ฝั่งหลีเทียนกังและหลี่เยว่ผิง หลังจากที่พวกเขาออกจากโรงงานไป ก็ได้รับสายจากผู้อาวุโสหลีทันทีหลังลงจากรถ“แม่ครับ!”หลีเทียนกังรับสาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ได้ยินว่าวันนี้แกพาพวกสนับสนุนบริษัทยาไปที่โรงงานใช่ไหม? เป็นยังไง เอียนเอ๋อร์สิ้นหวังแล้วใช่ไหม?”ผู้อาวุโสหลีถามเธอรู้ว่าที่ลูกชายคนรองไปครั้งนี้ ก็เพื่ออยากดูเรื่องสนุกของหลานสาวคนโตคนนี้แน่ๆเป็นลุงคนหนึ่ง แต่เข้ากับหลานสาวตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ ความจริงแล้วเป็นพฤติกรรมที่ต่ำช้าแต่ว่าเธอไม่คิดจะติโทษกับความต่ำช้าแบบนี้ กลับกันยังถามอย่างตั้งหน้าตั้งตารอด้วยสรุปแล้วคือ ทุกคนในตระกูลหลีตอนนี้ ต่างก็มีความคิดอยากตัดหางปล่อยวัดหลีเอียนกันทั้งนั้น แล้วเข้าร่วมตระกูลฉู่แต่โดยดี“สิ้นหวัง? สิ้นหวังอะไรกัน? แม่ไม่เห็นว่านังนั่นทำหน้าผยองแค่ไหน!”หลีเทียนกังพูดอย่างอารมณ์เสียได้ยินดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสหลีก็แปลกใจ “ทำไม? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”“ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ทั่วประเทศก็แห่กันอยากเป็นตัวแทนจำหน่ายยาตัวใหม่ครั้งนี้...”หลีเทียนกังเล่าเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้ด้วยท่าทางอยากร้องไห้ แต่ไ
หลีเอียนถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เพียงแต่ในตากลับมีความรู้สึกลังเลซ่อนอยู่ในใจลึกๆ ของเธอคาดหวังกับคำตอบบางอย่าง“คุณน่าจะรู้ประสบการณ์ที่ผมเคยผ่านมานะ ผมเป็นผู้ชายที่เคยถูกทำร้ายมาก่อน เพราะฉะนั้นไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ หรอก ฮ่าๆ…”เย่เฟิงหัวเราะเยาะตัวเองที่เขาพูดคือเรื่องจริง หลังจากที่ถูกโจวชิ้งทิ้งไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เชื่อในความรักอีกต่อไปความอ่อนโยนที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวนั้น เหลือไว้ให้กับลูกสาวของเขานั่วนั่วสำหรับหลีเอียน เขาจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เธอ ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะความซาบซึ้งและการตอบแทนบุญคุณเย่เฟิงไม่คิดว่าตัวเองจะเกิดความรู้สึกต่อหลีเอียนมากขนาดนั้นสิ้นเสียง หลีเอียนก็หัวเราะ ‘เหอะๆ’ ออกมา ไม่รู้เพราะอะไร ในใจของเธอถึงได้อึดอัดมาก“บังเอิญจัง ฉันเองก็ถูกทำร้ายมาก่อนเหมือนกัน และไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ ด้วย ฉะนั้น ระหว่างเรายังเป็นแค่ธุรกิจอยู่ เชอะ!”หลีเอียนกัดริมฝีปาก พยายามบังคับให้ตัวเองพูดอย่างใจเย็นขณะนั้นเอง เธอได้รับสายจากพ่อของเธอ หลีเทียนหยางเมื่อได้ยินคำพูดที่พ่อของเธอพูดแล้ว สายตาของหลีเอียนก็เผยคว
โจวชิ้งได้ยินคำพูดของเว่ยเหล่าหู่แล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย“นายท่านเว่ยหมายความว่าอะไรคะ?”“แม่ย้อย! นายท่านเว่ยบอกให้แกไปเอาตัวนังเด็กนอกคอกของแกกับเย่เฟิงมา แกไม่เข้าใจหรือไง?”หลิวหาวสบถคำหยาบออกไป แล้วก่นด่าโจวชิ้งเขม็งต่อหน้าเว่ยเหล่าหู่ เขาทำตัวประจบและหวั่นเกรงถึงสุดขีด กลัวว่าการแสดงออกของโจวชิ้งจะทำให้นายท่านเว่ยไม่พอใจ แล้วจะทำให้เขาซวยไปด้วย“อย่าด่าเธอ เดี๋ยวฉันค่อยๆ พูดกับเธอเอง”เว่ยเหล่าหู่โบกมือหยุดหลิวหาว แล้วพูดยิ้มแย้มต่อว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันชอบเด็กที่สุดแล้ว คุณโจวพาลูกสาวมาทำพิธีรับเป็นปู่บุญธรรมกับฉันไม่ดีเหรอ?”สายตาของโจวชิ้งสั่นวาบเล็กน้อย แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ค่ะ! สามารถมีปู่บุญธรรมเป็นนายท่านเว่ยได้ ถือเป็นวาสนาของนังหนูนั่น แต่หลังจากหย่ากันไป เด็กนั่นก็อยู่กับพ่อแกมาตลอด ไม่เคยอยู่กับฉันเลยค่ะ!”เธอเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ และไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นจริง แต่ว่าเมื่อรู้ว่าเป้าหมายของนายท่านเว่ยคือนั่วนั่วแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกันเธอสามารถไม่สนใจใยดีนั่วนั่วได้ แต่จะให้เธอคิดทำร้ายลูก โจวชิ้งตัดใจทำไม่ลงจริงๆ“อยู่กับพ่อแล้วทำไม
ฉะนั้น เย่เฟิงย่อมต้องตอบแทนอยู่แล้ว“ฮ่าๆ เสี่ยวเย่นี่เอง!”นายท่านซ่งรับสาย แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นมิตร“นายท่านซ่ง ต้องขอบคุณท่านกับหมอซุน แล้วก็เป่ยเหล่ามากเลยนะครับที่ช่วย เอาอย่างนี้ ผมอยากจะชวนพวกคุณรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันวันนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะว่างไหม?”เย่เฟิงพูดเชื้อเชิญเป่ยเหล่าเป็นแขกประจำของตระกูลซ่งเสมอ หมอซุนเองก็เป็นคนที่ตระกูลซ่งเชิญมาจากเทียนตู ดังนั้นเย่เฟิงจึงติดต่อหานายท่านซ่งทีเดียว“เสี่ยวเย่ นายเกรงใจเกินไปแล้ว!”นายท่านซ่งพูดปฏิเสธอ้อมๆ ไปประโยคหนึ่ง“เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้วครับ!”เย่เฟิงตอบด้วยความจริงใจ“ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกเป่ยเหล่ากับหมอซุนให้!”นายท่านซ่งไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะเขาเองก็อยากกระชับมิตรกับเย่เฟิงเหมือนกันจากนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “อ้อ จริงสิ เสี่ยวเย่ นายมากินข้าวกับตาเฒ่าอย่างพวกฉันแบบนี้คงเบื่อแย่ใช่ไหม? เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายมาด้วย กินข้าวสังสรรค์ด้วยกัน นายไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”เย่เฟิงตอบอย่างไม่ถือสา “ได้ครับ ว่าตามนายท่านซ่งเลยครับ”“โอเค! ถ้างั้นฉันขอเลือกร้านเองแ
จางเฉิงเฟิงนอนโรงพยาบาลไปหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักทีแม้ว่าตอนนั้นเย่เฟิงจะใช้ ‘ยาธาตุทองตระกูลหลี’ ให้กับเขาแล้วก็ตาม แต่ว่าวอดก้า 96% นั่นได้ไปทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ของเขาไปแล้ว จึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมดและอาจทิ้งอาการข้างเคียงถาวรไว้ก็ได้ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เขาอาจมีเสียงแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ดังนั้น จางเฉิงเฟิงชายเสเพลในกองทหารคนนี้ จะไม่โกรธแค้นเย่เฟิงตัวต้นเรื่องนี้ได้อย่างไร?ดังนั้นตอนเห็นเย่เฟิงเมื่อครู่นี้ เขาจึงโกรธจนตาแดงก่ำ“คุณจาง คุณรู้จักคนนี้ด้วยเหรอ?”ชายเจาะหูเห็นดังนั้น ก็ถามอย่างเป็นกังวลเพราะถ้าหากเป็นเพื่อนของจางเฉิงเฟิงล่ะก็ การที่เขาชนแล้วหาเรื่องเย่เฟิงนั้น ก็น่าอายมากแล้ว“รู้จักสิ! รู้จักอยู่แล้ว! ที่พี่เฟิงต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เพราะมันเนี่ยแหละ!”เวินเสี่ยวเหมิงพยักหน้า แล้วจ้องเย่เฟิงเขม็งพวกเขามีกันอยู่นับสิบกว่าคนรวมชายหญิง นอกจากผู้หญิงที่สะดุดตาคนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้นต่างก็เผยสีหน้าไม่เป็นมิตรออกมามีเพียงหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยงามไร้ที่เปรียบ ท่าทางสุขุมเย็นชาเท่านั้นที่ไม่สนใจ
“คุณเจียง เกิดอะไรขึ้นครับ?”ผู้จัดการเข้ามาถามด้วยความโนบน้อมถึงซ่งเจียงจะเป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็เป็นรุ่นหลังของตระกูลซ่ง ดังนั้นผู้จัดการจึงทำตัวเกรงใจเขาเช่นเดียวกัน“ลากตัวหมอนี่ออกไปซะ!”ซ่งเจียงชี้ไปที่เย่เฟิง แล้วสั่งการผู้จัดการได้ยินดังนั้น ก็สำรวจมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำมือเชิญออกต่อเย่เฟิง แล้วพูดเสียงแข็งว่า “คุณผู้ชายคนนี้ ขอเชิญออกไปด้วยตัวเองเถอะครับ!”เย่เฟิงเลิกคิ้ว “ทำไมผมต้องออกไปด้วย? ผมก็เป็นลูกค้าที่มาทานข้าวเหมือนกัน พวกคุณดูแลลูกค้าแบบนี้น่ะเหรอ?”สิ้นเสียง ซ่งเจียงก็หัวเราะแห้ง “นายเนี่ยนะลูกค้า? เชียนเว่ยเซวียนเขามีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีเท่านั้น นายไม่เห็นเหรอว่าที่นี่ไม่มีห้องอาหารโถงใหญ่ มีแต่ห้องส่วนตัวน่ะ? ที่นี่รับแต่ลูกค้าวีไอพี นายมีบัตรวีไอพีของที่นี่เหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกดูแคลนพวกเขาทุกคนรวมทั้งชายหญิงต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาแบบนั้นเช่นเดียวกัน“ดูจากทรงแล้ว จะมีบัตรวีไอพีของที่นี่ได้ยังไง?”“บัตรสมาชิกที่ต่ำที่สุดของที่นี่ ก็มีมูลค่าเป็นแสนแล้ว!”“รีบออกไปเถอะ! วันนี้นายไม่ถูกจัดการก็ถือว่าบุญโขแล้
บร๊ะ!เมื่อเห็นการ์ดสีดำนั่นแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยต่างก็อ้ำอึ้งในบัดดลผู้จัดการเองก็สีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น “หยุด!”ซ่งเจียงและคนอื่นๆ ยิ่งเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อซ่งมู่เสวี่ยหรี่ตาลง แล้วมองไปที่การ์ดสีดำในมือของเย่เฟิง พูดว่า “นี่คือการ์ดระดับสูงสุดของทุกกิจการของตระกูลซ่งของเรา?”เย่เฟิงหัวเราะแห้ง “ไม่รู้ว่าการ์ดใบนี้เป็นสมาชิกระดับไหนของที่นี่กัน?”“สมาชิกระดับสูงสุด!”ซ่งมู่เสวี่ยตอบ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจ “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?”ซ่งมู่เสวี่ยเป็นสายเลือดตรงของตระกูลซ่งท แต่ว่าปกติไม่ค่อยยอมเผยหน้าเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผู้จัดการของที่นี่จึงรู้จักแต่ซ่งเจียง ไม่รู้จักเธอเย่เฟิงยักไหล่ แล้วยื่นการ์ดให้อีกฝ่ายซ่งมู่เสวี่ยรับมือดูอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหลายส่วน“เป็นไงบ้าง? ของจริงไหม?”เย่เฟิงถามยิ้มๆ“เหมือนจะเป็นของจริง!”ซ่งมู่เสวี่ยพยักหน้า แล้วคืนการ์ดให้กับเย่เฟิง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็สามารถไล่สมาชิกระดับต่ำกว่าผมได้แล้วน่ะสิ?”เย่เฟิงหัวเราะเยาะสิ้นเสียง สีหน้าของซ่งเจียงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มั่นคง ซ่งมู่เสวี่ยเอ
“ไป ตามเขาไป อย่าให้เขาหนีไปเด็ดขาด! การ์ดนั่น เขาต้องขโมยมาแน่ๆ!”ซ่งเจียงเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนขึ้น“ไปชั้นบนสุดด้วย? โม้เก่งจริงๆ เขากล้าเหรอ?’“นายท่านซ่งอยู่รับแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นบนสุดพอดี ถ้าเขาไปชั้นบนสุดจริง ก็จะได้เปิดเผยตัวตนเขาด้วย!”“วางใจเถอะ เขาไม่กล้าหรอก! ฉันว่านะ เขาแค่อยากขึ้นลิฟต์ แล้วหนีผ่านชั้นอื่นมากกว่า!”“ตามเขาไป!”กลุ่มคนพูดนั่นนี่กันสนุกปาก แล้วขึ้นลิฟต์ตามเย่เฟิงไปซ่งเจียงเองก็จะเข้าไปด้วย แต่ว่ามีสายเข้าพอดี“พี่หย่งไท่!”คุณซ่งที่ว่านี้รับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมซ้ำยังฟังดูสนิทสนม ทำให้คนฟังต้องขนลุกไปทั้งตัวอีกฝ่ายคือคุณชายซ่ง ซ่งหย่งไท่ หนึ่งใน ‘สองคุณชาย’ แห่งหยุนเฉิงเขาไม่เพียงแต่มีอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลานสายเลือดตรงของตระกูลซ่งที่แท้จริง คนละระดับกับซ่งเจียงที่เป็นลูกหลานสายเลือดห่างอย่างสิ้นเชิง“มายัง?”ซ่งหย่งไท่เอ่ยถามนิ่งๆ“มาถึงแล้วครับๆ!”ซ่งเจียงรีบตอบ“มาถึงเร็วจริง ถ้างั้นนายออกมารอแขกผู้มีเกียรติกับฉันที่หน้าประตู เขามาถึงจะได้พาเขาขึ้นไป”ซ่งหย่งไท่พูดสั่ง“ได้เลยครับ พี่หย่งไท่!”ซ่งเจียงตอบตกลง