เมื่อพิจารณาถึงอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แล้ว พวกเขาไม่ได้รีบกลับไปยังตำหนักสองกษัตริย์ เฟนด์เช่ารถม้าในเมืองใกล้เคียงและใช้วิธีธรรมดาที่สุดในการกลับไปยังตำหนักสองกษัตริย์ภายในรถม้า ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์นอนหลับตาในขณะที่ทั้งเฟนด์และพ่อของเขายังคงเงียบ เนื่องจากมีบางสิ่งที่ไม่สามารถพูดคุยต่อหน้าบุคคลที่สามได้แนชไม่ได้รังเกียจ แต่เฟนด์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบจะไม่รู้สึกตัว ในฐานะผู้อาวุโส เขาไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลน แต่แม้จะได้รับโอสถที่ดีที่สุดแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัว นี่เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใดเฟนด์มีคำถามมากมายที่จะถามเขา แต่เขาก็ยั้งตัวเองไว้เพราะนี่คือการพบกันครั้งแรกของพวกเขา เหตุการณ์ล่าสุดทั้งหมดไม่เหมาะกับเขา ราวกับว่าเฟนด์ถูกลากเข้าสู่แผนการสมรู้ร่วมคิดโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักสองกษัตริย์ทันใดนั้น ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ที่ยังคงตาปิดอยู่ถามขึ้นว่า “สำนักสหัสบรรณได้ลงมืออะไรในเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”คำถามนั้นทำให้เฟนด์ไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็ส่ายหน้าโดยไม่ลังเล แ
“ผู้อาวุโส คุณรู้ไหมว่าทำไมสำนักสหัสบรรณถึงยังนิ่งเฉยอยู่? ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าสำนักวายชนม์กำลังทำอะไร ในขณะที่เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พ่นน้ำเสียงเย็นชา การตะคอกนี้ต้องใช้กำลังอย่างมากและไหล่ของเขาก็สั่นไหว เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ “แน่นอน พวกเขาต้องรู้เรื่องนี้ และพวกเขาน่าจะรู้เรื่องนี้มานานแล้วด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟนด์ก็ตกใจมาก เขาสามารถเห็นความโกรธที่ไม่อาจระงับไว้ได้บนใบหน้าของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ 'เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนี้?’ ความจริงที่ว่าความโกรธดูเหมือนจะพุ่งไปตกใส่สำนักสหัสบรรณแทนที่จะเป็นสำนักวายชนม์ทำให้เขายิ่งสับสนแน่นอนว่าเฟนด์ไม่ได้เปล่งคำถามออกมาเสียงดังอย่างไรก็ตาม เขาและผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็ยังไม่คุ้นเคยกันนัก แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะทำแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะระวังศิษย์ภายนอกซึ่งเมื่อครู่เป็นเพียงคนแปลกหน้าความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถม้าอีกครั้ง ไม่มีใครพูดอะไร แต่ความคิดของพวกเขากลับพลุ่งพล่านอยู่ในหัว และความคิดต่าง ๆ ก็พรั
แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในตำหนักสองกษัตริย์ เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างที่ชัดเจน สถานที่ที่พวกเขาซึ่งเป็นศิษย์ภายนอกอาศัยอยู่นั้นอยู่ทางทิศตะวันตกของอาณาเขตของสำนัก หากพวกเขาต้องการไปจากประตูหลักไปยังที่พักของศิษย์ภายนอก พวกเขาต้องเลี้ยวสองสามรอบและเดินผ่านทางเดินกลางแจ้งสองสามสายทางเดินกลางแจ้งเหล่านี้กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง และเหล่าศิษย์สามารถกลับไปยังที่พักของพวกเขาผ่านทางเดินกลางแจ้งหรือไปยังหอทักษะยุทธและหอทักษะศิลปยุทธและหอสัตตะฤกษ์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของสำนักภายใต้สถานการณ์ปกติ จะมีเหล่าศิษย์มากมายเดินผ่านทางเดินกลางแจ้งอย่างขวักไขว่ บางครั้งมันก็คลาคล่ำไปด้วยเหล่าศิษย์ แต่ในวันนั้นเขากลับเป็นคนเดียวที่เดินผ่านทางนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์และคาดคะเนเวลาว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงวัน ในช่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง?เขาเริ่มเดาสุ่มในใจ แต่เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในที่พักของศิษย์ภายนอกเลยเช่นกัน หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กลับไปที่ห้องพักของเขา เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินไปทางหอเจตสิก เขาไม่รู้ว่าวันนี้โน
เฟนด์ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความจริงอะไรล่ะ?”บรู๊คส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าเฟนด์กำลังเข้าใจในสิ่งที่เขาถามผิดไป "ผมไม่ได้จะถามว่าคำพูดที่คุณขอให้ผมเผยแพร่ไปเป็นความจริงหรือไม่ ที่ผมจะหมายถึงก็คือ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่มีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้นในป่าดงอสูร"เฟนด์พยักหน้า ‘แน่นอน มันเป็นเรื่องจริง ความไม่เข้ารูปเข้ารอยที่เกิดขึ้นในนั้นก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แล้ว!' เขาอยากจะพูดเช่นนี้ออกมาดัง ๆ แต่ก็รู้ว่าไม่อาจทำเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ เขายังสันนิษฐานว่าพวกระดับสูงในตำหนักสองกษัตริย์คงรู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว“ตอนนี้ผมยังบอกอะไรคุณได้ไม่มากนัก แต่โปรดทำตามที่ผมบอกเถอะ แล้วไปบอกศิษย์พี่โนเอลให้มาหาผมหากเขาว่างด้วย คุณจะมาด้วยก็ได้ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสองคน” เฟนด์พูดบรู๊คพยักหน้าอย่างจริงจัง และทั้งสองแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สุภาพกันอีกสองหรือสามประโยค ก่อนที่บรู๊คจะถือกล่องในมือและเดินไปที่หอสัตตะฤกษ์เนื่องจากบรู๊คจะกระจายข่าวให้ เฟนด์จึงไม่จำเป็นต้องไปที่หอเจตสิกอีกต่อไป เขามีคำถามมากมายอยู่ในหัวและต้องการทราบปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะว
เฟนด์ขมวดคิ้วและวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือ “คุณกำลังบอกว่าสำนักของเรายังคงวางแผนที่จะจะทำสงครามต่อไป?”นั่นเป็นคำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว ทำไมพวกเขาถึงต้องรีบร้อนให้เหล่าศิษย์เรียนรู้รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานเช่นนี้ด้วย? สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณโดยนัยว่าสงครามครั้งใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้า ในช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานจะมีประโยชน์มากที่สุดมีเหตุผลหลายประการในการฝึกรูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสาน ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มศิษย์ออกไปฝึก การต่อสู้รูปแบบการต่อสู้แบบผสมผสานมันจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต หากพวกเขาเผชิญกับอันตรายใด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการต่อสู้แบบผสมผสานจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ในสงครามระหว่างสำนักเฟนด์สูดลมหายใจลึก เขาไม่ได้เชื่อมโยงสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเผ่าปฐมหายนะ แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “มีศิษย์คนอื่นไปที่ป่าดงอสูรในช่วงเวลาเดียวกับที่ผมไปอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? โดยเฉพาะศิษย์ที่เป็นญาติของผู้อาวุโสภายในหรือผู้อาวุโสภายนอก?”ในสำนักมีผู้อาวุโสหลายคนและหากพวกเขาบริสุทธิ์ใจ พวกเขาจะยอมรับศิษย์ของเขาบางคนเข้าสู
โนเอลมองไปที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็ถามถึงผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แต่เขายังคงตอบคำถามของเขา “เรามีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบเอ็ดคน ตามการจัดอันดับ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นผู้อาวุโสคนที่สิบเอ็ด แต่เขามีพรสวรรค์มาก การจัดอันดับของผู้อาวุโสจะจัดอันดับตามความแข็งแกร่งของพวกเขา คาดว่าอีกไม่นานผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะกลายเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสอันดับสูงสุด”เฟนด์พยักหน้าและหลังจากถอนหายใจเบา ๆ เขายังคงถามต่อไปว่า "แล้วผู้อาวุโสมีความขัดแย้งกันบ้างหรือเปล่า?"โนเอลหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ "นายถามเรื่องนี้ทำไม? นายรู้จักผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ได้ยังไงกัน์”เฟนด์กระแอมในลำคอ จับจมูกแล้วพูดว่า “ผมได้พบกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ขณะอยู่ในเมืองสองกษัตริย์ เพราะคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตลกดี ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากการแต่งกายของเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสคนไหน ผมได้รู้ชื่อของเขาก็ตอนที่มีคนข้าง ๆ บอกมาเท่านั้น”โนเอลดูเหมือนจะพอใจกับคำอธิบายและไม่ได้กดดันอะไรเพิ่มอีก เขาตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเฟนด์แทน “ถ้านายกำลังมองหาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างผู้อาวุโส ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนั
มันจะอธิบายได้ว่าทำไมสำนักสหัสบรรณถึงฝ่าฝืนกฎตามปกติของพวกเขาเพื่อแทรกแซงให้เผ่าปฐมหายนะและตำหนักสองกษัตริย์ยับยั้งสงครามระหว่างพวกเขา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะรักษาทรัพยากรของพวกเขาไว้เพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่างสำนักวายชนม์เฟนด์จำได้ว่าเขาเคยได้ยินข่าวที่ตำหนักสองกษัตริย์ต้องการรับสมัครศิษย์ใหม่ ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังป่าดงอสูร จากเหตุผลข้อนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถเดาได้ว่าที่พวกระดับสูงของตำหนักสองกษัตริย์คงรู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูรนอกจากนี้มันยังจะอธิบายการแสดงออกอย่างแปลก ๆ ของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์และน้ำเสียงแปลก ๆ ของเขาได้อีกด้วย ไม่มีใครบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าดงอสูร และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น เขาระแวงในตัวเฟนด์เพราะเฟนด์เป็นศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ และมีคนระดับสูงบางคนใน สำนักต้องการให้เขาตาย! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็กล้ำกลืนเก็บงำความขุ่นเคืองใจต่อตำหนักสองกษัตริย์เอาไว้ในที่สุด เฟนด์ก็เข้าใจได้ถึงความลึกลับเหล่านี้ สิ่งที่ยังต้องคิดให้ตกก็คือฝ่ายใดกันแน่ที่ต้องการให้ผู้อาวุโสก็อดฟรี
โนเอลจ้องไปที่เฟนด์อย่างพูดไม่ออกก่อนที่จะกลอกตามาที่เขา “นายได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า? การทำสงครามกับเผ่าปฐมหายนะ กับการทำสงครามกับสำนักวายชนม์นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้าใจไหม? ฝ่ายหนึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเรา ในขณะที่อีกพวกคือสำนักระดับสี่! พอถึงเวลานั้น ต่อให้เราจะอยากเข้าร่วมสนามรบด้วยหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะบังคับให้เราเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน!”เฟนด์ขมวดคิ้วและพูดเชิงโต้แย้งว่า “ไม่ใช่ว่าสำนักวายชนม์จะพุ่งเป้ามาที่พวกเราโดยเฉพาะเสียหน่อย! จะมีสำนักอื่นต่อสู้กับพวกเขาด้วย นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือต้องกำจัดสำนักสหัสบรรณก่อน หมายความว่าสำนักสหัสบรรณจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในเรื่องนี้ ในขณะที่เราจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น”โนเอลยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แต่ริมฝีปากของเขาก็เม้มแน่น “นายไร้เดียงสากว่าที่ฉันคิดนะ จริงอยู่ สำนักสหัสบรรณจะเป็นกำลังหลัก แต่นายคิดว่าพวกเขาจะสละศิษย์ของตัวเองเพื่อปกป้องเราหรือ? ไม่ต้องแปลกใจล่ะถ้าพวกเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเบี้ยในเกมกระดาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเป็นคนที่โชคร้าย ในฐานะศิษย์ภายนอก ฉันอาจไม