“พ่อเรียกลูกมาที่นี่ก็เพื่อจะหารือเหตุการณ์นี้เป็นหลัก ลูกก็โตเป็นผู้แล้วดังนั้นลูกก็ควรจะตระหนักถึงความลับทั้งหลายที่ตระกูลของเราได้รับมา!” ดีแลนกล่าว ขณะที่เขาตบไหล่ของลูกชายของเขาอย่างอ่อนโยน “เห็นไหม สัญลักษณ์นี้ก็เหมือนกับคำสาป…ผู้คนเรียกมันว่าสัญลักษณ์แห่งสหพันธ์ดวงอาทิตย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครได้รับสัญลักษณ์นี้ล่ะก็ พวกเขาจะหายไปภายในสามวัน! เมื่อคิดว่าในเวลานี้มีล่ากำลังเผชิญกับสิ่งที่อาของลูกได้เจอเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นล่ะก็!” พ่อของเขาอธิบาย “ตามสิ่งที่ฟินน์พูดมา คำสาปนี้จะปรากฏขึ้นอีกครั้งในทุก ๆ ยี่สิบปี และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันปรากฏ ผู้คนก็จะหายไป เขายังพูดเช่นกันว่า ไม่มีใครที่ได้รับคำสาปนี้จะหนีจากมันได้!” เจอรัลด์ตอบกลับ เขาส่ายหัวของเขา จากนั้นดีแลนก็พูดขึ้นมา “ฟินน์พูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น แม้มันเป็นเรื่องจริงที่คนส่วนใหญ่ที่ได้รับสัญลักษณ์จะหายตัวไป แต่พ่อก็หาใครบางคนที่จัดการกับมันแล้วกลับมาได้อย่างปลอดภัยจนเจอ!” เมื่อได้ยินแบบนั้น สายตาของเจอรัลด์ก็สว่างขึ้น “หลังจากสัมภาษณ์เขา คน ๆ นั้นกล่าวว่าใครบางคนได้ช่วยเหลือเขาไว้ นอกเหนือจากนั้น พ่อก็ได้รับเบาะแ
“สองคนนั้นเหรอ? ฮึ่ม! มันคงจะไม่เป็นการยืดเยื้อที่จะพูดว่าเด็กสิบสองขวบจากตระกูลนั้นเพียงคนเดียวก็สามารถทุบตีพวกเขาจนเละได้แล้ว!” เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าตัวเองกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ จากนั้นเขาก็สงสัยว่าฟินน์เลย์จะรับมือกับตระกูลนั้นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นไป ท้ายที่สุดแล้วจุดสนใจของเขาก็ไม่ควรเปรียบเทียบในตอนนี้ ถ้าจะพูดให้ถูก เขารู้ว่าเขาต้องหาวิธีเพื่อขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดลให้ได้ ยังไงซะตระกูลของพวกเขาก็จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ “พวกโมลเดลอาศัยอยู่ในสถานที่โดดเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่พ่อเองก็จะไม่ติดต่อพวกเขาถ้ามันไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของเรา แต่อย่างไรก็ตามอาของลูกมีความลับที่สำคัญมากเกี่ยวกับสายเลือดของตระกูลคลอฟอร์ด ถ้าความลับนั้นหลุดออกไปในตอนที่เขาหายตัวไปล่ะก็ ครอบครัวของเราก็คงจะถูกทำให้ย่อยยับไปแล้วตอนรุ่นของลูกมาถึง! ตอนนี้ที่พ่อรู้ว่ามีโอกาสที่เขาจะยังคงมาชีวิตอยู่ พ่อจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้วนอกจากขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดล เพราะกลัวว่าวันหนึ่งความลับอาจจะรั่วไหลออกไปก็ได้!” มันชัดเจนว่าดีแลนไม่ได้ต
ตอนนั้นยูเลียรู้สึกว่าดีแลนค่อนข้างน่าลึกลับ ท้ายที่สุดแล้วผู้ชายที่แต่งตัวมอซอ ที่ดูค่อนข้างอ่อนแอในตอนนั้น ก็ไม่เคยสู้กลับเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาถูกรังแกหรือถูกต่อว่า เขามักจะมีความสามารถในการทำเรื่องต่าง ๆ ได้ดีกว่าความคาดหวังของทุกคนอยู่เสมอ แม้ในช่วงเริ่มต้น ยูเลียจะใส่ใจเขาเป็นส่วนใหญ่เพราะความสงสาร แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันและกัน ซึ่งไม่ก็ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของเจอรัลด์และมีล่าที่เริ่มต้นขึ้นยังไงยังงั้น แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลเยลแมนคือผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ในยานเคนตอนนั้น แม้ว่าสามีของเธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยายของเขา ท่านผู้หญิงเยลแมน ก็สามารถทำให้ตระกูลเยลแมนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้อีก มันเป็นเพราะเธอเป็นคนประเภทที่เข้มงวดเป็นพิเศษเมื่อเป็นเรื่องการจัดการครอบครัว ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่เธอก็มีจุดอ่อนซึ่งก็คือ สิ่งที่ยูเลียเกลียดเกี่ยวกับแม่ของเธออย่างมากที่สุด ท่านผู้หญิงเยลแมนเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นของผู้ชายเป็นอย่างมาก แต่โดยทั่วไปกลับถือว่าผู้หญิงมีความสำคัญน้อยกว่า ภายในตระกูลเยลแมน ผู้หญิงจะไม่เคยได้รับตำแหน่งที่สำคัญเลย ไม่ว่า
ขณะนั้นไวร่าก็เข้ามาในห้องก่อนจะพูดขึ้นมา “เควต้าและคุณอามาที่นี่แล้วค่ะ…” เมื่อกล่าวไปแบบนั้น จากนั้นไวร่าก็มองไปที่เจอรัลด์ก่อนจะมุ่งหน้าลงไปชั้นล่าง “แม่เฝ้าดูการเติบโตของไวร่ามาโดยตลอด เจอรัลด์ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากดังนั้นลูกจะต้องปฏิบัติต่เธอเป็นอย่างดีนะ…พวกเราจะคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมเมื่อมีเวลาที่เหมาะสมมากขึ้นในอนาคต” แม่ของเขากล่าว “ผมรู้ครับ แม่ แต่ผมอยากจะมุ่งความสนใจไปกับภารกิจในมือก่อน!” เจอรัลด์ตอบกลับ เขารู้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงตัดบทเธอก่อนที่จะเธอจะพูดต่อไปได้ “จริงด้วย เรื่องเช่นนี้สามารถรอได้ในภายหลัง ภารกิจนั้นสำคัญมากกว่าแน่นอนในตอนนี้…นอกจากนี้เจอรัลด์ อย่าลืมทำตัวทำตัวเหมือนกับว่าลูกเป็นเจ้าของสถานที่นะเมื่อลูกไปยานเคนในเวสตัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ของตระกูลในเวสตันจะอยู่ภายใต้การจัดการและการดูแลของลูกตั้งแต่นี้ต่อไป รวมถึงของพี่สาวของลูกด้วย! แม่ได้แจ้งฟินน์ให้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วดังนั้นลูกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดใด ๆ เลย” สามวันภายหลังใกล้ ๆ กับประตูทางออกของสนามบินยานเคน ผู้หญิงสองคน ผู้หญิงวัย
“พูดแล้วก็ เจอรัลด์ เธอวางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? เธอมีที่ที่จะพักอยู่ตอนนี้หรือยัง? ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีน้ำใจกับพวกเราหรอก! สำหรับตอนนี้ ฉันเดาว่าเบจะไปเป็นเพื่อนเธอในวันนี้ และฉันจะส่งเธอกลับมาที่สนามบินในวันพรุ่งนี้ นั่นคือแผนการใช่ไหม?” แคทเธอรีน กอฟฟ์ถามอย่างค่อนข้างกระตือรือร้น ขณะที่เธอมองแวบเดียวไปที่เจอรัลด์ที่กำลังนั่งอย่างเงียบ ๆ ในเบาะหลัง ขณะที่เธอขับรถพาสสาทของเธอไป เมื่อเห็นเขาลากกระเป๋าเดินทางของเขามาด้วยก่อนหน้านี้จึงได้กระตุ้นให้เธอถามคำถามนั้นออกไป มันชัดเจนมากว่าเธอต้องการให้เขาจากไปโดยเร็วที่สุด “โอ้ว? ผมจะไม่จากไปเร็วขนาดนั้นหรอกครับ คุณป้า ความจริงแล้วผมอาจจะอยู่ในยานเคนสักระยะหนึ่ง…ผมจะอยู่ในความดูแลของคุณจนกระทั่งถึงตอนนั้น” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของแคทเธอรีนจึงเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวทันที แม้เธอจะยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็ตาม นี่คือสภาพที่เป็นจริงของมัน ถ้าคน ๆ หนึ่งร่ำรวยและพวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลออกไปในภูเขา พวกเขาก็ยังคงมีญาติห่าง ๆ อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคน ๆ หนึ่งยากจน แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในเม
มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ที่ทำไมคนอย่างฟิลิปถึงปฏิบัติต่อเจอรัลด์เหมือนเป็นเจ้านายของพวกเขา “ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ผมจะติดต่อคุณเองถ้าผมต้องการอะไร” เจอรัลด์ตอบกลับ “ได้ครับ นายน้อย!” “จริง ๆ แล้ว มีเรื่องหนึ่งที่คุณสามารถช่วยผมได้ ผมต้องการให้คุณหารถคันใหม่ให้ผมสักคัน” เป็นตอนนั้นเองที่เจอรัลด์จำได้ว่าแคทเธอรีนเพียงขับรถพาสสาทเท่านั้น เบเองก็ดูเหมือนจะขับรถเป็น แต่ก่อนหน้านี้เธอกลับขี่สกู๊ตเตอร์ของเธอออกไป เมื่อเธอมุ่งหน้าออกไปซื้อวัตถุดิบ เนื่องจากเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาอาจจะซื้อรถที่เหมาะสมให้กับเบเช่นกันได้ “ครับ นายน้อย! รถรุ่นไหนที่คุณอยากจะได้ครับ? รถแฟนธอมคงจะไม่พอมั้งครับ! ผมขอแนะนำให้สั่งรุ่นใหม่ล่าสุดจากต่างประเทศ!” “ไม่มีความจำเป็นหรอกครับ แค่ซื้อ BMW ซีรี่ 7 ก็พอ!” “ผม…เข้าใจแล้วครับ” ฟิลิปตอบกลับ ฟังดูตกตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากให้ที่อยู่ของเบและรายละเอียดต่าง ๆ กับเขา เจอรัลด์จึงวางสายโดยไม่ได้พูดสิ่งอื่นใดอีก เจอรัลด์เองมีความต้องการค่อนข้างน้อยเมื่อเป็นเรื่องของรถ และในขณะที่เขากำลังจะออกไปข้างนอกต่อ เขาก็เห็นแคทเธอรีนกำลังวิ่งลงบันไดมาอยู่ด้านหลัง
“เรื่องธรรมดาที่ฉันกำลังพูดถึงแบรนดอนคนที่เป็นเจ้าของสถานที่น่ะสิ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ แคทเธอรีนจึงกลายเป็นรู้สึกหงุดหงิดอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเธอเห็นผู้หญิงกำลังหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แบรนดอนก็เป็นคนมีชื่อเสียงที่นี่ซึ่งเป็นเจ้าของไนท์คลับหลาย ๆ ที่ในบริเวณนี้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้จักมักคุ้นกับแบรนดอนอย่างแท้จริงล่ะก็ งั้นแคทเธอรีนก็รู้ว่าเธอจะตกอยู่ในปัญหามากมายแน่ แม้มันเป็นเรื่องจริงที่แคทเธอรีนไม่ควรจะกลัวง่าย ๆ ขนาดนี้ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลเยลแมนคนหนึ่ง แต่ถ้าเธอพึ่งพาเยลแมนเพื่อจัดการกับสถานการณ์ ท่านผู้หญิงเยลแมนจะต้องตำหนิเธออย่างแน่นอนที่ก่อเรื่องให้ตระกูลของพวกเธอ แม้สถานการณ์จะได้รับการจัดการอย่างง่ายดายก็ตาม เมื่อเข้าใจแบบนั้น แคทเธอรีนก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้ เธอไม่มีความกล้าหรือความมุทะลุที่จะใช้ชื่อของตระกูลเยลแมนเพื่อปัญหาเล็กน้อยนี้จริง ๆ แม้เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอน่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม แต่แคทเธอรีนก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอจะสามารถทำอะไรได้อีก “เชิญเลยและก็โทรเรียกเขามาที่นี่ซะ!” เจอรัลด์กล่าวเสียงดัง ผู้หญิงคนนั้นถ
มันค่อนข้างชัดเจนจากปฏิกิริยาของเขาว่าเขาไม่รู้ว่าแบรนดอนเป็นใครด้วยซ้ำ เขาอาจจะไม่รู้ว่าผู้จัดการร้านเป็นใครอีกด้วยเช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับผู้ช่วยผู้จัดการร้านที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดถึงล่ะ! “เป็นฟิลิปที่บอกให้คุณเอารถมาส่งหรือเปล่าครับ?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขาเดินไปหาคุณแฟร์เวล มือขวาของเขาล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อได้ยินคำถามของเจอรัลด์ คุณแฟร์เวลก็ถึงกับผงะไปทันที หลังจากมองเขาตั้งหัวจรดเท้า จากนั้นคุณแฟร์เวลก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เคารพ “ใช่แล้วครับ เป็นเขา เขาบอกให้ผมมาส่งรถให้กับหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าเบ เยลแมน ผมจึงจัดการทำแบบแผนที่จำเป็นอื่น ๆ ทั้งหมดโดยสมบูรณ์แล้วครับ” จากนั้นคุณแฟร์เวลก็ยิ้มให้เจอรัลด์ นี่ต้องเป็นคนที่คุณฮอดจ์พูดถึงว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีทางที่ชายหนุ่มคนอื่น ๆ ในวัยของเขาที่จะได้ทำความรู้จักกับบุคคลลึกลับเช่นนี้! “เบ นั่นคือ…นั่นคือลูกสาวของฉัน! พวกเราอาศัยอยู่ที่อยู่นั้นเช่นกัน!” แคทเธอรีนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “อ่า งั้นเดนเซล เยลแมน อาจเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคุณเช่นกันหรือเปล่าครับ?” แฟ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ