“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ขอบคุณ นายน้อยเฟนด์!”เชลบี้พยักหน้า เธอรู้ดีถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ช่องว่างระหว่างขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุดกับขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงนั้นกว้างเกินไปไม่ใช่แค่ระดับการบ่มเพาะทั้งสองระดับจะต่างกันเท่านั้น แต่มีช่องว่างในแง่ของพลังยุทธมากเกินไปอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นพลังฉีของคนที่อยู่ในขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุดนั้นต่างออกไป เพราะมันบริสุทธิ์อย่างยิ่งและมีสีทองอร่าม การระเบิดพลังของพลังฉีที่ขั้นสูงสุดระดับเทพแท้จริงไม่อาจเทียบได้ “ที่นี่มีคนไม่น้อยเลย! พระเจ้า การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่นึกเลยว่าคนของเราจะตายมากมายแบบนี้!”ในขณะนั้นเองกลุ่มศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดก็เข้ามาเพิ่มอีกสี่หรือห้าร้อยคน และมีคนที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดถึงสิบคน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อยู่ขั้นที่สองหรือสาม แถมตัวผู้นำยังอยู่ในขั้นที่ห้าของระดับเทพสูงสุดอีกด้วยเคนเนธและคนอื่น ๆ ที่รวบรวมสิ่งของที่ริบมาจากสงครามเสร็จแล้ว ก็มาหาเฟนด์และคนอื่น ๆ ทันที ทุกคนมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกเขามีกันไม่น้อยเลย ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดอยู่หลายคน ไม่อย่างนั้น ศิษย์ในร
“พวกเขาเจ็ดคนคิดจะหยุดเรางั้นเหรอ? ไม่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเหรอ?”หญิงวัยกลางคนที่อยู่ในขั้นที่ห้าระดับเทพสูงสุดยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อเธอเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเหลือกันเพียงเจ็ดคนเท่านั้น ในพริบตาเดียวเธอรุดไปหาเฟนด์ “ดูเหมือนว่าระดับพลังยุทธ์ของนายจะค่อนข้างสูงนะ ไอ้เด็กเหลือขอ วันนี้ขอฉันทดสอบนายสักหน่อยแล้วกัน!”"บุก!"เฟนด์กวักมือและพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เกรงกลัวหญิงวัยกลางคนแม้แต่น้อย“นายกล้าที่จะพุ่งเข้ามาหาฉันเองเลยงั้นเหรอ?”ดวงตาของหญิงวัยกลางคนประเมินฝ่ายตรงข้ามเมื่อเธอเห็นว่าเฟนด์มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ดี จากมุมมองของเธออย่างมากเฟนด์ก็อยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด และเขาไม่ได้ทำให้เธอกังวลเลย"ไม่ เดี๋ยวก่อน ความเร็วของเขา มันเร็วมาก!”ในวินาทีต่อมาเฟนด์ก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ความเร็วของเขาทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนใบหน้าของเธอมืดมนลงทันทีเมื่อเธอเห็นว่าหมัดของเฟนด์เคลือบด้วยพลังฉีสีทองหนา หญิงวัยกลางคนก็ผงะไปเล็กน้อย “นายอยู่ในขั้นที่สี่ของระดับเทพสูงสุดจริงหรือ? เป็นไปได้ยังไง? หรือว่านายเป็นคนจากกองทัพทั้งเก้า?”หญิงวัยกลางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่เธอมองเห
"หึ ไว้ชีวิตคุณ? คุณฆ่าคนของเราไปมากมาย ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องบอกให้ตัวเองไว้ชีวิตคุณ! ถ้าตอนนี้เราเอาชนะคุณไม่ได้ ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะไว้ชีวิตพวกเราหรอก!”เฟนด์ยิ้มเย็นราวกับว่าเขากำลังฟังเรื่องตลก เขาพลิกฝ่ามือก่อนที่ดาบสีดำจะปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาขว้างดาบออกไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นทันที“จากนี้ไป ในตอนที่เรารวบรวมของที่ริบมาจากสงคราม เราต้องหาแหวนยุทธของผู้ที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ถ้าไม่ได้มีของที่เราต้องการก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมา ปกติแล้ว แหวนยุทธของคนในระดับเทพสูงสุดจะมีของมากกว่าอยู่แล้ว เราต้องใช้เวลาให้น้อยลงเพื่อจะได้ช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้น!”หลังจากที่เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็บอกทุกคนว่า “นอกจากนี้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เผ่ากระหายเลือด ได้ส่งศิษย์เข้ามาในป่าแห่งนี้มากขึ้น หากเรามัวชักช้า อีกไม่นานจะมีศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดมาหาเรามากขึ้นกว่านี้!”เคนเนธพูดด้วยรอยยิ้ม “เราต้องกลัวอะไรล่ะ? ถ้าพวกเขากล้ามาเราก็จะฆ่าพวกเขาซะ ฮิฮิ!"“แค่นั้นไม่พอหรอก เราจะประมาทไม่ได้ ถ้านักสู้ของเขาเจอพวกเราเข้าเราจะลำบาก” อเล็กซานเดอร์ กล่าว “แล้วถึงแม้ว่าเฟนด์จะมีพลังยุทธที่ยอดเยี่
อเล็กซานเดอร์รู้สึกยินดีเมื่อได้ยินสิ่งนี้"ใช่ และมีอีกหลายคนที่มาจากตระกูลเฮมเพอร์ลี ดาร์ซี เฮมเพอร์ลี, พอล เฮมเพอร์ลีและคนอื่น ๆ อยู่ในนั้นทั้งหมด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่!”เฟนด์รีบพาทุกคนออกไปเมื่อเห็นสิ่งนี้แม้ว่าตระกูลเฮมเพอร์ลีจะเป็นเพียงตระกูลลึกลับชั้นสอง แต่ดาร์ซี พอลและคนอื่น ๆ ก็เป็นคนดีพอสมควร แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาไม่สูงมากนัก เฟนด์ไม่ได้เจอพวกเขามาหลายวัน และหลังจากได้พบเห็นศพของสมาชิกตระกูลเฮมเพอร์ลีตามทางมาเป็นจำนวนมาก เขาก็คิดว่าดาร์ซีและคนอื่น ๆ น่าจะตายไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าดาร์ซีและพอลจะยังมีชีวิตอยู่“พ่อ เราเป็นลูกไก่ในกำมือของพวกเขา เรามีผู้คนมากมาย แต่ศัตรูของเราแข็งแกร่งเกินไป!”ขณะที่พอลหลบหนี เขาพูดกับผู้เป็นพ่อ"ใช่ แม้ว่าในที่สุดเราจะเข้าสู่ขั้นสูงสุดระดับเทพแท้จริงได้ และแม้กระทั่งมีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะยุทธก็ตามที แต่น่าเสียดายที่เรากำลังจะต้องมาตายก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุด โธ่เอ๊ย! พ่อได้แต่รู้สึกเสียใจเพราะเรื่องนี้!”ดาร์ซีถอนหายใจ หัวใจของเขาไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา“นายท่าน นายท่าน นั่นนายน้อยเฟนด์!
การโจมตีของเฟนด์ที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้ดาร์ซีและคนอื่น ๆ ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฟนด์และคนอื่น ๆ จะสามารถฆ่านักสู้ที่ทรงพลังอย่างสูงจากเผ่ากระหายเลือดได้แบบนั้น นอกจากนี้ยังไม่มีศัตรูหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว“สุดยอดไปเลยนายท่าน นี่มันสุดยอดมาก ไม่คิดเลยว่าเราจะรอด เรานึกว่าเราจะไม่ได้พบคุณอีกแล้ว!”สมาชิกในตระกูลคาเบลโลเหาะไปและพูดคุยกับอเล็กซานเดอร์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น“ใช่ครับนายท่าน ดีเหลือเกินที่เราได้พบกับนายท่าน ดูจากคุณในตอนนี้ คุณต้องก้าวเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดแล้วใช่ไหม? แล้วอีกอย่าง ทำไมพวกคุณถึงมีแค่นี้ล่ะ? คนอื่นอยู่ที่ไหนกันหมด คุณหนูลำดับที่หนึ่งกับคนอื่น ๆ ไปอยู่ที่ไหนกัน คุณได้พบกับพวกเขาบ้างไหม?”สมาชิกตระกูลคาเบลโลคนอื่น ๆ ต่างกระหน่ำยิงคำถามใส่อเล็กซานเดอร์ ที่นี่ประกอบไปด้วยสมาชิกตระกูลคาเบลโลเพียงร้อยกว่าคน และพวกเขาก็ไม่ได้พบกับสมาชิกตระกูลคาเบลโลคนอื่น ๆ เลย“พวกเขาสบายดี ผมมีเรื่องต้องบอกคุณเดี๋ยวนี้ เหาะไปทางนั้นแล้วไปรวมตัวกันที่ยอดเขา!”อเล็กซานเดอร์พาคนสองสามคนเหาะขึ้นไป จากนั้นเขาก็ชี้ไปในทิศทางที่ถูกกำหนดไว้ เขาอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายฟังอย่างรวดเ
ศิษย์อีกคนกล่าวเสริม “ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีเสียงของการต่อสู้เบาบางลงกว่าเดิม แล้วศิษย์ของเราก็ยังรายงานมาอีกด้วยว่า พวกเขาไม่เห็นผู้คนจากดินแดนรกร้างมากนัก ดูเหมือนว่าพวกที่เข้ามาจะเหลือกันน้อยกว่าหนึ่งหมื่นคน บางทีสัตว์อสูรอาจฆ่าพวกนั้นไปมากแล้วก็ได้ หรือบางทีพวกนั้นหลายคนอาจตายในขณะที่แย่งชิงหญ้าวิญญาณกันก็เป็นได้!” “เห็นได้ชัดว่าเสียงการต่อสู้เบาลงกว่าเดิม นั่นหมายความว่าเราได้ฆ่าพวกมันไปมากมายและยังเหลือกันอีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ว่าจะต้องเป็นฝีมือของคนจากกองทัพทั้งเก้าแน่ที่สามารถฆ่าศิษย์ขั้นที่ห้าในระดับเทพสูงสุดได้ ผมหวังว่าผู้อาวุโสลำดับที่สี่จะสามารถกำจัดคนเหล่านั้นออกไปได้!”เมื่อพูดจบเอ็ดเวิร์ดก็กำหมัดแน่นและจ้องมองไปยังทิศทางที่กองทัพทั้งเก้าตั้งอยู่ “ฮึ่ม! พวกเขากล้าส่งคนไปช่วยคนเหล่านั้นอย่างลับ ๆ งั้นเหรอ? ได้เลย เราจะทำให้แน่ใจว่าคนที่พวกเขาส่งไปจะไม่มีใครรอดกลับมา!”"ฮ่าฮ่า ผ่านไปสองวันแล้วนายท่าน ยังไม่มีคนของกองทัพทั้งเก้าออกมาเลย ซึ่งก็หมายความว่า อย่างน้อยพวกเขาก็กลัวเราและไม่กล้าเผชิญหน้ากับเราโดยตรง อันที่จริงมั
หวือ!เมื่อเสียงของแนชดังขึ้น ออร่าของดาบก็พุ่งเข้าหาพวกเขาจากอีกด้านด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากเฟนด์สัมผัสได้ถึงการโจมตีในทันทีและรีบพลิกฝ่ามือของเขา เขาถือดาบไว้ในมือและเหวี่ยงรัศมีของดาบออกไปปัง!ในตอนที่รัศมีดาบอันน่าสยดสยองทั้งสองปะทะกันและปล่อยระเบิดที่นาาหวาดหวั่นออกมา รัศมีดาบของเฟนด์ยังลอยไปได้ไม่ไกลเลยด้วยซ้ำ“แกค่อนข้างมีฝีมือดีนี่ไอ้ส*รเลว ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของแกจะไม่ธรรมดา!”ไม่ไกลกันนัก ศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดราวเจ็ดหรือแปดคนกำลังมองดูเฟนด์และคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าขบขัน ชายที่พูดเมื่อคู่สวมเสื้อผ้าสีแดงและถือดาบสีเขียวไว้ในมือ“ศิษย์พี่ เจ้าสารเลวนั่นต้องมาจากกองทัพทั้งเก้าแน่ ในที่สุดเราก็พบเขาหลังจากค้นหามานาน ถ้าเขาไม่ใช่คนจากกองทัพทั้งเก้า เขาคงป้องกันการโจมตีของคุณไม่ได้ง่ายอย่างนี้ และเขาคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วขนาดนี้ด้วย!”ศิษย์หญิงในชุดสีเขียวยืนอยู่ข้างชายในชุดสีแดง เธอมองเฟนด์ด้วยสายตาเอาเรื่องทว่าชายในชุดสีแดงกลับยิ้มอย่างไม่แยแส “จะกลัวอะไร? ฉันเป็นถึงนักสู้ขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุด นอกเหนือจากผู
เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาใช้ทักษะยุทธระดับสองในทันที และรูปลักษณ์ของพลังฉีที่ดูคล้ายกับนกเหยี่ยวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มันพุ่งไปข้างหน้าด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว“ระวังนะเฟนด์ ออร่าที่มาจากชายคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป!”เมื่อแนชสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังของชายคนนั้น ในขณะที่เขาเหาะออกไปจัดการกับเหล่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือด เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเฟนด์“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะไม่ปล่อยให้เขาฆ่าผมได้ง่าย ๆ หรอก!”เฟนด์กำด้ามดาบแน่นและปล่อยพลังฉีในกายของเขาให้ไหลลงสู่ดาบทันทีชวิ้ง!เมื่อพลังฉีไหลเข้าไปในดาบ เสียงแหลมคมก็ดังขึ้น ในขณะเดียวกัน ออร่าของเฟนด์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน“นั่นเป็นดาบที่ค่อนข้างดี มันช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับคุณ ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงสุด”ดวงตาของไซม่อนเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อได้เห็นดาบในมือของเฟนด์เขาสังเกตเห็นอย่างอื่นได้อย่างรวดเร็วและร้องออกมาว่า “ไม่ เดี๋ยวก่อน แกอยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นที่เจ็ด!”ตาของไซม่อนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ในการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้เป็นการซุ่มโจมตี ดังนั