เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา เคนเนธหัวเราะเสียงดังจนเขาปวดท้องจากนั้นเขาก็พูดว่า “หากพวกเรายังไม่ก้าวไปสู่ระดับเทพสูงสุด พวกเราคงจะตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินข่าวดีอันเหลือเชื่อนี้จากคุณ แต่ พวกคุณไม่รู้หรอกว่าคนของเราที่นี่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดหลายคน และเราเองก็ได้รับทักษะยุทธมาด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่เราตอบสนองออกไปเช่นนั้น!”“เป็นไปได้ยังไง!” คราวนี้ พ่อบ้านไททัสและโยลันดาอ้าปากกว้างเพราะกลายเป็นว่าพวกเขาเองที่เป็นฝ่ายที่ประหลาดใจเคนเนธพอใจกับสีหน้าประหลาดใจของพวกเขาและพูดกับสองคนนี้ด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็มีข่าวที่น่าตื่นเต้นจะบอกพวกคุณทั้งคู่เหมือนกัน พวกคุณจะต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ เมื่อรู้เรื่องนี้!”"จริงหรือ? เมื่อเทียบกับจำนวนคนจากตระกูลวู๊ดของเราที่ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดแล้ว ยังมีข่าวอื่นที่น่าประหลาดใจอีกหรือ?” โยลันดาและไททัสสบตากันเพราะสงสัยว่าเขาทั้งคู่กำลังฝันอยู่“นายน้อยเฟนด์เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามแล้ว และตอนนี้เขาสามารถบ่มเพาะโอสถชั้นต้นระดับสามได้แล้ว!” ภายใต้สายตาที่คาดหวังอย่างมากของสองคนนี้ เคนเนธจงใจยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเล่าสถานการณ์ให้พวกเข
พ่อบ้านไททัส พยักหน้าและตกลงตามนั้นเพราะเขากลัวว่าเฟนด์จะปฏิเสธที่จะช่วยเขาบ่มเพาะโอสถหากเขาอิดออดไม่ยอมรับข้อเสนอเฟนด์ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคน "อย่ากังวล ขอเพียงมอบวัตถุดิบที่คุณพบในอนาคตให้ผม อัตราความสำเร็จของผมก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย อืมมม... สมาชิกของตระกูลวู๊ดแค่จัดหาวัตถุดิบสามชุดให้ผมก็พอ ผมจะฝึกฝนให้หนัก เพื่อบมเพาะโอสถให้พวกคุณ สำหรับคนที่เป็นมิตรกับเรา ถ้าพวกเขาสามารถจัดหาวัตถุดิบได้ ให้ส่วนผสมห้าชุดแก่ผม แล้วผมจะพยายามบ่มเพาะโอสถให้!"“นายน้อยเฟนด์ นี่เธอหมายความว่าเธอจะให้โอสถที่ทำจากวัตถุดิบพิเศษพวกนั้นแก่เราหนึ่งเม็ด หากเรานำวัตถุดิบห้าชุดแก่เธองั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้อเล็กซานเดอร์ยังนึกอิจฉาตระกูลวู๊ดอยู่ในใจ เขาตื่นเต้นมากจนตาโตราวกับไข่ห่านเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูดไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นถึงโอสถชั้นต้นระดับสาม“ฮ่าฮ่า นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร!” เฟนด์หัวเราะเสียงดังเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาจะต้องเหนื่อยแน่ถ้าเขาทำเช่นนี้ แต่ในกรณีนี้เขาจะไม่ขาดแคลนวัตถุดิบหากเขาจำเป็นต้องบ่มเพาะโอสถ จะมีคนมาช่วยเขาหาวัตถุดิบสำหรับบ่มเพาะโอสถ และยังสามารถประหยัดเวลาได้มากขึ
เฟนด์และคนอื่น ๆ ไม่เคยเห็นงูหลามเลือดสองหัวในโลกภายนอก แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เคยถูกกล่าวถึงในหนังสือมาแล้วหากมีใครพบเจอสัตว์อสูรเช่นนี้ที่โลกข้างนอกนั่น การคงอยู่ของมันก็คงเป็นราวกับตำนาน มันเป็นสัตว์อสูรในระดับเทพสูงสุด แค่คิดก็สยองแล้วงูหลามเลือดสองหัวกำลังปกป้องพื้นที่รอบ ๆ หญ้าวิญญาณขั้นกลางระดับสาม ทั้งตัวของมันเป็นสีแดง และดูสะดุดตาเป็นพิเศษเมื่อมองไปที่มัน“มันมีร่างกายใหญ่โต เสียงกังวานจากร่างของมันเล็กน้อย หมายความว่ามันเป็นสัตว์อสูรในขั้นที่สองระดับเทพสูงสุดอย่างแน่นอน สัตว์อสูรแบบนั้นน่าจะเก่งพอ ๆ กับขั้นที่สามระดับเทพขั้นสูงสุด! มันน่ากลัวมาก!”อเล็กซานเดอร์ศึกษางูหลามยักษ์สีแดงจากระยะไกลและทิ้งท้ายบอกเฟนด์ว่า “นายน้อยเฟนด์มีหญ้ามากมายในป่านี้ ฉันคิดว่าเราควรออกจากบริเวณนี้ และไปหาที่อื่นกันเถอะ มันจะง่ายกว่าเดิมมาก สัตว์อสูรตัวนี้แข็งแกร่งและอันตรายเกินไป!”“ถ้าเป็นหญ้าวิญญาณระดับอื่น ผมก็คงยอมแพ้ไปแล้วคงจะไม่มาแถวนี้แน่นอน!”เฟนด์มองไปที่หย่อมหญ้าวิญญาณจากระยะไกล ความหลงใหลเปล่งประกายในดวงตาของเขา “หญ้าวิญญาณนั่นไม่ใช่หญ้าวิญญาณระดับสามธรรมดา ๆ มันเป็นส่วนผสมหลัก
"ไม่มีทาง นายน้อยเฟนด์ คุณสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงสะท้อนจากระยะไกลได้ด้วยหรือ? ความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”ชายหนุ่มจากตระกูลคาเบลโลอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา"แน่นอน เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามแล้ว และความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็มหาศาล คนที่อยู่ในระดับพลังยุทธ์สูงเท่าเรา สามารถสังเกตอะไรแบบนี้ได้หรือไม่?”ชายหนุ่มอีกคนมองเฟนด์ด้วยความชื่นชมจากด้านข้าง“ขั้นสองระดับเทพสูงสุด? แต่ก็ช่างปะไร หญ้าวิญญาณนั้นสำคัญมาก นี่เป็นโอกาสสำหรับเรา พวกเขาอยู่ที่ขั้นสองระดับเทพสูงสุดเท่านั้น พวกเขาอาจสู้กับสัตว์อสูรไม่ไหวก็เป็นได้ คุณหาโอกาสฉวยหญ้าวิญญาณมาก็ได้ ยังไงซะคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่สมาชิกตระกูลวู๊ดหรือสมาชิกตระกูลคาเบลโลอย่างแน่นอน!”หลังจากที่อเล็กซานเดอร์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ให้คำแนะนำกับเฟนด์อยู่ข้าง ๆแนชเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “น่าจะเป็นคนจากตำหนักเทพยดารึเปล่า? เพราะเก้าในสิบของสมาชิกชนเผ่าเป็นผู้หญิง แต่ผมจำไม่ได้ว่ามีคนที่สวมชุดสีม่วงเช่นนี้ในหมู่ผู้อาวุโสในตำหนักเทพยดา”“ก็ไม่แน่หรอก คนจากตำหนักเทพยดาซึ่งอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับแห่งเทพแท้จริงมีมากกว
ขณะที่เฟนด์พูด การโจมตีของหญิงสาวในชุดสีม่วงก็พุ่งตรงไปที่ลูกไฟปัง!เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้น รัศมีดาบของหญิงสาวตัดผ่านลูกไฟยักษ์ไป หลังจากที่ลูกไฟระเบิดมันก็สูญสลายไป ในขณะเดียวกันรัศมีดาบยาวยังคงหลงเหลืออยู่ มันพุ่งไปข้างหน้าและฟาดฟันลงบนงูหลามเลือดยักษ์สองหัวฟ่อ!งูหลามยักษ์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันดุร้ายและดูรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน การโจมตีของหญิงสาวได้ทิ้งบาดแผลยาวกว่า 20 เซนติเมตรไว้บนร่างกายของสัตว์อสูร เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลเหล่านั้นบาดแผลนั้นใหญ่พอตัว แต่สำหรับงูหลามเลือดยักษ์สองหัวตัวนี้กลับไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมันเลย สิ่งนี้กลับทำให้มันยิ่งงุ่นงานเข้าไปใหญ่กรามขนาดใหญ่ทั้งสองของมันปล่อยเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง ทันใดนั้นเองมันก็พ่นลูกไฟขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเก็ตบอลไปยังหญิงสาวจากทั้งสองด้านเห็นได้ชัดว่าสาวชุดม่วงจะไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นขณะเผชิญกับการโจมตีนี้ เธอรีบรวบรวมพลังฉีถ่ายลงไปในดาบแล้วเหวี่ยงมันไปข้างหน้า โล่ที่ทำจากพลังฉีปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออย่างรวดเร็ว ปกป้องเธอเหมือนกำแพงกระจกหนาตู้ม ตู้ม!ในชั่วพริบตา ลูกไฟยักษ์สองลูกก็กระ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หญิงสาวในชุดสีม่วงถูกตบไปด้านข้าง เธอก็ฟันดาบออกไปเช่นกัน และรัศมีของดาบที่ทรงพลังก็บินออกมาและตกลงบนร่างของงูหลามยักษ์ บาดแผลอีกที่ถูกสลักลงบนร่างของมันอีกครั้ง และเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลนั้นก็ดูค่อนข้างน่ากลัวฟ่อ!แม้ว่ามันจะเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน แต่ครั้งนี้งูหลามยักษ์โกรธหญิงสาวมาก หลังจากส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง มันก็พุ่งเข้าหาหญิงสาวในชุดสีม่วงด้วยความเร็วที่มากขึ้น มันขยายกรามของตัวเองและตั้งใจที่จะกลืนหญิงสาวไปทั้งตัว"ตาย!"หญิงสาวล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาอีก ใบหน้าของเธอซีดลงในทันทีเธอรีบลุกขึ้นและตั้งใจจะรวบรวมพลังฉีอย่างรวดเร็วสำหรับการโจมตีโต้กลับ แต่เธอก็ตระหนักว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส และเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะรวบรวมพลังฉีของตัวเองได้ เธอต้องการพักผ่อนสักระยะแต่เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นและความตาย“ฉันจะต้องมาตายที่นี่งั้นเหรอ?”ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เธอรู้ว่าการฉกหญ้าวิญญาณนั้นอันตราย แต่เธอก็ยังอยากจะลองดู เธอไม่คิดว่าหลังจากถูกยั่วยุ สัตว์อสูรจะยิ่งแข็
เฟนรู้สึกงุนงง เขาคิดว่าหญิงสาวต้องติดตามเขาและทุกคนมา และค้นพบทักษะยุทธบางอย่างได้เพราะโชคช่วยเท่านั้น บางทีเธออาจได้รับของล้ำค่าบางอย่างในการทะลวงเข้าสู่ในขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุด แถมเขายังคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักเทพยดาเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องงุนงงหลังจากได้เห็นเธอชัด ๆ นี่เป็นเพราะหญิงสาวตรงหน้าเขาอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเท่านั้น นักฝึกยุทธรุ่นเยาว์คนนี้ไม่ได้ติดตามทุกคนเข้ามา“คุณหนู โชคดีที่เธอรอดเพราะลูกชายของฉันกระโดดลงมาได้ทันเวลาพอดี เธอคงจะไม่ตำหนิที่เขาเอาหญ้าวิญญาณของเธอไปหรอกใช่ไหม?”ในตอนนั้นเอง แนชและคนอื่น ๆ ก็บินตามมาเช่นกัน และเขายังพูดด้วยรอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าของเขาทว่าเมื่อเขาพิจารณาใบหน้าของหญิงสาว รอยยิ้มของเขาก็แข็งทื่อขึ้นนี่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าหญิงสาวดูเด็กเกินไปเช่นกัน นอกจากนี้ เขาจำเธอไม่ได้เลยสักนิดหญิงสาวสังเกตผู้คนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง และพูดออกมาด้วยความประหลาดใจในตอนท้าย “นั่นสิ พวกคุณมีกันตั้งหลายคน คุณมาจากที่ไหน? คุณมาจากกองทัพใดในกองทัพทั้งเก้างั้นเหรอ?”"ไม่นะ นายท่าน ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นชนพื้นเม
"จริงเหรอ? คุณจะไม่กลับคำใช่ไหม?” เด็กสาวมองไปที่เฟนด์และถามด้วยความสงสัยบนใบหน้าของเธอ "ไม่ต้องกังวล เชื่อในคำพูดของผมได้เลย!” เฟนส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ จากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือและหยิบยารักษาออกมาโยนให้เด็กสาว “คุณได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นกินยารักษานี้สิ ผมบ่มเพาะมันเอง” “ฮึ่ม ถ้าคุณโกหกฉันและนี่คือยาพิษล่ะ?” หญิงสาวตะคอกอย่างเย็นชา และดวงตาของเธอก็แสดงนัยของการระแวดระวัง “ฮึ? ตอนนี้คุณบาดเจ็บสาหัส ถ้าผมอยากฆ่าคุณ ผมก็ลงมือได้เดี๋ยวนี้เลย ทำไมผมถึงต้องเสียสิ่งที่เรียกว่ายาพิษไปด้วย? นั่นจำเป็นด้วยเหรอ?” เฟนด์หัวเราะเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะกับความคิดของหญิงสาวดี เด็กสาวขมวดคิ้ว จากนั้นก็กลืนยาลงคอไปอย่างไม่เต็มใจนัก “ฉันจะบอกคุณให้ว่าฉันเป็นคนจากหนึ่งในกองทัพทั้งเก้า นอกป่านี้ไปมีป้อมปราการเก้าแห่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นกองทัพทั้งเก้า ผู้ฝึกยุทธแห่งกองทัพทั้งเก้าจะมาที่ป่าแห่งนี้เพื่อค้นหาหญ้าวิญญาณและทรัพยากรยุทธและทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะเมื่อพวกเขาว่าง! ตอนแรกฉันคิดว่าคุณเป็นคนจากหนึ่งในกองทัพทั้งเก้านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าฉันคิดผิด!” เด็กสาวมองไปที่เฟนด์และเริ่มอธิ