อย่างที่โนเอลกล่าวไว้ ถ้าแหล่งทรัพยากรลับนี้ค่อนข้างล้ำค่า สำนักสหัสบรรณจะไม่อนุญาตให้สำนักระดับสามทั้งสองแย่งชิงกันอย่างนี้แน่นอน พวกเขาจะเอาไปเป็นของตัวเองไม่ผิดแน่!บรู๊คตัดพ้อในทันที "บางทีพวกเขาอาจค้นพบบางสิ่งที่มีค่ามากในแหล่งทรัพยากรลับ และข่าวนี้ไปถึงหูของสำนักวายชนม์เข้า นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อมาที่นี่และเอามันไปเป็นของตัวเอง"โนเอลพยักหน้า ที่บรู๊คพูดฟังดูมีเหตุผล แต่แล้วเขาก็ถามกลับไปว่า “แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณถึงไม่ทำอะไรพวกเขาเลยล่ะ? ตามที่ศิษย์น้องเฟนด์กล่าวไว้ แนวค่ายกลรอบป่าดงอสูรอยู่ที่นั่นมานานกว่าสิบวันแล้ว!“ไม่มีใครออกมาจากที่นั่นได้เลยนอกจากศิษย์น้องเฟนด์ ใครก็ตามที่มีมันสมองสักนิดก็จะรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและจะต้องส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องค้นพบบางสิ่งหากพวกเขาทำเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะพลาดกันได้ง่าย ๆ แล้วทำไมสำนักสหัสบรรณและตำหนักสองกษัตริย์ของเราถึงไม่ได้ทำอะไรเลย? นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? พวกเขากำลังวางแผนอะไรกันแน่?”ทั้งเฟนด์และบรู๊คต่างก็อึ้งไปกับคำถามของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเว้นแต่จะมีข้
จากนั้นยังมีความจริงที่ว่าเขาบังเอิญไปพบสัตว์อสูรเหล่านี้ในพื้นที่ของสัตว์อสูรระดับติดตัวซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสัตว์อสูรระดับติดตัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนีไปยังบริเวณรอบนอกของป่า เพราะถิ่นที่อยู่ตามปกติของพวกมันถูกสำนักวายชนม์ยึดครองเอาไว้แล้วเฟนด์หัวเราะแห้ง ๆ และพูดว่า “ผมเดาว่าผมคงโชคดีอยู่บ้าง… หรือบางทีฉันอาจจะแข็งแกร่งขนาดนั้นก็ได้ ฮ่า ๆ”บรู๊คพูดไม่ออกเล็กน้อย “ฮ่า! ผมไม่ชอบเลยที่ต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคุณ แต่ผมจะไม่ไปที่ป่าผืนนั้นคนเดียวแน่นอน! เพราะนั่นจะไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย! ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ได้เพียงลำพัง จากการประเมินคร่าว ๆ ของผม คุณน่าจะได้รับคะแนนสนับสนุนอย่างน้อยสี่ร้อยคะแนน!”การประมาณการของบรู๊คนั้นถูกต้อง โดยรวมแล้วเฟนด์ได้รับคะแนนสนับสนุนสี่ร้อยสามสิบคะแนน ซึ่งมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้ คะแนนสะสมน่าจะใช้ได้อีกนานพอสมควรหากเขาใช้มันอย่างชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องใช้มันในหอทักษะยุทธและหอทักษะศิลปยุทธ หรือใช้การปรึกษาหารือกับผู้อาวุโส ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว คะแนนสนับสนุนเห
วงเวทย์อัญเชิญเปิดออกพร้อมเสียง 'แกร็ก' และคลื่นพลังวิญญาณก็พุ่งเข้าหาเฟนด์โดยไม่รั้งรอเฟนด์หายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มทำสมาธิ เขายังคงร่ายผนึกมือต่อไป และพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ถูกเปิดใช้งานการสร้างดาบวิญญาณภายใต้การสนับสนุนของพลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลายมันนับว่าง่ายกว่าเดิมมาก ช่วงเวลาสิบวันผ่านไปภายในพริบตาและเฟนด์ก็สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สำเร็จเพิ่มอีกห้าเล่มหลังจากใช้พลังที่เหลือจากผลึกวิญญาณสลาย นั่นหมายความว่าเฟนด์สามารถสร้างดาบวิญญาณได้สิบห้าเล่มเพื่อโจมตีศัตรูในระหว่างการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับศัตรูนานนัก และโรบินจะถูกเฟนด์ฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากในตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับโรบินเฟนด์หายใจออกลึก ๆ และตัดสินใจหยุดการบ่มเพาะตัวเอง อย่างไรเสียการต่อสู้ในสถานการณ์จริงก็เป็นเพียงมาตรฐานเดียวสำหรับการทดสอบพละกำลัง และเขาวางแผนที่จะทำการต่อสู้เดิมพันสองครั้งหลังจากที่เขาออกจากประตูเรียงเนตรและเฟนด์เดินออกไปทีละก้าวเขาเพิ่งกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเขาได้ยินโนเอลพูดอย่างเย็นชาและไร้สติ “แล้วมัน
เซนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฟนด์และผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยท่าทีที่สงสัยเล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ในตอนนี้คงเริ่มปล่อยวางได้แล้ว เมื่อก่อนเขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะตัวเองมาก แต่ตอนนี้เขาคงรู้สึกว่าชีวิตของเขาคงจะน่าเบื่อเกินไปหากเขาเอาแต่จดจ่อไปที่การบ่มเพาะตัวเองเพียงอย่างเดียว การฝึกความพร้อมตัวเองคงไม่คุ้มค่าเท่ากับการมีลูกศิษย์และได้สั่งสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับศิษย์คนนั้น”โนเอลกลอกตาไปที่เซน “นี่ นายหยุดคาดเดาความคิดของผู้อาวุโสด้วยมุมมองของตัวนายเองได้ไหม? ยังไงซะพวกเขาทุกคนต่างก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง”เซนหัวเราะแห้ง ๆ “นายพูดถูก ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสภายในแล้ว และตามกฎของเรา เราควรเรียกเขาว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด”โดยปกติพวกเขาจะไม่เรียกผู้อาวุโสภายในด้วยนามสกุล แต่จะกล่าวถึงพวกเขาตามการจัดอันดับ ตอนนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อยู่ในอันดับที่สิบเอ็ด ดังนั้นพวกเขาจึงควรเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดเฟนด์ตกอยู่ในความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามขึ้น “แล้วคนที่หนุนหลังเวสลีย์ล่ะ ผู้
เมื่อเรื่องนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เหล่าศิษย์ภายในจำนวนมากจึงกระตือรือร้นที่จะลองดู ริมฝีปากของโนเอลบิดเป็นรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกและอิจฉา “ศิษย์ภายนอกอย่างพวกเราก็ทำได้เพียงเฝ้าดูฉากนั้น โอกาสเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทุกคนสามารถเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดได้ ยกเว้นก็แต่โอลิเวอร์”หลังจากพูดเรื่องนี้แล้วโนเอลก็จ้องมองที่เฟนด์เป็นเวลานาน และเฟนด์ก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ในฐานะพี่ชายแท้ ๆ ของเวสลีย์ โอลิเวอร์คงจะเกลียดเฟนด์อย่างแน่นอน เมื่อได้รับรู้ถึงความบาดหมางอย่างสุดซึ้งระหว่างเขากับเวสลีย์ เฟนด์อาจเป็นคนแรกที่เขาจะไปหาหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จไปได้เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นคนฉลาด เขาจะไม่ยอมเป็นเบี้ยให้ใครง่าย ๆ และคงไม่มอบทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้กับบุคคลภายนอก”เซนขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เข้าใจว่าคำพูดของเฟนด์หมายถึงอะไร แต่ดวงตาของโนเอลเป็นประกายในขณะที่เขาจิบชา เขาแทรกทำเป็นว่าไม่สนใจ “พูดดูมีประเด็น แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เป็นการดีที่สุดที่จะเตรียมพร้อมเพ
“นายคิดว่าจะมีผู้อาวุโสคนไหนจะยอมรับศิษย์ที่ดีแต่เลียแข้งเลียขา? เดิมทีก็มีศิษย์มากมายที่ชอบประจบประแจงผู้อาวุโสอยู่แล้ว ดังนั้นทำไมพวกอาวุโสจำเป็นจะต้องรับพวกเขาเป็นศิษย์ของตัวเองด้วยล่ะ? ถ้าเขาชอบฟังคำประจบสอพลอมากขนาดนั้น ฉันยอมลาออกจากตำแหน่งงานนี้ทันทีและไปดักรอเขาที่หน้าประตูบ้านทุกวันเพื่อเอยประโยคประจบสอพลอให้เขาวันละเป็นร้อย ๆ ประโยค โดยไม่ซ้ำกันด้วย”เซนตะลึงกับสิ่งนี้ และแม้แต่เฟนด์ก็ไม่สามารถทานทนกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาได้ แต่โนเอลไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาระหว่างทางกลับห้อง เฟนด์ยังคงนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เขาแน่ใจว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์มีแผนของตัวเองที่จู่ ๆ ก็ประกาศความตั้งใจที่จะรับศิษย์คนสุดท้ายของเขาในตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์สามารถลืมประสบการณ์เฉียดตายที่ป่าดงอสูรไปได้ผู้คนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เกลียดชังความอยุติธรรมอย่างยิ่ง และพวกเขาจะไม่ตอบแทนความคับข้องใจด้วยความเมตตา เป็นไปได้ว่าเขาอาจมีเจตนาอื่นแอบแฝง เมื่อความคิดของเฟนด์เบนมาที่ประเด็นนี้ เขาก็เริ่มคาดเดาถึงตัวบุคคลที่ปองร้ายผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ครั้งก่อน
เฟนด์หยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “นอกเหนือจากนั้น ผมก็ไม่คิดว่าเราจะสามารถเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ได้ และต่อให้ผมจะบอกใครเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะช่วยผมเวลาผมมีปัญหาหรือเปล่า แล้วผมจะสนับสนุนเขาและมีอิทธิพลอะไรกับสถานการณ์ภายในสำนักหรือไม่? ในฐานะศิษย์ภายนอก ผมไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับคนระดับสูงพวกนี้เลย โดยปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผมเพราะความแค้นที่มีต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์”แนชพยักหน้าเล็กน้อยสิ่งที่เฟนด์พูดดูมีเหตุผล แม้จะมีความกังวลใจหลงเหลืออยู่แต่เขาก็เบาใจมากขึ้น เขาเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากจมปลักอยู่กับหัวข้อก่อนหน้านี้ “ลูกบอกพ่อไม่ใช่เหรอว่าลูกเห็นศพหลังจากที่ออกมาจากเวทย์ค่ายกลสิบสัมบูรณ์”สิ่งนี้ทำให้เฟนด์นึกย้อนไปถึงศพที่เขาเห็นในทันที เนื่องจากพวกเขากลับมาอยู่ในสำนักแล้วจึงถือว่าพวกเขาอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย เขาปิดประตูแล้ว และจะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเอาศพออกมาในตอนนี้เฟนด์ร่ายอักษรรูนหลายตัวด้วยมือของเขา ก่อนที่มัสตาร์ด ซี๊ดถูกเปิดออกอีกครั้ง จากนั้นเขาก็นำศพดังกล่าวออกจากมัสตาร์ด ซี๊ดและวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าเขาร่างนี้มีความสูงเท่
แนชขมวดคิ้วและโฟกัสไปที่มือขวาของศพด้วย เขายังยกมือขวาที่เหลือแต่โครงกระดูกของศพขึ้น และเขามองเห็นได้จากด้านข้างว่ามือขวากำผลึกใสไว้เท่านั้นถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าผลึกใสนั้นคืออะไรสองพ่อลูกสบตากันก่อนจะเอื้อมไปจับมือขวาของผู้ตายพยายามง้างนิ้วออก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะต้องออกแรงในการง้างนิ้วมือของโครงกระดูกนั้นออก เพราะเห็นว่ามันแน่นแค่ไหน แต่ทั้งเฟนด์และแนชกลับได้ยินเสียงบางอย่างกุกกักบางอย่างดังออกมา ดูคล้ายว่ากลไกดังกล่าวถูกเปิดใช้งานเมื่อพวกเขาลองขยับมันทั้งสองคนตกใจปล่อยมือขวาที่เป็นโครงกระดูก มือข้างดังกล่าวตกลงบนโต๊ะจนเสียงดังสนั่นและข้อนิ้วที่ปิดแน่นก็เปิดออกวางราบอยู่บนโต๊ะ ผลึกใสที่มือนั้นคว้าไว้แน่นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเฟนด์และแนชนี่เป็นผลึกใสขนาดเท่าฝ่ามือ และบรรจุของเหลวสีแดงเรืองแสงไว้ข้างใน ของเหลวสีแดงดังกล่าวดึงดูดความสนใจของเฟนด์ได้ในทันที เขาเพ่งความสนใจไปที่ของเหลวสีแดงนั้นและสังเกตเห็นว่าของเหลวนั้นดูเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่ ของเหลวไหลวนอยู่ในผลึกและดูเหมือนจะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากการกักขังของผลผลึกดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น บนผลผลึกดังกล่าวก