บร๊ะ!เมื่อเห็นการ์ดสีดำนั่นแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยต่างก็อ้ำอึ้งในบัดดลผู้จัดการเองก็สีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขึ้น “หยุด!”ซ่งเจียงและคนอื่นๆ ยิ่งเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อซ่งมู่เสวี่ยหรี่ตาลง แล้วมองไปที่การ์ดสีดำในมือของเย่เฟิง พูดว่า “นี่คือการ์ดระดับสูงสุดของทุกกิจการของตระกูลซ่งของเรา?”เย่เฟิงหัวเราะแห้ง “ไม่รู้ว่าการ์ดใบนี้เป็นสมาชิกระดับไหนของที่นี่กัน?”“สมาชิกระดับสูงสุด!”ซ่งมู่เสวี่ยตอบ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจ “ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?”ซ่งมู่เสวี่ยเป็นสายเลือดตรงของตระกูลซ่งท แต่ว่าปกติไม่ค่อยยอมเผยหน้าเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผู้จัดการของที่นี่จึงรู้จักแต่ซ่งเจียง ไม่รู้จักเธอเย่เฟิงยักไหล่ แล้วยื่นการ์ดให้อีกฝ่ายซ่งมู่เสวี่ยรับมือดูอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหลายส่วน“เป็นไงบ้าง? ของจริงไหม?”เย่เฟิงถามยิ้มๆ“เหมือนจะเป็นของจริง!”ซ่งมู่เสวี่ยพยักหน้า แล้วคืนการ์ดให้กับเย่เฟิง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นผมก็สามารถไล่สมาชิกระดับต่ำกว่าผมได้แล้วน่ะสิ?”เย่เฟิงหัวเราะเยาะสิ้นเสียง สีหน้าของซ่งเจียงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มั่นคง ซ่งมู่เสวี่ยเอ
“ไป ตามเขาไป อย่าให้เขาหนีไปเด็ดขาด! การ์ดนั่น เขาต้องขโมยมาแน่ๆ!”ซ่งเจียงเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนขึ้น“ไปชั้นบนสุดด้วย? โม้เก่งจริงๆ เขากล้าเหรอ?’“นายท่านซ่งอยู่รับแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นบนสุดพอดี ถ้าเขาไปชั้นบนสุดจริง ก็จะได้เปิดเผยตัวตนเขาด้วย!”“วางใจเถอะ เขาไม่กล้าหรอก! ฉันว่านะ เขาแค่อยากขึ้นลิฟต์ แล้วหนีผ่านชั้นอื่นมากกว่า!”“ตามเขาไป!”กลุ่มคนพูดนั่นนี่กันสนุกปาก แล้วขึ้นลิฟต์ตามเย่เฟิงไปซ่งเจียงเองก็จะเข้าไปด้วย แต่ว่ามีสายเข้าพอดี“พี่หย่งไท่!”คุณซ่งที่ว่านี้รับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมซ้ำยังฟังดูสนิทสนม ทำให้คนฟังต้องขนลุกไปทั้งตัวอีกฝ่ายคือคุณชายซ่ง ซ่งหย่งไท่ หนึ่งใน ‘สองคุณชาย’ แห่งหยุนเฉิงเขาไม่เพียงแต่มีอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกหลานสายเลือดตรงของตระกูลซ่งที่แท้จริง คนละระดับกับซ่งเจียงที่เป็นลูกหลานสายเลือดห่างอย่างสิ้นเชิง“มายัง?”ซ่งหย่งไท่เอ่ยถามนิ่งๆ“มาถึงแล้วครับๆ!”ซ่งเจียงรีบตอบ“มาถึงเร็วจริง ถ้างั้นนายออกมารอแขกผู้มีเกียรติกับฉันที่หน้าประตู เขามาถึงจะได้พาเขาขึ้นไป”ซ่งหย่งไท่พูดสั่ง“ได้เลยครับ พี่หย่งไท่!”ซ่งเจียงตอบตกลง
เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินตรงไปทางห้องส่วนตัว ทุกคนก็ตกใจและสับสนเหิมเกริมขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาแสวงหาความตายเพราะความไม่รู้ หรือเพราะเหตุผลอะไรกันแน่?ดวงตาที่สวยงามของซ่งมู่เสวี่ยฉายแววความสงสัยหรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติจริงๆ!คุณปู่ขอให้เธอมาพบกับชายผู้มีพรสวรรค์ คงไม่ใช่ไอ้คนนี้จริงๆ หรอกมั้ง?ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณปู่ก็ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลยนะไม่ต้องพูดถึงการแต่งกายของอีกฝ่าย แค่ความจริงที่ว่าเขาเป็นสามีของคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลีเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซ่งมู่เสวี่ยจะยอมรับได้แล้วเวินเสี่ยวเหมิง และจางเฉิงเฟิงมองหน้ากัน ทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ ก็ด้วย“หรือว่า เขาจะเป็นแขกผู้มีเกียรติคนนั้นจริงๆ?”“เป็นไปไม่ได้ๆ!”“ลูกเขยของตระกูลหลีจะกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่งได้ยังไง?”แต่ในวินาทีถัดมา ขณะที่ทุกคนยังคงมีร่องรอยแห่งความหวัง และความไม่พอใจอยู่ในดวงตาของ เย่เฟิงก็เดินไปถึงบริเวณหน้าห้องส่วนตัว“คุณคือ...”พนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีสองคนที่เฝ้าประตูอยู่เห็นเย่เฟิงเดินมา ก็เอ่ยถามอย่างสุภาพ“แซ่เย่”เย่เฟิงกล่าวเบาๆในเวลานี้ ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก นายท่านซ่งโผล่หัวออก
เป่ยเหล่าหัวเราะร่า “เสี่ยวเย่ เดี๋ยวจะแนะนำให้ คนนี้คือประธานถง ถงว่านจินแห่งถงฟากรุ๊ป ภรรยาของเขาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซีเอ็มแอล ก่อนหน้านี้อยู่ในระยะสุดท้าย ดูไม่มีโอกาสรอดแล้วแต่ผมมีตัวอย่างยา ‘แสงแห่งชีวิต’ ที่รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะที่คุณให้มาไม่กี่ชุดอยู่ ผมก็เลยคิดในมุมมองม้าตายให้รักษาอย่างม้าเป็น แล้วมอบให้ประธานถงไปหน่อยคาดไม่ถึงว่าคุณนายถงจะมีชีวิตรอดต่อไปจริงๆ แถมอาการยังมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย!”เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฟิงก็เข้าใจในทันที ขณะเดียวกันยังพูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “คุณคือประธานถงเองเหรอครับ? เศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียง?”ไม่น่าล่ะ เย่เฟิงถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนที่แท้ก็ไม่ใช่คนรู้จักในชีวิตจริง แต่แค่เคยเห็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนนี้จากในข่าวมาก่อนเท่านั้น“เศรษฐีอันดับหนึ่งอะไรกัน ไม่กล้าหรอกครับ! หมอเทวดาเย่ คุณคือผู้ช่วยชีวิตของผมกับภรรยาผมเลยนะ! ผมถงว่านจินไม่รู้จะตอบแทนยังไงจริงๆ นี่คือหุ้นส่วน 20% ของถงฟากรุ๊ป ขอหมอเทวดาเย่รับไว้ด้วยนะครับ!”ถงว่านจินพูด แล้วหยิบเอกสารมอบหุ้นส่วนออก
เวินเสี่ยวเหมิงเองก็รู้ว่าตนพูดผิด!เย่เฟิงที่เดิมไม่พูดอะไรเลย แต่กลับถูกคำพูดนี้ของเธอนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาเช่นนั้น เย่เฟิงก็สามารถใช้เรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ที่ตนถูกคนเหล่านี้ดูถูกเหยียดหยามยังไงออกไปได้นี่!เวินเสี่ยวเหมิงร้องไห้ไม่มีน้ำตา อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สักทีหนึ่งเธอบาดหมางกับนายท่านซ่งไม่ได้ ดูถูกแขกผู้มีเกียรติของนายท่านซ่ง ไม่แน่ตระกูลเวินอาจซวยไปด้วยก็ได้!อีกอย่างที่บ้านทำธุรกิจหยกและไข่มุก รู้จักถงฟากรุ๊ปบ้าง และสามารถพูดได้ว่าต้องการถงฟากรุ๊ปแต่ตอนนี้ ถงว่านจินที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งกลับเรียกเย่เฟิงว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตถึงขนาดคุกเข่ามอบหุ้นส่วนให้เห็นได่ชัดว่า ถงว่านจินซาบซึ้งเย่เฟิงมากดูถูกเย่เฟิงในตอนนี้ ก็เท่ากับดูถูกถงว่านจินด้วยธุรกิจของบ้านเวินเสี่ยวเหมิงอาจได้รับผลการทบมาก ถึงขนาดแค่ถงว่านจินโกรธ ก็อาจตัดความสัมพันธ์ของทั้งสองออกทันทีทายาทรุ่นสองคนอื่นๆ เองก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาตระกูลของพวกเขาสู้เวินเสี่ยวเหมิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นยิ่งไม่อาจบาดหมางกับตระกูลซ่งและถงว่านจินอยู่แล้วจบแล้ว!เพียงแค่คำพูดเดียวของเย่เฟิง เกรงว่าพวกเขาต้อ
ถึงแม้จะด่าออกไป แต่ในใจหลิงเอ๋อร์กลับไม่รู้สึกรังเกียจ มีเพียงความรู้สึกได้ใจ และดีใจผู้หญิงคนนี้มีความรู้สึกซาบซึ้ง และความรู้สึกดีๆ ต่อเย่เฟิงอย่างบอกไม่ถูกเธอเพิ่งฝึกฝน ‘หทัยปักษาหวนชีวา’ ไปได้อาทิตย์กว่า ก็พบว่าตนได้บรรลุถึงระดับพลังมืดทมิฬแล้วขนตามร่างกายที่แต่เดิมทำให้เธอเขินอายที่จะเห็นพบปะผู้คนก็หายไป และผิวพรรณของเธอก็เรียบเนียนขึ้นวันนี้หลิงเอ๋อร์สวมชุดเดรสเป็นพิเศษ ทำให้เธอดูสดใสและมีเสน่ห์เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้แสดงความเป็นผู้หญิงออกมาอย่างมั่นใจแบบนี้"อะแฮ่ม!"ในเวลานี้ นายท่านซ่งกระแอมสองสามครั้งและแนะนำให้เย่เฟิงว่า "เสี่ยวเย่ ฉันขอแนะนำให้นายรู้จัก นี่คือหลานสาวของฉัน ซ่งมู่เสวี่ย! คนหนุ่มสาวอย่างพวกนายสามารถสื่อสารพูดคุยกันมากๆ!"หลังจากสิ้นคำพูด เป่ยเหล่าที่อยู่ข้างๆ เม้มริมฝีปากแล้วพูดกับตัวเองว่า ตาแก่นี่ เห็นหลานสาวของฉันสนิทกับเสี่ยวเย่เข้าหน่อย ก็รู้สึกไม่ดีแล้วใช่ไหม?ซ่งมู่เสวี่ยเม้มริมฝีปากของเธอ ก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปหาเย่เฟิง "สวัสดีค่ะ คุณเย่!""สวัสดีครับ"เย่เฟิงจับมือกับอีกฝ่ายและปล่อยทันทีเมื่อนายท่านซ่งเห็นสิ่งนี้ เขาก็ดูไม
ในเวลานี้ ซ่งมู่เสวี่ย เวินเสี่ยวเหมิง จางเฉิงเฟิงและคนอื่นๆ ก็อยากจะเข้าไปตบหน้าซ่งเจียงด้วยเช่นกันเย่เฟิงไม่ได้จะเอาเรื่องพวกเขาแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าซ่งเจียงจะหาเรื่องตายอีกครั้ง!แม่ง…โง่หรือไงวะ?รบกวนช่วยดูสถานการณ์ก่อนที่จะส่งเสียงร้องได้ไหม?ไม่เห็นหรือไงว่าคุณเย่กำลังนั่งอยู่ที่นี่น่ะ?“พี่หย่งไท่ พี่…”ซ่งเจียงถูกทุบตีอย่างหนักจนเขาเซ ปิดหน้าแล้วพูดด้วยความสับสน“แหกตาดูให้ชัดเจน คุณเย่เป็นแขกผู้มีเกียรติที่ปู่ของฉันเชิญมาในวันนี้! เมื่อกี้นายคงทำให้คุณเย่ไม่พอใจสุดๆ สินะ?”ซ่งหย่งไท่มีสีหน้าชั่วร้าย คว้าคอเสื้อของซ่งเจียงแล้วถามอย่างเคร่งขรึมด้วยคำอธิบายที่ประดับประดาของซ่งเจียงเกี่ยวกับ "คนก่อเรื่อง" ในตอนนี้ ซ่งหย่งไท่สามารถจินตนาการได้ว่าซ่งเจียงได้ทำหน้าแบบไหนต่อเย่เฟิง"เชอะ!"นายท่านซ่งตะคอกอย่างหนักและมองไปที่หลานสาวของเขาซ่งมู่เสวี่ยและเวินเสี่ยวเหมิงคนแก่มักรู้เยอะ เขาสัมผัสได้ตั้งนานแล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเย่เฟิงกับทายาทรุ่นสองเหล่านี้เพียงแต่เย่เฟิงปกปิด และไม่ได้เอ่ยถึงมัน ดังนั้นนายท่านซ่งจึงไม่ไล่ตามมันจนถึงที่สุดแต่ซ่งเจียงเข้ามาและตะ
เมื่อพูดเช่นนั้น คุณชายซ่งก็โบกมือเรียกลูกน้องมาไม่กี่คน"ไม่! ไม่นะ...""ผมสำนึกผิดแล้ว! ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว..."“ปู่รอง! คุณเย่ ไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ!”"โอ๊ย!"นอกจากเสียงร้องไห้และกรีดร้องแล้ว ซ่งเจียงที่ขาหักก็ถูกลากออกไปโดยตรง“เอาล่ะทุกคน นั่งลง! ให้ทุกคนได้เห็นเรื่องตลกแล้ว”นายท่านซ่งยิ้มอย่างละอายใจและเชิญทุกคนให้นั่งลงวินาทีต่อมา เขาพูดกับเย่เฟิง "เสี่ยวเย่ นายยังจะปกป้องไอ้สารเลวพวกนี้อีก..."ในขณะนี้ เขาชื่นชมเย่เฟิงมากยิ่งขึ้นในใจทักษะทางการแพทย์ของเขาไม่เพียงแต่ดีเท่านั้น แต่ความมีน้ำใจและอุปนิสัยของเขาไม่สามารถเทียบได้กับคนหนุ่มสาวทั่วไป“นั่นน่ะสิ! มีเพียงคนที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เช่นหมอเทวดาเย่เท่านั้นที่สามารถสร้างยา "แสงแห่งชีวิต" ออกมาได้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวหลายล้านคน! หมอเทวดาเย่ ผมถงว่านจินขอดื่มอวยพรให้คุณ!"ถงว่านจินชื่นชมอย่างจริงใจเป่ยเหล่าและซุนกว่างซานมองไปที่เย่เฟิงด้วยความชื่นชมเช่นเดียวกัน“มันขนาดนั้นหรอกครับ”เย่เฟิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยและยกแก้วของเขาขึ้นดื่มร่วมกับทุกคนจากน
“เอ่อ...”เย่เฟิงมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความมืดมนในเวลานั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบจากด้านข้างที่พุ่งตรงมาทางเขา!“ใครเหรอคะ? ที่รัก?”หลีเอียนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้เย่เฟิงรู้สึกใจหวิว“แค่กๆ... เพื่อนคนหนึ่งน่ะ”เย่เฟิงตอบด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย“เพื่อน? เพื่อนผู้หญิงใช่ไหม?”หลีเอียนถามพลางหัวเราะเบาๆ มือเล็กๆ ของเธอคว้าหูของเย่เฟิงไว้แล้ว“ใช่! เอ่อ ไม่! ไม่ใช่! เป็นเพื่อนผู้หญิง! แค่เพื่อนธรรมดา!”เย่เฟิงยิ้มแหยๆ ตอบ“เหรอ? เพื่อนธรรมดา?”หลีเอียนหรี่ตามองอย่างสงสัย“ใช่ ก็แค่เพื่อนร่วมชั้นเก่า” เย่เฟิงรีบอธิบายหลีเอียนส่งเสียงฮึเบาๆ “เพื่อนร่วมชั้นเก่า หรือแฟนเก่า?”“เกี่ยวอะไรล่ะ! ถ้าเป็นแฟนเก่าจริงๆ ผมจะกล้ารับโทรศัพท์ต่อหน้าคุณไหม? คุณว่าไหม?”เย่เฟิงเหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลีเอียนจ้องเย่เฟิง “ใครจะไปรู้ล่ะ? เผื่อคุณไม่แคร์ฉันไง ก็เลยไม่กลัวว่าฉันจะรู้”เย่เฟิงได้ยินดังนั้น ถึงกับหน้าตาเศร้าสลด “ที่รัก! ผมแคร์คุณไหม คุณรู้สึกไม่ได้จริงๆ เหรอ? ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผมคงเสียใจมากเลยนะ!”บอสสาวสวยส่งเสียง “อื
“ไอ้คนแก่บ้า! ฉันอยากจะตบเธอสักทีจริง ๆ!”สวีเพ่ยเพ่ยโกรธจนหน้าแดงและพูดด้วยเสียงโมโห“เพ่ยเพ่ย คุณพูดอะไรน่ะ? นั่นแม่ของเรา…”หลีเทียนหยางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา“นั่นแม่ของคุณ ไม่ใช่แม่ของเรา! ฉันไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่สามี! ฉันโกรธจนแทบคลั่งแล้ว!”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยฟันที่ขบแน่นหลีเทียนหยางหดคอด้วยความเกรงใจ แสดงให้เห็นด้านที่กลัวภรรยาที่สำคัญคือเขารู้สึกผิดจนไม่รู้ว่าจะช่วยพูดแทนผู้อาวุโสหลีได้อย่างไรครั้งนี้แม่ของเขาทำเกินไปจริงๆ จนถึงขั้นเรียกได้ว่าต่ำช้า"แม่ ใจเย็นๆ เถอะ! ตระกูลหลีถ้าขาดบ้านเราไป นั่นก็คือความสูญเสียของพวกเขาเอง"หลีหย่วนเองก็ได้แต่ยิ้มขื่นพยายามปลอบใจเย่เฟิงที่นั่งขับรถอยู่ด้านหน้าเอ่ยขึ้นมาบ้าง "แม่ ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสจะทำแบบนี้! ครั้งหน้า! ถ้ามีโอกาส ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!"ตอนท้ายเสียงของเย่เฟิงแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบหากรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้จู้ชิวหนานมีโอกาสเปิดเผยวิธีแก้ไขแน่นอนต้องจัดการให้เด็ดขาด บีบให้ผู้อาวุโสหลีคายทุกอย่างที่เก็บไว้ ไม่
คำตอบของผู้อาวุโสหลี ทำให้เย่เฟิงและครอบครัวของหลีเอียนชะงักไป“แม่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้? อยู่ ๆ ทำไมถึงกลับคำพูด?”“เอาชีวิตแม่อะไรกัน พวกเราแค่อยากกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล และขอสิทธิ์ที่เป็นของเราคืนเท่านั้นเอง”“ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเย่ ท่านคงถูกครอบครัวเจ้ารองวางแผนฆ่าไปแล้ว! ตอนนี้พวกเรามีข้อเรียกร้องเล็กน้อย แต่ท่านกลับปฏิเสธพวกเรา?”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเนื่องจากพวกเธอถูกขับออกจากตระกูลหลี หลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ย จึงถูกถอดจากตำแหน่งในบริษัทตระกูลหลี และต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านโดยไม่มีอะไรทำสำหรับพวกเขา การเรียกหุ้นคืนและกลับไปทำงานในบริษัทไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องของการมีสิ่งให้ทำในชีวิตด้วยทั้งสองไม่ขาดแคลนเงิน แต่อายุพวกเขาเยอะแล้ว ว่างอยู่อย่างนี้จะเป็นบ้าเอาได้“หึ! สิทธิ์ของพวกเธอ? อะไรคือสิทธิ์ของพวกเธอ?”“ออกไป! พวกเธอไม่ใช่คนของตระกูลหลีอีกต่อไปแล้ว สักบาทของตระกูลหลีก็ไม่มีสิทธิ์เป็นของพวกเธอ!”“พวกเธอมีบริษัทยาของตัวเองไม่ใช่เหรอ? ฮึ!”ผู้อาวุโสหลีพูดด้วยเสียงเย็นชาและหัวเราะเยาะคำพูดนี้ทำให้หลีเอียนและครอบครัวรู้สึกโมโหอย่างมาก“คุ
“ท่านผู้บัญชาการเหอ ขอบคุณครับ!”เย่เฟิงกล่าวพร้อมยื่นมือไปจับมือกับท่านผู้บัญชาการเหอท่านผู้บัญชาการเหอ จับมือกับเขา ก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิงและพูดว่า “นายเองก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่! ฮึ!”ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดีว่า จู้ชิวหนานและศิษย์ ต้องถูกเย่เฟิงเล่นงานบางอย่างแน่นอนการที่เย่เฟิงกล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอ ถือว่าน่าทึ่งและไม่เกรงกลัวใครเลย“ผมติดหนี้บุญคุณท่าน ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือจากผมในอนาคต บอกมาได้เลยครับ”เย่เฟิงยิ้มเจื่อนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ท่านผู้บัญชาการเหอ ก็หัวเราะออกมา “นี่นายพูดเองนะ!”…คืนนั้น เวลาเกือบสี่ทุ่มในห้องของผู้อาวุโสหลี มีทั้งหลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ย เย่เฟิง หลีเอียน และหลีหย่วน รวมตัวกันอยู่ผู้อาวุโสหลีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เธอยกถ้วยชาขึ้นมาเพื่อดื่มแต่เย่เฟิงรีบยื่นมือไปหยุด “ผู้อาวุโส อย่าใช้ถ้วยนี้อีกเลยครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจความหมายเพล้ง!เธอโยนถ้วยชาลงพื้นด้วยความโกรธและแค่นเสียงเย็นชาเย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ตอนนี้ความจริงปรากฏแล้ว ถ้าท่านไม่อยากตา
"ฮ่า ๆ ตอนนี้ทุกคนได้ยินความจริงแล้วใช่ไหม?"เย่เฟิงหัวเราะเยาะ พลางมองไปรอบ ๆ ห้องทุกคนในห้องมองเย่เฟิงด้วยความหวาดหวั่น พร้อมกับแอบมองไปที่จู้ชิวหนานและศิษย์ของเขา ซึ่งนอนบิดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดนี่ถือว่าเป็นการซักถามโดยการทรมานต่อหน้าท่านผู้บัญชาการเหอหรือเปล่า?บางคนแอบคิดว่าเย่เฟิงช่างกล้าหาญเกินไปหลีเทียนกังตัวสั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เย่เฟิงและตะโกน "ท่านผู้บัญชาการเหอ คำพูดของจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเชื่อไม่ได้! นี่มันชัดเจนว่าเย่เฟิงทรมานพวกเขาให้พูด!"ท่านผู้บัญชาการเหอยิ้มเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันไม่เห็นว่าเย่เฟิงจะทำอะไรพวกเขานะ เขาไม่ได้แตะตัวพวกเขาเลยสักนิด!พวกคุณเองก็พูดไว้แล้ว ทุกเรื่องต้องมีหลักฐานใช่ไหม?"“แก…ฉัน…”คำตอบนี้ทำให้หลีเทียนกังพูดไม่ออกหลี่เยว่ผิงและหลีถิงต่างก็ดูโกรธแค้น แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ใช่แล้ว ไม่มีใครเห็นเย่เฟิงแตะต้องจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาเลยแม้จะชัดเจน แต่กลับไม่มีหลักฐานวิธีการของเย่เฟิงมันเหนือธรรมชาติเกินไป!เย่เฟิงยิ้มเยาะ ก่อนจะหันมาทางหลีเทียนกังและครอบครัว "พวกคุณไม่มีอะไรจะพูดอีกเหรอ? ฉันไม่
เย่เฟิงเดินเข้าไปตบไหล่ครอบครัวหลีเทียนกัง แล้วพูดจาแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง“นาย... นายทำอะไร? อย่ามาแตะตัวฉันนะ!”หลีถิงตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเย่เฟิงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวและตะโกนเสียงแหลมเย่เฟิงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปมองจู้ชิวหนานและศิษย์หนุ่ม“พูดมา!”เย่เฟิงพูดเพียงสองคำสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและกดดัน“อ๊ากก! ฉันพูด... ฉันจะพูด!”“ฉันพูดทุกอย่าง! หลีเทียนกังมาหาฉัน และบอกให้ฉันช่วยทำลายชีวิตของผู้อาวุโสหลี โดยที่ไม่มีใครรู้...”“พวกเขาจ่ายเงินฉันมาพันล้าน และเพราะฉันเคยโกรธแค้นคุณเย่มาก่อน ฉันเลยตกลง!”“คุณเย่... โปรดไว้ชีวิตฉัน... ขอร้องล่ะ!”จู้ชิวหนานพูดด้วยใบหน้าเหยเกพลางกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดศิษย์หนุ่มของเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ใช่... ใช่! ในสูตรยาที่อาจารย์ฉันเตรียมให้ มีเนื้อห่านแห้ง! การผสมเนื้อห่านกับไข่ไก่ จะทำให้พลังชีวิตของคนลดลงอย่างรุนแรง...หลี่เยว่ผิงเป็นคนเตรียมซุปไข่ให้ผู้อาวุโสหลีในช่วงนั้น...นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้พลังชีวิตของเธอถูกทำลายจนร่างกายล้มเหลว!”“คุณเย่...
เมื่อเห็นจู้ชิวหนานและศิษย์ปรากฏตัว เย่เฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย“หมอเทวดาจู้ อธิบายสิว่าพวกเขาจ่ายเงินจ้างคุณยังไงในการวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลี”เย่เฟิงพูดพลางชี้ไปที่ครอบครัวหลีเทียนกังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปทันทีหัวใจเหมือนตกลงสู่หุบเหวหมอเทวดาจู้ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ!พวกเขาไม่รอดแน่!แต่แล้ว…“อะไรนะ? จ้างฉันวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสหลีเหรอ? คุณเย่ คุณพูดอะไรออกมาน่ะ?”“ใช่แล้ว หลังจากวันนั้นที่ฉันออกไป ฉันก็ยกผู้อาวุโสหลีให้คุณดูแลแทน ทำไมตอนนี้เธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”จู้ชิวหนานถามอย่างสงสัยคำพูดของจู้ชิวหนานทำให้สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปในพริบตาเขาไม่คิดเลยว่าจู้ชิวหนานจะเปลี่ยนคำพูดยิ่งกว่านั้นยังทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้นดวงตาของเย่เฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่หลีเทียนกังและครอบครัวเริ่มยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“หมอเทวดาจู้ คุณไม่รู้หรือว่า หลังจากคุณออกไป เย่เฟิงก็ทิ้งผู้อาวุโสหลีไว้โดยไม่สนใจอะไรเลย?”“ตอนนี้เขายังกล้าบอกว่าพวกเราจ้างคุณมาวางแผนทำร้ายผู้อาวุโสอีก!”หลีเทียนกังพ
สีหน้าของหลีเทียนกังและครอบครัวเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งตกใจและโกรธแค้นส่วนสาวใช้ก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ภายใต้สายตาเย็นเยียบของ ท่านผู้บัญชาการเหอ จิตใจของเธอพังทลายลงทันที“ฉัน... ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นค่ะ! คุณผู้ชายรองให้ยาพวกนี้กับฉัน แล้วบอกให้ฉันพูดแบบนั้น!”“ฉัน... ฉันแค่ทำตามคำสั่ง ฉันบริสุทธิ์นะคะ!”คำพูดนี้ทำให้การที่หลีเทียนกังและครอบครัวพยายามใส่ร้ายเย่เฟิง กลายเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าชัดเจนหลีเทียนกัง หลี่เยว่ผิง และหลีถิง ต่างมองสาวใช้ด้วยสายตาแค้นเคืองจนเหมือนจะฆ่าเธอได้“พี่รอง ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะใช้พวกเรามาเป็นเครื่องมือแบบนี้!”“พี่รองกับพี่สะใภ้รอง พวกคุณทำเกินไปแล้ว!”“ฉันยังไปช่วยพวกคุณใส่ร้ายเย่เฟิงเมื่อครู่ พวกคุณจะฆ่าฉันหรือไง?”ในตอนนี้ ลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็ก ของหลีเอียน ต่างแสดงสีหน้าโกรธแค้นพวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกครอบครัวของหลีเทียนกังหลอกใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกจัดฉากโดยครอบครัวนี้!“ท่านผู้บัญชาการเหอ พวกเขาใส่ร้ายลูกเขยของฉัน ตอนนี้มีหลักฐานชัดเจนแล้ว สามารถจับกุมได้เลยใช่ไหมคะ?”สวีเพ่ยเพ่ย พูดพร้อมมองหลีเทียนกังด้วยสายตาเกลียดชัง
เมื่อเย่เฟิงชี้ไปที่ผู้อาวุโสหลีและบอกว่าเธอเป็นพยานของเขา ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งอึ้ง“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหลีเป็นพยานให้เย่เฟิง?”“เย่เฟิงบ้าหรือเปล่า?”“ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสเกลียดไอ้หน้าขาวนี่เข้าไส้ จะมาเป็นพยานให้เขาได้ยังไง?”หลีเทียนกังที่ตกใจในตอนแรก ถึงกับหัวเราะออกมา “นายจะให้แม่ฉันเป็นพยานให้นาย? ฮ่า ๆ ๆ…”“ไอ้หน้าขาว นายช่างกล้าคิดนะ?”หลีถิงเองก็หัวเราะเยาะหลี่เยว่ผิงยิ้มเย้ยอย่างกับฟังเรื่องขำขันสมาชิกตระกูลหลีทุกคนคิดว่าเย่เฟิงกำลังเพ้อฝันไปเองแต่เย่เฟิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมและมั่นใจ เขาหันไปหาผู้อาวุโสหลีและพูดว่า “ถึงเวลาที่คุณควรพูดอะไรบ้างแล้วครับ”ในสายตาเย้ยหยันและไม่เชื่อถือของทุกคน ผู้อาวุโสหลีกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนมองเธอด้วยสายตาตกตะลึงผู้อาวุโสหลียอมทำตามเย่เฟิงอย่างนั้นเหรอ?เธอไม่ควรจะสนใจเย่เฟิงเลยด้วยซ้ำ!เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไปทันที ทุกสายตามุ่งตรงไปยังเธอ“เย่เฟิงไม่เคยรักษาฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งมองครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาเย็นชาคำ