วงเวทย์อัญเชิญเปิดออกพร้อมเสียง 'แกร็ก' และคลื่นพลังวิญญาณก็พุ่งเข้าหาเฟนด์โดยไม่รั้งรอเฟนด์หายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มทำสมาธิ เขายังคงร่ายผนึกมือต่อไป และพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ถูกเปิดใช้งานการสร้างดาบวิญญาณภายใต้การสนับสนุนของพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายมันนับว่าง่ายกว่าเดิมมาก ช่วงเวลาสิบวันผ่านไปภายในพริบตาและเฟนด์ก็สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สำเร็จเพิ่มอีกห้าเล่มหลังจากใช้พลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลาย นั่นหมายความว่าเฟนด์สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สิบห้าเล่มเพื่อโจมตีศัตรูในระหว่างการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับศัตรูนานนัก และโรบินจะถูกเฟนด์ฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากในตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับโรบินเฟนด์หายใจออกลึก ๆ และตัดสินใจหยุดการบ่มเพาะตัวเอง อย่างไรเสียการต่อสู้ในสถานการณ์จริงก็เป็นเพียงมาตรฐานเดียวสำหรับการทดสอบพละกำลัง และเขาวางแผนที่จะทำการต่อสู้เดิมพันสองครั้งหลังจากที่เขาออกจากประตูเรียงเนตรและเฟนด์เดินออกไปทีละก้าวเขาเพิ่งกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเขาได้ยินโนเอลพูดอย่างเย็นชาและไร้สติ “แล้วมัน
เซนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฟนด์และผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยท่าทีที่สงสัยเล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ในตอนนี้คงเริ่มปล่อยวางได้แล้ว เมื่อก่อนเขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะตัวเองมาก แต่ตอนนี้เขาคงรู้สึกว่าชีวิตของเขาคงจะน่าเบื่อเกินไปหากเขาเอาแต่จดจ่อไปที่การบ่มเพาะตัวเองเพียงอย่างเดียว การฝึกความพร้อมตัวเองคงไม่คุ้มค่าเท่ากับการมีลูกศิษย์และได้สั่งสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับศิษย์คนนั้น”โนเอลกลอกตาไปที่เซน “นี่ นายหยุดคาดเดาความคิดของผู้อาวุโสด้วยมุมมองของตัวนายเองได้ไหม? ยังไงซะพวกเขาทุกคนต่างก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง”เซนหัวเราะแห้ง ๆ “นายพูดถูก ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสภายในแล้ว และตามกฎของเรา เราควรเรียกเขาว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด”โดยปกติพวกเขาจะไม่เรียกผู้อาวุโสภายในด้วยนามสกุล แต่จะกล่าวถึงพวกเขาตามการจัดอันดับ ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อยู่ในอันดับที่สิบเอ็ด ดังนั้นพวกเขาจึงควรเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดเฟนด์ตกอยู่ในความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามขึ้น “แล้วคนที่หนุนหลังเวสลีย์ล่ะ ผู้
เมื่อเรื่องนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เหล่าศิษย์ภายในจำนวนมากจึงกระตือรือร้นที่จะลองดู ริมฝีปากของโนเอลบิดเป็นรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกและอิจฉา “ศิษย์ภายนอกอย่างพวกเราก็ทำได้เพียงเฝ้าดูฉากนั้น โอกาสเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทุกคนสามารถเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดได้ ยกเว้นก็แต่โอลิเวอร์”หลังจากพูดเรื่องนี้แล้วโนเอลก็จ้องมองที่เฟนด์เป็นเวลานาน และเฟนด์ก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ในฐานะพี่ชายแท้ ๆ ของเวสลีย์ โอลิเวอร์คงจะเกลียดเฟนด์อย่างแน่นอน เมื่อได้รับรู้ถึงความบาดหมางอย่างสุดซึ้งระหว่างเขากับเวสลีย์ เฟนด์อาจเป็นคนแรกที่เขาจะไปหาหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จไปได้เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นคนฉลาด เขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยให้ใครง่าย ๆ และคงไม่มอบทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้กับบุคคลภายนอก”เซนขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เข้าใจว่าคำพูดของเฟนด์หมายถึงอะไร แต่ดวงตาของโนเอลเป็นประกายในขณะที่เขาจิบชา เขาแทรกทำเป็นว่าไม่สนใจ “พูดดูมีประเด็น แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เป็นการดีที่สุดที่จะเตรียมพร้อมเพ
“นายคิดว่าจะมีผู้อาวุโสคนไหนจะยอมรับศิษย์ที่ดีแต่เลียแข้งเลียขา? เดิมทีก็มีศิษย์มากมายที่ชอบประจบประแจงผู้อาวุโสอยู่แล้ว ดังนั้นทำไมพวกอาวุโสจำเป็นจะต้องรับพวกเขาเป็นศิษย์ของตัวเองด้วยล่ะ? ถ้าเขาชอบฟังคำประจบสอพลอมากขนาดนั้น ฉันยอมลาออกจากตำแหน่งงานนี้ทันทีและไปดักรอเขาที่หน้าประตูบ้านทุกวันเพื่อเอยประโยคประจบสอพลอให้เขาวันละเป็นร้อย ๆ ประโยค โดยไม่ซ้ำกันด้วย”เซนตะลึงกับสิ่งนี้ และแม้แต่เฟนด์ก็ไม่สามารถทานทนกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาได้ แต่โนเอลไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาระหว่างทางกลับห้อง เฟนด์ยังคงนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เขาแน่ใจว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์มีแผนของตัวเองที่จู่ ๆ ก็ประกาศความตั้งใจที่จะรับศิษย์คนสุดท้ายของเขาในตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์สามารถลืมประสบการณ์เฉียดตายที่ป่าดงอสูรไปได้ผู้คนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เกลียดชังความอยุติธรรมอย่างยิ่ง และพวกเขาจะไม่ตอบแทนความคับข้องใจด้วยความเมตตา เป็นไปได้ว่าเขาอาจมีเจตนาอื่นแอบแฝง เมื่อความคิดของเฟนด์เบนมาที่ประเด็นนี้ เขาก็เริ่มคาดเดาถึงตัวบุคคลที่ปองร้ายผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ครั้งก่อน
เฟนด์หยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “นอกเหนือจากนั้น ผมก็ไม่คิดว่าเราจะสามารถเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ได้ และต่อให้ผมจะบอกใครเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะช่วยผมเวลาผมมีปัญหาหรือเปล่า แล้วผมจะสนับสนุนเขาและมีอิทธิพลอะไรกับสถานการณ์ภายในสำนักหรือไม่? ในฐานะศิษย์ภายนอก ผมไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับคนระดับสูงพวกนี้เลย โดยปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผมเพราะความแค้นที่มีต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์”แนชพยักหน้าเล็กน้อยสิ่งที่เฟนด์พูดดูมีเหตุผล แม้จะมีความกังวลใจหลงเหลืออยู่แต่เขาก็เบาใจมากขึ้น เขาเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากจมปลักอยู่กับหัวข้อก่อนหน้านี้ “ลูกบอกพ่อไม่ใช่เหรอว่าลูกเห็นศพหลังจากที่ออกมาจากเวทย์ค่ายกลสิบสัมบูรณ์”สิ่งนี้ทำให้เฟนด์นึกย้อนไปถึงศพที่เขาเห็นในทันที เนื่องจากพวกเขากลับมาอยู่ในสำนักแล้วจึงถือว่าพวกเขาอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย เขาปิดประตูแล้ว และจะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเอาศพออกมาในตอนนี้เฟนด์ร่ายอักษรรูนหลายตัวด้วยมือของเขา ก่อนที่มัสตาร์ด ซี๊ดถูกเปิดออกอีกครั้ง จากนั้นเขาก็นำศพดังกล่าวออกจากมัสตาร์ด ซี๊ดและวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าเขาร่างนี้มีความสูงเท่
แนชขมวดคิ้วและโฟกัสไปที่มือขวาของศพด้วย เขายังยกมือขวาที่เหลือแต่โครงกระดูกของศพขึ้น และเขามองเห็นได้จากด้านข้างว่ามือขวากำผลึกใสไว้เท่านั้นถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าผลึกใสนั้นคืออะไรสองพ่อลูกสบตากันก่อนจะเอื้อมไปจับมือขวาของผู้ตายพยายามง้างนิ้วออก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะต้องออกแรงในการง้างนิ้วมือของโครงกระดูกนั้นออก เพราะเห็นว่ามันแน่นแค่ไหน แต่ทั้งเฟนด์และแนชกลับได้ยินเสียงบางอย่างกุกกักบางอย่างดังออกมา ดูคล้ายว่ากลไกดังกล่าวถูกเปิดใช้งานเมื่อพวกเขาลองขยับมันทั้งสองคนตกใจปล่อยมือขวาที่เป็นโครงกระดูก มือข้างดังกล่าวตกลงบนโต๊ะจนเสียงดังสนั่นและข้อนิ้วที่ปิดแน่นก็เปิดออกวางราบอยู่บนโต๊ะ ผลึกใสที่มือนั้นคว้าไว้แน่นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเฟนด์และแนชนี่เป็นผลึกใสขนาดเท่าฝ่ามือ และบรรจุของเหลวสีแดงเรืองแสงไว้ข้างใน ของเหลวสีแดงดังกล่าวดึงดูดความสนใจของเฟนด์ได้ในทันที เขาเพ่งความสนใจไปที่ของเหลวสีแดงนั้นและสังเกตเห็นว่าของเหลวนั้นดูเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่ ของเหลวไหลวนอยู่ในผลึกและดูเหมือนจะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากการกักขังของผลผลึกดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น บนผลผลึกดังกล่าวก
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เฟนด์จึงตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าผมสามารถรถดูดซับโลหิตสวรรค์ได้ ผมจะสามารถบ่มเพาะ ทักษะวิถีแห่งสุญญะได้!”ทักษะศิลปยุทธที่เฟนด์ฝึกฝนคือทักษะวิถีแห่งสุญญะ และทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการควบคุมกฎแห่งสุญญะ หยาดเลือดจากมังกรจันทรคราสโบราณนี้มีพรสวรรค์และทักษะในการควบคุมกฎแห่งสุญญะอยู่ ถ้าเขาสามารถดูดซับหยาดเลือดนี้ได้ การควบคุมกฎแห่งสุญญะของเขาก็จะดีขึ้น!ท่ามกลางความตื่นเต้นของเฟนด์จู่ ๆ แนชก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ลูกไม่คิดว่ามันค่อนข้างแปลกเหรอ?”เฟนด์เลิกคิ้วและมองไปที่แนชอย่างสับสน แนชถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะอธิบาย “ทีแรกก็ผลึกวิญญาณสลาย แถมตอนนี้ยังมีหยาดเลือดมังกรจันทรคราสโบราณที่มีทักษะกฎแห่งสุญญะอีก ทำไมพ่อรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งสองอย่างนี้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับลูกโดยเฉพาะเลยล่ะ แถมลูกก็บังเอิญต้องการมันพอดีด้วย ลูกไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญมากไปหน่อยเหรอ?”แววตาที่มองผ่านดวงตาของเฟนด์และเขาพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่แนชพูดถึง เขาชี้ไปที่ข้อความบนผลึก “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่พ่อคิดหรอก เพราะว่าข้อความที่สลักบนผลึกนี้เป็นภาษาท
โนเอลอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ถ้าเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้น คิดว่าฉันจะยังมีอารมณ์มานั่งจิบชาและคุยกับนายที่นี่ได้อยู่เหรอ?”ในที่สุดเฟนด์ก็ถึงกับร้องอ๋อ ที่โนเอลพูดก็มีเหตุผล แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้วจะมีอะไรอีกที่จะทำให้ยุ่งเหยิงได้อีก?โนเอลไม่รอให้เฟนด์ถาม เขาพูดต่อทันที “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดกำลังรับศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของเขาอยู่? ศิษย์ภายในกำลังต่อสู้กันเองเพราะเหตุนี้ โอลิเวอร์เข้าร่วมเวทีการต่อสู้เดิมพันกับศิษย์ภายในคนอื่น ๆ เพราะเหตุนี้ สนามประลองเดิมพันนั้นมีแน่นขนัดจนไม่มีที่ยืน ทำให้เห็นว่ามันแน่นขนาดไหน นายอยากไปดูไหม”เฟนด์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง เขาไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องสำคัญอะไร มันเป็นเพียงเรื่องของการรับศิษย์คนสุดท้าย แล้วมันพิเศษขนาดไหนกัน? แม้ว่าศิษย์คนสุดท้ายนี้จะส่งผลต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ในอนาคต แต่สำหรับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่สำนักกำลังเผชิญอยู่เท่านั้น นั่นไม่ใช่ปัญหาที่สำนักวายชนม์ก่อขึ้นหรอกหรือ?เฟนด์ส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง “บอกตามตรง ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต้องไปดูการประลอง แม้ว่าพวกเขาจะสู้กันจนตายไปข้างก็เถอะ ทั้งหม