บรู๊คเอามือปิดปาก กลัวจนน้ำตาเกือบร่วง “ศิษย์พี่เฟนด์ ระวัง!” เขาตะโกนทันใดนั้น ทุกคนเห็นรอยเท้าของเฟนด์หดตัวราวกับว่าพื้นที่ด้านหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย และดาบแห่งแสงทั้งหมดก็พุ่งชนเข้ากับพื้นเวที สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาหลายคนตะลึง พวกเขามองไปที่โอลิเวอร์และเฟนด์ด้วยสายตาว่างเปล่า ได้แต่คิดว่า 'เกิดอะไรขึ้น' ในช่วงขณะที่เฟนด์กำลังจะสูญเสียแขนของตัวเองไป วินาทีต่อมาเขากลับอยู่ห่างจากคมมีดไปหลายหลา“เขาเพิ่งใช้กฎแห่งสุญญะไป!” ผู้อาวุโสลำดับที่สองคำรามด้วยเสียงทุ้มลึกที่น่าขนลุกมีศิษย์ไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้ แต่ผู้อาวุโสอย่างเขาแค่เห็นก็สามารถจำได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้น ผู้อาวุโสทุกคนจึงมีสีหน้าประหลาดใจตอนนี้เฟนด์ถอยหลังหนึ่งก้าว แต่เพราะกฎแห่งสุญญะ การถอยเพียงก้าวเดียวนี้จึงมีระยะมากกว่าสิบหลา ดาบแห่งแสงเหล่านั้นคิดว่าพวกมันพบเป้าหมายแล้ว จึงพุ่งตัวลงไปตรง ๆ โดยที่ไม่คาดคิดเลยว่าเฟนด์จะสามารถหลบหลีกพวกมันได้ และพลังโจมตีทั้งหมดของดาบเหล่านั้นก็พุ่งลงไปที่พื้นในขณะนี้แม้แต่โอลิเวอร์ก็ตะลึงเล็กน้อย เขาจ้องมองไปยังเฟนด์ที่อยู่ด้านหลังแสงที่ส่องประกาย และโพล่งออกมา “นายทำได้ยัง
“ฉันกล้าพนันเลยว่าโอลิเวอร์รับคำท้าเพราะคิดว่าเขาจะสามารถเล่นงานเฟนด์ได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า แต่ดูสิว่าเฟนด์สามารถหลบการโจมตีทั้งสองครั้งของเขาได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเกลียดเด็กนั้นมาก”คำอธิบายของชายผู้นี้ฟังดูสมเหตุสมผล และทุกคนรอบตัวเขาก็พยักหน้า เขาพูดถูกจริง ๆ ความเกลียดชังของโอลิเวอร์ที่มีต่อเฟนด์นั้นนับว่ารุนแรงอย่างแน่นอน เป็นเรื่องจริงที่เขาคิดว่าจะสามารถยุติการต่อสู้ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาไม่คาดหวังว่าเฟนด์จะมาได้ไกลถึงขนาดนี้โอลิเวอร์เยาะเย้ยและพูดว่า “ทำได้แค่นี้เองเหรอ? อยากจะหนีขึ้นก็หนีต่อไปเถอะ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย! ตอนนี้ฉันยังออมแรงอยู่ เพราะงั้นอย่าคิดว่าความเร็วของฉันจะจำกัดอยู่แค่นี้!”ทันใดนั้น เขาก็พุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ตรงไปยังเฟนด์ลูกบอลแห่งแสงส่องแสงเรืองรองในมือของเขา และด้วยการหวดไม่กี่ครั้ง ดาบแห่งแสงห้าเล่มก็บินออกมาอีก พวกมันพุ่งเข้าหาเฟนด์ด้วยรังสีสังหาร เฟนด์ขมวดคิ้วแล้วเลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่าโอลิเวอร์ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ในสองกระบวนท่าแรก เพราะว่าในสายตาของเขา เฟนด์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าขยะข้างถนน ดังสุภ
ผู้ชมส่งเสียงเชียร์ทุกครั้งที่เฟนด์รอดพ้นจากคมมีด ในตอนแรกทุกคนดูแคลนเขา แต่ตอนนี้พวกเขาประทับใจในตัวเฟนด์จริง ๆแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้ทักษะยุทธของตัวเอง แต่จากวิธีที่เขาหลบเลี่ยงการโจมตีของโอลิเวอร์ พวกเขาก็สามารถมองออกเลยว่าเขาไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขามีความตระหนักรู้ในตนเองดีว่าหากเป็นพวกเขาที่ต้องขึ้นไปสู้ผลลัพธ์คงไม่เป็นเช่นนี้“นี่มันแปลกมาก! ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถควบคุมอวกาศได้ เป็นไปได้ไหมว่าทักษะที่เขาฝึกฝนนั้นเกี่ยวข้องกับอวกาศหรือเป็นทักษะธาตุที่มีเอกลักษณ์?”"ใครจะรู้? ฉันรู้แค่ว่าเขาเร็วกว่าฉัน! ศิษย์พี่โอลิเวอร์เพิ่มความเร็วในการโจมตีเป็นสองเท่าแล้ว แต่ถึงกระนั้น เขาก็สามารถหลบหลีกได้ตั้งครึ่งหลา”“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เด็กนี่จะอวดดีถึงขนาดนั้น เขามีความสามารถมากทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้น การเอาแต่หลบหลีกก็ไม่ได้ช่วยให้ชนะการต่อสู้ ท้ายที่สุด ระดับการบ่มเพาะระหว่างพวกเขายังต่างกัน หนึ่งระดับ นั่นทำให้ปริมาณของพลังงานที่แท้จริงแตกต่างกันไปด้วย เด็กคนนี้สามารถหลบได้ทุกครั้งตามที่เขาต้องการ แต่หากพลังงานที่แท้จริงของเขาหมดลง เกมก็จบ”หลายคนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ก็อย่า
“บัดซบ! แกทำได้แค่นี้รึไง?” โอลิเวอร์คำรามเฟนด์ไม่แยแสต่อเขาอย่างสิ้นเชิงและมุ่งความสนใจไปที่การหลีกเลี่ยงดาบแห่งแสงทั้งหมดที่เข้ามา ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวไป เขายิ่งเชี่ยวชาญในกฎแห่งสุญญะมากขึ้นเรื่อย ๆโอลิเวอร์กัดฟันด้วยความโกรธ โนเอลกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไร ในขณะที่บรู๊คซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เขาอ้าปากค้างและเบิกตากว้างหลังจากนั้นไม่นาน โนเอลก็พูดขึ้นว่า “เฟนด์คงคิดว่าเขาจะสามารถพึ่งพาทักษะประหลาดนั้นได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องโต้กลับเพื่อให้ตัวเองชนะ”บรู๊คอาจไม่แข็งแกร่ง แต่เขาได้รับความรู้มากมายและได้รับชมการต่อสู้ระหว่างศิษย์ภายในในช่วงที่เขาอยู่ที่นั่นมามากมาย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าโนเอลพูดถูก “ศิษย์พี่เฟนด์จะต้องใช้การโจมตีที่ทรงพลังอย่างมากถึงจะสามารถเอาชนะโอลิเวอร์ได้ ไม่อย่างนั้นหากได้แต่หลบหลีกไปเรื่อย ๆ คงไม่มีวันชนะ”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กำหมัดแน่นอยู่ภายใต้เสื้อคลุม แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูสงบ แต่หัวใจของเขาไม่สบายใจเอาเสียเลย ความเข้าใจในตัวเฟนด์มาจากการเผชิญหน้ากันที่ป่าดงอสูรเท่านั้น เขาไม่รู้ถึงขีด จำกัดของพลังเฟนด์เลยเมื่อเห็นว่าเฟนด์เอาแต่หลบการโจมตี เขาก
เสียงของคนที่พูดสั่นด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักว่าโอลิเวอร์ได้เปลี่ยนมุมการโจมตีของดาบแห่งแสงอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เฟนด์ถูกผลักไปยังขอบของเวทีการต่อสู้เวทีการต่อสู้เป็นรูปวงกลมซึ่งถูกล้อมรอบด้วยธงเวทย์ หลังจากเปิดใช้ธงเวทย์ ม่านพลังก็เพิ่มขึ้น เวทย์ป้องกันรูปแบบนี้เรียกว่าเกราะผู้พิทักษ์เกราะผู้พิทักษ์นั้นโปร่งใส ราวกับชามใบใหญ่ที่คว่ำอยู่บนเวทีประลอง ซึ่งปกป้องทั้งเวทีเอาไว้ ไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกได้เมื่อเกราะผู้พิทักษ์เปิดใช้งานกล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังของเฟนด์จะชนเข้ากับเกราะผู้พิทักษ์เมื่อเขาถูกบีบไปจนขอบเวที ศิษย์ทั้งหลายเห็นดังนั้นก็หายใจออกยาว ในที่สุดพวกเขาก็จะได้เห็นการต่อสู้ที่แท้จริงเสียที“ต้องยอมรับในตัวศิษย์พี่โอลิเวอร์เลย เขาหาวิธีจัดการกับเด็กปลิ้นปล้อนนั่นได้ ฉันเดาว่าเขาคงต้องขอบคุณประสบการณ์การต่อสู้ที่ตัวเองมีหรือจัดการกับเรื่องแบบนี้ได้” ศิษย์ภายในกล่าวด้วยความกลัวเฟนด์ไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีของโอลิเวอร์ได้อีกต่อไป เมื่อหลังของเขาถูกกดเข้ากับม่านพลัง เมื่อไม่สามารถถอยหนีได้อีก เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเผชิญหน้ากับโอลิเวอร์ตรง ๆ“ฮ่าฮ่า มาด
ทุกคนตกตะลึงกับทักษะยุทธของเฟนด์ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ญาณทิพย์ตรวจสอบทักษะยุทธของเฟนด์อย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานจากทักษะศิลปยุทธที่เฟนด์ร่ายออกมาเลยแม้แต่น้อยแปลว่าทักษะศิลปยุทธที่ทรงพลังจะยิ่งมีความผันผวนของพลังงานสูงขึ้น แต่กริชสีดำอมเทาในมือของเฟนด์ก็ดูคล้ายกับหลุมดำที่ปราศจากความผันผวนของพลังงานในเวลานี้ ดาบแห่งแสงสิบเล่มอยู่ห่างจากเฟนด์เข้าระยะสิบหลาแล้ว เขาดันฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างไร้อารมณ์ ในขณะที่ดาบวิญญาณทั้งสิบเล่มเข้าปะทะกับดาบแห่งแสงทั้งสิบทันทีทุกคนได้ยินเพียงเสียงระเบิดดัง ปัง ปัง ปัง ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่กระทบกัน แสงที่แยงตาปกคลุมคนทั้งสองไว้ชั่วครู่ และในวินาทีต่อมา เฟนด์ก็ประสานมือเข้าด้วยกันหลังจากที่แสงอ่อนลงดาบวิญญาณขนาดยักษ์ยาวสามฟุตก็พุ่งขึ้นไปในอากาศตรงไปยังจุดที่โอลิเวอร์อยู่ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ว่าดาบแห่งแสงทั้งสิบของเขาระเบิดกลายเป็นลูกแสง และดับลงหลังจากสัมผัสกับพลังงานสีดำอมเทาของเฟนด์สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั่นก็คือดาบวิญญาณทั้งสิบไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย ดาบวิญญาณสิบตัวรวบรวมกันเป็นดาบวิญญาณขนาดยักษ์หลังจากที่
การต่อสู้ครั้งนี้ได้ผู้ชนะอย่างชัดเจนแล้ว แต่ผลลัพธ์นี้ไม่ให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นจะยอมรับได้ นับตั้งแต่วินาทีแรกไม่มีใครคิดว่าโอลิเวอร์จะพ่ายแพ้ให้กับเฟนด์เช่นนี้ ทุกคนคิดว่าโอลิเวอร์จะสามารถจัดการเฟนด์ได้ในหนึ่งหรือสามกระบวนท่าอย่างมากที่สุดถึงกระนั้นมันก็กลายเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนาน และแม้ว่าเขาจะใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดแล้วแต่โอลิเวอร์ก็ยังสู้เฟนด์ไม่ได้ เขาพ่ายแพ้อย่างหมดจดและได้รับบาดเจ็บสาหัสเขายังคงกรีดร้องและร่ำไห้อยู่กับพื้น ไม่ต้องคิดแล้วว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน ไม่มีนักศิลปะยุทธคนไหนจะยอมหลั่งน้ำตาต่อหน้าผู้ต่อสู้ ศักดิ์ศรีไม่อนุญาตให้พวกเขาร้องไห้“เฟนด์แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?” ใครบางคนพูดด้วยความตกใจ“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน! เขาสามารถติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกในหมู่ศิษย์ภายในได้เลยด้วยซ้ำ!”“ไม่แปลกใจแล้วที่ทำไมเขาถึงอวดดีขนาดนั้น! ศิษย์พี่โอลิเวอร์เทียบไม่ติดเลย!”การประเมินเฟนด์ในสายตาของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้คนที่ดูเหมือนตัวตลกคือพวกเขา ไม่ใช่เฟนด์อีกต่อไป!จนถึงตอนนี้เฟนด์ก็ยังไม่แยแสคนพวกนั้น
เมื่อเดือนที่แล้วเฟนด์ต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะเวสลีย์ แต่ตอนนี้เขาสามารถเอาชนะโอลิเวอร์ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเวสลีย์และโอลิเวอร์จะเป็นพี่น้องกัน แต่พลังของพวกเขาก็ต่างกันราวอยู่กันคนละโลก แถมโอลิเวอร์ยังเข้าร่วมในตำหนักสองกษัตริย์เร็วกว่าเวสลีย์หลายปีอีกด้วยไหนจะความจริงที่ว่าโอลิเวอร์อยู่ในอันดับที่แปดในหมู่ศิษย์ภายในในขณะที่เวสลีย์ยังไม่ติดห้าสิบอันดับแรกของศิษย์ภายนอกเลยด้วยซ้ำ ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่เวสลีย์จะไล่ตามพี่ชายของเขาทัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่เฟนด์มีความสำเร็จที่ก้าวกระโดดอย่างยิ่งใหญ่ได้ภายในหนึ่งเดือนเช่นนี้ถึงแล้วน่าตกใจมากขนาดนั้น!“เฟนด์ซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ไม่ให้เรารู้แน่นอน! ไม่มีทางที่เขาจะพัฒนาตัวเองได้มากขนาดนี้ภายในหนึ่งเดือน!” ศิษย์ภายนอกกล่าวอย่างหนักแน่น“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่! อย่างไรซะ ช่องว่างระหว่างพลังของโอลิเวอร์และเวสลีย์นั้นกว้างเกินไปจริง ๆ เทียบกันแล้วก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อเดือนที่แล้วเฟนด์เอาชนะเวสลีย์ได้อย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้เขากลับเอาชนะโอลิเวอร์ได้โดยไม่เสียเหงื่อเลยแม้แต่หยดเดียว! นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภาย