ฉะนั้น เย่เฟิงย่อมต้องตอบแทนอยู่แล้ว“ฮ่าๆ เสี่ยวเย่นี่เอง!”นายท่านซ่งรับสาย แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นมิตร“นายท่านซ่ง ต้องขอบคุณท่านกับหมอซุน แล้วก็เป่ยเหล่ามากเลยนะครับที่ช่วย เอาอย่างนี้ ผมอยากจะชวนพวกคุณรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันวันนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะว่างไหม?”เย่เฟิงพูดเชื้อเชิญเป่ยเหล่าเป็นแขกประจำของตระกูลซ่งเสมอ หมอซุนเองก็เป็นคนที่ตระกูลซ่งเชิญมาจากเทียนตู ดังนั้นเย่เฟิงจึงติดต่อหานายท่านซ่งทีเดียว“เสี่ยวเย่ นายเกรงใจเกินไปแล้ว!”นายท่านซ่งพูดปฏิเสธอ้อมๆ ไปประโยคหนึ่ง“เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้วครับ!”เย่เฟิงตอบด้วยความจริงใจ“ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกเป่ยเหล่ากับหมอซุนให้!”นายท่านซ่งไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะเขาเองก็อยากกระชับมิตรกับเย่เฟิงเหมือนกันจากนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “อ้อ จริงสิ เสี่ยวเย่ นายมากินข้าวกับตาเฒ่าอย่างพวกฉันแบบนี้คงเบื่อแย่ใช่ไหม? เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายมาด้วย กินข้าวสังสรรค์ด้วยกัน นายไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”เย่เฟิงตอบอย่างไม่ถือสา “ได้ครับ ว่าตามนายท่านซ่งเลยครับ”“โอเค! ถ้างั้นฉันขอเลือกร้านเองแ
จางเฉิงเฟิงนอนโรงพยาบาลไปหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักทีแม้ว่าตอนนั้นเย่เฟิงจะใช้ ‘ยาธาตุทองตระกูลหลี’ ให้กับเขาแล้วก็ตาม แต่ว่าวอดก้า 96% นั่นได้ไปทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ของเขาไปแล้ว จึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมดและอาจทิ้งอาการข้างเคียงถาวรไว้ก็ได้ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เขาอาจมีเสียงแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ดังนั้น จางเฉิงเฟิงชายเสเพลในกองทหารคนนี้ จะไม่โกรธแค้นเย่เฟิงตัวต้นเรื่องนี้ได้อย่างไร?ดังนั้นตอนเห็นเย่เฟิงเมื่อครู่นี้ เขาจึงโกรธจนตาแดงก่ำ“คุณจาง คุณรู้จักคนนี้ด้วยเหรอ?”ชายเจาะหูเห็นดังนั้น ก็ถามอย่างเป็นกังวลเพราะถ้าหากเป็นเพื่อนของจางเฉิงเฟิงล่ะก็ การที่เขาชนแล้วหาเรื่องเย่เฟิงนั้น ก็น่าอายมากแล้ว“รู้จักสิ! รู้จักอยู่แล้ว! ที่พี่เฟิงต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เพราะมันเนี่ยแหละ!”เวินเสี่ยวเหมิงพยักหน้า แล้วจ้องเย่เฟิงเขม็งพวกเขามีกันอยู่นับสิบกว่าคนรวมชายหญิง นอกจากผู้หญิงที่สะดุดตาคนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้นต่างก็เผยสีหน้าไม่เป็นมิตรออกมามีเพียงหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยงามไร้ที่เปรียบ ท่าทางสุขุมเย็นชาเท่านั้นที่ไม่สนใจ
“คุณเจียง เกิดอะไรขึ้นครับ?”ผู้จัดการเข้ามาถามด้วยความโนบน้อมถึงซ่งเจียงจะเป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็เป็นรุ่นหลังของตระกูลซ่ง ดังนั้นผู้จัดการจึงทำตัวเกรงใจเขาเช่นเดียวกัน“ลากตัวหมอนี่ออกไปซะ!”ซ่งเจียงชี้ไปที่เย่เฟิง แล้วสั่งการผู้จัดการได้ยินดังนั้น ก็สำรวจมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำมือเชิญออกต่อเย่เฟิง แล้วพูดเสียงแข็งว่า “คุณผู้ชายคนนี้ ขอเชิญออกไปด้วยตัวเองเถอะครับ!”เย่เฟิงเลิกคิ้ว “ทำไมผมต้องออกไปด้วย? ผมก็เป็นลูกค้าที่มาทานข้าวเหมือนกัน พวกคุณดูแลลูกค้าแบบนี้น่ะเหรอ?”สิ้นเสียง ซ่งเจียงก็หัวเราะแห้ง “นายเนี่ยนะลูกค้า? เชียนเว่ยเซวียนเขามีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีเท่านั้น นายไม่เห็นเหรอว่าที่นี่ไม่มีห้องอาหารโถงใหญ่ มีแต่ห้องส่วนตัวน่ะ? ที่นี่รับแต่ลูกค้าวีไอพี นายมีบัตรวีไอพีของที่นี่เหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกดูแคลนพวกเขาทุกคนรวมทั้งชายหญิงต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาแบบนั้นเช่นเดียวกัน“ดูจากทรงแล้ว จะมีบัตรวีไอพีของที่นี่ได้ยังไง?”“บัตรสมาชิกที่ต่ำที่สุดของที่นี่ ก็มีมูลค่าเป็นแสนแล้ว!”“รีบออกไปเถอะ! วันนี้นายไม่ถูกจัดการก็ถือว่าบุญโขแล้
บร๊ะ!เมื่อเห็นการ์ดสีดำนั่นแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยต่างก็อ้ำอึ้งในบัดดลผู้จัดการเองก็สีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น “หยุด!”ซ่งเจียงและคนอื่นๆ ยิ่งเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อซ่งมู่เสวี่ยหรี่ตาลง แล้วมองไปที่การ์ดสีดำในมือของเย่เฟิง พูดว่า “นี่คือการ์ดระดับสูงสุดของทุกกิจการของตระกูลซ่งของเรา?”เย่เฟิงหัวเราะแห้ง “ไม่รู้ว่าการ์ดใบนี้เป็นสมาชิกระดับไหนของที่นี่กัน?”“สมาชิกระดับสูงสุด!”ซ่งมู่เสวี่ยตอบ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจ “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?”ซ่งมู่เสวี่ยเป็นสายเลือดตรงของตระกูลซ่งท แต่ว่าปกติไม่ค่อยยอมเผยหน้าเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผู้จัดการของที่นี่จึงรู้จักแต่ซ่งเจียง ไม่รู้จักเธอเย่เฟิงยักไหล่ แล้วยื่นการ์ดให้อีกฝ่ายซ่งมู่เสวี่ยรับมือดูอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหลายส่วน“เป็นไงบ้าง? ของจริงไหม?”เย่เฟิงถามยิ้มๆ“เหมือนจะเป็นของจริง!”ซ่งมู่เสวี่ยพยักหน้า แล้วคืนการ์ดให้กับเย่เฟิง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็สามารถไล่สมาชิกระดับต่ำกว่าผมได้แล้วน่ะสิ?”เย่เฟิงหัวเราะเยาะสิ้นเสียง สีหน้าของซ่งเจียงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มั่นคง ซ่งมู่เสวี่ยเอ
“ไป ตามเขาไป อย่าให้เขาหนีไปเด็ดขาด! การ์ดนั่น เขาต้องขโมยมาแน่ๆ!”ซ่งเจียงเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนขึ้น“ไปชั้นบนสุดด้วย? โม้เก่งจริงๆ เขากล้าเหรอ?’“นายท่านซ่งอยู่รับแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นบนสุดพอดี ถ้าเขาไปชั้นบนสุดจริง ก็จะได้เปิดเผยตัวตนเขาด้วย!”“วางใจเถอะ เขาไม่กล้าหรอก! ฉันว่านะ เขาแค่อยากขึ้นลิฟต์ แล้วหนีผ่านชั้นอื่นมากกว่า!”“ตามเขาไป!”กลุ่มคนพูดนั่นนี่กันสนุกปาก แล้วขึ้นลิฟต์ตามเย่เฟิงไปซ่งเจียงเองก็จะเข้าไปด้วย แต่ว่ามีสายเข้าพอดี“พี่หย่งไท่!”คุณซ่งที่ว่านี้รับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมซ้ำยังฟังดูสนิทสนม ทำให้คนฟังต้องขนลุกไปทั้งตัวอีกฝ่ายคือคุณชายซ่ง ซ่งหย่งไท่ หนึ่งใน ‘สองคุณชาย’ แห่งหยุนเฉิงเขาไม่เพียงแต่มีอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลานสายเลือดตรงของตระกูลซ่งที่แท้จริง คนละระดับกับซ่งเจียงที่เป็นลูกหลานสายเลือดห่างอย่างสิ้นเชิง“มายัง?”ซ่งหย่งไท่เอ่ยถามนิ่งๆ“มาถึงแล้วครับๆ!”ซ่งเจียงรีบตอบ“มาถึงเร็วจริง ถ้างั้นนายออกมารอแขกผู้มีเกียรติกับฉันที่หน้าประตู เขามาถึงจะได้พาเขาขึ้นไป”ซ่งหย่งไท่พูดสั่ง“ได้เลยครับ พี่หย่งไท่!”ซ่งเจียงตอบตกลง
เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินตรงไปทางห้องส่วนตัว ทุกคนก็ตกใจและสับสนเหิมเกริมขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาแสวงหาความตายเพราะความไม่รู้ หรือเพราะเหตุผลอะไรกันแน่?ดวงตาที่สวยงามของซ่งมู่เสวี่ยฉายแววความสงสัยหรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติจริงๆ!คุณปู่ขอให้เธอมาพบกับชายผู้มีพรสวรรค์ คงไม่ใช่ไอ้คนนี้จริงๆ หรอกมั้ง?ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณปู่ก็ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลยนะไม่ต้องพูดถึงการแต่งกายของอีกฝ่าย แค่ความจริงที่ว่าเขาเป็นสามีของคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลีเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซ่งมู่เสวี่ยจะยอมรับได้แล้วเวินเสี่ยวเหมิง และจางเฉิงเฟิงมองหน้ากัน ทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ ก็ด้วย“หรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติคนนั้นจริงๆ?”“เป็นไปไม่ได้ๆ!”“ลูกเขยของตระกูลหลีจะกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่งได้ยังไง?”แต่ในวินาทีถัดมา ขณะที่ทุกคนยังคงมีร่องรอยแห่งความหวัง และความไม่พอใจอยู่ในดวงตาของ เย่เฟิงก็เดินไปถึงบริเวณหน้าห้องส่วนตัว“คุณคือ...”พนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีสองคนที่เฝ้าประตูอยู่เห็นเย่เฟิงเดินมา ก็เอ่ยถามอย่างสุภาพ“แซ่เย่”เย่เฟิงกล่าวเบาๆในเวลานี้ ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก นายท่านซ่งโผล่หัวออก
เป่ยเหล่าหัวเราะร่า “เสี่ยวเย่ เดี๋ยวจะแนะนำให้ คนนี้คือประธานถง ถงว่านจินแห่งถงฟากรุ๊ป ภรรยาของเขาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซีเอ็มแอล ก่อนหน้านี้อยู่ในระยะสุดท้าย ดูไม่มีโอกาสรอดแล้วแต่ผมมีตัวอย่างยา ‘แสงแห่งชีวิต’ ที่รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะที่คุณให้มาไม่กี่ชุดอยู่ ผมก็เลยคิดในมุมมองม้าตายให้รักษาอย่างม้าเป็น แล้วมอบให้ประธานถงไปหน่อยคาดไม่ถึงว่าคุณนายถงจะมีชีวิตรอดต่อไปจริงๆ แถมอาการยังมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็เข้าใจในทันที ขณะเดียวกันยังพูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “คุณคือประธานถงเองเหรอครับ? เศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียง?”ไม่น่าล่ะ เย่เฟิงถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนที่แท้ก็ไม่ใช่คนรู้จักในชีวิตจริง แต่แค่เคยเห็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนนี้จากในข่าวมาก่อนเท่านั้น“เศรษฐีอันดับหนึ่งอะไรกัน ไม่กล้าหรอกครับ! หมอเทวดาเย่ คุณคือผู้ช่วยชีวิตของผมกับภรรยาผมเลยนะ! ผมถงว่านจินไม่รู้จะตอบแทนยังไงจริงๆ นี่คือหุ้นส่วน 20% ของถงฟากรุ๊ป ขอหมอเทวดาเย่รับไว้ด้วยนะครับ!”ถงว่านจินพูด แล้วหยิบเอกสารมอบหุ้นส่วนออก
เวินเสี่ยวเหมิงเองก็รู้ว่าตนพูดผิด!เย่เฟิงที่เดิมไม่พูดอะไรเลย แต่กลับถูกคำพูดนี้ของเธอนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาเช่นนั้น เย่เฟิงก็สามารถใช้เรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ที่ตนถูกคนเหล่านี้ดูถูกเหยียดหยามยังไงออกไปได้นี่!เวินเสี่ยวเหมิงร้องไห้ไม่มีน้ำตา อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักทีหนึ่งเธอบาดหมางกับนายท่านซ่งไม่ได้ ดูถูกแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่ง ไม่แน่ตระกูลเวินอาจซวยไปด้วยก็ได้!อีกอย่างที่บ้านทำธุรกิจหยกและไข่มุก รู้จักถงฟากรุ๊ปบ้าง และสามารถพูดได้ว่าต้องการถงฟากรุ๊ปแต่ตอนนี้ ถงว่านจินที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งกลับเรียกเย่เฟิงว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตถึงขนาดคุกเข่ามอบหุ้นส่วนให้เห็นได่ชัดว่า ถงว่านจินซาบซึ้งเย่เฟิงมากดูถูกเย่เฟิงในตอนนี้ ก็เท่ากับดูถูกถงว่านจินด้วยธุรกิจของบ้านเวินเสี่ยวเหมิงอาจได้รับผลการทบมาก ถึงขนาดแค่ถงว่านจินโกรธ ก็อาจตัดความสัมพันธ์ของทั้งสองออกทันทีทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ เองก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาตระกูลของพวกเขาสู้เวินเสี่ยวเหมิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นยิ่งไม่อาจบาดหมางกับตระกูลซ่งและถงว่านจินอยู่แล้วจบแล้ว!เพียงแค่คำพูดเดียวของเย่เฟิง เกรงว่าพวกเขาต้อ
ใบหน้าของลู่ไฉ่หยุนเผยความร้ายกาจออกมาชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเย่เฟิงจริงๆ!เฉาเหนียนถอนหายใจและหันไปพูดกับภรรยาของเขา: “ไฉ่หยุน เราให้เงินกับเย่เฟิงไปดีกว่านะ ถึงยังไงเมื่อก่อนเราก็รับปากเขาไว้แล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฟิง ในวันนั้น หลี่ชื่อคงฆ่าเราทั้งตระกูล…”จริง ๆ แล้ว เฉาเหนียนอยากจ่ายเงิน 4000 ล้านให้เย่เฟิงตามที่เขาเป็นหนี้อยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้วจริง ๆหลังจากให้เย่เฟิงไป 2500 ล้านบาทในครั้งแรก เงินทุนของเฉาเหนียนที่เขามีอยู่ก็เหลือน้อยลง เงินอีกส่วนหนึ่งของตระกูลเฉาก็ฝากไว้ในบัญชีของลู่ไฉ่หยุนตอนนี้ถ้าลู่ไฉ่หยุนไม่เห็นด้วย เขาก็นำเงินมาจ่ายเย่เฟิงไม่ได้“เฉาเหนียน คุณโง่หรือเปล่า? วันนั้นปล่อยให้เย่เฟิงมันขอเงินได้ยังไง? นั่นมันเป็นการแบล็กเมล์กันชัดๆ! อีกอย่าง ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ฆ่าหลี่ชื่อเพื่อช่วยเราแก้ปัญหาอย่างสมบูรณ์ แล้วคุณยังจะให้เงินเขาอีกเหรอ? ถุ้ย!!”ลู่ไฉ่หยุนกัดฟันแล้วด่าอย่างดูถูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธทันใดนั้นใบหน้าของเฉาเหนียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง: “หลี่ชื่อเป็นลูกชายของผมนะ แล้วเย่เฟิงจะฆ่าเขาได้ยังไง?”เมื่อกล่าวถึงหลี่ชื่อ หัวใจของเฉาเหนียน
“ถ้าพี่มีเงินมากพอก็อาจจะพอซื้อของจากตระกูลกู่ได้มากหน่อย! แน่นอนว่า ถ้ามีพลังมากพอ ก็อาจจะไปปล้นดูก็ได้นะ เหอะๆ…”พอพูดถึงประโยคสุดท้าย หญิงสาวตรงหน้าก็ทำหน้าหยอกล้อ และพูดจาแหย่เย่เฟิงสีหน้าของเย่เฟิงเป็นประกาย และถามออกมาโดยไม่รู้ตัว: “ตระกูลกู่แข็งแกร่งแค่ไหน?”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่อินเสวียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง: “ไม่ได้ตั้งใจที่จะปล้นจริงหรอกใช่มั้ย? เท่าที่ฉันรู้ ตระกูลกู่เคยมีผู้นำตระกูลระดับสร้างแก่นลมปราณ ผู้นำตระกูลเฒ่าคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ส่วนผู้นำตระกูลปัจจุบันกับบรรดาผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสหลายคน ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ระดับพื้นฐานลมปราณขั้นปลาย”“เอ่อ…”สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขายักไหล่และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปหาพวกเขาเพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนคงจะดีกว่า”ตามความเข้าใจของเขา ระดับพลังของจิตมังกรบำเพ็ญเซียนถูกแบ่งจากระดับต่ำสุดไปสูงสุดคือ ระดับรวบรวมลมปราณ ระดับพื้นฐานลมปราณ ระดับสร้างแก่นลมปราณ ระดับสำเร็จแก่นลมปราณ ระดับแก่นก่อกำเนิด ระดับก่อรูปธรรม ระดับสูญรูปธรรม ระดับมหายาน ระดับวิบาก รวม 9 ระดับพลัง
เย่เฟิงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินแบบนั้น: “คราวนี้ คำสาปจะถูกยกเลิกโดยไม่เอ่ยถึงจี้หยกได้ไหม”ครั้งก่อนผู้หญิงคนนี้หลอกเขา บอกว่าเธอสามารถระงับคำสาปได้ด้วยจี้หยกรูปมังกรแล้วครั้งนี้ เธอจะพูดจริงอย่างนั้นเหรอ“ฉัน...ฉันไม่กลัวพี่ทรมานฉันหรือไง ครั้งนี้ทุกอย่างที่ฉันบอกพี่เป็นเรื่องจริงทุกอย่างนะ!”เย่อินเสวียนกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกายเย่เฟิงถามเธออีกครั้งว่าเขาจะตามเจอตระกูลเย่เก่าแก่ได้ยังไง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน! ตระกูลเย่ที่ซ่อนตัวอยู่ของเราเป็นแค่เครือหนึ่งเท่านั้น มีเพียงหัวหน้าตระกูลและบุคคลสำคัญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสืบหาที่ตั้งของตระกูลเย่เก่าแก่ได้! และฉันขอแนะนำว่าอย่ายั่วยุตระกูลเย่เก่าแก่ในตอนนี้จะดีกว่า! ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกพี่หรอกนะ อย่าว่าแต่ตระกูลเย่เก่าแก่เลย แค่ตระกูลเครือข่ายแยกย่อยอย่างเราก็สามารถกำจัดพี่ได้ง่ายๆ!!”เย่อินเสวียนเบะปากพูดใบหน้าของเย่เฟิงมืดหม่นราวกับธาราลึก หลังจากพยักหน้า เขาก็จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเคร่งขรึมเย่อินเสวียนหวาดกลัว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที: “พี่คิดจะทำอะไร”เธอรับรู้แรงสังหารของเย่เฟิงได้อย่างชัดเจน!ผู้ชายคนนี้ คิดอยาก
แต่มาตอนนี้ จากคำบอกกล่าวของหลานเขอซี เย่เฟิงได้รับรู้ว่าพ่อแม่ของเขา...ตายแล้ว!ดังนั้น การอยู่กับคนไร้ความจริงใจอย่างเย่อินเสวียนจึงไม่มีความหมายอีกต่อไป!ดวงตาคู่งามของเย่อินเสวียนกะพริบสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะกัดฟันแล้วพูดว่า “อยากถามอะไรก็ถามมา!”เย่เฟิงพยักหน้า...ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เย่อินเสวียนก็ลุกขึ้น แล้ววิ่งพุ่งไปทางประตูหวังจะหลบหนี!แต่ว่าเย่เฟิงเตรียมพร้อมไว้ก่อนอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นแบบนั้น เขาก็ตบคู่ต่อสู้ด้วยฝ่ามือของเขา!ฝ่ามือของเขาเปล่งพลังชี่แท้แข็งแกร่งและพุ่งออกไปราวกับรอยประทับฝ่ามืออรหันต์โจมตีเข้าที่ด้านหลังเย่อินเสวียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า!พลั่ก!ทันใดนั้น เย่อินเสวียนก็กระอักเลือดออกมา เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝ่ามือของเย่เฟิงจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ในการต่อสู้ครั้งแรก เย่อินเสวียนยังหนีรอดจากเงื้อมมือของเย่เฟิงได้แต่ในเมื่อตอนนี้ เย่เฟิงทะลวงถึงระดับพื้นฐานลมปราณแล้ว แล้วเขาจะปล่อยผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ยังไง?วินาทีต่อมา เย่เฟิงโยนเย่อินเสวียนลงบนเตียง ดึงผ้าปูที่นอนมาปิดตัวเธอไว้เพื่อปิดร่างกายบอบบางที่ทำให้เขาเลือดสูบฉีดเย่อินเสวียนจ้องมองเขา ก
เมื่อถูกผลักออกในจังหวะเวลาแบบนั้น เย่อินเสวียนตกตะลึงไปชั่วขณะ แววตาของเธอวูบไหวไม่สงบเธอจ้องมองเย่เฟิงอยู่ครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจปนกับความตกใจ จะยังไงเย่อินเสวียนก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากแบบที่หาเจอได้ไม่บ่อยนัก รวมกับเสน่ห์ที่เธอทำใส่เขา เขาน่าจะต้องโดนพลังของกู่เสน่ห์หาถึงจะถูกตามปกติแล้ว ขอแค่เธอกระดิกนิ้วเรียก อีกฝ่ายก็ควรจะลุ่มหลงไปกับร่างกายของเธอสิ!แต่ในเวลาแบบนี้ เขากลับผละตัวเธอออกอย่างนั้นเหรอ?“พี่เฟิง นี่พี่ทำอะไรคะ? ที่ว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นหมายความว่ายังไง ฉันชอบพี่มาตั้งนานแล้ว ทั้งที่ฉันทุ่มสุดตัวขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ทำไมพี่ยังทำตัวลังเลแบบนี้อยู่อีก นี่พี่ยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า”ใบหน้าของเย่อินเสวียนมืดหม่น เธอถามด้วยความไม่พอใจและความขุ่นเคืองเย่เฟิงโบกมือ: “ผมยังไม่พร้อม! วันนี้คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ เรามาคุยเรื่องจริงจังกันก่อนดีกว่านะ”เย่อินเสวียนกลอกตาใส่เย่เฟิงอย่างเย้ายวน ก่อนจะขมวดคิ้ว “แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องจริงจังหรือไงคะ”ขณะที่เธอพูด เธอก็กัดริมฝีปากแล้วเริ่มเข้าหาเย่เฟิงอีกครั้งโครม!แต่ว่าคราวนี้ เย่เฟิงปล
“ไม่ต้องห่วงหรอก! ผมจะใช้ภาพพวกนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด!”“ลองจินตนาการดูสิ ว่ามันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เปิดภาพถ่ายพวกนี้ในงานแต่งของเย่เฟิงและหลีเอียน?”“ฮ่าฮ่า ๆ ๆ…”ทนายลวีพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์......ขณะเดียวกัน ที่อีกด้านหนึ่งเย่เฟิงและเย่อินเสวียนมาถึงโรงแรม และเปิดห้องห้องหนึ่ง!สิ่งที่เย่เฟิงไม่คาดคิด คือผู้หญิงคนนี้เลือกเปิดห้องสวีทคู่รักจริงๆหลังจากเข้ามาด้านใน ภายในห้องมีไฟสีชมพูสลัว ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกเป็นพิเศษเย่เฟิงเลิกคิ้วมองเย่อินเสวียนด้วยสายตาประหลาดใจทว่ากลับเห็นเพียงดวงตาคู่งามของอีกฝ่าย ร่างกายของเธอราวกับกำลังปล่อยฟีโรโมนชวนให้หลงใหล และทุกการเคลื่อนไหวล้วนสามารถดึงดูดผู้คนจนไม่อาจละสายตานี่มันเสน่ห์เหรอ?ดวงตาของเย่เฟิงหรี่ลง ในใจได้แต่ส่งเสียงฮึเป็นเชิงเยาะเย้ยวินาทีต่อมา เขากลืนน้ำลายและถามว่า “อินเสวียน คุณคงจะไม่...”เย่อินเสวียนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่วินาทีต่อมา เธอจะเดินกรีดกรายเข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าเขา“พี่เฟิง พี่ไม่อยากเหรอคะ? วันนี้ฉันจะทำให้พี่สนุกแทบขาดใจเลยละ!”เธอเหยียดนิ้วเรียวยาวออกกรีดไปตามหน้าอกของเย่เฟิงวิน
เย่เฟิงหัวเราะเยาะวินาทีต่อมา เขาก็เดินไปเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับ แล้วดึงเย่อินเสวียนออกมาจากรถก่อนจะคว้าเอวเธอมาโอบอย่างรวดเร็ว!เย่อินเสวียนทำส่งเสียงตกใจเล็กน้อยและเหลือบมองโจวชิง แล้วหันไปคล้องแขนของเธอรอบคอของเย่เฟิง: “พี่เฟิง เรารีบไปกันเถอะค่ะ! ฉันจองห้องที่โรงแรมเอาไว้แล้วนะคะ! ห้องแบบสวีทเลยนะ!”เย่เฟิงสาดสายตามองโจวชิง และพูดอย่างเยาะเย้ย: “โจวชิง เคยได้ยินหรือเปล่าว่าม้าดีไม่กลับไปกินฟางเก่าน่ะ? ต่อให้ผมหิวยังไง ผมก็ไม่กลับไปกินของเหลือทิ้งหรอก! ยิ่งกว่านั้น ผมไม่ได้หิว! ใครบอกคุณว่าผมขาดผู้หญิง”โจวชิงมองเย่อินเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เฟิง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเธอไม่นึกเลยว่าคนที่อยู่ในรถไม่ใช่นั่วนั่ว แต่กลับเป็น…ผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้มอีกคน!ชายหนุ่มยากจนในตอนนั้น มาตอนนี้กลับถูกรายล้อมไปด้วยสาวสวย!แม้เธอจะมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอรู้สึกละอายเล็กน้อยเมื่อเทียบตัวเองกับเย่อินเสวียนเธอยังนึกว่าเย่เฟิงหลงเธอเข้าแล้วซะอีก ทำแบบนี้มันน่าตลกสิ้นดี!“เย่เฟิง! นี่แกว่าใครเป็นของเหลือทิ้ง? แก ไอ้ผู้ชายชั่ว!”“แกมันคนได้ใหม่ลืมเก่า
“เธอเป็นภรรยาเก่าผมเอง”เย่เฟิงตอบพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถลงไปด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อโจวชิงเห็นเขา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ แล้วเธอก็มองเข้าไปในรถ“นั่วนั่วอยู่ที่ไหน? นั่วนั่วอยู่ในรถหรือเปล่า อาเฟิง ขอฉันเจอหน้าลูกหน่อยได้มั้ย”เย่เฟิงปิดประตูรถและถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “โจวชิง คุณคิดจะทำอะไร”โจวชิงมองเย่เฟิงอย่างมีเยื่อใย สายตาของเธอเผยความอ่อนแอ: “ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย ฉันแค่คิดถึงคุณกับลูก ก็เลยมาหาคุณและนั่วนั่ว” เธอตอบอย่างไร้เดียงสาเมื่อเห็นท่าทางเสแสร้งของเธอ เย่เฟิงรู้สึกรังเกียจอยู่ในใจนานมาแล้ว ที่โจวชิงเคยทำตัวดีและอ่อนโยนต่อหน้าเขาและเพราะแบบนั้น เย่เฟิงถึงถูกเธอล่อลวงจนได้แต่งงานและให้กำเนิดนั่วนั่วเย่เฟิงในตอนนั้น ขอแค่โจวชิงออดอ้อนเสียหน่อย เขาก็จะใจอ่อนและยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่างแต่ว่า ตอนนี้เย่เฟิงได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของโจวชิงอย่างชัดเจนแล้ว เขาจะไม่หลงกลอุบายซ้ำสอง!“เรามีความสุขกันดี ไม่ต้องการให้คุณมาเจอหรอก รีบไปซะ!”“แล้วก็ อย่ามาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ผมเรียกรปภ. มาไล่คุณออกไป!”เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เย่อินเสวียนจ้องเย่เฟิง ดวงตาคู่สวยของเธอเผยความสงสัยปนกับความโมโหตามหลักการแล้ว ชายตรงหน้าน่าจะตกอยู่ในมนต์หนอนพิษเสน่ห์ของเธอ แถมหนอนพิษที่เธอใช้ก็เป็นหนอนพิษเสน่ห์ที่มีฤทธิ์มากกว่าหนอนพิษทั่ว ๆ ไปด้วยมีหนอนพิษแบบนั้นอยู่ในร่าง เย่เฟิงน่าจะต้องหลงเธอหัวปักหัวปำถึงจะถูกสิแต่ในเวลานี้ เขากลับทำหน้าขมวดคิ้วกับออกอาการหงุดหงิด?“พี่เฟิง เป็นอะไรไป? อารมณ์ไม่ดีเหรอคะ? นี่ฉันมาหาพี่นะ ทำไมทำหน้าไม่พอใจแบบนั้นละคะ?”เย่อินเสวียนเดินบิดสะโพกเข้าไปหาเขาแล้วถามด้วยท่าทางไม่พอใจเย่เฟิงเลิกคิ้ว ก่อนจะรีบแสดงท่าทีหลงเสน่ห์ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอก เพราะเรื่องลูกสาวผมน่ะ แต่พอเจอคุณผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาเลย!”“ฮึ ฉันนึกว่าพี่ไม่ชอบฉันแล้วซะอีกนะคะ”เย่อินเสวียนส่งเสียงฮึหยอกล้อ“จะเป็นไปได้ยังไง? ก็คุณน่าหลงใหลขนาดนี้ ผมคิดถึงคุณทั้งวันทั้งคืนเลย!”เย่เฟิงมองดูเย่อินเสวียนพร้อมรอยยิ้มเหมือนสุนัขขี้ประจบ ทำราวกับว่าเขาหมกมุ่นคิดถึงแต่เธอเย่อินเสวียนยิ้มยั่วยวนกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้ม: “จริงสิคะ คราวก่อนเอาแต่เป็นห่วงเรื่องลูกสาวคุณ ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลยนะ! ตอนนี้คุณมีพลังระดับไหนแ