“พ่อเรียกลูกมาที่นี่ก็เพื่อจะหารือเหตุการณ์นี้เป็นหลัก ลูกก็โตเป็นผู้แล้วดังนั้นลูกก็ควรจะตระหนักถึงความลับทั้งหลายที่ตระกูลของเราได้รับมา!” ดีแลนกล่าว ขณะที่เขาตบไหล่ของลูกชายของเขาอย่างอ่อนโยน “เห็นไหม สัญลักษณ์นี้ก็เหมือนกับคำสาป…ผู้คนเรียกมันว่าสัญลักษณ์แห่งสหพันธ์ดวงอาทิตย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครได้รับสัญลักษณ์นี้ล่ะก็ พวกเขาจะหายไปภายในสามวัน! เมื่อคิดว่าในเวลานี้มีล่ากำลังเผชิญกับสิ่งที่อาของลูกได้เจอเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นล่ะก็!” พ่อของเขาอธิบาย “ตามสิ่งที่ฟินน์พูดมา คำสาปนี้จะปรากฏขึ้นอีกครั้งในทุก ๆ ยี่สิบปี และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันปรากฏ ผู้คนก็จะหายไป เขายังพูดเช่นกันว่า ไม่มีใครที่ได้รับคำสาปนี้จะหนีจากมันได้!” เจอรัลด์ตอบกลับ เขาส่ายหัวของเขา จากนั้นดีแลนก็พูดขึ้นมา “ฟินน์พูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น แม้มันเป็นเรื่องจริงที่คนส่วนใหญ่ที่ได้รับสัญลักษณ์จะหายตัวไป แต่พ่อก็หาใครบางคนที่จัดการกับมันแล้วกลับมาได้อย่างปลอดภัยจนเจอ!” เมื่อได้ยินแบบนั้น สายตาของเจอรัลด์ก็สว่างขึ้น “หลังจากสัมภาษณ์เขา คน ๆ นั้นกล่าวว่าใครบางคนได้ช่วยเหลือเขาไว้ นอกเหนือจากนั้น พ่อก็ได้รับเบาะแ
“สองคนนั้นเหรอ? ฮึ่ม! มันคงจะไม่เป็นการยืดเยื้อที่จะพูดว่าเด็กสิบสองขวบจากตระกูลนั้นเพียงคนเดียวก็สามารถทุบตีพวกเขาจนเละได้แล้ว!” เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าตัวเองกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ จากนั้นเขาก็สงสัยว่าฟินน์เลย์จะรับมือกับตระกูลนั้นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นไป ท้ายที่สุดแล้วจุดสนใจของเขาก็ไม่ควรเปรียบเทียบในตอนนี้ ถ้าจะพูดให้ถูก เขารู้ว่าเขาต้องหาวิธีเพื่อขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดลให้ได้ ยังไงซะตระกูลของพวกเขาก็จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ “พวกโมลเดลอาศัยอยู่ในสถานที่โดดเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่พ่อเองก็จะไม่ติดต่อพวกเขาถ้ามันไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของเรา แต่อย่างไรก็ตามอาของลูกมีความลับที่สำคัญมากเกี่ยวกับสายเลือดของตระกูลคลอฟอร์ด ถ้าความลับนั้นหลุดออกไปในตอนที่เขาหายตัวไปล่ะก็ ครอบครัวของเราก็คงจะถูกทำให้ย่อยยับไปแล้วตอนรุ่นของลูกมาถึง! ตอนนี้ที่พ่อรู้ว่ามีโอกาสที่เขาจะยังคงมาชีวิตอยู่ พ่อจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้วนอกจากขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดล เพราะกลัวว่าวันหนึ่งความลับอาจจะรั่วไหลออกไปก็ได้!” มันชัดเจนว่าดีแลนไม่ได้ต
ตอนนั้นยูเลียรู้สึกว่าดีแลนค่อนข้างน่าลึกลับ ท้ายที่สุดแล้วผู้ชายที่แต่งตัวมอซอ ที่ดูค่อนข้างอ่อนแอในตอนนั้น ก็ไม่เคยสู้กลับเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาถูกรังแกหรือถูกต่อว่า เขามักจะมีความสามารถในการทำเรื่องต่าง ๆ ได้ดีกว่าความคาดหวังของทุกคนอยู่เสมอ แม้ในช่วงเริ่มต้น ยูเลียจะใส่ใจเขาเป็นส่วนใหญ่เพราะความสงสาร แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันและกัน ซึ่งไม่ก็ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของเจอรัลด์และมีล่าที่เริ่มต้นขึ้นยังไงยังงั้น แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลเยลแมนคือผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ในยานเคนตอนนั้น แม้ว่าสามีของเธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยายของเขา ท่านผู้หญิงเยลแมน ก็สามารถทำให้ตระกูลเยลแมนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้อีก มันเป็นเพราะเธอเป็นคนประเภทที่เข้มงวดเป็นพิเศษเมื่อเป็นเรื่องการจัดการครอบครัว ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่เธอก็มีจุดอ่อนซึ่งก็คือ สิ่งที่ยูเลียเกลียดเกี่ยวกับแม่ของเธออย่างมากที่สุด ท่านผู้หญิงเยลแมนเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นของผู้ชายเป็นอย่างมาก แต่โดยทั่วไปกลับถือว่าผู้หญิงมีความสำคัญน้อยกว่า ภายในตระกูลเยลแมน ผู้หญิงจะไม่เคยได้รับตำแหน่งที่สำคัญเลย ไม่ว่า
ขณะนั้นไวร่าก็เข้ามาในห้องก่อนจะพูดขึ้นมา “เควต้าและคุณอามาที่นี่แล้วค่ะ…” เมื่อกล่าวไปแบบนั้น จากนั้นไวร่าก็มองไปที่เจอรัลด์ก่อนจะมุ่งหน้าลงไปชั้นล่าง “แม่เฝ้าดูการเติบโตของไวร่ามาโดยตลอด เจอรัลด์ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากดังนั้นลูกจะต้องปฏิบัติต่เธอเป็นอย่างดีนะ…พวกเราจะคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมเมื่อมีเวลาที่เหมาะสมมากขึ้นในอนาคต” แม่ของเขากล่าว “ผมรู้ครับ แม่ แต่ผมอยากจะมุ่งความสนใจไปกับภารกิจในมือก่อน!” เจอรัลด์ตอบกลับ เขารู้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงตัดบทเธอก่อนที่จะเธอจะพูดต่อไปได้ “จริงด้วย เรื่องเช่นนี้สามารถรอได้ในภายหลัง ภารกิจนั้นสำคัญมากกว่าแน่นอนในตอนนี้…นอกจากนี้เจอรัลด์ อย่าลืมทำตัวทำตัวเหมือนกับว่าลูกเป็นเจ้าของสถานที่นะเมื่อลูกไปยานเคนในเวสตัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ของตระกูลในเวสตันจะอยู่ภายใต้การจัดการและการดูแลของลูกตั้งแต่นี้ต่อไป รวมถึงของพี่สาวของลูกด้วย! แม่ได้แจ้งฟินน์ให้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วดังนั้นลูกไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดใด ๆ เลย” สามวันภายหลังใกล้ ๆ กับประตูทางออกของสนามบินยานเคน ผู้หญิงสองคน ผู้หญิงวัย
“พูดแล้วก็ เจอรัลด์ เธอวางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? เธอมีที่ที่จะพักอยู่ตอนนี้หรือยัง? ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีน้ำใจกับพวกเราหรอก! สำหรับตอนนี้ ฉันเดาว่าเบจะไปเป็นเพื่อนเธอในวันนี้ และฉันจะส่งเธอกลับมาที่สนามบินในวันพรุ่งนี้ นั่นคือแผนการใช่ไหม?” แคทเธอรีน กอฟฟ์ถามอย่างค่อนข้างกระตือรือร้น ขณะที่เธอมองแวบเดียวไปที่เจอรัลด์ที่กำลังนั่งอย่างเงียบ ๆ ในเบาะหลัง ขณะที่เธอขับรถพาสสาทของเธอไป เมื่อเห็นเขาลากกระเป๋าเดินทางของเขามาด้วยก่อนหน้านี้จึงได้กระตุ้นให้เธอถามคำถามนั้นออกไป มันชัดเจนมากว่าเธอต้องการให้เขาจากไปโดยเร็วที่สุด “โอ้ว? ผมจะไม่จากไปเร็วขนาดนั้นหรอกครับ คุณป้า ความจริงแล้วผมอาจจะอยู่ในยานเคนสักระยะหนึ่ง…ผมจะอยู่ในความดูแลของคุณจนกระทั่งถึงตอนนั้น” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของแคทเธอรีนจึงเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวทันที แม้เธอจะยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็ตาม นี่คือสภาพที่เป็นจริงของมัน ถ้าคน ๆ หนึ่งร่ำรวยและพวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลออกไปในภูเขา พวกเขาก็ยังคงมีญาติห่าง ๆ อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคน ๆ หนึ่งยากจน แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในเม
มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ที่ทำไมคนอย่างฟิลิปถึงปฏิบัติต่อเจอรัลด์เหมือนเป็นเจ้านายของพวกเขา “ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ผมจะติดต่อคุณเองถ้าผมต้องการอะไร” เจอรัลด์ตอบกลับ “ได้ครับ นายน้อย!” “จริง ๆ แล้ว มีเรื่องหนึ่งที่คุณสามารถช่วยผมได้ ผมต้องการให้คุณหารถคันใหม่ให้ผมสักคัน” เป็นตอนนั้นเองที่เจอรัลด์จำได้ว่าแคทเธอรีนเพียงขับรถพาสสาทเท่านั้น เบเองก็ดูเหมือนจะขับรถเป็น แต่ก่อนหน้านี้เธอกลับขี่สกู๊ตเตอร์ของเธอออกไป เมื่อเธอมุ่งหน้าออกไปซื้อวัตถุดิบ เนื่องจากเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาอาจจะซื้อรถที่เหมาะสมให้กับเบเช่นกันได้ “ครับ นายน้อย! รถรุ่นไหนที่คุณอยากจะได้ครับ? รถแฟนธอมคงจะไม่พอมั้งครับ! ผมขอแนะนำให้สั่งรุ่นใหม่ล่าสุดจากต่างประเทศ!” “ไม่มีความจำเป็นหรอกครับ แค่ซื้อ BMW ซีรี่ 7 ก็พอ!” “ผม…เข้าใจแล้วครับ” ฟิลิปตอบกลับ ฟังดูตกตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากให้ที่อยู่ของเบและรายละเอียดต่าง ๆ กับเขา เจอรัลด์จึงวางสายโดยไม่ได้พูดสิ่งอื่นใดอีก เจอรัลด์เองมีความต้องการค่อนข้างน้อยเมื่อเป็นเรื่องของรถ และในขณะที่เขากำลังจะออกไปข้างนอกต่อ เขาก็เห็นแคทเธอรีนกำลังวิ่งลงบันไดมาอยู่ด้านหลัง
“เรื่องธรรมดาที่ฉันกำลังพูดถึงแบรนดอนคนที่เป็นเจ้าของสถานที่น่ะสิ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ แคทเธอรีนจึงกลายเป็นรู้สึกหงุดหงิดอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเธอเห็นผู้หญิงกำลังหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แบรนดอนก็เป็นคนมีชื่อเสียงที่นี่ซึ่งเป็นเจ้าของไนท์คลับหลาย ๆ ที่ในบริเวณนี้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้จักมักคุ้นกับแบรนดอนอย่างแท้จริงล่ะก็ งั้นแคทเธอรีนก็รู้ว่าเธอจะตกอยู่ในปัญหามากมายแน่ แม้มันเป็นเรื่องจริงที่แคทเธอรีนไม่ควรจะกลัวง่าย ๆ ขนาดนี้ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลเยลแมนคนหนึ่ง แต่ถ้าเธอพึ่งพาเยลแมนเพื่อจัดการกับสถานการณ์ ท่านผู้หญิงเยลแมนจะต้องตำหนิเธออย่างแน่นอนที่ก่อเรื่องให้ตระกูลของพวกเธอ แม้สถานการณ์จะได้รับการจัดการอย่างง่ายดายก็ตาม เมื่อเข้าใจแบบนั้น แคทเธอรีนก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้ เธอไม่มีความกล้าหรือความมุทะลุที่จะใช้ชื่อของตระกูลเยลแมนเพื่อปัญหาเล็กน้อยนี้จริง ๆ แม้เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอน่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม แต่แคทเธอรีนก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอจะสามารถทำอะไรได้อีก “เชิญเลยและก็โทรเรียกเขามาที่นี่ซะ!” เจอรัลด์กล่าวเสียงดัง ผู้หญิงคนนั้นถ
มันค่อนข้างชัดเจนจากปฏิกิริยาของเขาว่าเขาไม่รู้ว่าแบรนดอนเป็นใครด้วยซ้ำ เขาอาจจะไม่รู้ว่าผู้จัดการร้านเป็นใครอีกด้วยเช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับผู้ช่วยผู้จัดการร้านที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดถึงล่ะ! “เป็นฟิลิปที่บอกให้คุณเอารถมาส่งหรือเปล่าครับ?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขาเดินไปหาคุณแฟร์เวล มือขวาของเขาล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อได้ยินคำถามของเจอรัลด์ คุณแฟร์เวลก็ถึงกับผงะไปทันที หลังจากมองเขาตั้งหัวจรดเท้า จากนั้นคุณแฟร์เวลก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เคารพ “ใช่แล้วครับ เป็นเขา เขาบอกให้ผมมาส่งรถให้กับหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าเบ เยลแมน ผมจึงจัดการทำแบบแผนที่จำเป็นอื่น ๆ ทั้งหมดโดยสมบูรณ์แล้วครับ” จากนั้นคุณแฟร์เวลก็ยิ้มให้เจอรัลด์ นี่ต้องเป็นคนที่คุณฮอดจ์พูดถึงว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีทางที่ชายหนุ่มคนอื่น ๆ ในวัยของเขาที่จะได้ทำความรู้จักกับบุคคลลึกลับเช่นนี้! “เบ นั่นคือ…นั่นคือลูกสาวของฉัน! พวกเราอาศัยอยู่ที่อยู่นั้นเช่นกัน!” แคทเธอรีนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “อ่า งั้นเดนเซล เยลแมน อาจเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคุณเช่นกันหรือเปล่าครับ?” แฟ