ฉะนั้น เย่เฟิงย่อมต้องตอบแทนอยู่แล้ว“ฮ่าๆ เสี่ยวเย่นี่เอง!”นายท่านซ่งรับสาย แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นมิตร“นายท่านซ่ง ต้องขอบคุณท่านกับหมอซุน แล้วก็เป่ยเหล่ามากเลยนะครับที่ช่วย เอาอย่างนี้ ผมอยากจะชวนพวกคุณรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันวันนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะว่างไหม?”เย่เฟิงพูดเชื้อเชิญเป่ยเหล่าเป็นแขกประจำของตระกูลซ่งเสมอ หมอซุนเองก็เป็นคนที่ตระกูลซ่งเชิญมาจากเทียนตู ดังนั้นเย่เฟิงจึงติดต่อหานายท่านซ่งทีเดียว“เสี่ยวเย่ นายเกรงใจเกินไปแล้ว!”นายท่านซ่งพูดปฏิเสธอ้อมๆ ไปประโยคหนึ่ง“เป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้วครับ!”เย่เฟิงตอบด้วยความจริงใจ“ถ้างั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกเป่ยเหล่ากับหมอซุนให้!”นายท่านซ่งไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะเขาเองก็อยากกระชับมิตรกับเย่เฟิงเหมือนกันจากนั้น เขาก็พูดขึ้นว่า “อ้อ จริงสิ เสี่ยวเย่ นายมากินข้าวกับตาเฒ่าอย่างพวกฉันแบบนี้คงเบื่อแย่ใช่ไหม? เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายมาด้วย กินข้าวสังสรรค์ด้วยกัน นายไม่ถือสาหรอกใช่ไหม?”เย่เฟิงตอบอย่างไม่ถือสา “ได้ครับ ว่าตามนายท่านซ่งเลยครับ”“โอเค! ถ้างั้นฉันขอเลือกร้านเองแ
จางเฉิงเฟิงนอนโรงพยาบาลไปหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักทีแม้ว่าตอนนั้นเย่เฟิงจะใช้ ‘ยาธาตุทองตระกูลหลี’ ให้กับเขาแล้วก็ตาม แต่ว่าวอดก้า 96% นั่นได้ไปทำลายกระเพาะอาหารและลำไส้ของเขาไปแล้ว จึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมดและอาจทิ้งอาการข้างเคียงถาวรไว้ก็ได้ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เขาอาจมีเสียงแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ดังนั้น จางเฉิงเฟิงชายเสเพลในกองทหารคนนี้ จะไม่โกรธแค้นเย่เฟิงตัวต้นเรื่องนี้ได้อย่างไร?ดังนั้นตอนเห็นเย่เฟิงเมื่อครู่นี้ เขาจึงโกรธจนตาแดงก่ำ“คุณจาง คุณรู้จักคนนี้ด้วยเหรอ?”ชายเจาะหูเห็นดังนั้น ก็ถามอย่างเป็นกังวลเพราะถ้าหากเป็นเพื่อนของจางเฉิงเฟิงล่ะก็ การที่เขาชนแล้วหาเรื่องเย่เฟิงนั้น ก็น่าอายมากแล้ว“รู้จักสิ! รู้จักอยู่แล้ว! ที่พี่เฟิงต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เพราะมันเนี่ยแหละ!”เวินเสี่ยวเหมิงพยักหน้า แล้วจ้องเย่เฟิงเขม็งพวกเขามีกันอยู่นับสิบกว่าคนรวมชายหญิง นอกจากผู้หญิงที่สะดุดตาคนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้นต่างก็เผยสีหน้าไม่เป็นมิตรออกมามีเพียงหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยงามไร้ที่เปรียบ ท่าทางสุขุมเย็นชาเท่านั้นที่ไม่สนใจ
“คุณเจียง เกิดอะไรขึ้นครับ?”ผู้จัดการเข้ามาถามด้วยความโนบน้อมถึงซ่งเจียงจะเป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็เป็นรุ่นหลังของตระกูลซ่ง ดังนั้นผู้จัดการจึงทำตัวเกรงใจเขาเช่นเดียวกัน“ลากตัวหมอนี่ออกไปซะ!”ซ่งเจียงชี้ไปที่เย่เฟิง แล้วสั่งการผู้จัดการได้ยินดังนั้น ก็สำรวจมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำมือเชิญออกต่อเย่เฟิง แล้วพูดเสียงแข็งว่า “คุณผู้ชายคนนี้ ขอเชิญออกไปด้วยตัวเองเถอะครับ!”เย่เฟิงเลิกคิ้ว “ทำไมผมต้องออกไปด้วย? ผมก็เป็นลูกค้าที่มาทานข้าวเหมือนกัน พวกคุณดูแลลูกค้าแบบนี้น่ะเหรอ?”สิ้นเสียง ซ่งเจียงก็หัวเราะแห้ง “นายเนี่ยนะลูกค้า? เชียนเว่ยเซวียนเขามีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีเท่านั้น นายไม่เห็นเหรอว่าที่นี่ไม่มีห้องอาหารโถงใหญ่ มีแต่ห้องส่วนตัวน่ะ? ที่นี่รับแต่ลูกค้าวีไอพี นายมีบัตรวีไอพีของที่นี่เหรอ?”ระหว่างที่พูด เขาก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกดูแคลนพวกเขาทุกคนรวมทั้งชายหญิงต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาแบบนั้นเช่นเดียวกัน“ดูจากทรงแล้ว จะมีบัตรวีไอพีของที่นี่ได้ยังไง?”“บัตรสมาชิกที่ต่ำที่สุดของที่นี่ ก็มีมูลค่าเป็นแสนแล้ว!”“รีบออกไปเถอะ! วันนี้นายไม่ถูกจัดการก็ถือว่าบุญโขแล้
บร๊ะ!เมื่อเห็นการ์ดสีดำนั่นแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยต่างก็อ้ำอึ้งในบัดดลผู้จัดการเองก็สีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น “หยุด!”ซ่งเจียงและคนอื่นๆ ยิ่งเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อซ่งมู่เสวี่ยหรี่ตาลง แล้วมองไปที่การ์ดสีดำในมือของเย่เฟิง พูดว่า “นี่คือการ์ดระดับสูงสุดของทุกกิจการของตระกูลซ่งของเรา?”เย่เฟิงหัวเราะแห้ง “ไม่รู้ว่าการ์ดใบนี้เป็นสมาชิกระดับไหนของที่นี่กัน?”“สมาชิกระดับสูงสุด!”ซ่งมู่เสวี่ยตอบ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจ “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?”ซ่งมู่เสวี่ยเป็นสายเลือดตรงของตระกูลซ่งท แต่ว่าปกติไม่ค่อยยอมเผยหน้าเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผู้จัดการของที่นี่จึงรู้จักแต่ซ่งเจียง ไม่รู้จักเธอเย่เฟิงยักไหล่ แล้วยื่นการ์ดให้อีกฝ่ายซ่งมู่เสวี่ยรับมือดูอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหลายส่วน“เป็นไงบ้าง? ของจริงไหม?”เย่เฟิงถามยิ้มๆ“เหมือนจะเป็นของจริง!”ซ่งมู่เสวี่ยพยักหน้า แล้วคืนการ์ดให้กับเย่เฟิง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็สามารถไล่สมาชิกระดับต่ำกว่าผมได้แล้วน่ะสิ?”เย่เฟิงหัวเราะเยาะสิ้นเสียง สีหน้าของซ่งเจียงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มั่นคง ซ่งมู่เสวี่ยเอ
“ไป ตามเขาไป อย่าให้เขาหนีไปเด็ดขาด! การ์ดนั่น เขาต้องขโมยมาแน่ๆ!”ซ่งเจียงเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนขึ้น“ไปชั้นบนสุดด้วย? โม้เก่งจริงๆ เขากล้าเหรอ?’“นายท่านซ่งอยู่รับแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นบนสุดพอดี ถ้าเขาไปชั้นบนสุดจริง ก็จะได้เปิดเผยตัวตนเขาด้วย!”“วางใจเถอะ เขาไม่กล้าหรอก! ฉันว่านะ เขาแค่อยากขึ้นลิฟต์ แล้วหนีผ่านชั้นอื่นมากกว่า!”“ตามเขาไป!”กลุ่มคนพูดนั่นนี่กันสนุกปาก แล้วขึ้นลิฟต์ตามเย่เฟิงไปซ่งเจียงเองก็จะเข้าไปด้วย แต่ว่ามีสายเข้าพอดี“พี่หย่งไท่!”คุณซ่งที่ว่านี้รับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมซ้ำยังฟังดูสนิทสนม ทำให้คนฟังต้องขนลุกไปทั้งตัวอีกฝ่ายคือคุณชายซ่ง ซ่งหย่งไท่ หนึ่งใน ‘สองคุณชาย’ แห่งหยุนเฉิงเขาไม่เพียงแต่มีอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลานสายเลือดตรงของตระกูลซ่งที่แท้จริง คนละระดับกับซ่งเจียงที่เป็นลูกหลานสายเลือดห่างอย่างสิ้นเชิง“มายัง?”ซ่งหย่งไท่เอ่ยถามนิ่งๆ“มาถึงแล้วครับๆ!”ซ่งเจียงรีบตอบ“มาถึงเร็วจริง ถ้างั้นนายออกมารอแขกผู้มีเกียรติกับฉันที่หน้าประตู เขามาถึงจะได้พาเขาขึ้นไป”ซ่งหย่งไท่พูดสั่ง“ได้เลยครับ พี่หย่งไท่!”ซ่งเจียงตอบตกลง
เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินตรงไปทางห้องส่วนตัว ทุกคนก็ตกใจและสับสนเหิมเกริมขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาแสวงหาความตายเพราะความไม่รู้ หรือเพราะเหตุผลอะไรกันแน่?ดวงตาที่สวยงามของซ่งมู่เสวี่ยฉายแววความสงสัยหรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติจริงๆ!คุณปู่ขอให้เธอมาพบกับชายผู้มีพรสวรรค์ คงไม่ใช่ไอ้คนนี้จริงๆ หรอกมั้ง?ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณปู่ก็ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลยนะไม่ต้องพูดถึงการแต่งกายของอีกฝ่าย แค่ความจริงที่ว่าเขาเป็นสามีของคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลีเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซ่งมู่เสวี่ยจะยอมรับได้แล้วเวินเสี่ยวเหมิง และจางเฉิงเฟิงมองหน้ากัน ทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ ก็ด้วย“หรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติคนนั้นจริงๆ?”“เป็นไปไม่ได้ๆ!”“ลูกเขยของตระกูลหลีจะกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่งได้ยังไง?”แต่ในวินาทีถัดมา ขณะที่ทุกคนยังคงมีร่องรอยแห่งความหวัง และความไม่พอใจอยู่ในดวงตาของ เย่เฟิงก็เดินไปถึงบริเวณหน้าห้องส่วนตัว“คุณคือ...”พนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีสองคนที่เฝ้าประตูอยู่เห็นเย่เฟิงเดินมา ก็เอ่ยถามอย่างสุภาพ“แซ่เย่”เย่เฟิงกล่าวเบาๆในเวลานี้ ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก นายท่านซ่งโผล่หัวออก
เป่ยเหล่าหัวเราะร่า “เสี่ยวเย่ เดี๋ยวจะแนะนำให้ คนนี้คือประธานถง ถงว่านจินแห่งถงฟากรุ๊ป ภรรยาของเขาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซีเอ็มแอล ก่อนหน้านี้อยู่ในระยะสุดท้าย ดูไม่มีโอกาสรอดแล้วแต่ผมมีตัวอย่างยา ‘แสงแห่งชีวิต’ ที่รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะที่คุณให้มาไม่กี่ชุดอยู่ ผมก็เลยคิดในมุมมองม้าตายให้รักษาอย่างม้าเป็น แล้วมอบให้ประธานถงไปหน่อยคาดไม่ถึงว่าคุณนายถงจะมีชีวิตรอดต่อไปจริงๆ แถมอาการยังมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็เข้าใจในทันที ขณะเดียวกันยังพูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “คุณคือประธานถงเองเหรอครับ? เศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียง?”ไม่น่าล่ะ เย่เฟิงถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนที่แท้ก็ไม่ใช่คนรู้จักในชีวิตจริง แต่แค่เคยเห็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนนี้จากในข่าวมาก่อนเท่านั้น“เศรษฐีอันดับหนึ่งอะไรกัน ไม่กล้าหรอกครับ! หมอเทวดาเย่ คุณคือผู้ช่วยชีวิตของผมกับภรรยาผมเลยนะ! ผมถงว่านจินไม่รู้จะตอบแทนยังไงจริงๆ นี่คือหุ้นส่วน 20% ของถงฟากรุ๊ป ขอหมอเทวดาเย่รับไว้ด้วยนะครับ!”ถงว่านจินพูด แล้วหยิบเอกสารมอบหุ้นส่วนออก
เวินเสี่ยวเหมิงเองก็รู้ว่าตนพูดผิด!เย่เฟิงที่เดิมไม่พูดอะไรเลย แต่กลับถูกคำพูดนี้ของเธอนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาเช่นนั้น เย่เฟิงก็สามารถใช้เรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ที่ตนถูกคนเหล่านี้ดูถูกเหยียดหยามยังไงออกไปได้นี่!เวินเสี่ยวเหมิงร้องไห้ไม่มีน้ำตา อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักทีหนึ่งเธอบาดหมางกับนายท่านซ่งไม่ได้ ดูถูกแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่ง ไม่แน่ตระกูลเวินอาจซวยไปด้วยก็ได้!อีกอย่างที่บ้านทำธุรกิจหยกและไข่มุก รู้จักถงฟากรุ๊ปบ้าง และสามารถพูดได้ว่าต้องการถงฟากรุ๊ปแต่ตอนนี้ ถงว่านจินที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งกลับเรียกเย่เฟิงว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตถึงขนาดคุกเข่ามอบหุ้นส่วนให้เห็นได่ชัดว่า ถงว่านจินซาบซึ้งเย่เฟิงมากดูถูกเย่เฟิงในตอนนี้ ก็เท่ากับดูถูกถงว่านจินด้วยธุรกิจของบ้านเวินเสี่ยวเหมิงอาจได้รับผลการทบมาก ถึงขนาดแค่ถงว่านจินโกรธ ก็อาจตัดความสัมพันธ์ของทั้งสองออกทันทีทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ เองก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาตระกูลของพวกเขาสู้เวินเสี่ยวเหมิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นยิ่งไม่อาจบาดหมางกับตระกูลซ่งและถงว่านจินอยู่แล้วจบแล้ว!เพียงแค่คำพูดเดียวของเย่เฟิง เกรงว่าพวกเขาต้อ