิงไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนและลูกน้องพวกนี้ให้หลีเอียนฟังมาก่อน"ก็แค่พวกคนไร้ค่าน่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่อยากแนะนำเจียอี้และจางเสี่ยวหลาน เพียงแค่หันไปมองเจียอี้ด้วยสายตาเย็นชา "เจียอี้ นายคบกับจางเสี่ยวหลานแล้วเหรอ? นายไม่รู้สึกผิดต่อภรรยาที่คลอดลูกทั้งสองคนให้นายเลยหรือไง?" เจียอี้แต่งงานแล้ว และภรรยาของเขายังคลอดลูกสาวสองคนให้เขาด้วยแต่ตอนนี้เขากับจางเสี่ยวหลานกลับมีท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังคบหากัน "แม่มึงสิ! ฉันกับเสี่ยวหลานก็แค่เพื่อนร่วมงานกันเฉยๆ คนชั้นต่ำอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาพูด!"เจียอี้หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะโกรธแล
"ถึงจะคลานเข้าไปทำงาน คุณก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "อุ๊ย ยังจะเสแสร้งอีก?"เจียอี้เย้ยหยัน แต่ทันใดนั้น รถเบนซ์รุ่น C-Class ก็แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วและจอดลงข้างๆ พวกเขา จากนั้นไม่นาน ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูน่าเชื่อถือคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ "เถ้าแก่เย่ ขอโทษที่ให้รอนานนะ!" หลังจากที่วังหมิงจูลงจากรถ เขาก็เดินเข้าไปหาเย่เฟิงและยื่นบุหรี่หรูให้ด้วยความเคารพเย่เฟิงโบกมือเบาๆ "ไม่นานเท่าไหร่ พี่วังมาถึงไวดีนะครับ" "ฮ่าๆ…พอคุณโทรมา ผมก็รีบออกจากบ้านเลย!"วังหมิงจูพูดหัวเราะ ทันใดนั้น เขาถึงจะสังเกตเห็นเจียอี้และจางเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ข้างๆ "อ้าว เสี่ยวเจีย คุณจาง พวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? มาทักทายเถ้าแก่เย่กันเหรอ? หรือว่าพวกคุณเองก็รู้ว่าเถ้าแก่เย่จะกลับมาบริหารที่นี่ใหม่อีกครั้งน่ะ? ฮ่าๆ…”ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเจียอี้และจางเสี่ยวหลานก็แข็งทื่อไปทันทีใบหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว "บะ...บอส คุณพูดอะไรนะครับ?"เจียอี้พูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความตกตะลึง"นี่ อย่าเรียกผมว่าบอสเลย อีกไม่นานผมก็ไม่ใช่เจ้านายของพวกคุณแล้ว เถ้าแก่เย่
เจียอี้และจางเสี่ยวหลานไม่คิดว่าเย่เฟิงจะออกเงินสิบล้านซื้อโรงงานกลับคืนมาจริงๆ แถมยังจ่ายเงินมัดจำไปห้าล้านแล้วด้วยหมอนี่เป็นปลาเค็มพลิกตัวเป็นเศรษฐีอีกแล้วเหรอ!เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนดูถูกเย้ยหยันเย่เฟิงไปก่อนหน้านี้แล้ว เจียอี้ก็ตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา“พี่เฟิง! ผมล้อเล่นจริงๆ นะ พี่อย่าคิดจริงสิ! ผมเป็นคนยังไงพี่ยังไม่รู้อีกเหรอ ผมน่ะพูดอะไรไม่ผ่านสมอง!ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ ผมจะทำตัวดีแน่นอน!”เจียอี้พูดด้วยเสียงร้อนรนใจ“นายคู่ควรด้วยเหรอ?”เย่เฟิงถามกลับอย่างเย็นชา ไร้ความรู้สึกต่อเจียอี้อย่างสิ้นเชิงความจริงอีกฝ่ายไม่มีวุฒิการศึกษาสูงส่งอะไร หลังจากจบมัธยมปลายก็ไม่มีงานที่เข้าที่เข้าทาง เป็นเพราะเย่เฟิงให้โอกาสเขาในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทให้เขาทำงานตั้งแต่ตำแหน่งหัวหน้าลานจอดรถ จนเป็นหัวหน้าโรงงานที่ได้เงินเดือนสองหมื่นแต่แล้วเจียอี้ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้น แต่ยังซ้ำเติมเย่เฟิงตอนที่เขาล้มด้วยพบกันครั้งนี้ ใบหน้าฉวยโอกาส ไม่สนใจใครเหมือนเดิมนั้นยิ่งชัดเจนกว่าเดิมคนแบบนี้ เย่เฟิงจะให้โอกาสเขาอีกได้ยังไง?เมื่อสิ้นเสียง ขาของเจียอี้ก็ทรุดลงกับพื้นทันที
"ที่รัก ถิงถิง! เมื่อกี้นี้คุณแม่โทรมาอีกแล้ว บอกว่าจะโอนหุ้นที่พี่ใหญ่กับนังหลีเอียนนั่นถืออยู่ในบริษัทยามาให้ผมทั้งหมด!ให้ผมบริหารดูแลแทนนังเด็กนั่นให้เต็มที่!”หลีเทียนกังพูดด้วยความพอใจเมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็ตาเป็นประกายทันที"งั้นพ่อก็จะได้ถือหุ้นถึง 40% ของบริษัทยาเลยใช่ไหมคะ?" หลีถิงถามด้วยความตื่นเต้น"ฮ่าๆ ครอบครัวของเราจะรวยแล้ว! ฉันได้ยินมาว่า ยาใหม่สี่ตัวที่บริษัทยาเพิ่งเปิดตัวไป ขายดีมากในมณฑลจงโจว!ขายดิบขายดีจนแทบขาดตลาดเลยล่ะ!" หลี่เยว่ผิงพูดด้วยความตื่นเต้น"ใช่แล้ว! นังหลีเอียนกับไอ้หนุ่มหน้าขาวนั่น แม้แต่ฝันก็คงไม่คิดว่าความพยายามทั้งหมดของพวกมัน จะกลายมาเป็นของเราง่ายๆ!ฮ่าๆๆๆ..."หลีเทียนกังหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจเขารู้ดีว่ายาทั้งสี่ตัวนี้ไม่เพียงแต่ขายเกลี้ยงในมณฑลจงโจวเท่านั้น แต่ยังมีตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่อีกหลายรายที่ต่างเร่งรีบขอสินค้าเพิ่มด้วยพวกตัวแทนเหล่านี้ต่างรอคอยอย่างกระหาย พร้อมจะสั่งซื้อโดยทันทีที่มีสินค้ามีความรู้สึกเหมือนเป็นยาที่หายากอย่างไรอย่างนั้นก่อนหน้านี้ นอกจากหงเม่าหมิงในจงโจวที่ได้ล็อตแรกไปแล้ว หลี
หลายวันต่อมา ครอบครัวของหลีเทียนหยางได้ลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆ ที่ตนเองทำงานอยู่ในธุรกิจของตระกูล และได้โอนหุ้นที่ถืออยู่ให้กับผู้อาวุโสหลีผู้อาวุโสหลีไม่ได้โกรธชั่วครู่แล้วลืม แต่เธอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะขับไล่ครอบครัวของหลีเอียนออกจากตระกูลจริง ๆ ผู้อาวุโสหลีเป็นคนที่ยึดถือผลประโยชน์ของตระกูลเป็นสิ่งสำคัญเธอไม่ต้องการให้ตระกูลหลีต้องถูกลงโทษจากตระกูลฉู่ เพราะฉะนั้นจึงได้ตัดความสัมพันธ์กับหลีเอียนอย่างไร้ความปราณีต้องยอมรับว่าโหดเหี้ยมจริงๆเพราะความกตัญญูต่อคุณหญิง หลีเทียนหยางจึงได้โอนหุ้นทั้งหมดให้ฟรี ๆแต่หลีเอียนและสวีเพ่ยเพ่ย พวกเขาเสียใจมากที่ผู้อาวุโสหลีไร้ความปราณีเช่นนี้ จึงไม่คิดจะไว้หน้าอีกต่อไปและเรียกร้องราคาหุ้นที่เหมาะสม โดยไม่ยอมลดราคาแม้แต่แดงเดียว เรื่องนี้ทำเอาผู้อาวุโสหลีโกรธมาก และยิ่งไม่ชอบหลีเอียนกับลูกสะใภ้ของเธอมากยิ่งขึ้นหลังจากที่เข้ามารับช่วงต่อบริษัทยาตระกูลหลีแล้ว หลีเทียนกังได้ติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงสัญญาและขึ้นราคายาอย่างมากแน่นอนว่านี่เป็นการผิดสัญญา แต่บรรดาทุนใหญ่ก็ยังคงมุ่งหวังกำไรสูงสุดยาตัวใหม่ทั้งส
เมื่อมู่ซินเฟยเห็นเย่เฟิง ดวงตาที่สวยงามของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย แล้วเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างอบอุ่นท่าทีนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนที่เมินเฉยอย่างสิ้นเชิงเธอทำงานที่สถาบันชีววิทยาในหยุนเฉิง ในการทำงานวิจัยนี้ หน่วยงานนี้มักจะต้องใช้ดอกไม้และพืชแปลกตาจึงมีความร่วมมือกับเหรินลี่ชวิ๋นด้วยทุกครั้งที่เหรินลี่ชวิ๋นไปมณฑลหยุน เขาจะช่วยพวกเขาขนส่งพืชพิเศษบางชนิดกลับมาครั้งนี้มู่ซินเฟยก็มารับสินค้า“คุณมู่นั่นเอง”เย่เฟิงยิ้มให้เธอ พยักหน้า และทักทายเบาๆรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ซินเฟยจู่ๆ ก็กลายเป็นไม่เป็นธรรมชาติทันใดนั้น เธอจ้องเย่เฟิงด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังโกดังที่เธอรู้จักดีเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งก่อน เธอเริ่มมองเย่เฟิงในแง่ดีขึ้น รู้สึกทั้งชื่นชมและรู้สึกผิดในใจแต่เธอไม่ยอมพูดออกมาการได้เจอเย่เฟิงครั้งนี้ เธออยากให้ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิมแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นนี้ทักทายเธออย่างสุภาพ ยิ้มแย้ม และรักษาระยะห่างอย่างบอกไม่ถูกในฐานะที่เป็นลูกสาวของผู้บัญชาการ มู่ซินเฟยไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อนครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเข้าหา แต่กลับถูกปฏิเสธ
มู่ซินเฟยเหลือบมองเย่เฟิงด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินเข้าไปในโกดัง เย่เฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินตามไปแต่เมื่อเธอเตรียมจะขึ้นรถ เย่เฟิงก็ยื่นมือออกมาห้ามเธอไว้“รอเดี๋ยว ไปนั่งที่ห้องประธานเหรินก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกัน”เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ซินเฟยหันหน้ามามองเขาอย่างไม่พอใจ เธอสะบัดมือเขาออกและพูดอย่างหงุดหงิด “เย่เฟิง นายเป็นบ้าอะไร! ตามฉันตลอด แถมยังบังคับให้ไปด้วยกันอีก? ทำไม นายสนใจฉันเหรอ?”ในใจของเธอคิดว่า เย่เฟิงนี่ทำตัวประหลาดจริง ๆ ตอนแรกก็ทำเหมือนไม่สนใจ แต่ตอนนี้กลับมาตามตื๊อเธอ?เขาต้องการจะทำตัวลึกลับและดึงดูดใจเธอหรือเปล่า?เห็นตนแล้วไม่สนใจ แล้วมาตามตื๊ออีก?“อย่าเล่นแบบนี้! พ่อของคุณขอให้ผมมาดูแล มีคนกำลังคิดจะทำร้ายคุณ”เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและอธิบาย“ฮึ! ผู้ชายตามจีบฉีนเยอะขนาดนั้น นายนี่มันแปลกจริงๆ ข้ออ้างแบบนี้ก็คิดได้ แล้วยังจะทำตัวเท่ใส่อีก โลว์มาก!ที่แท้นายก็เป็นผู้ชายน่ารำคาญนี่เอง! เชอะ!มู่ซินเฟยยักไหล่อย่างไม่แยแส“ฉันตามจีบ? เธอเป็นผู้หญิงของหลีหย่วน ฉันจะจีบเธอไปทำไม? ไม่เชื่อก็ลองโทรหาพ่อเธอสิ"เย่เฟิงหมดคำพูดกับความเข้าใจผิดของมู่ซ
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้