หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เจมส์ก็หันไปหาคนใช้ของตระกูลเทย์เลอร์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา “พวกเราตามไม่ทันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเรามาถึงช้าไปนิดหน่อย ว่าแต่ เทพีแห่งสงครามได้พูดถึงตำแหน่งจริง ๆ ของเขารึเปล่า?” เขาถามอย่างสุภาพ “อย่างเช่น ราชาแห่งสงครามน่ะ?”“โอ้ เธอไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลย แต่เฟนด์บอกว่า เขาได้รับป้ายประจำตำแหน่งมาแต่เขาทำมันหายไปแล้ว เขาพูดอีกด้วยว่าเงินที่เขาใช้ประมูลบ้านพักหลังนั้น เป็นเงินของเขาเอง”“เขาอาจจะเป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชาก็ได้ มันคงเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เลยถ้าเขาได้ตำแหน่งนั้นภายใน 5 ปี!” คนรับใช้ตอบกลับมา“ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ถ้าเขาเป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชาจริง ๆ ” สเปคเตอร์เฟซที่ยืนอยู่ด้านหลัง ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“โอ้ นายท่านเฟนด์อธิบายว่า เขาเกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อเขาเพราะเขาทำป้ายประจำตำแหน่งหายไปบนถนน เขาก็เลยตัดสินใจ ที่จะไม่บอกใครเลย”“แต่ผมชื่นชมเขาจริง ๆ นะ เทพีแห่งสงครามอาจไม่มีวันยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเราอย่างงี้ ถ้าเขาไม่ได้ช่วยเธอเอาไว้ มิฉะนั้น คงไม่มีบรรดาคนที่มีชื่อเสียง มาร่วมงานวันเกิดของนายท่านเยอะขนาดนี้!”คนรับใช้พูด
“ลาน่า คุณเทพีแห่งสงคราม! ไม่เจอกันนานเลยนะ!” เจมส์เรียกลาน่า ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอทันที หลังจากที่ไมเคิลถูกลากออกไปแล้วเธอพยักหน้า และสังเกตุเห็นสาวสวยสองคนข้าง ๆ เขา “ฉันขอเดานะ นี่คือสองสาวสวยในตำนาน ทันย่าและอีวอนน์สินะ?”เธอพูด พลางยิ้มไปด้วยทันย่ารู้สึกตกใจมาก เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าเทพีแห่งสงครามจะเอ่ยชมเธอแบบนั้น “ส-สวัสดีค่ะ เทพีแห่งสงคราม ฉ-ฉันทันย่า เดรค ฉันไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณดูดีกว่าฉันมาก ไม่ใช่เพียงแค่รูปร่างที่น่าหลงไหล คุณยังมีออร่าที่ทรงพลังอีกด้วยค่ะ!”อีวอนน์รีบพูดเสริม “ใช่ค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีออร่าอย่างเทพีแห่งสงคราม ไมเคิลเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาคงไม่กล้าทำตัวยโสโอหัง หลังจากโดนลงโทษแล้วล่ะค่ะ”ดวงตาของพวกเธอทั้งสอง มั่นคงและสดใสมาก พวกเธอแต่งชุดธรรมดา ๆ ลาน่าประทับใจพวกเธอทั้งสองคนจริง ๆ หลังจากเธอหยุดคิด เธอหยิบนามบัตรออกมาอย่างลวก ๆ แล้วยื่นมันให้กับทันย่า “นี่เบอร์ของฉัน ว่าง ๆ เราไปดื่มกาแฟกันนะ นอกจากนี้แล้ว ฉันรู้จักคนไม่เยอะเท่าไหร่น่ะ ในอาณาเขตกลาง!”ทันย่าอึ้งไปกับการกระทำของเทพีแห่งสงคราม เธอกลืนน้
“เขาทำให้ใครโกรธนะ? ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นใคร ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันมีชีวิตไว้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่!” นายท่านวิลสันตะโกนขึ้นมา เขากำลังโกรธจัด และกำลังจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธอย่างไรก็ตาม อยู่ ๆ เขาก็อึ้งไปหลังจากที่พูดจบ “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นี้นายพูดว่าเขาทำให้ใครโกรธนะ? เขาทำให้เทพีแห่งสงครามโกรธอย่างงั้นเหรอ?”“ใช่ครับ นายท่าน เขาทำให้เทพีแห่งสงคราม ลาน่า เซคส์โกรธ!” บอดี้การ์ดอธิบายให้เขาฟัง“พวกเราจบเห่แล้วนายท่าน คนที่นายน้อยไปยุ่งด้วยในครั้งนี้มีอำนาจมาก เธอไม่มาที่ตระกูลของเรา ก็ดีแค่ไหนแล้ว!”พ่อบ้านของตระกูลวิลสันสีหน้าหม่นลง ยอมรับชะตากรรมทันที“ไม่ ไม่มีทาง เขาทำให้เทพีแห่งสงครามโกรธจริง ๆ อย่างงั้นรึ?” นายท่านวิลสันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ความโกรธที่พลุ่งพล่านเมื่อครู่นี้หายวับไปตา เขากลัวขึ้นมาทันทีนั่นมันเทพีแห่งสงคราม ไม่ต้องพูดถึงพวกมหาอำนาจของอาณาเขตกลาง หรือแม้แต่มหาอำนาจของเมืองใหญ่ ๆ เช่นแคทธีเซีย ก็ไม่กล้าทำให้เทพีแห่งสงครามโกรธ ถึงกระนั้น ก็มีคนมากมายออกมาเพื่อประจบประแจงพวกเขาเขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายแท้ ๆ ของเขา จะทำให้คนที่มีอำนาจขนาดนั้นโกรธเข้าจร
“เฟนด์? เขาเพิ่งกลับมาจากเกณฑ์ทหาร แต่เขาก็กล้าที่จะมีเรื่องกับตระกูลของเราเนี่ยนะ แถมยังกล้าทำอะไรที่โหดร้ายกับลูกชายของฉันอีก? ฮึ่ม! ฉัน เดวิด วิลสัน จะสั่งสอนเขาให้รู้จักรสชาติของความเสียใจเอง!”คำพูดของบอดี้การ์ด ทำให้เดวิดโจมตีความเกลียดชังไปที่เฟนด์ทันที“ถูกต้องครับ เฟนด์เป็นคนร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อ นายท่าน อีวานก็ไม่มีตัวเลือกเช่นเดียวกัน ที่นั่นมีคนไม่เยอะ และเทพีแห่งสงครามก็จับตาดูเขาอยู่ เขาจึงต้องออกแรงเต็มที่ มิฉะนั้น พวกเขาอาจจะบอกว่า ตบครั้งนั้นไม่นับ แล้วให้เริ่มใหม่ได้ครับ เพราะฉะนั้น…”โดยปกติแล้ว บอดี้การ์ดรู้ว่า ไมเคิลและอีวานนั้นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขารู้ว่าทั้งสองมีปัญหากับเฟนด์ ดังนั้น เขาจึงพูดเข้าข้างอีวาน“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว!”เดวิดพยักหน้า “แน่นอน เฟนด์อาจจะเคยช่วยชีวิตเทพีแห่งสงครามไว้ แต่เธอก็ให้ไข่มุกเรืองแสงที่มูลค่ากว่าหาล้านเหรียญให้เขา และยังชื่นชมเขาในงานวันเกิดของนายใหญ่เทย์เลอร์อีกด้วย หนี้ของเธอที่มีต่อเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ฉันจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์แย่ ๆ ครั้งนี้เด็ดขาด และถึงแม้ว่า ฉันจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ในตอนนี้ แต่ฉันจะหาวิธีฆ่าเข
“ตกลง งั้นปล่อยให้เฟนด์มีชีวิตอีกสักสองสามวันแล้วกัน!”ควิลเผยยิ้มอย่างหดหู่ เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูดเสริม “เฮ้ ฉันเห็นว่าภรรยาของเขาไม่ใช่สไตล์ของนาย นายจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะเล่นกับเธอสักหน่อย หลังจากที่นายฆ่าเขาน่ะ?”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เขามองไปที่ควิล ที่อยู่ข้าง ๆ เขา ก่อนจะพูดว่า “นั่นมันก็เรื่องของนาย ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป้าหมายของฉันคือตัดหัวไอ้สารเลวนั่นซะ!”หลังจากพูดจบ เขาก็กลับหลังหันแล้วเดินออกไปควิลรอจนกว่าเขาจะเดินออกไปก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แม่*เอ๊ย แกมันก็แค่หัวหน้าผู้บังคับบัญชา ทำมาอวดต่อหน้าฉันทุก ๆ วันขณะที่รออาหารดี ๆ และเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ แถมแกยังกล้าตบฉันอีกงั้นรึ เวรเอ๊ย แกนี่มันหลงตัวเองจริง ๆ ”บอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาทำท่าทีที่แปลก ๆ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่หัวหน้าผู้บังคับบัญชา แต่พวกเขาไม่ก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้อย่างง่าย ๆ ไม่มีนักสู้คนไหนในตระกูลเซนอส ที่จะสู้กับเขาได้“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าภรรยาของเฟนด์ จะถูกตั้งฉายาว่า หญิงงามอันดับหนึ่งของอาณาเขตกลาง เหอะ คงจะมีสิ่งตอบแทนที่ไม่คาดคิดกำลัง
ซีอุสรู้ดีว่านี่จะทำให้ตระกูลเทย์เลอร์ก้าวกระโดดไปเป็นตระกูลชนชั้นสูงระดับที่สอง ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาที่พวกเขาได้เซ็นไว้กับอหังสาริมทรัพย์เซ้า ฮิลล์ ช่วยให้พวกเขาได้คำนำหน้า ชนชั้นสูงระดับที่สอง เป็นเวลาอย่างน้อยสองปี พวกเขาอาจจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย จากตระกูลอื่น ๆ ในระดับเดียวกันทุก ๆ คนดื่มเยอะมาก และเวลาราว ๆ บ่ายสามหรือสี่โมงเย็นแขกทั้งหลายก็เริ่มแยกย้ายกันไปทีละเล็กละน้อยหลังจากเห็นลาน่า และคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว เฟนด์เดินอย่างสบาย ๆ ไปหาเซเลน่า“ไปกันเถอะที่รัก ไปกันดีกว่า เราไปดูบ้านหลังใหม่ของพวกเรากัน!”เขาร้องเพลง พร้อมรอยยิ้มอย่างนุ่มนวลที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ก็ได้ เราไปดูกันเถอะ! เราเก็บของแล้วย้ายไปบ่ายนี้เลยดีกว่า!” เซเลน่าตอบกลับไป หลังจากคิดเกี่ยวกับคำแนะนำของเขา เธอสัมผัสได้ถึงประกายแห่งความสุข ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังร้องเพลง“ความคิดดีจังเลย! เราไม่มีข้าวของอะไรให้เก็บอยู่แล้ว เพราะทุกสิ่งที่เราต้องการ อยู่ในบ้านหลังใหม่เรียบร้อยแล้ว เก็บของเพียงเล็กน้อย แล้วเราย้ายกันไปเลย บ่ายนี้!” เฟนด์พูด พร้อมพยักหน้า“ไปกันเถอะ! ย้ายตอนนี้เลย! ฉันอยากเห็นจะแย่แล้ว!
รอยย่นระหว่างคิ้วของอีวาน ยิ่งยับขึ้นไปอีก หลังจากได้ยินคำพูดของเคนคำพูดที่ออกมาจากปากอันบอบบางของเคน เหมือนกับเข็มที่กำลังทิ่มแทงแก้วหูของอีวาน ทั้งโหดร้ายและเหี้ยมโหด แต่ก็จริงใจและมีเหตุผล“นายแน่ใจหรือ? เซเลน่าเป็นคนอัธยาศัยดี และใจดีตั้งแต่เด็ก ๆ เธอคงไม่แข่งกับฉันเพื่อที่จะเป็นทายาทหรอก จริงไหม? ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็อาจจะใช่ แต่ตอนนี้เงินเดือนของเฟนด์และเซเลน่าต่างก็สูงมาก ทั้งตระกูลสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเลยด้วยซ้ำ” อีวานคิดออกมาเสียงดัง“ฮ่าฮ่า นายน้อยเทย์เลอร์ นายคิดผิดแล้วล่ะ! นายไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้ตระกูลเทย์เลอร์ มีทรัพย์สินและเงินทองมากแค่ไหน? สิ่งเหล่านั้นอาจทำให้ตระกูลนายกลายเป็นชนชั้นสูงระดับที่สองก็ได้! ด้วยสมบัติและทรัพย์สินที่มากมาย และนายคิดว่าเซเลน่าจะยังเหมือนเดิมไหมล่ะ? เธอก็เป็นคนวัยเดียวกันกับนาย คนวัยเดียวกัน ย่อมคิดเหมือนกัน จริงไหมล่ะ? นอกเหนือจากนี้ ไม่มีใครไม่พอใจที่จะได้เป็นคนรวยหรอก!”“โอเค เราอย่ามาพูดถึงเรื่องที่ว่าเธอจะแย่งบัลลังก์ของนายหรือเปล่าเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากทำ คุณปู่ของนายก็จะแบ่งทุกอย่างให้เธอครึ่งนึง ฉันพูดถูกไห
วอร์ดที่ดูหรูหราปรากฏอยู่ในสายตาของเขา เขามองไปที่ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ข้างนอกหน้าต่าง เคนถอนหายใจอย่างลึก ๆ “ลูกพี่ลูกน้อง โทรหาพ่อของฉัน ฉันจะต้องฆ่าไอ้เวรนั่น!”ฟลินน์กัดฟันแน่นเมื่อถึงวันนั้น ที่ห้างสรรพสินค้า เขาต้องการเข้าหาคุณทันย่า และบางที อาจทำให้เธอเป็นของเขาอย่างไรก็ตาม แขนของเขาถูกทุบเป็นผุยผงเพราะเฟนด์หมอบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บแขนซ้ายของเขาเอาไว้ และวิธีเดียวที่จะทำให้เขารอด คือต้องตัดแขนทิ้งความโกรธพลุ่งพลานในเส้นเลือดของเขา เมื่อเขามองไปที่ตัวเองในตอนนี้ เขาก็แค่ชายพิการคนหนึ่งเคนไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้พ่อของฟลินน์รู้เลย อย่างไรก็ตาม ลูกพี่ลูกน้องของเขาเดินทางมาที่อาณาเขตกลาง เพื่อที่จะเที่ยวเล่นกับเขา ทำให้เขาต้องรับผิดชอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาโทรไปจริง แต่เขาพูดไม่ออก เขาไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป หรือจะพูดยังไง ด้วยเหตุนั้น เขาจึงบอกฟลินน์ให้รอเพิ่มอีกสองสามวันฟลินน์กำลังจะต้องออกจากโรงพยาบาล และดูเหมือนว่า มันถึงเวลาที่ต้องโทรหาพ่อของฟลินน์แล้ว จะรอต่อไปไม่ได้อีกแล
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ