เฟนด์ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความจริงอะไรล่ะ?”บรู๊คส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าเฟนด์กำลังเข้าใจในสิ่งที่เขาถามผิดไป "ผมไม่ได้จะถามว่าคำพูดที่คุณขอให้ผมเผยแพร่ไปเป็นความจริงหรือไม่ ที่ผมจะหมายถึงก็คือ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่มีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้นในป่าดงอสูร"เฟนด์พยักหน้า ‘แน่นอน มันเป็นเรื่องจริง ความไม่เข้ารูปเข้ารอยที่เกิดขึ้นในนั้นก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แล้ว!' เขาอยากจะพูดเช่นนี้ออกมาดัง ๆ แต่ก็รู้ว่าไม่อาจทำเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ เขายังสันนิษฐานว่าพวกระดับสูงในตำหนักสองกษัตริย์คงรู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว“ตอนนี้ผมยังบอกอะไรคุณได้ไม่มากนัก แต่โปรดทำตามที่ผมบอกเถอะ แล้วไปบอกศิษย์พี่โนเอลให้มาหาผมหากเขาว่างด้วย คุณจะมาด้วยก็ได้ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสองคน” เฟนด์พูดบรู๊คพยักหน้าอย่างจริงจัง และทั้งสองแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สุภาพกันอีกสองหรือสามประโยค ก่อนที่บรู๊คจะถือกล่องในมือและเดินไปที่หอสัตตะฤกษ์เนื่องจากบรู๊คจะกระจายข่าวให้ เฟนด์จึงไม่จำเป็นต้องไปที่หอเจตสิกอีกต่อไป เขามีคำถามมากมายอยู่ในหัวและต้องการทราบปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะว
เฟนด์ขมวดคิ้วและวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือ “คุณกำลังบอกว่าสำนักของเรายังคงวางแผนที่จะจะทำสงครามต่อไป?”นั่นเป็นคำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว ทำไมพวกเขาถึงต้องรีบร้อนให้เหล่าศิษย์เรียนรู้รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานเช่นนี้ด้วย? สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณโดยนัยว่าสงครามครั้งใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้า ในช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานจะมีประโยชน์มากที่สุดมีเหตุผลหลายประการในการฝึกรูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสาน ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มศิษย์ออกไปฝึก การต่อสู้รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานมันจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต หากพวกเขาเผชิญกับอันตรายใด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการต่อสู้แบบผสมผสานจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ในสงครามระหว่างสำนักเฟนด์สูดลมหายใจลึก เขาไม่ได้เชื่อมโยงสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเผ่าปฐมหายนะ แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “มีศิษย์คนอื่นไปที่ป่าดงอสูรในช่วงเวลาเดียวกับที่ผมไปอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? โดยเฉพาะศิษย์ที่เป็นญาติของผู้อาวุโสภายในหรือผู้อาวุโสภายนอก?”ในสำนักมีผู้อาวุโสหลายคนและหากพวกเขาบริสุทธิ์ใจ พวกเขาจะยอมรับศิษย์ของเขาบางคนเข้าสู
โนเอลมองไปที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็ถามถึงผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แต่เขายังคงตอบคำถามของเขา “เรามีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบเอ็ดคน ตามการจัดอันดับ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นผู้อาวุโสคนที่สิบเอ็ด แต่เขามีพรสวรรค์มาก การจัดอันดับของผู้อาวุโสจะจัดอันดับตามความแข็งแกร่งของพวกเขา คาดว่าอีกไม่นานผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะกลายเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสอันดับสูงสุด”เฟนด์พยักหน้าและหลังจากถอนหายใจเบา ๆ เขายังคงถามต่อไปว่า "แล้วผู้อาวุโสมีความขัดแย้งกันบ้างหรือเปล่า?"โนเอลหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ "นายถามเรื่องนี้ทำไม? นายรู้จักผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ได้ยังไงกัน์”เฟนด์กระแอมในลำคอ จับจมูกแล้วพูดว่า “ผมได้พบกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ขณะอยู่ในเมืองสองกษัตริย์ เพราะคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตลกดี ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากการแต่งกายของเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสคนไหน ผมได้รู้ชื่อของเขาก็ตอนที่มีคนข้าง ๆ บอกมาเท่านั้น”โนเอลดูเหมือนจะพอใจกับคำอธิบายและไม่ได้กดดันอะไรเพิ่มอีก เขาตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเฟนด์แทน “ถ้านายกำลังมองหาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างผู้อาวุโส ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนั
มันจะอธิบายได้ว่าทำไมสำนักสหัสบรรณถึงฝ่าฝืนกฎตามปกติของพวกเขาเพื่อแทรกแซงให้เผ่าปฐมหายนะและตำหนักสองกษัตริย์ยับยั้งสงครามระหว่างพวกเขา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะรักษาทรัพยากรของพวกเขาไว้เพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่างสำนักวายชนม์เฟนด์จำได้ว่าเขาเคยได้ยินข่าวที่ตำหนักสองกษัตริย์ต้องการรับสมัครศิษย์ใหม่ ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังป่าดงอสูร จากเหตุผลข้อนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถเดาได้ว่าที่พวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์คงรู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูรนอกจากนี้มันยังจะอธิบายการแสดงออกอย่างแปลก ๆ ของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์และน้ำเสียงแปลก ๆ ของเขาได้อีกด้วย ไม่มีใครบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูร และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น เขาระแวงในตัวเฟนด์เพราะเฟนด์เป็นศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ และมีคนระดับสูงบางคนใน สำนักต้องการให้เขาตาย! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็กล้ำกลืนเก็บงำความขุ่นเคืองใจต่อตำหนักสองกษัตริย์เอาไว้ในที่สุด เฟนด์ก็เข้าใจได้ถึงความลึกลับเหล่านี้ สิ่งที่ยังต้องคิดให้ตกก็คือฝ่ายใดกันแน่ที่ต้องการให้ผู้อาวุโสก็อดฟรี
โนเอลจ้องไปที่เฟนด์อย่างพูดไม่ออกก่อนที่จะกลอกตามาที่เขา “นายได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า? การทำสงครามกับเผ่าปฐมหายนะ กับการทำสงครามกับสำนักวายชนม์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้าใจไหม? ฝ่ายหนึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเรา ในขณะที่อีกพวกคือสำนักระดับสี่! พอถึงเวลานั้น ต่อให้เราจะอยากเข้าร่วมสนามรบด้วยหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะบังคับให้เราเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน!”เฟนด์ขมวดคิ้วและพูดเชิงโต้แย้งว่า “ไม่ใช่ว่าสำนักวายชนม์จะพุ่งเป้ามาที่พวกเราโดยเฉพาะเสียหน่อย! จะมีสำนักอื่นต่อสู้กับพวกเขาด้วย นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือต้องกำจัดสำนักสหัสบรรณก่อน หมายความว่าสำนักสหัสบรรณจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในเรื่องนี้ ในขณะที่เราจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น”โนเอลยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ริมฝีปากของเขาก็เม้มแน่น “นายไร้เดียงสากว่าที่ฉันคิดนะ จริงอยู่ สำนักสหัสบรรณจะเป็นกำลังหลัก แต่นายคิดว่าพวกเขาจะสละศิษย์ของตัวเองเพื่อปกป้องเราหรือ? ไม่ต้องแปลกใจล่ะถ้าพวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเบี้ยในเกมกระดาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเป็นคนที่โชคร้าย ในฐานะศิษย์ภายนอก ฉันอาจไม
อย่างที่โนเอลกล่าวไว้ ถ้าแหล่งทรัพยากรลับนี้ค่อนข้างล้ำค่า สำนักสหัสบรรณจะไม่อนุญาตให้สำนักระดับสามทั้งสองแย่งชิงกันอย่างนี้แน่นอน พวกเขาจะเอาไปเป็นของตัวเองไม่ผิดแน่!บรู๊คตัดพ้อในทันที "บางทีพวกเขาอาจค้นพบบางสิ่งที่มีค่ามากในแหล่งทรัพยากรลับ และข่าวนี้ไปถึงหูของสำนักวายชนม์เข้า นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อมาที่นี่และเอามันไปเป็นของตัวเอง"โนเอลพยักหน้า ที่บรู๊คพูดฟังดูมีเหตุผล แต่แล้วเขาก็ถามกลับไปว่า “แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณถึงไม่ทำอะไรพวกเขาเลยล่ะ? ตามที่ศิษย์น้องเฟนด์กล่าวไว้ แนวค่ายกลรอบป่าดงอสูรอยู่ที่นั่นมานานกว่าสิบวันแล้ว!“ไม่มีใครออกมาจากที่นั่นได้เลยนอกจากศิษย์น้องเฟนด์ ใครก็ตามที่มีมันสมองสักนิดก็จะรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและจะต้องส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องค้นพบบางสิ่งหากพวกเขาทำเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะพลาดกันได้ง่าย ๆ แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณและตำหนักสองกษัตริย์ของเราถึงไม่ได้ทำอะไรเลย? นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? พวกเขากำลังวางแผนอะไรกันแน่?”ทั้งเฟนด์และบรู๊คต่างก็อึ้งไปกับคำถามของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเว้นแต่จะมีข้
จากนั้นยังมีความจริงที่ว่าเขาบังเอิญไปพบสัตว์อสูรเหล่านี้ในพื้นที่ของสัตว์อสูรระดับติดตัวซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสัตว์อสูรระดับติดตัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีไปยังบริเวณรอบนอกของป่า เพราะถิ่นที่อยู่ตามปกติของพวกมันถูกสำนักวายชนม์ยึดครองเอาไว้แล้วเฟนด์หัวเราะแห้ง ๆ และพูดว่า “ผมเดาว่าผมคงโชคดีอยู่บ้าง… หรือบางทีฉันอาจจะแข็งแกร่งขนาดนั้นก็ได้ ฮ่า ๆ”บรู๊คพูดไม่ออกเล็กน้อย “ฮ่า! ผมไม่ชอบเลยที่ต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคุณ แต่ผมจะไม่ไปที่ป่าผืนนั้นคนเดียวแน่นอน! เพราะนั่นจะไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย! ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ได้เพียงลำพัง จากการประเมินคร่าว ๆ ของผม คุณน่าจะได้รับคะแนนสนับสนุนอย่างน้อยสี่ร้อยคะแนน!”การประมาณการของบรู๊คนั้นถูกต้อง โดยรวมแล้วเฟนด์ได้รับคะแนนสนับสนุนสี่ร้อยสามสิบคะแนน ซึ่งมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้ คะแนนสะสมน่าจะใช้ได้อีกนานพอสมควรหากเขาใช้มันอย่างชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องใช้มันในหอทักษะยุทธและหอทักษะศิลปยุทธ หรือใช้การปรึกษาหารือกับผู้อาวุโส ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว คะแนนสนับสนุนเห
วงเวทย์อัญเชิญเปิดออกพร้อมเสียง 'แกร็ก' และคลื่นพลังวิญญาณก็พุ่งเข้าหาเฟนด์โดยไม่รั้งรอเฟนด์หายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มทำสมาธิ เขายังคงร่ายผนึกมือต่อไป และพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ถูกเปิดใช้งานการสร้างดาบวิญญาณภายใต้การสนับสนุนของพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายมันนับว่าง่ายกว่าเดิมมาก ช่วงเวลาสิบวันผ่านไปภายในพริบตาและเฟนด์ก็สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สำเร็จเพิ่มอีกห้าเล่มหลังจากใช้พลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลาย นั่นหมายความว่าเฟนด์สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สิบห้าเล่มเพื่อโจมตีศัตรูในระหว่างการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับศัตรูนานนัก และโรบินจะถูกเฟนด์ฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากในตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับโรบินเฟนด์หายใจออกลึก ๆ และตัดสินใจหยุดการบ่มเพาะตัวเอง อย่างไรเสียการต่อสู้ในสถานการณ์จริงก็เป็นเพียงมาตรฐานเดียวสำหรับการทดสอบพละกำลัง และเขาวางแผนที่จะทำการต่อสู้เดิมพันสองครั้งหลังจากที่เขาออกจากประตูเรียงเนตรและเฟนด์เดินออกไปทีละก้าวเขาเพิ่งกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเขาได้ยินโนเอลพูดอย่างเย็นชาและไร้สติ “แล้วมัน