โนเอลมองไปที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็ถามถึงผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แต่เขายังคงตอบคำถามของเขา “เรามีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบเอ็ดคน ตามการจัดอันดับ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นผู้อาวุโสคนที่สิบเอ็ด แต่เขามีพรสวรรค์มาก การจัดอันดับของผู้อาวุโสจะจัดอันดับตามความแข็งแกร่งของพวกเขา คาดว่าอีกไม่นานผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะกลายเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสอันดับสูงสุด”เฟนด์พยักหน้าและหลังจากถอนหายใจเบา ๆ เขายังคงถามต่อไปว่า "แล้วผู้อาวุโสมีความขัดแย้งกันบ้างหรือเปล่า?"โนเอลหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ "นายถามเรื่องนี้ทำไม? นายรู้จักผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ได้ยังไงกัน์”เฟนด์กระแอมในลำคอ จับจมูกแล้วพูดว่า “ผมได้พบกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ขณะอยู่ในเมืองสองกษัตริย์ เพราะคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตลกดี ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากการแต่งกายของเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสคนไหน ผมได้รู้ชื่อของเขาก็ตอนที่มีคนข้าง ๆ บอกมาเท่านั้น”โนเอลดูเหมือนจะพอใจกับคำอธิบายและไม่ได้กดดันอะไรเพิ่มอีก เขาตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเฟนด์แทน “ถ้านายกำลังมองหาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างผู้อาวุโส ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนั
มันจะอธิบายได้ว่าทำไมสำนักสหัสบรรณถึงฝ่าฝืนกฎตามปกติของพวกเขาเพื่อแทรกแซงให้เผ่าปฐมหายนะและตำหนักสองกษัตริย์ยับยั้งสงครามระหว่างพวกเขา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะรักษาทรัพยากรของพวกเขาไว้เพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่างสำนักวายชนม์เฟนด์จำได้ว่าเขาเคยได้ยินข่าวที่ตำหนักสองกษัตริย์ต้องการรับสมัครศิษย์ใหม่ ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังป่าดงอสูร จากเหตุผลข้อนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถเดาได้ว่าที่พวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์คงรู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูรนอกจากนี้มันยังจะอธิบายการแสดงออกอย่างแปลก ๆ ของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์และน้ำเสียงแปลก ๆ ของเขาได้อีกด้วย ไม่มีใครบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูร และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น เขาระแวงในตัวเฟนด์เพราะเฟนด์เป็นศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ และมีคนระดับสูงบางคนใน สำนักต้องการให้เขาตาย! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็กล้ำกลืนเก็บงำความขุ่นเคืองใจต่อตำหนักสองกษัตริย์เอาไว้ในที่สุด เฟนด์ก็เข้าใจได้ถึงความลึกลับเหล่านี้ สิ่งที่ยังต้องคิดให้ตกก็คือฝ่ายใดกันแน่ที่ต้องการให้ผู้อาวุโสก็อดฟรี
โนเอลจ้องไปที่เฟนด์อย่างพูดไม่ออกก่อนที่จะกลอกตามาที่เขา “นายได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า? การทำสงครามกับเผ่าปฐมหายนะ กับการทำสงครามกับสำนักวายชนม์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้าใจไหม? ฝ่ายหนึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเรา ในขณะที่อีกพวกคือสำนักระดับสี่! พอถึงเวลานั้น ต่อให้เราจะอยากเข้าร่วมสนามรบด้วยหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะบังคับให้เราเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน!”เฟนด์ขมวดคิ้วและพูดเชิงโต้แย้งว่า “ไม่ใช่ว่าสำนักวายชนม์จะพุ่งเป้ามาที่พวกเราโดยเฉพาะเสียหน่อย! จะมีสำนักอื่นต่อสู้กับพวกเขาด้วย นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือต้องกำจัดสำนักสหัสบรรณก่อน หมายความว่าสำนักสหัสบรรณจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในเรื่องนี้ ในขณะที่เราจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น”โนเอลยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ริมฝีปากของเขาก็เม้มแน่น “นายไร้เดียงสากว่าที่ฉันคิดนะ จริงอยู่ สำนักสหัสบรรณจะเป็นกำลังหลัก แต่นายคิดว่าพวกเขาจะสละศิษย์ของตัวเองเพื่อปกป้องเราหรือ? ไม่ต้องแปลกใจล่ะถ้าพวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเบี้ยในเกมกระดาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเป็นคนที่โชคร้าย ในฐานะศิษย์ภายนอก ฉันอาจไม
อย่างที่โนเอลกล่าวไว้ ถ้าแหล่งทรัพยากรลับนี้ค่อนข้างล้ำค่า สำนักสหัสบรรณจะไม่อนุญาตให้สำนักระดับสามทั้งสองแย่งชิงกันอย่างนี้แน่นอน พวกเขาจะเอาไปเป็นของตัวเองไม่ผิดแน่!บรู๊คตัดพ้อในทันที "บางทีพวกเขาอาจค้นพบบางสิ่งที่มีค่ามากในแหล่งทรัพยากรลับ และข่าวนี้ไปถึงหูของสำนักวายชนม์เข้า นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อมาที่นี่และเอามันไปเป็นของตัวเอง"โนเอลพยักหน้า ที่บรู๊คพูดฟังดูมีเหตุผล แต่แล้วเขาก็ถามกลับไปว่า “แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณถึงไม่ทำอะไรพวกเขาเลยล่ะ? ตามที่ศิษย์น้องเฟนด์กล่าวไว้ แนวค่ายกลรอบป่าดงอสูรอยู่ที่นั่นมานานกว่าสิบวันแล้ว!“ไม่มีใครออกมาจากที่นั่นได้เลยนอกจากศิษย์น้องเฟนด์ ใครก็ตามที่มีมันสมองสักนิดก็จะรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและจะต้องส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องค้นพบบางสิ่งหากพวกเขาทำเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะพลาดกันได้ง่าย ๆ แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณและตำหนักสองกษัตริย์ของเราถึงไม่ได้ทำอะไรเลย? นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? พวกเขากำลังวางแผนอะไรกันแน่?”ทั้งเฟนด์และบรู๊คต่างก็อึ้งไปกับคำถามของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเว้นแต่จะมีข้
จากนั้นยังมีความจริงที่ว่าเขาบังเอิญไปพบสัตว์อสูรเหล่านี้ในพื้นที่ของสัตว์อสูรระดับติดตัวซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสัตว์อสูรระดับติดตัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีไปยังบริเวณรอบนอกของป่า เพราะถิ่นที่อยู่ตามปกติของพวกมันถูกสำนักวายชนม์ยึดครองเอาไว้แล้วเฟนด์หัวเราะแห้ง ๆ และพูดว่า “ผมเดาว่าผมคงโชคดีอยู่บ้าง… หรือบางทีฉันอาจจะแข็งแกร่งขนาดนั้นก็ได้ ฮ่า ๆ”บรู๊คพูดไม่ออกเล็กน้อย “ฮ่า! ผมไม่ชอบเลยที่ต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคุณ แต่ผมจะไม่ไปที่ป่าผืนนั้นคนเดียวแน่นอน! เพราะนั่นจะไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย! ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ได้เพียงลำพัง จากการประเมินคร่าว ๆ ของผม คุณน่าจะได้รับคะแนนสนับสนุนอย่างน้อยสี่ร้อยคะแนน!”การประมาณการของบรู๊คนั้นถูกต้อง โดยรวมแล้วเฟนด์ได้รับคะแนนสนับสนุนสี่ร้อยสามสิบคะแนน ซึ่งมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้ คะแนนสะสมน่าจะใช้ได้อีกนานพอสมควรหากเขาใช้มันอย่างชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องใช้มันในหอทักษะยุทธและหอทักษะศิลปยุทธ หรือใช้การปรึกษาหารือกับผู้อาวุโส ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว คะแนนสนับสนุนเห
วงเวทย์อัญเชิญเปิดออกพร้อมเสียง 'แกร็ก' และคลื่นพลังวิญญาณก็พุ่งเข้าหาเฟนด์โดยไม่รั้งรอเฟนด์หายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มทำสมาธิ เขายังคงร่ายผนึกมือต่อไป และพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ถูกเปิดใช้งานการสร้างดาบวิญญาณภายใต้การสนับสนุนของพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายมันนับว่าง่ายกว่าเดิมมาก ช่วงเวลาสิบวันผ่านไปภายในพริบตาและเฟนด์ก็สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สำเร็จเพิ่มอีกห้าเล่มหลังจากใช้พลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลาย นั่นหมายความว่าเฟนด์สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สิบห้าเล่มเพื่อโจมตีศัตรูในระหว่างการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับศัตรูนานนัก และโรบินจะถูกเฟนด์ฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากในตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับโรบินเฟนด์หายใจออกลึก ๆ และตัดสินใจหยุดการบ่มเพาะตัวเอง อย่างไรเสียการต่อสู้ในสถานการณ์จริงก็เป็นเพียงมาตรฐานเดียวสำหรับการทดสอบพละกำลัง และเขาวางแผนที่จะทำการต่อสู้เดิมพันสองครั้งหลังจากที่เขาออกจากประตูเรียงเนตรและเฟนด์เดินออกไปทีละก้าวเขาเพิ่งกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเขาได้ยินโนเอลพูดอย่างเย็นชาและไร้สติ “แล้วมัน
เซนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฟนด์และผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยท่าทีที่สงสัยเล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ในตอนนี้คงเริ่มปล่อยวางได้แล้ว เมื่อก่อนเขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะตัวเองมาก แต่ตอนนี้เขาคงรู้สึกว่าชีวิตของเขาคงจะน่าเบื่อเกินไปหากเขาเอาแต่จดจ่อไปที่การบ่มเพาะตัวเองเพียงอย่างเดียว การฝึกความพร้อมตัวเองคงไม่คุ้มค่าเท่ากับการมีลูกศิษย์และได้สั่งสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับศิษย์คนนั้น”โนเอลกลอกตาไปที่เซน “นี่ นายหยุดคาดเดาความคิดของผู้อาวุโสด้วยมุมมองของตัวนายเองได้ไหม? ยังไงซะพวกเขาทุกคนต่างก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง”เซนหัวเราะแห้ง ๆ “นายพูดถูก ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสภายในแล้ว และตามกฎของเรา เราควรเรียกเขาว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด”โดยปกติพวกเขาจะไม่เรียกผู้อาวุโสภายในด้วยนามสกุล แต่จะกล่าวถึงพวกเขาตามการจัดอันดับ ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อยู่ในอันดับที่สิบเอ็ด ดังนั้นพวกเขาจึงควรเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดเฟนด์ตกอยู่ในความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามขึ้น “แล้วคนที่หนุนหลังเวสลีย์ล่ะ ผู้
เมื่อเรื่องนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เหล่าศิษย์ภายในจำนวนมากจึงกระตือรือร้นที่จะลองดู ริมฝีปากของโนเอลบิดเป็นรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกและอิจฉา “ศิษย์ภายนอกอย่างพวกเราก็ทำได้เพียงเฝ้าดูฉากนั้น โอกาสเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทุกคนสามารถเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดได้ ยกเว้นก็แต่โอลิเวอร์”หลังจากพูดเรื่องนี้แล้วโนเอลก็จ้องมองที่เฟนด์เป็นเวลานาน และเฟนด์ก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ในฐานะพี่ชายแท้ ๆ ของเวสลีย์ โอลิเวอร์คงจะเกลียดเฟนด์อย่างแน่นอน เมื่อได้รับรู้ถึงความบาดหมางอย่างสุดซึ้งระหว่างเขากับเวสลีย์ เฟนด์อาจเป็นคนแรกที่เขาจะไปหาหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จไปได้เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นคนฉลาด เขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยให้ใครง่าย ๆ และคงไม่มอบทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้กับบุคคลภายนอก”เซนขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เข้าใจว่าคำพูดของเฟนด์หมายถึงอะไร แต่ดวงตาของโนเอลเป็นประกายในขณะที่เขาจิบชา เขาแทรกทำเป็นว่าไม่สนใจ “พูดดูมีประเด็น แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เป็นการดีที่สุดที่จะเตรียมพร้อมเพ