การโจมตีของเฟนด์ที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้ดาร์ซีและคนอื่น ๆ ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฟนด์และคนอื่น ๆ จะสามารถฆ่านักสู้ที่ทรงพลังอย่างสูงจากเผ่ากระหายเลือดได้แบบนั้น นอกจากนี้ยังไม่มีศัตรูหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว“สุดยอดไปเลยนายท่าน นี่มันสุดยอดมาก ไม่คิดเลยว่าเราจะรอด เรานึกว่าเราจะไม่ได้พบคุณอีกแล้ว!”สมาชิกในตระกูลคาเบลโลเหาะไปและพูดคุยกับอเล็กซานเดอร์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น“ใช่ครับนายท่าน ดีเหลือเกินที่เราได้พบกับนายท่าน ดูจากคุณในตอนนี้ คุณต้องก้าวเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดแล้วใช่ไหม? แล้วอีกอย่าง ทำไมพวกคุณถึงมีแค่นี้ล่ะ? คนอื่นอยู่ที่ไหนกันหมด คุณหนูลำดับที่หนึ่งกับคนอื่น ๆ ไปอยู่ที่ไหนกัน คุณได้พบกับพวกเขาบ้างไหม?”สมาชิกตระกูลคาเบลโลคนอื่น ๆ ต่างกระหน่ำยิงคำถามใส่อเล็กซานเดอร์ ที่นี่ประกอบไปด้วยสมาชิกตระกูลคาเบลโลเพียงร้อยกว่าคน และพวกเขาก็ไม่ได้พบกับสมาชิกตระกูลคาเบลโลคนอื่น ๆ เลย“พวกเขาสบายดี ผมมีเรื่องต้องบอกคุณเดี๋ยวนี้ เหาะไปทางนั้นแล้วไปรวมตัวกันที่ยอดเขา!”อเล็กซานเดอร์พาคนสองสามคนเหาะขึ้นไป จากนั้นเขาก็ชี้ไปในทิศทางที่ถูกกำหนดไว้ เขาอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายฟังอย่างรวดเ
ศิษย์อีกคนกล่าวเสริม “ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีเสียงของการต่อสู้เบาบางลงกว่าเดิม แล้วศิษย์ของเราก็ยังรายงานมาอีกด้วยว่า พวกเขาไม่เห็นผู้คนจากดินแดนรกร้างมากนัก ดูเหมือนว่าพวกที่เข้ามาจะเหลือกันน้อยกว่าหนึ่งหมื่นคน บางทีสัตว์อสูรอาจฆ่าพวกนั้นไปมากแล้วก็ได้ หรือบางทีพวกนั้นหลายคนอาจตายในขณะที่แย่งชิงหญ้าวิญญาณกันก็เป็นได้!” “เห็นได้ชัดว่าเสียงการต่อสู้เบาลงกว่าเดิม นั่นหมายความว่าเราได้ฆ่าพวกมันไปมากมายและยังเหลือกันอีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ว่าจะต้องเป็นฝีมือของคนจากกองทัพทั้งเก้าแน่ที่สามารถฆ่าศิษย์ขั้นที่ห้าในระดับเทพสูงสุดได้ ผมหวังว่าผู้อาวุโสลำดับที่สี่จะสามารถกำจัดคนเหล่านั้นออกไปได้!”เมื่อพูดจบเอ็ดเวิร์ดก็กำหมัดแน่นและจ้องมองไปยังทิศทางที่กองทัพทั้งเก้าตั้งอยู่ “ฮึ่ม! พวกเขากล้าส่งคนไปช่วยคนเหล่านั้นอย่างลับ ๆ งั้นเหรอ? ได้เลย เราจะทำให้แน่ใจว่าคนที่พวกเขาส่งไปจะไม่มีใครรอดกลับมา!”"ฮ่าฮ่า ผ่านไปสองวันแล้วนายท่าน ยังไม่มีคนของกองทัพทั้งเก้าออกมาเลย ซึ่งก็หมายความว่า อย่างน้อยพวกเขาก็กลัวเราและไม่กล้าเผชิญหน้ากับเราโดยตรง อันที่จริงมั
หวือ!เมื่อเสียงของแนชดังขึ้น ออร่าของดาบก็พุ่งเข้าหาพวกเขาจากอีกด้านด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากเฟนด์สัมผัสได้ถึงการโจมตีในทันทีและรีบพลิกฝ่ามือของเขา เขาถือดาบไว้ในมือและเหวี่ยงรัศมีของดาบออกไปปัง!ในตอนที่รัศมีดาบอันน่าสยดสยองทั้งสองปะทะกันและปล่อยระเบิดที่นาาหวาดหวั่นออกมา รัศมีดาบของเฟนด์ยังลอยไปได้ไม่ไกลเลยด้วยซ้ำ“แกค่อนข้างมีฝีมือดีนี่ไอ้ส*รเลว ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของแกจะไม่ธรรมดา!”ไม่ไกลกันนัก ศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดราวเจ็ดหรือแปดคนกำลังมองดูเฟนด์และคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าขบขัน ชายที่พูดเมื่อคู่สวมเสื้อผ้าสีแดงและถือดาบสีเขียวไว้ในมือ“ศิษย์พี่ เจ้าสารเลวนั่นต้องมาจากกองทัพทั้งเก้าแน่ ในที่สุดเราก็พบเขาหลังจากค้นหามานาน ถ้าเขาไม่ใช่คนจากกองทัพทั้งเก้า เขาคงป้องกันการโจมตีของคุณไม่ได้ง่ายอย่างนี้ และเขาคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วขนาดนี้ด้วย!”ศิษย์หญิงในชุดสีเขียวยืนอยู่ข้างชายในชุดสีแดง เธอมองเฟนด์ด้วยสายตาเอาเรื่องทว่าชายในชุดสีแดงกลับยิ้มอย่างไม่แยแส “จะกลัวอะไร? ฉันเป็นถึงนักสู้ขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุด นอกเหนือจากผู
เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาใช้ทักษะยุทธระดับสองในทันที และรูปลักษณ์ของพลังฉีที่ดูคล้ายกับนกเหยี่ยวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มันพุ่งไปข้างหน้าด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว“ระวังนะเฟนด์ ออร่าที่มาจากชายคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป!”เมื่อแนชสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังของชายคนนั้น ในขณะที่เขาเหาะออกไปจัดการกับเหล่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือด เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเฟนด์“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะไม่ปล่อยให้เขาฆ่าผมได้ง่าย ๆ หรอก!”เฟนด์กำด้ามดาบแน่นและปล่อยพลังฉีในกายของเขาให้ไหลลงสู่ดาบทันทีชวิ้ง!เมื่อพลังฉีไหลเข้าไปในดาบ เสียงแหลมคมก็ดังขึ้น ในขณะเดียวกัน ออร่าของเฟนด์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน“นั่นเป็นดาบที่ค่อนข้างดี มันช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับคุณ ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงสุด”ดวงตาของไซม่อนเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อได้เห็นดาบในมือของเฟนด์เขาสังเกตเห็นอย่างอื่นได้อย่างรวดเร็วและร้องออกมาว่า “ไม่ เดี๋ยวก่อน แกอยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นที่เจ็ด!”ตาของไซม่อนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ในการโจมตีของเขาก่อนหน้านี้เป็นการซุ่มโจมตี ดังนั
“พวกขยะไร้ค่า! เราเพิ่งเริ่มเองนะ และพวกนายทนต่อไปอีกหน่อยไม่ได้หรือไง?”ไซม่อนโกรธจัด เขาคิดว่าการฆ่าเฟนด์จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่า การโจมตีของเฟนด์สามารถต่อกรกับการโจมตีของเขาได้ ราวกับว่าพวกเขามีฝีมือสูสีกันอย่างไรอย่างนั้น"ไม่มีทาง นี่คือทักษะยุทธระดับสอง แต่ถึงอย่างนั้นทักษะยุทธของเขาก็สามารถรับมือได้ ที่สำคัญกว่านั้น ระดับพลังยุทธของเขายังต่ำกว่าของฉันมาก!”ตอนนี้ไซม่อนรู้สึกว่าความหยิ่งทะนงของเขาถูกเหยียบย่ำอย่างรุนแรง เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ผู้คนมากมายชื่นชมและเคารพเขา มีแม้กระทั่งศิษย์หญิงมากมายที่ตามกรี๊ดเขาสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง อีกทั้งเขายังอายุไม่มากนัก เขาเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณได้ เมื่อถึงตอนนั้น ในการเลือกผู้นำกลุ่มคนต่อไป ทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่เขา ไซม่อน กรีนแต่เพียงผู้เดียวเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง เด็กหนุ่มที่อยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดจะสามารถใช้ทักษะยุทธของเขาโจมตีต่อกรกับเขาได้ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าถูกใครตบห
คำพูดของเฟนด์ทำให้ไซม่อนโกรธจนแทบจะกระอักเลือด “หมัดมังกรคู่!”เฟนด์กลั้นหายใจเบา ๆ ก่อนที่หมัดพลังฉีขนาดใหญ่สองข้างจะพุ่งตัวออกไปพวกมันกลายเป็นหัวมังกรที่โปร่งแสงและปล่อยเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวออกมา จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของมังกร“อย่างกับฉันจะยอม!”ใบหน้าของไซม่อนซีดราวกับรู้สึกถึงความตายเป็นครั้งแรก เขากัดฟันแน่นหลังจากที่เห็นการโจมตีที่น่ากลัวของเฟนด์ เขาใช้ทักษะยุทธที่เขาภาคภูมิใจที่สุดปัง!เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้น ทักษะยุทธที่ไซม่อนภาคภูมิใจที่สุดนั้นอ่อนปวกเปียกเหลือทน ในตอนที่มันปะทะเข้ากับการโจมตีของเฟนด์มันก็ถูกระงับอย่างรวดเร็วและแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง"ไม่!"ขณะที่ไซม่อนซึ่งอยู่ในขั้นที่เจ็ดในระดับเทพสูงสุดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง หน้าอกของเขาก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่ทะลุร่างออกไป จากนั้นเขาก็ลอยถอยหลังและร่อนลงบนพื้นตายนิ่งสนิท“สหายผู้นี้มีทักษะยุทธที่น่าทึ่งมาก!”เฟนด์เหาะไปด้านข้างของเขาและหยิบแหวนยุทธของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็บอกอเล็กซานเดอร์และคนอื่น ๆ ว่า “ไปกันเถอะ ถึงเราจะไม่ได้สู้กันนานนัก แต่เสียงก็ดังเกินไป มันจะดึงดูด
คำพูดของผู้อาวุโสลำดับที่สี่ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตกใจ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ศิษย์ของเขาสองสามคนได้เข้าป่าไปฆ่าผู้คนที่บุกเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผู้อาวุโสลำดับที่สี่พูดเช่นนี้ ก็แปลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับศิษย์คนหนึ่งของเขาเขายืนขึ้นมาในทันที “ศิษย์คนหนึ่งของผมตายที่นั่นหรือ ผู้อาวุโสลำดับที่สี่?” เขาถามผู้อาวุโสลำดับที่สี่พยักหน้า “ไซม่อนน่ะ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นศพเขาในวันนี้!”"อะไรนะ! ทำไมต้องเป็นเขา?"ผู้อาวุโสหนึ่งหายใจกระชั้น เขาเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธ ข่าวนี้เป็นดังสายฟ้าฟาดในยามฟ้าใส มันอยู่เหนือความคาดหมายของเขา"ไม่มีทาง"ผู้อาวุโสลำดับที่หกถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไซม่อนเป็นศิษย์ที่ดีที่สุดของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง และเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุดไปแล้ว ทำไมเขาถึงตายได้? คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ได้จำเขาสลับกับใคร บางทีคุณอาจมองผิดไป”"ใช่แล้ว ผู้อาวุโสลำดับที่สี่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะ!”ผู้อาวุโสลำดับที่สามพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเชื่อว่านี่เป็นความจริง“ถ้าไซม่อนตายจริง นั่นหมา
"ถูกต้อง ตอนนี้เฟนด์อยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุดแล้ว ถ้าเขาทะลวงต่อไปได้อีกสามขั้น เขาจะอยู่ในขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุด ผมคิดว่าเขาน่าจะฆ่าคนที่อยู่ในขั้นที่เก้าของระดับเทพสูงสุดได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับทักษะยุทธที่บ้าคลั่งของเขา และหากเขาสามารถฆ่าหัวหน้าเผ่ากระหายเลือดได้มันคงจะดีไม่น้อย!”เวสตันรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน"เอาล่ะ ทุกคน ฉวยโอกาสนี้ในการฝึกฝนตัวเอง สร้างความก้าวหน้าให้ได้ในคืนนี้!”เฟนด์พยักหน้ากับทุกคน พวกเขาใช้เวลาทั้งบ่ายบินลึกเข้ามาในป่า เนื่องจากกลัวว่าคนจากเผ่ากระหายเลือดจะพบพวกเขา หลังจากที่พวกเขาสามารถรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขากับเหล่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้มากพอ เฟนด์ก็เลือกถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่อย่างดีสำหรับคืนนี้หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น ทุกคนก็หยิบโอสถขั้นกลางระดับสามออกมา และใส่มันเข้าไปในปากก่อนกลืนลงไปโอสถขั้นกลางระดับสามนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าโอสถขั้นต้นระดับสามอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฟนด์เต็มไปด้วยความคาดหวังหลายวันมานี้ จักระในร่างกายของเขาช่วยให้พลังชีถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นที่ห้าในระ