แชร์

บทที่ 1897

ผู้เขียน: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ นี่คือสิ่งที่เขากำลังมองหา ท้ายที่สุด เขาใช้เวลามากมายในการบ่มเพาะโอสถและแสดงให้ทุกคนเห็นไปแล้ว จุดประสงค์ของเขาคือการรับสมัครนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเผ่าต้องการเติบโตและขยายตัว ความเชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุและการบ่มเพาะโอสถ โอสถนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

เขาหายใจเข้าลึก ๆ และลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังจากวางเม็ดยาลง จากนั้นเขาก็ยืดหลังตรงและจ้องมองฝูงชน ดวงตาของเขาปลดปล่อยความรู้สึกอดทนและดูราบเรียบออกมา "ถูกต้อง! ผมมาที่นี่เพื่อรับสมัครศิษย์!” ฝูงชนมองมาที่เขาด้วยสายตาคาดหวัง

“ว้าว…” สีหน้าประหลาดใจของทุกคนในห้อง

เขาต้องการรับศิษย์งั้นหรือ? นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามกำลังมองหาศิษย์! ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงระดับสามคนไหนที่รับสมัครศิษย์ในเมืองสกายดูลล์! การมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถเป็นที่ปรึกษาย่อมดีกว่าการบ่มเพาะอยู่เพียงลำพัง

เฟนด์ได้พิสูจน์ทักษะและความสามารถของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องโฆษณาตัวเองอีกต่อไป วินาทีต่อมาหลังจากที่เฟนด์ประกาศความตั้งใจของเขาแล้ว ฝูงชนก็ตื่นเต้นเป็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1898

    กองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ช่างน่ายินดีเสียนี่กระไร! หากพวกเขากลายเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกคนจะโค้งคำนับพวกเขาทุกครั้งที่ได้พบกับคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็รีบกลับไปยังที่พักของตนเองอย่างมีความสุขเพื่อบ่มเพาะตัวเองอย่างหนัก หลังจากที่เฟนด์กลับมาที่บ้านของเขา เขาก็พูดคุยอยู่กับเซเลน่าครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มดำเนินแผนการในทางปฏิบัติ เขาแนะนำให้นักเล่นแร่แปรธาตุเริ่มบ่มเพาะโอสถ นักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้มีความสามารถที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อเพิ่มระดับการเล่นแร่แปรธาตุให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อันดับแรกเฟนด์ได้สอนผู้อาวุโสลำดับที่เก้าและคนอื่น ๆ ถึงวิธีเพิ่มระดับของพวกเขา แล้วจึงส่งพวกเขาไปสอนนักเล่นแร่แปรธาตุที่เฟนด์นำกลับมาจากเมืองสกายดูลล์ ในอีกหลายวันผ่านไปเฟนด์ก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุ และระดับการเล่นแร่แปรธาตุของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เขาได้ทะลวงพันธนาการของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสาม และในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสี่ เฟนด์เป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับสี่ แต่แม้ว่าเขาจะอยู่แค่เพียงขั้นต้น แต่เขาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1899

    นายท่านเซลเลอร์จ้องมองภาพการถูกทำลายล้างเบื้องหน้า ตำหนักคลื่นเมฆาที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและทรงพลังพังทลายเสียจนไม่มีชิ้นดี “คุณคิดว่าเราควรไปที่กองทัพทั้งเก้าและดูสถานการณ์ของพวกเขาด้วยหรือเปล่า? ผมอยากไป เผื่อจะมีใครรอดชีวิตบ้าง” เขาถอนหายใจออกมาดัง ๆ ณ จุดนี้ นายท่านเซลเลอร์อับจนหนทาง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรอีกต่อไป เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของกองกำลังปฏิภาคีแต่คราวนี้เขากลับทำอะไรไม่ถูก คิ้วของปรมาจารย์ยาร์โบรห์ขมวดเข้าหากัน จากนั้นเขาก็ตบต้นขาและประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ไปกันเถอะ! เราต้องไปดูเห็นกับตา! หากมีผู้รอดชีวิต เราต้องช่วยพวกเขา! บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ถูกฆ่าไปจนหมดก็ได้ ใครจะไปรู้” นายท่านเซลเลอร์พยักหน้าเห็นด้วย ความคิดของนายท่านยาร์โบรห์ฟังดูมีเหตุผลและเข้าท่า แม้ว่าตำหนักคลื่นเมฆาจะจะเหลือเพียงความว่างเปล่า แต่จิตวิญญาณแห่งความสามัคคีและการช่วยเหลือผู้อื่นจะไม่ละลายหายไปด้วย ดังนั้นอย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไปดูสถานการณ์ หลังจากที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็เดินทางร่วมกันไปยังกองทัพทั้งเก้า พวกเขาเตรียมใจสำหรับสิ่งที่พวกเขาจะได้เห็นจากที่นั่นแล้ว พวกเขายั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1900

    “ในเวลานั้น นายท่านของเราอยู่ขั้นที่หนึ่งในระดับทะลวงวิญญาณ และเขาได้ต่อสู้กับนักสู้ชั้นยอดที่อยู่ในขั้นที่สามระดับทะลวงวิญญาณทั้งสองคนนั้นและสามารถเอาชนะพวกมันได้! เขาฆ่าพวกมันทั้งคู่! จากนั้นพวกคนที่ไม่ได้มีพลังยุทธสูงส่งในกองกำลังภาคีก็ถูกนักสู้ชั้นยอดของเผ่าเราจัดการ! แน่นอนว่าเราชนะการต่อสู้!” กรามของนายท่านยาร์โบรห์เกือบจะตกลงไปที่พื้นเมื่อได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว สีหน้าของเขาดูไม่ต่างจากการได้ยินเรื่องประหลาด “นายท่านของนายทะลวงเข้าเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณแล้วงั้นหรือ? นานเท่าไหร่แล้ว?" หลังจากได้ยินข่าว นายท่านยาร์โบรห์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะต้องมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร และนายท่านเซลเลอร์ก็เช่นกัน ทั้งคู่สบตากันและรู้สึกว่าแทนที่จะถามสมาชิกของเผ่าอยู่อย่างนี้ที่นี่ พวกเขาควรพบกับเฟนด์แบบตัวต่อตัวหลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ทั้งสองคนก็ไม่รอช้าและตรงไปยังที่พักของเผ่าเก้าเทพทันที ในเวลานี้เฟนด์ได้บ่มเพาะโอสถทะลวงวิญญาณเสร็จแล้วและได้กินมันเข้าไป พลังงานจำนวนมหาศาลถือกำเนิดขึ้นภายในร่างกายของเฟนด์และไหลผ่านเส้นลมปราณของเขา โอสถทะลวงวิญญาณนั้นมีประสิทธิภา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1901

    นักสู้ที่โจมตีกองทัพทั้งเก้าถูกกำจัดไปหมดแล้ว พวกที่สามารถหลบหนีได้นั้นมีแต่พวกที่ระดับพลังยุทธต่ำต้อยเท่านั้น สีหน้าของนายท่านโลเดอร์และนายท่านแมคเคนซี่จะเป็นอย่างไรพวกเขารู้เรื่องนี้?ในขณะนั้นนายท่านโลเดอร์และนายท่านแมคเคนซี่กำลังดื่มด้วยกันในสถานที่มั่นของกองกำลังภาคีพวกเขาได้รับข่าวชัยชนะและรู้แล้วด้วยว่าตำหนักคลื่นเมฆาไม่เหลือผู้รอดชีวิต ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับกองกำลังภาคีในเมื่อกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่ากองทัพทั้งเก้าถูกกำจัดไปแล้ว มันก็สมเหตุสมผลที่พวกเขาจะคิดว่ากองทัพทั้งเก้าจะถูกกำจัดไปแล้วด้วยเช่นกันหลังจากนึกภาพเฟนด์ วู๊ดที่กำลังจะตายด้วยน้ำมือของพวกเขา นายท่านโลเดอร์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความชอบใจ เขายกแก้วขึ้นชนกับนายท่านแมคเคนซี่“ผมเคยบอกคุณไว้ว่าไง? ไอ้สารเลวนั่นจะต้องตายด้วยน้ำมือเราแน่ ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาอีกแล้ว เขาอยู่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันชนะคนที่อยู่ในระดับทะลวงวิญญาณได้หรอก” นายท่านโลเดอร์พูดด้วยท่าทีสบาย ๆนายท่านแมคเคนซี่พยักหน้าเห็นด้วย “ผมเห็นด้วยอย่างที่สุด! พวกเขาสร้างความวุ่นวายไว้มากมาย ผมไม่สนใจว่าเขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1902

    ข่าวดังกล่าวโจมตีพวกเขาราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนหน้านี้เพียงคู่เดียวพวกเขายังเฉลิมฉลองกันอยู่เลย และตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า นี่คงเป็นเรื่องตลกร้ายเป็นแน่!นายท่านโลเดอร์จ้องมองไปที่ศิษย์ที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น “บอกฉันอีกทีสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? กองทัพทั้งเก้าจะแข็งแกร่งเช่นนั้นได้ยังไง?” เสียงของเขาสั่นเทาและเย็นชาศิษย์คนนั้นหวาดกลัวมาก จนคำพูดของเขาเริ่มจะวกไปวนมา เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าเขาจะไม่สามารถออกจากห้องแห่งความลับนี้ไปทั้งที่ยังมีลมหายใจได้หากเขาทำให้ชายทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่พอใจ เขากล่าวไปตามจริง โดยยืนยันกับทั้งนายท่านโลเดอร์และนายท่านแมคเคนซี่ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินในครั้งแรกนั้นถูกต้อง พวกเขาไม่ได้ฟังอะไรผิดไปแต่อย่างใดไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะโกรธจัดเมื่อพบว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาถูกฆ่าตายและเหลือเพียงพวกที่มีระดับพลังยุทธต่ำต้อย "ออกไป!" แม้ว่าคำสั่งจะถูกพูดด้วยน้ำเสียงที่เดือดดาล แต่มันก็เหมือนกับเสียงดนตรีจากสวรรค์สำหรับศิษย์ที่กำลังหวาดกลัว เขารู้สึกเป็นอิสระและออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองใบหน้าของนายท่านโลเดอร์เปลี่ยนเป็นสีเข้มด้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1903

    นายท่านแมคเคนซี่จ้องมองไปที่แก้วเปล่าอย่างเย็นชา “ผมไม่สนว่าคุณจะคิดยังไงเกี่ยวกับเฟนด์ วู๊ด ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เขาพัฒนาไปได้มากกว่านี้”นายท่านโลเดอร์ขมวดคิ้วและมองไปด้านข้างซึ่งมีนายท่านแมคเคนซี่นั่งอยู่ “คุณกำลังบอกว่าคุณจะจัดการเขาเองเหรอ?”นายท่านแมคเคนซี่พยักหน้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “คุณควรหยุดโน้มน้าวผมด้วยตรรกะไร้เหตุผลพวกนั้นได้แล้ว เด็กสารเลวนั่นไม่ใช่แมลงอ่อนแอที่เราจะสามารถบดขยี้ได้ง่าย ๆ ตอนนี้เป็นเหมือนเสือร้าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะจัดการเขาไม่ได้”นายท่านโลเดอร์หันกลับมาและจ้องมองที่นายท่านแมคเคนซี่ด้วยสีหน้าจริงจัง นายท่านแมคเคนซี่ไม่หันกลับมามองเขาและพูดต่อไปว่า “ถ้าเราไม่จัดการเขา ต่อไปคนที่จะถูกเด็ดหัวคงเป็นเรา ดังนั้น เราควรทุ่มสุดตัวเพื่อขัดขวางเขาเอาไว้ เราจะต้องรวบรวมพลังทั้งหมดของกองกำลังภาคีเพื่อกำจัดกองทัพทั้งเก้า แม้ว่าคนอื่นจะคิดว่าเราขี่ช้างจับตั๊กแตนก็ตาม”จำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงของนักสู้ฝีมือดีหลายคนได้ส่งเสียงเตือนในใจของนายท่านแมคเคนซี่ เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด และตะโกนใส่ทหารยามที่อยู่ด้านนอกของประตู “ส่งข้อความถึงสมาชิก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1904

    ผู้อาวุโสทุกคนของกองกำลังภาคีตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการต่อสู้กับเผ่าเก้าเทพเพราะกองกำลังดังกล่าวเป็นราวกับหนามยอกอกของพวกเขา ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีกองกำลังใดพัฒนาได้รุดหน้าเท่ากับเผ่าเก้าเทพเฟนด์ วู๊ดทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยโดยไม่ได้พักมาตั้งแต่ที่เขาพัฒนาไปอีกขั้นและเลื่อนระดับเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับสี่ได้สำเร็จ เขาบ่มเพาะโอสถที่เขาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเองในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเจ็ดวัน จากขั้นที่เจ็ดในระดับทะลวงวิญญาณ เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เก้าในระดับทะลวงวิญญาณแล้ว ขั้นที่เก้าในระดับทะลวงวิญญาณคือเพดานสูงสุดของโลกนี้ในการจัดอันดับอำนาจ และปรมาจารย์ของกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในขั้นเดียวกันนี้หลังจากถึงขั้นที่เก้าระดับทะลวงวิญญาณแล้ว เฟนด์ วู๊ดก็กำหมัดโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วของเขา เฟนด์ วู๊ดคนปัจจุบันมีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับนักสู้ขั้นสองหรือสามระดับนฤพาน น่าเสียดายที่ไม่มีนักสู้คนใดอยู่ในระดับนฤพาน ซึ่งก็หมายความว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกของแคทธีเซียเขาเฝ้ารอการต่อสู้กับกองกำลั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1905

    เควิน คาเบลโลถูกเฟนด์ วู๊ดทำให้พูดไม่ออก เขาทำได้เพียงแค่จ้องมองไปที่เจ้านายของตัวเอง“ไปรายงานสิ่งที่คุณเพิ่งบอกกับผมแก่นายท่านยาร์โบรห์ นายท่านเซลเลอร์ และสมาชิกที่เหลือ บอกพวกเขาให้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย” เฟนด์ วู๊ดสั่งอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เควิน คาเบลโลก็รู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าเขาได้กลืนแมลงที่ยังไม่ตายลงคอ เพราะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะตัดสินความอยู่รอดของเผ่าเก้าเทพ ยิ่งเฟนด์ วู๊ดสงบเท่าไหร่ เควิน คาเบลโลก็รู้สึกวิตกกังวลมากเท่านั้นเขาจะไม่เสียเวลาไปกับข่าวนี้ เฟนด์ วู๊ดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัว และแม้ว่ามันจะดูสงบ แต่เขาก็ได้กลิ่นพายุฝนฟ้าคะนองใกล้เข้ามา"อะไรนะ? กองกำลังภาคีออกจากฐานที่มั่น? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทุ่มหมดหน้าตักในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้”"โอ้พระเจ้า เราควรทำยังไงดี? เราจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้หรือเปล่า”สมาชิกทั้งหมดของเผ่าเก้าเทพเริ่มตื่นตระหนกเมื่อพวกเขาได้รับข่าวนี้ เควิน คาเบลโลตระหนักว่ามีเพียงเฟนด์ วู๊ดเท่านั้นที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ตลอดด่านทดสอบดังกล่าว แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าพวกเขามีระดับพลัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status