"ถูกต้อง หากพวกคุณคิดจะไปจากที่นี่ก็ไปได้เลย และเรายังพร้อมอ้าแขนรับผู้ที่ต้องการอยู่ต่อด้วย แต่ถ้าพวกคุณเลือกที่จะจากไปตอนนี้ แล้วต้องเผชิญกับเผ่ากระเลือดในภายหลัง ก็อย่าโทษตระกูลวู๊ดของเราหากเราไม่ช่วยคุณ” โยลันดาพูดเสริม “นายน้อยเฟนด์มีแผนอยู่แล้ว ถึงได้ขอให้เรารอที่นี่ ถ้าพวกคุณอยากจะออกไปตอนนี้ เราก็จะไม่รั้งพวกคุณไว้!”"ถูกต้อง!" ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลวู๊ดกล่าวเสริม “ผู้อาวุโสโยลันดาพูดถูก หากท่านใดคิดจะแยกตัวออกไปตอนนี้ ก็เชิญได้เลย พูดกันตรง ๆ การที่พวกเรามีกันมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี และบางคนก็อาจเป็นตัวถ่วงของเราด้วย การที่คนน้อยลงน่าจะง่ายกับเรามากกว่า!”ทุกคนก้มหน้า ไม่มีใครกล้าออกไปหลังจากได้ฟังคำพูดของพวกเขาพวกเขาไม่ใช่คนโง่ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเฟนด์และคนอื่น ๆ พวกเขาก็คงจะรอดไปได้ยากแม้ว่าพวกเขาจะออกจากผืนป่านี้ไปแล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดได้ส่งศิษย์มาคุ้มกันบริเวณป่าบ้างหรือไม่เมื่อสังเกตเห็นว่าไม่มีใครยืนกรานในเรื่องนั้นอีกต่อไป เฮเลน่าจึงเดินไปข้างหน้าและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “พวกเรา ตระกูลคาเบลโลจะไม่ไปไหนแน่นอ
“เป็นไปได้ยังไง? นายน้อยเฟนด์สังหารผู้อาวุโสของเผ่ากระหายเลือดไปคนหนึ่งงั้นเหรอ? นั่นหมายความว่านายน้อยเฟนด์จะสามารถต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าของพวกเขาได้งั้นหรือ” สมาชิกบางคนของตระกูลลึกลับรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้“เยี่ยมมาก! ตอนนี้เรามีปรมาจารย์อยู่กับเราหลายคน เมื่อรวมกับผู้ที่ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สองระดับเทพสูงสุดของที่นี่ เราก็เป็นทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง สมาชิกของเผ่ากระหายเลือดจะไม่ทำให้เราทุกข์ร้อนได้ง่ายนัก!” เฮเลน่ายิ้มอย่างมีความสุข ทุกคนรู้สึกโล่งใจและมั่นใจ เมื่อรู้ว่ามีหลายคนที่มีพลังยุทธสูง และเฟนด์ยังสามารถฆ่าผู้อาวุโสของเผ่ากระหายเลือดได้คนหนึ่งด้วย“พระเจ้า ผู้นำตระกูลของเรา… ผู้นำตระกูลของเราก็อยู่ในขั้นที่หกในระดับเทพสูงสุดเหมือนกันงั้นเหรอ?” สมาชิดตระกูลคาเบลโลล้วนรู้สึกยินดีกับเรื่องดังกล่าวนี้ และผู้อาวุโสหลายคนก็ถึงกับตัวสั่นขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอเล็กซานเดอร์ คาเบลโล หัวหน้าตระกูลของพวกเขาจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หกระดับเทพสูงสุดได้“ใช่ และต้องขอบคุณเฟนด์ ถ้าเขาไม่ให้ยาฉัน ฉันคงทะลวงไปเร็วขนาดนี้ไม่ได้หรอก! หากยาเหล่านี้ถูก
จากนั้น ออเรียลก็เรียกสมาชิกของตำหนักเทพยดา “คำนับเจ้าตำหนักคนใหม่ของทุกคน!”ตำหนักเทพยดาทั้งหมดซึ่งนำโดยผู้อาวุโสทำความเคารพอย่างกึกก้อง “ยินดีกับเจ้าตำหนักคนใหม่ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งด้วย!”ในขณะเดียวกัน ออเรียลก็หยิบเอาสัญลักษณ์เจ้าตำหนักของเธอออกมาและส่งต่อให้เมโลดี้"เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะขอรับเสื้อคลุมของเจ้าตำหนักไปแล้วกัน” ในที่สุดเมโลดี้ก็พยักหน้ารับสัญลักษณ์นั้นไป “ทุกคนโปรดลุกขึ้นเถิด ต่อไปเราต้องฝึกฝนไปด้วยกันให้ดี แม้ว่าพื้นที่นี้จะเป็นสถานที่ที่ดีในการฝึก แต่ทุกคนก็ทราบดีว่ามีกองกำลังภาคีกำลังหมายหัวเราอยู่ และเราอาจเผชิญหน้ากับอันตรายที่มากขึ้นในอนาคตด้วย ไม่ว่าในตำหนักของเราจะเหลือกันมากน้อยขนาดไหน แต่ฉันก็หวังว่าทุกคนจะสามัคคีกันและร่วมแรงร่วมใจกัน!”ออเรียลยิ้มด้วยความพอใจเมื่อทุกคนยืนขึ้น “เจ้าตำหนักเมโลดี้ ตอนนี้เธอเป็นเจ้าตำหนักแล้ว ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของเราอีกต่อไป ถอดผ้าคลุมออกเดี๋ยวนี้เลย”ใบหน้าของเมโลดี้ขึ้นสีชาดด้วยความเขินอาย ถึงกระนั้นเธอจะพยักหน้าก่อนจะค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมที่เธอสวมมาหลายปีออกหลาย ๆ คนจากตระกูลอื่น ๆ ตั้งตารอที่จะได้เห็นรูป
“พวกเขาวางแผนนี้มานานหรือยัง” แนชขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “คุณหมายความว่าตอนนี้เผ่ากระหายเลือดพร้อมที่จะโจมตีกองทัพทั้งเก้า?”เฟนด์พยักหน้า “ผมว่าน่าจะมีโอกาสเป็นเช่นนั้นสูง ตลอดสองสามวันที่ผ่านมานี้พวกเขาคงฆ่าคนของเราไปไม่น้อย เพราะดูเหมือนในตอนนี้ไม่ได้เกิดการปะทะกันขึ้นบ่อยนัก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราได้ช่วยเหลือผู้คนที่เผชิญหน้ากับพวกเขาไว้และในระหว่างทางก็ได้แจ้งให้ผู้คนมาซ่อนตัวกันที่นี่”ผู้อาวุโสจากตระกูลลึกลับชั้นสองที่พูดก่อนหน้านี้ยิ่งมีความสุขเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นเขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “วิเศษจริง ๆ! ดีเลย นายน้อยเฟนด์ หากพวกเขาโจมตีกองทัพทั้งเก้า เราจะได้ใช้โอกาสนี้หลบหนี!”คนอีกสองสามคนพยักหน้าอย่างตื่นเต้นในโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ดังกล่าวแต่ไม่คิดเลยว่าสีหน้าของเฟนด์จะแข็งกร้าวขึ้น เขาเริ่มถามชายคนนั้นว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะหนีไปไหนได้? ตามความเข้าใจของผม หากพวกเขารู้ว่าพวกเราเข้ามาในพื้นที่นี้อย่างมามากมายมหาศาล กองกำลังภาคีจะส่งพรรคพวกคนอื่น ๆ ของพวกเขามาตามล่าเราอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเอลล่า ลาวีนที่ผมได้พบก่อนหน้านี้บอกผมว่าพื้นที่นี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่า
“ประการแรก เราจะสามารถฆ่าลูกศิษย์ของเผ่ากระหายเลือดได้ หากเราร่วมมือกับกองทัพทั้งเก้าและจะได้ล้างแค้นให้กับตัวพวกเราเอง ประการที่สอง พวกเขาจะเป็นหนี้บุญคุณเราจากการที่เราไปช่วยพวกเขากำจัดเผ่ากระหายเลือด ซึ่งเราจะได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังปฏิภาคีอีกด้วย ถูกต้องไหม? นี่ไม่ดีกว่าการเคลื่อนไหวโดยไม่มีจุดหมายหรอกหรือ?” เฟนด์อธิบายต่อฝูงชนโดยแจ้งให้พวกเขาทราบถึงความตั้งใจของตัวเอง “ถึงแม้ว่าเราจะไปช่วยพวกเขาแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปช่วยตอนนี้ ปล่อยให้พวกเขาสู้กันให้ลากเลือดไปก่อน เพราะยังไงซะ กองทัพทั้งเก้าก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใจตลอดเวลาที่เพิกเฉยต่อเราก่อนหน้านี้นี่ ถูกไหมล่ะ?”"ถูกต้อง! เราไม่ต้องรีบรุดไปช่วยพวกเขาหรอก เราก็ต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างสบายใจบ้างเหมือนกัน” วีนัสมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้“ฮ่าฮ่า…ไปกันเถอะ ทุกคนออกจากที่นี่แล้วไปดูกันว่าระหว่างทางจะพบพรรคพวกของเราหรือไม่ เราจะรวบรวมคนของเราเข้าด้วยกัน และถ้าเราพบศิษย์ของเผ่ากระหายเลือดเมื่อไหร่ เราจะฆ่าพวกเขาทันที แน่นอนว่าเราจะฆ่าคนจากดินแดนท้องทะเลด้วยหากเราได้เจอพวกเขา ผู้คนจากดินแดนท้องทะเลเป็นศัตรูของเราเสมอมา ด
“พวกเขากลับมากันทำไม? คราวนี้เผ่ากระหายเลือดต้องการอะไรอีก?” หัวหน้าป้อมปราการคนหนึ่งงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเผ่ากระหายเลือดถึงกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งจากไปได้ไม่นานยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้พวกเขายังพาคนมามากมาย และกะเกณฑ์ดูแล้วคงมีประมาณเจ็ดหมื่นคน ดูเหมือนว่าเผ่ากระหายเลือดจะนำคนทั้งเผ่ามาที่นี่เดิมทีหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งต้องการตำหนิคนที่ลั่นระฆัง แต่เมื่อเขาเห็นเผ่ากระหายเลือดสีหน้าของเขาก็ชะงักไป ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าใครหน้าไหนที่ทำแบบนั้นออสตินครุ่นคิดอย่างละเอียดก่อนจะถามเอ็ดเวิร์ดเสียงดัง “หัวหน้าเผ่าเอ็ดเวิร์ด นี่มันหมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงพาคนของคุณมาที่นี่อีก? ไหนพวกคุณบอกว่าคนจากดินแดนรกร้างเข้ามาในป่าเพียงไม่กี่คนเองไม่ใช่หรอ? พวกคุณไม่ได้ตามล่าพวกนั้นหรือยังไง? ทำไมคุณมาหาเรื่องเราอีกแล้วล่ะ?”เอ็ดเวิร์ดยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “หึ! หยุดเสแสร้งสักที คนของคุณฆ่าผู้อาวุโสลำดับที่สี่และปรมาจารย์ของเราอีกหลายคน และเรามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้พวกเขา!”เอ็ดเวิร์ดไม่คิดที่จะพูดอะไรให้มากความ ดังนั้นเขาจึงโบกมือและเอ่ยคำสั่งออกไปว่า “ทุกคน กวาดล้างกองทัพท
อนิจจา ออสตินไม่มีเวลาประเมินอะไรอย่างถี่ถ้วน เมื่อเขาเห็นว่าเอ็ดเวิร์ดเหวี่ยงกำปั้นมาทางเขา ก็เหวี่ยงหมัดกลับไปสกัดกั้นอีกฝ่ายเอาไว้ตู้ม!เสียงอึกทึกก้องออกมาในขณะที่ปรมาจารย์ในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณทั้งสองปะทะฝีมือกันครั้งแรกพลังอันแข็งแกร่งกระจายออกจากจุดที่กำปั้นของพวกเขาสัมผัสกันและทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ความสั่นสะเทือนดังกล่าวนี้ได้ส่งศิษย์ที่มีพลังยุทธต่ำหลายคนปลิวไปไกลกว่าที่พวกเขาจะตั้งหลักได้"อ๊า!" ออสตินตะโกนเสียงดังและยืนหยัดต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามเป็นเวลาหลายวินาที เม็ดเหงื่อร่วงหล่นลงมาจากหน้าผาก คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าเขามาก"อ๊า!" เอ็ดเวิร์ดตะโกนออกมาเช่นกัน สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความอาฆาตมาดร้าย เขาเพิ่มพลังลงไปในหมัดของเขาและในที่สุดก็ได้เปรียบคู่ต่อสู้ เขาบังคับให้ออสตินล่าถอยไปได้ประมาณ 10 กว่าเมตรออสตินถลาไปกลางอากาศก่อนที่เขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่“ฮ่าฮ่า! คุณสู้ผมไม่ได้หรอก ออสติน หลังจากที่ผมฆ่าคุณ ก่อนที่จะฆ่าหัวหน้าป้อมปราการที่อยู่ในขั้นที่เก้าระดับเทพสูงสุดอีกสองสามคน ผมจะเอาชนะพวกคุณได้แน่ ต่อให้ตอนนี้พวกคุณจะดูเหมือนว่ามีคนมากกว่า
"โถ่ถัง! เป็นไปได้ยังไง? ทำไมพวกเขาถึงมีกันมากขนาดนี้?”ศิษย์ของเผ่ากระหายเลือดมาคุ้มกันที่ด้านนอกของป่าเพราะเกรงว่าผู้รอดชีวิตจากดินแดนรกร้างจะหลบหนีไป พวกเขายังคิดอยู่เลยว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าผู้รอดชีวิตจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในป่า หลังจากที่อีกฝ่ายปะทะกับพวกเขาในครั้งก่อนสิ่งที่ศิษย์เหล่านี้ไม่คาดคิดก็คือการที่ศัตรูหลายแสนคนจะรีบออกจากป่าเช่นนี้ แถมคนส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับเทพสูงสุดอีกด้วย"โจมตี!" แนชคำรามขณะที่เขานำพรรคพวกเข้าโจมตี ความเดือดดาลครอบงำเขาในขณะที่เขานึกถึงสิ่งที่สมาชิกในตระกูลวู๊ดหลายพันคนที่เสียชีวิตต้องประสบสมาชิกของตระกูลอื่น ๆ เข้าร่วมการต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัว เพราะพวกเขาได้โอกาสที่จะล้างแค้น ก่อนหน้านี้พวกเขาได้แต่หลบหนีแม้ว่าจะเสียใจและต้องเห็นสมาชิกในตระกูลเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!ในไม่ช้าเสียงการต่อสู้ที่ด้านนอกของป่า แต่ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มคนจากดินแดนท้องทะเลและตำหนักนภาได้มารวมตัวกันอยู่บนยอดเขาอีกลูกในป่า“ทำไมเราถึงได้ยินเสียงของการต่อสู้กันที่ด้านนอกป่าอีกแล้วล่ะ” ผู้คนที่อยู่กันที่นี่มีจำนวนไม่มากนักและมีเพียงป