ฝั่งหลีเทียนกังและหลี่เยว่ผิง หลังจากที่พวกเขาออกจากโรงงานไป ก็ได้รับสายจากผู้อาวุโสหลีทันทีหลังลงจากรถ“แม่ครับ!”หลีเทียนกังรับสาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ได้ยินว่าวันนี้แกพาพวกสนับสนุนบริษัทยาไปที่โรงงานใช่ไหม? เป็นยังไง เอียนเอ๋อร์สิ้นหวังแล้วใช่ไหม?”ผู้อาวุโสหลีถามเธอรู้ว่าที่ลูกชายคนรองไปครั้งนี้ ก็เพื่ออยากดูเรื่องสนุกของหลานสาวคนโตคนนี้แน่ๆเป็นลุงคนหนึ่ง แต่เข้ากับหลานสาวตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ ความจริงแล้วเป็นพฤติกรรมที่ต่ำช้าแต่ว่าเธอไม่คิดจะติโทษกับความต่ำช้าแบบนี้ กลับกันยังถามอย่างตั้งหน้าตั้งตารอด้วยสรุปแล้วคือ ทุกคนในตระกูลหลีตอนนี้ ต่างก็มีความคิดอยากตัดหางปล่อยวัดหลีเอียนกันทั้งนั้น แล้วเข้าร่วมตระกูลฉู่แต่โดยดี“สิ้นหวัง? สิ้นหวังอะไรกัน? แม่ไม่เห็นว่านังนั่นทำหน้าผยองแค่ไหน!”หลีเทียนกังพูดอย่างอารมณ์เสียได้ยินดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสหลีก็แปลกใจ “ทำไม? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”“ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ทั่วประเทศก็แห่กันอยากเป็นตัวแทนจำหน่ายยาตัวใหม่ครั้งนี้...”หลีเทียนกังเล่าเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้ด้วยท่าทางอยากร้องไห้ แต่ไ
หลีเอียนถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เพียงแต่ในตากลับมีความรู้สึกลังเลซ่อนอยู่ในใจลึกๆ ของเธอคาดหวังกับคำตอบบางอย่าง“คุณน่าจะรู้ประสบการณ์ที่ผมเคยผ่านมานะ ผมเป็นผู้ชายที่เคยถูกทำร้ายมาก่อน เพราะฉะนั้นไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ หรอก ฮ่าๆ…”เย่เฟิงหัวเราะเยาะตัวเองที่เขาพูดคือเรื่องจริง หลังจากที่ถูกโจวชิ้งทิ้งไป เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เชื่อในความรักอีกต่อไปความอ่อนโยนที่หลงเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวนั้น เหลือไว้ให้กับลูกสาวของเขานั่วนั่วสำหรับหลีเอียน เขาจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เธอ ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะความซาบซึ้งและการตอบแทนบุญคุณเย่เฟิงไม่คิดว่าตัวเองจะเกิดความรู้สึกต่อหลีเอียนมากขนาดนั้นสิ้นเสียง หลีเอียนก็หัวเราะ ‘เหอะๆ’ ออกมา ไม่รู้เพราะอะไร ในใจของเธอถึงได้อึดอัดมาก“บังเอิญจัง ฉันเองก็ถูกทำร้ายมาก่อนเหมือนกัน และไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ ด้วย ฉะนั้น ระหว่างเรายังเป็นแค่ธุรกิจอยู่ เชอะ!”หลีเอียนกัดริมฝีปาก พยายามบังคับให้ตัวเองพูดอย่างใจเย็นขณะนั้นเอง เธอได้รับสายจากพ่อของเธอ หลีเทียนหยางเมื่อได้ยินคำพูดที่พ่อของเธอพูดแล้ว สายตาของหลีเอียนก็เผยคว
โจวชิ้งได้ยินคำพูดของเว่ยเหล่าหู่แล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย“นายท่านเว่ยหมายความว่าอะไรคะ?”“แม่ย้อย! นายท่านเว่ยบอกให้แกไปเอาตัวนังเด็กนอกคอกของแกกับเย่เฟิงมา แกไม่เข้าใจหรือไง?”หลิวหาวสบถคำหยาบออกไป แล้วก่นด่าโจวชิ้งเขม็งต่อหน้าเว่ยเหล่าหู่ เขาทำตัวประจบและหวั่นเกรงถึงสุดขีด กลัวว่าการแสดงออกของโจวชิ้งจะทำให้นายท่านเว่ยไม่พอใจ แล้วจะทำให้เขาซวยไปด้วย“อย่าด่าเธอ เดี๋ยวฉันค่อยๆ พูดกับเธอเอง”เว่ยเหล่าหู่โบกมือหยุดหลิวหาว แล้วพูดยิ้มแย้มต่อว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันชอบเด็กที่สุดแล้ว คุณโจวพาลูกสาวมาทำพิธีรับเป็นปู่บุญธรรมกับฉันไม่ดีเหรอ?”สายตาของโจวชิ้งสั่นวาบเล็กน้อย แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ค่ะ! สามารถมีปู่บุญธรรมเป็นนายท่านเว่ยได้ ถือเป็นวาสนาของนังหนูนั่น แต่หลังจากหย่ากันไป เด็กนั่นก็อยู่กับพ่อแกมาตลอด ไม่เคยอยู่กับฉันเลยค่ะ!”เธอเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ และไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นจริง แต่ว่าเมื่อรู้ว่าเป้าหมายของนายท่านเว่ยคือนั่วนั่วแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกันเธอสามารถไม่สนใจใยดีนั่วนั่วได้ แต่จะให้เธอคิดทำร้ายลูก โจวชิ้งตัดใจทำไม่ลงจริงๆ“อยู่กับพ่อแล้วทำไม
ฉะนั้น เย่เฟิงย่อมต้องตอบแทนอยู่แล้ว“ฮ่าๆ เสี่ยวเย่นี่เอง!”นายท่านซ่งรับสาย แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นมิตร“นายท่านซ่ง ต้องขอบคุณท่านกับหมอซุน แล้วก็เป่ยเหล่ามากเลยนะครับที่ช่วย เอาอย่างนี้ ผมอยากจะชวนพวกคุณรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันวันนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะว่างไหม?”เย่เฟิงพูดเชื้อเชิญเป่ยเหล่าเป็นแขกประจำของตระกูลซ่งเสมอ หมอซุนเองก็เป็นคนที่ตระกูลซ่งเชิญมาจากเทียนตู ดังนั้นเย่เฟิงจึงติดต่อหานายท่านซ่งทีเดียว“เสี่ยวเย่ นายเกรงใจเกินไปแล้ว!”นายท่านซ่งพูดปฏิเสธอ้อมๆ ไปประโยคหนึ่ง“เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้วครับ!”เย่เฟิงตอบด้วยความจริงใจ“ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกเป่ยเหล่ากับหมอซุนให้!”นายท่านซ่งไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะเขาเองก็อยากกระชับมิตรกับเย่เฟิงเหมือนกันจากนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “อ้อ จริงสิ เสี่ยวเย่ นายมากินข้าวกับตาเฒ่าอย่างพวกฉันแบบนี้คงเบื่อแย่ใช่ไหม? เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายมาด้วย กินข้าวสังสรรค์ด้วยกัน นายไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”เย่เฟิงตอบอย่างไม่ถือสา “ได้ครับ ว่าตามนายท่านซ่งเลยครับ”“โอเค! ถ้างั้นฉันขอเลือกร้านเองแ
จางเฉิงเฟิงนอนโรงพยาบาลไปหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักทีแม้ว่าตอนนั้นเย่เฟิงจะใช้ ‘ยาธาตุทองตระกูลหลี’ ให้กับเขาแล้วก็ตาม แต่ว่าวอดก้า 96% นั่นได้ไปทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ของเขาไปแล้ว จึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมดและอาจทิ้งอาการข้างเคียงถาวรไว้ก็ได้ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เขาอาจมีเสียงแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ดังนั้น จางเฉิงเฟิงชายเสเพลในกองทหารคนนี้ จะไม่โกรธแค้นเย่เฟิงตัวต้นเรื่องนี้ได้อย่างไร?ดังนั้นตอนเห็นเย่เฟิงเมื่อครู่นี้ เขาจึงโกรธจนตาแดงก่ำ“คุณจาง คุณรู้จักคนนี้ด้วยเหรอ?”ชายเจาะหูเห็นดังนั้น ก็ถามอย่างเป็นกังวลเพราะถ้าหากเป็นเพื่อนของจางเฉิงเฟิงล่ะก็ การที่เขาชนแล้วหาเรื่องเย่เฟิงนั้น ก็น่าอายมากแล้ว“รู้จักสิ! รู้จักอยู่แล้ว! ที่พี่เฟิงต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เพราะมันเนี่ยแหละ!”เวินเสี่ยวเหมิงพยักหน้า แล้วจ้องเย่เฟิงเขม็งพวกเขามีกันอยู่นับสิบกว่าคนรวมชายหญิง นอกจากผู้หญิงที่สะดุดตาคนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้นต่างก็เผยสีหน้าไม่เป็นมิตรออกมามีเพียงหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยงามไร้ที่เปรียบ ท่าทางสุขุมเย็นชาเท่านั้นที่ไม่สนใจ
“คุณเจียง เกิดอะไรขึ้นครับ?”ผู้จัดการเข้ามาถามด้วยความโนบน้อมถึงซ่งเจียงจะเป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็เป็นรุ่นหลังของตระกูลซ่ง ดังนั้นผู้จัดการจึงทำตัวเกรงใจเขาเช่นเดียวกัน“ลากตัวหมอนี่ออกไปซะ!”ซ่งเจียงชี้ไปที่เย่เฟิง แล้วสั่งการผู้จัดการได้ยินดังนั้น ก็สำรวจมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำมือเชิญออกต่อเย่เฟิง แล้วพูดเสียงแข็งว่า “คุณผู้ชายคนนี้ ขอเชิญออกไปด้วยตัวเองเถอะครับ!”เย่เฟิงเลิกคิ้ว “ทำไมผมต้องออกไปด้วย? ผมก็เป็นลูกค้าที่มาทานข้าวเหมือนกัน พวกคุณดูแลลูกค้าแบบนี้น่ะเหรอ?”สิ้นเสียง ซ่งเจียงก็หัวเราะแห้ง “นายเนี่ยนะลูกค้า? เชียนเว่ยเซวียนเขามีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีเท่านั้น นายไม่เห็นเหรอว่าที่นี่ไม่มีห้องอาหารโถงใหญ่ มีแต่ห้องส่วนตัวน่ะ? ที่นี่รับแต่ลูกค้าวีไอพี นายมีบัตรวีไอพีของที่นี่เหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกดูแคลนพวกเขาทุกคนรวมทั้งชายหญิงต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาแบบนั้นเช่นเดียวกัน“ดูจากทรงแล้ว จะมีบัตรวีไอพีของที่นี่ได้ยังไง?”“บัตรสมาชิกที่ต่ำที่สุดของที่นี่ ก็มีมูลค่าเป็นแสนแล้ว!”“รีบออกไปเถอะ! วันนี้นายไม่ถูกจัดการก็ถือว่าบุญโขแล้
บร๊ะ!เมื่อเห็นการ์ดสีดำนั่นแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยต่างก็อ้ำอึ้งในบัดดลผู้จัดการเองก็สีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น “หยุด!”ซ่งเจียงและคนอื่นๆ ยิ่งเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อซ่งมู่เสวี่ยหรี่ตาลง แล้วมองไปที่การ์ดสีดำในมือของเย่เฟิง พูดว่า “นี่คือการ์ดระดับสูงสุดของทุกกิจการของตระกูลซ่งของเรา?”เย่เฟิงหัวเราะแห้ง “ไม่รู้ว่าการ์ดใบนี้เป็นสมาชิกระดับไหนของที่นี่กัน?”“สมาชิกระดับสูงสุด!”ซ่งมู่เสวี่ยตอบ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจ “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?”ซ่งมู่เสวี่ยเป็นสายเลือดตรงของตระกูลซ่งท แต่ว่าปกติไม่ค่อยยอมเผยหน้าเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผู้จัดการของที่นี่จึงรู้จักแต่ซ่งเจียง ไม่รู้จักเธอเย่เฟิงยักไหล่ แล้วยื่นการ์ดให้อีกฝ่ายซ่งมู่เสวี่ยรับมือดูอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหลายส่วน“เป็นไงบ้าง? ของจริงไหม?”เย่เฟิงถามยิ้มๆ“เหมือนจะเป็นของจริง!”ซ่งมู่เสวี่ยพยักหน้า แล้วคืนการ์ดให้กับเย่เฟิง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็สามารถไล่สมาชิกระดับต่ำกว่าผมได้แล้วน่ะสิ?”เย่เฟิงหัวเราะเยาะสิ้นเสียง สีหน้าของซ่งเจียงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มั่นคง ซ่งมู่เสวี่ยเอ
“ไป ตามเขาไป อย่าให้เขาหนีไปเด็ดขาด! การ์ดนั่น เขาต้องขโมยมาแน่ๆ!”ซ่งเจียงเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนขึ้น“ไปชั้นบนสุดด้วย? โม้เก่งจริงๆ เขากล้าเหรอ?’“นายท่านซ่งอยู่รับแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นบนสุดพอดี ถ้าเขาไปชั้นบนสุดจริง ก็จะได้เปิดเผยตัวตนเขาด้วย!”“วางใจเถอะ เขาไม่กล้าหรอก! ฉันว่านะ เขาแค่อยากขึ้นลิฟต์ แล้วหนีผ่านชั้นอื่นมากกว่า!”“ตามเขาไป!”กลุ่มคนพูดนั่นนี่กันสนุกปาก แล้วขึ้นลิฟต์ตามเย่เฟิงไปซ่งเจียงเองก็จะเข้าไปด้วย แต่ว่ามีสายเข้าพอดี“พี่หย่งไท่!”คุณซ่งที่ว่านี้รับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมซ้ำยังฟังดูสนิทสนม ทำให้คนฟังต้องขนลุกไปทั้งตัวอีกฝ่ายคือคุณชายซ่ง ซ่งหย่งไท่ หนึ่งใน ‘สองคุณชาย’ แห่งหยุนเฉิงเขาไม่เพียงแต่มีอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลานสายเลือดตรงของตระกูลซ่งที่แท้จริง คนละระดับกับซ่งเจียงที่เป็นลูกหลานสายเลือดห่างอย่างสิ้นเชิง“มายัง?”ซ่งหย่งไท่เอ่ยถามนิ่งๆ“มาถึงแล้วครับๆ!”ซ่งเจียงรีบตอบ“มาถึงเร็วจริง ถ้างั้นนายออกมารอแขกผู้มีเกียรติกับฉันที่หน้าประตู เขามาถึงจะได้พาเขาขึ้นไป”ซ่งหย่งไท่พูดสั่ง“ได้เลยครับ พี่หย่งไท่!”ซ่งเจียงตอบตกลง
“เอ่อ...”เย่เฟิงมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความมืดมนในเวลานั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบจากด้านข้างที่พุ่งตรงมาทางเขา!“ใครเหรอคะ? ที่รัก?”หลีเอียนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้เย่เฟิงรู้สึกใจหวิว“แค่กๆ... เพื่อนคนหนึ่งน่ะ”เย่เฟิงตอบด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย“เพื่อน? เพื่อนผู้หญิงใช่ไหม?”หลีเอียนถามพลางหัวเราะเบาๆ มือเล็กๆ ของเธอคว้าหูของเย่เฟิงไว้แล้ว“ใช่! เอ่อ ไม่! ไม่ใช่! เป็นเพื่อนผู้หญิง! แค่เพื่อนธรรมดา!”เย่เฟิงยิ้มแหยๆ ตอบ“เหรอ? เพื่อนธรรมดา?”หลีเอียนหรี่ตามองอย่างสงสัย“ใช่ ก็แค่เพื่อนร่วมชั้นเก่า” เย่เฟิงรีบอธิบายหลีเอียนส่งเสียงฮึเบาๆ “เพื่อนร่วมชั้นเก่า หรือแฟนเก่า?”“เกี่ยวอะไรล่ะ! ถ้าเป็นแฟนเก่าจริงๆ ผมจะกล้ารับโทรศัพท์ต่อหน้าคุณไหม? คุณว่าไหม?”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลีเอียนจ้องเย่เฟิง “ใครจะไปรู้ล่ะ? เผื่อคุณไม่แคร์ฉันไง ก็เลยไม่กลัวว่าฉันจะรู้”เย่เฟิงได้ยินดังนั้น ถึงกับหน้าตาเศร้าสลด “ที่รัก! ผมแคร์คุณไหม คุณรู้สึกไม่ได้จริงๆ เหรอ? ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผมคงเสียใจมากเลยนะ!”บอสสาวสวยส่งเสียง “อื
“ไอ้คนแก่บ้า! ฉันอยากจะตบเธอสักทีจริง ๆ!”สวีเพ่ยเพ่ยโกรธจนหน้าแดงและพูดด้วยเสียงโมโห“เพ่ยเพ่ย คุณพูดอะไรน่ะ? นั่นแม่ของเรา…”หลีเทียนหยางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา“นั่นแม่ของคุณ ไม่ใช่แม่ของเรา! ฉันไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่สามี! ฉันโกรธจนแทบคลั่งแล้ว!”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยฟันที่ขบแน่นหลีเทียนหยางหดคอด้วยความเกรงใจ แสดงให้เห็นด้านที่กลัวภรรยาที่สำคัญคือเขารู้สึกผิดจนไม่รู้ว่าจะช่วยพูดแทนผู้อาวุโสหลีได้อย่างไรครั้งนี้แม่ของเขาทำเกินไปจริงๆ จนถึงขั้นเรียกได้ว่าต่ำช้า"แม่ ใจเย็นๆ เถอะ! ตระกูลหลีถ้าขาดบ้านเราไป นั่นก็คือความสูญเสียของพวกเขาเอง"หลีหย่วนเองก็ได้แต่ยิ้มขื่นพยายามปลอบใจเย่เฟิงที่นั่งขับรถอยู่ด้านหน้าเอ่ยขึ้นมาบ้าง "แม่ ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสจะทำแบบนี้! ครั้งหน้า! ถ้ามีโอกาส ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!"ตอนท้ายเสียงของเย่เฟิงแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบหากรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้จู้ชิวหนานมีโอกาสเปิดเผยวิธีแก้ไขแน่นอนต้องจัดการให้เด็ดขาด บีบให้ผู้อาวุโสหลีคายทุกอย่างที่เก็บไว้ ไม่
คำตอบของผู้อาวุโสหลี ทำให้เย่เฟิงและครอบครัวของหลีเอียนชะงักไป“แม่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้? อยู่ ๆ ทำไมถึงกลับคำพูด?”“เอาชีวิตแม่อะไรกัน พวกเราแค่อยากกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล และขอสิทธิ์ที่เป็นของเราคืนเท่านั้นเอง”“ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเย่ ท่านคงถูกครอบครัวเจ้ารองวางแผนฆ่าไปแล้ว! ตอนนี้พวกเรามีข้อเรียกร้องเล็กน้อย แต่ท่านกลับปฏิเสธพวกเรา?”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเนื่องจากพวกเธอถูกขับออกจากตระกูลหลี หลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ย จึงถูกถอดจากตำแหน่งในบริษัทตระกูลหลี และต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านโดยไม่มีอะไรทำสำหรับพวกเขา การเรียกหุ้นคืนและกลับไปทำงานในบริษัทไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องของการมีสิ่งให้ทำในชีวิตด้วยทั้งสองไม่ขาดแคลนเงิน แต่อายุพวกเขาเยอะแล้ว ว่างอยู่อย่างนี้จะเป็นบ้าเอาได้“หึ! สิทธิ์ของพวกเธอ? อะไรคือสิทธิ์ของพวกเธอ?”“ออกไป! พวกเธอไม่ใช่คนของตระกูลหลีอีกต่อไปแล้ว สักบาทของตระกูลหลีก็ไม่มีสิทธิ์เป็นของพวกเธอ!”“พวกเธอมีบริษัทยาของตัวเองไม่ใช่เหรอ? ฮึ!”ผู้อาวุโสหลีพูดด้วยเสียงเย็นชาและหัวเราะเยาะคำพูดนี้ทำให้หลีเอียนและครอบครัวรู้สึกโมโหอย่างมาก“คุ
“ท่านผู้บัญชาการเหอ ขอบคุณครับ!”เย่เฟิงกล่าวพร้อมยื่นมือไปจับมือกับท่านผู้บัญชาการเหอท่านผู้บัญชาการเหอ จับมือกับเขา ก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิงและพูดว่า “นายเองก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่! ฮึ!”ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดีว่า จู้ชิวหนานและศิษย์ ต้องถูกเย่เฟิงเล่นงานบางอย่างแน่นอนการที่เย่เฟิงกล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอ ถือว่าน่าทึ่งและไม่เกรงกลัวใครเลย“ผมติดหนี้บุญคุณท่าน ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือจากผมในอนาคต บอกมาได้เลยครับ”เย่เฟิงยิ้มเจื่อนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ท่านผู้บัญชาการเหอ ก็หัวเราะออกมา “นี่นายพูดเองนะ!”…คืนนั้น เวลาเกือบสี่ทุ่มในห้องของผู้อาวุโสหลี มีทั้งหลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ย เย่เฟิง หลีเอียน และหลีหย่วน รวมตัวกันอยู่ผู้อาวุโสหลีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เธอยกถ้วยชาขึ้นมาเพื่อดื่มแต่เย่เฟิงรีบยื่นมือไปหยุด “ผู้อาวุโส อย่าใช้ถ้วยนี้อีกเลยครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจความหมายเพล้ง!เธอโยนถ้วยชาลงพื้นด้วยความโกรธและแค่นเสียงเย็นชาเย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ตอนนี้ความจริงปรากฏแล้ว ถ้าท่านไม่อยากตา
"ฮ่า ๆ ตอนนี้ทุกคนได้ยินความจริงแล้วใช่ไหม?"เย่เฟิงหัวเราะเยาะ พลางมองไปรอบ ๆ ห้องทุกคนในห้องมองเย่เฟิงด้วยความหวาดหวั่น พร้อมกับแอบมองไปที่จู้ชิวหนานและศิษย์ของเขา ซึ่งนอนบิดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดนี่ถือว่าเป็นการซักถามโดยการทรมานต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอหรือเปล่า?บางคนแอบคิดว่าเย่เฟิงช่างกล้าหาญเกินไปหลีเทียนกังตัวสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เย่เฟิงและตะโกน "ท่านผู้บัญชาการเหอ คำพูดของจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเชื่อไม่ได้! นี่มันชัดเจนว่าเย่เฟิงทรมานพวกเขาให้พูด!"ท่านผู้บัญชาการเหอยิ้มเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันไม่เห็นว่าเย่เฟิงจะทำอะไรพวกเขานะ เขาไม่ได้แตะตัวพวกเขาเลยสักนิด!พวกคุณเองก็พูดไว้แล้ว ทุกเรื่องต้องมีหลักฐานใช่ไหม?"“แก…ฉัน…”คำตอบนี้ทำให้หลีเทียนกังพูดไม่ออกหลี่เยว่ผิงและหลีถิงต่างก็ดูโกรธแค้น แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ใช่แล้ว ไม่มีใครเห็นเย่เฟิงแตะต้องจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเลยแม้จะชัดเจน แต่กลับไม่มีหลักฐานวิธีการของเย่เฟิงมันเหนือธรรมชาติเกินไป!เย่เฟิงยิ้มเยาะ ก่อนจะหันมาทางหลีเทียนกังและครอบครัว "พวกคุณไม่มีอะไรจะพูดอีกเหรอ? ฉันไม่
เย่เฟิงเดินเข้าไปตบไหล่ครอบครัวหลีเทียนกัง แล้วพูดจาแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง“นาย... นายทำอะไร? อย่ามาแตะตัวฉันนะ!”หลีถิงตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเย่เฟิงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวและตะโกนเสียงแหลมเย่เฟิงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปมองจู้ชิวหนานและศิษย์หนุ่ม“พูดมา!”เย่เฟิงพูดเพียงสองคำสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและกดดัน“อ๊ากก! ฉันพูด... ฉันจะพูด!”“ฉันพูดทุกอย่าง! หลีเทียนกังมาหาฉัน และบอกให้ฉันช่วยทำลายชีวิตของผู้อาวุโสหลี โดยที่ไม่มีใครรู้...”“พวกเขาจ่ายเงินฉันมาพันล้าน และเพราะฉันเคยโกรธแค้นคุณเย่มาก่อน ฉันเลยตกลง!”“คุณเย่... โปรดไว้ชีวิตฉัน... ขอร้องล่ะ!”จู้ชิวหนานพูดด้วยใบหน้าเหยเกพลางกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดศิษย์หนุ่มของเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ใช่... ใช่! ในสูตรยาที่อาจารย์ฉันเตรียมให้ มีเนื้อห่านแห้ง! การผสมเนื้อห่านกับไข่ไก่ จะทำให้พลังชีวิตของคนลดลงอย่างรุนแรง...หลี่เยว่ผิงเป็นคนเตรียมซุปไข่ให้ผู้อาวุโสหลีในช่วงนั้น...นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้พลังชีวิตของเธอถูกทำลายจนร่างกายล้มเหลว!”“คุณเย่...
เมื่อเห็นจู้ชิวหนานและศิษย์ปรากฏตัว เย่เฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย“หมอเทวดาจู้ อธิบายสิว่าพวกเขาจ่ายเงินจ้างคุณยังไงในการวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลี”เย่เฟิงพูดพลางชี้ไปที่ครอบครัวหลีเทียนกังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปทันทีหัวใจเหมือนตกลงสู่หุบเหวหมอเทวดาจู้ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ!พวกเขาไม่รอดแน่!แต่แล้ว…“อะไรนะ? จ้างฉันวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลีเหรอ? คุณเย่ คุณพูดอะไรออกมาน่ะ?”“ใช่แล้ว หลังจากวันนั้นที่ฉันออกไป ฉันก็ยกผู้อาวุโสหลีให้คุณดูแลแทน ทำไมตอนนี้เธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”จู้ชิวหนานถามอย่างสงสัยคำพูดของจู้ชิวหนานทำให้สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปในพริบตาเขาไม่คิดเลยว่าจู้ชิวหนานจะเปลี่ยนคำพูดยิ่งกว่านั้นยังทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้นดวงตาของเย่เฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่หลีเทียนกังและครอบครัวเริ่มยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“หมอเทวดาจู้ คุณไม่รู้หรือว่า หลังจากคุณออกไป เย่เฟิงก็ทิ้งผู้อาวุโสหลีไว้โดยไม่สนใจอะไรเลย?”“ตอนนี้เขายังกล้าบอกว่าพวกเราจ้างคุณมาวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสอีก!”หลีเทียนกังพ
สีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งตกใจและโกรธแค้นส่วนสาวใช้ก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ภายใต้สายตาเย็นเยียบของ ท่านผู้บัญชาการเหอ จิตใจของเธอพังทลายลงทันที“ฉัน... ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นค่ะ! คุณผู้ชายรองให้ยาพวกนี้กับฉัน แล้วบอกให้ฉันพูดแบบนั้น!”“ฉัน... ฉันแค่ทำตามคำสั่ง ฉันบริสุทธิ์นะคะ!”คำพูดนี้ทำให้การที่หลีเทียนกังและครอบครัวพยายามใส่ร้ายเย่เฟิง กลายเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าชัดเจนหลีเทียนกัง หลี่เยว่ผิง และหลีถิง ต่างมองสาวใช้ด้วยสายตาแค้นเคืองจนเหมือนจะฆ่าเธอได้“พี่รอง ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะใช้พวกเรามาเป็นเครื่องมือแบบนี้!”“พี่รองกับพี่สะใภ้รอง พวกคุณทำเกินไปแล้ว!”“ฉันยังไปช่วยพวกคุณใส่ร้ายเย่เฟิงเมื่อครู่ พวกคุณจะฆ่าฉันหรือไง?”ในตอนนี้ ลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็ก ของหลีเอียน ต่างแสดงสีหน้าโกรธแค้นพวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกครอบครัวของหลีเทียนกังหลอกใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกจัดฉากโดยครอบครัวนี้!“ท่านผู้บัญชาการเหอ พวกเขาใส่ร้ายลูกเขยของฉัน ตอนนี้มีหลักฐานชัดเจนแล้ว สามารถจับกุมได้เลยใช่ไหมคะ?”สวีเพ่ยเพ่ย พูดพร้อมมองหลีเทียนกังด้วยสายตาเกลียดชัง
เมื่อเย่เฟิงชี้ไปที่ผู้อาวุโสหลีและบอกว่าเธอเป็นพยานของเขา ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งอึ้ง“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหลีเป็นพยานให้เย่เฟิง?”“เย่เฟิงบ้าหรือเปล่า?”“ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสเกลียดไอ้หน้าขาวนี่เข้าไส้ จะมาเป็นพยานให้เขาได้ยังไง?”หลีเทียนกังที่ตกใจในตอนแรก ถึงกับหัวเราะออกมา “นายจะให้แม่ฉันเป็นพยานให้นาย? ฮ่า ๆ ๆ…”“ไอ้หน้าขาว นายช่างกล้าคิดนะ?”หลีถิงเองก็หัวเราะเยาะหลี่เยว่ผิงยิ้มเย้ยอย่างกับฟังเรื่องขำขันสมาชิกตระกูลหลีทุกคนคิดว่าเย่เฟิงกำลังเพ้อฝันไปเองแต่เย่เฟิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมและมั่นใจ เขาหันไปหาผู้อาวุโสหลีและพูดว่า “ถึงเวลาที่คุณควรพูดอะไรบ้างแล้วครับ”ในสายตาเย้ยหยันและไม่เชื่อถือของทุกคน ผู้อาวุโสหลีกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนมองเธอด้วยสายตาตกตะลึงผู้อาวุโสหลียอมทำตามเย่เฟิงอย่างนั้นเหรอ?เธอไม่ควรจะสนใจเย่เฟิงเลยด้วยซ้ำ!เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปทันที ทุกสายตามุ่งตรงไปยังเธอ“เย่เฟิงไม่เคยรักษาฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งมองครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาเย็นชาคำ