ชายสองคนทักทายพวกเธอจากนั้นทั้งควีนนี่และโยลันดาก็พาเจอรัลด์ ที่ถือกระเป๋าใบเล็กใหญ่ไปที่นั่นกัน“ทำไมเธอถึงมาช้าขนาดนี้ล่ะ? โอ้ เฮ้ เธอหาคนได้จริง ๆ ดีเลย ดูเหมือนว่าพวกเราสามารถสนุกกันได้เต็มที่ในวันนี้ น้องชาย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะ”ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาและโอบเอวควีนนี่ เขามองไปที่เจอรัลด์ ยิ้มให้และขอบคุณเขาจากนั้นผู้ชายอีกคนก็นำห่อบุหรี่มาร์โบโล่หนึ่งออกมา และพยายามจะยื่นให้เจอรัลด์อันหนึ่ง“จาวิส นายให้บุหรี่เขาจริงหรือเปล่าเนี่ย? เขาไม่สูบ นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะสูบ มันก็ไม่เหมือนกับว่าเขาสามารถจะซื้อของดี ๆ เช่นนี้ได้นะ!” ควีนนี่พูดเยาะเย้ย“เขาชื่อเจอรัลด์ และเขาคือผู้ชายที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง เขาจะช่วยพวกเราถือกระเป๋าของพวกเราในวันนี้ พวกเราแค่จะต้องซื้อข้าวให้เขาในบ่ายนี้เท่านั้น”จากนั้นควีนนี่ก็จับมือของผุ้ชายคนนั้นและพูดขึ้นมา “เจอรัลด์ คน ๆ นี้ที่เพิ่งเสนอบุหรี่ให้นายชื่อจาวิส ฟิช พ่อแม่ของเขาทำงานในสาธารณูปโภคด้านน้ำในมณฑล นี่คือแฟนของฉัน—ฮิวโก้ เวย์แมน ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงงาน”ขณะที่ควีนนี่แนะนำฮิวโก้ให้เจอรัลด์ เธอก็คอยสังเกตุสีหน้าและปฏิกิริยาขอ
และขณะที่เจอรัลด์นำทิชชูออกมา โยลันดาก็ฉกมันไปจากมือของเขาก่อนจะรีบเข้าไปหาจาวิส เธออยากจะช่วยเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของจาวิสเหมือนกัน ‘ความไร้มารยาทของคนบางคนเนี่ยนะ!’ เจอรัลด์คิดกับตัวเอง รู้สึกหงุดหงิด โยลันดาดูเหมือนจะค่อนข้างชอบจาวิสมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงชวนควีนนี่มาด้วย ควีนนี่ก็จะทำหน้าที่เป็นเพื่อนสาวที่ช่วยเพื่อนในการการจีบคนอื่น เพื่อที่เธอก็จะสามารถเข้าใกล้จาวิสได้ด้วยเช่นกัน โยลันดารู้ว่าเธอต้องการอะไร มันเหมือนราวกับว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่จาวิสก็ไม่สมควรจะได้รับความสนใจจากเธอ แม้ว่าเจอรัลด์เพิ่งพบกับเธอ เธอก็ค่อนข้างรู้สึกรำคาญกับกิริยาท่าทางของเธออยู่แล้ว “เช่นนั้น พ่อของนายว่ายังไง ฮิวโก้?” คำถามนั้นมาจากควีนนี่ “อืม เขาบอกว่าเขาไม่สามารถช่วยพวกเราได้…เขาพูดว่าเขาไม่สามารถติดต่อใครที่นี่ได้เลย แล้วนายล่ะ จาวิส?” ฮิวโก้ถาม ขณะที่ฮิวโก้หันไปมองเขา จาวิสก็ดูเหมือนจะเพิ่งวางสายโทรศัพท์เช่นกัน “ได้เรื่องบ้างไหม?” ควีนนี่ถาม ตอนนี้เธอยินดีที่จะจ่ายค่าตั๋วเพราะพวกมันไม่มีขายอีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว การได้ตั๋วมาก็จะยังคงเป็นเกียรติอย่างยิ่งอยู่ดี “พ่อของฉันบ
เจอรัลด์ถึงกับพูดไม่ออกขณะที่เขาตามหลังพวกเขาไป บางคนได้รับความเลื่อมใสไปจากสิ่งที่เขาทำ เขาคิดว่าสถานการณ์เหมือนเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง จาวิสเองก็ดูเหมือนว่าเขาจะบ้าไปแล้วอย่างชัดเจน ราวกับว่าเขาสูญเสียสามัญสำนึกทั้หมดของเขาไปแล้ว ทำไมผู้จัดการถึงจะพูดให้เขาล่ะในเมื่อคนที่เขาติดต่อคือรองผู้จัดการคนเดียวเท่านั้น? แต่ก็อีกนั่นแหละ เจอรัลด์รู้ว่านี่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดของเขาเองที่ทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจกับทุก ๆ อย่างที่เขาทำ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาในตอนนี้เลยจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ต่อหน้าคนโง่ทั้งหลายเหล่านี้ ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ช่างน่าผิดหวังเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาเข้าไปในอาคารต่อไป ทั้งสองกลุ่มก็ค่อย ๆ รวมกันเป็นกลุ่มเดียวขนาดใหญ่ หลังจาก ‘ความช่วยเหลือ’ ของจาวิส พวกสาว ๆ จากอีกกลุ่มจึงรู้สึกขอบคุณต่อเขา พวกเธอบางคนยังเริ่มหลงใหลเขาอีกด้วยซ้ำ และนี่ทำให้โยลันดาอิจฉาตาร้อนขึ้นมา จึงทำให้เกิดความรู้สึกของการแข่งขันอย่างรุนแรงในจิตวิญญาณของเธอ สาว ๆ ที่หยอกล้อเล่นกับเขาก็สวยกันมากเช่นกัน ตามปกติแล้ว นี่เพียงเป็นการเติมความอิจ
เนื่องจากว่าจาวิสไม่ได้พยายามจะหยุดเธอ โยลันดาจึงพูดจาหยาบคายต่อไปเป็นครั้งคราว เจอรัลด์ในทางตรงกันข้าม กำลังถูกปฏิบัติด้วยราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ หลังจากการเที่ยวชมสถานที่อันยาวนานสองชั่วโมงเต็ม ก็เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงแล้ว เนื่องจากว่ามีร้านอาหารอยู่ไม่กี่ร้านในอาคาร จาวิสจึงแนะนำให้พวกเขาไปหาสถานที่ทานมื้อเที่ยงกัน พวกเขาจะไ้ด้พูดคุยกันมากขึ้นขณะที่นั่งกัน จามปกติแล้ว มิเชลและเพื่อน ๆ ของเธอก็ยอมรับข้อเสนอกันอยู่แล้วและไม่นานพวกเขาก็พบร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง ในที่สุดก็จะได้นั่งเสียที เจอรัลด์วางกระเป๋าของพวกเขาลงและนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งเช่นกัน “แล้วใครพูดว่านายสามารถนั่งที่นี่ได้ห๊ะ?!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาในขณะที่เจอรัลด์นั่งลง “พวกเราจะทานข้าวกันไม่ใช่เหรอ? มันผิดเหรอที่ฉันจะนั่ง?” เจอรัลด์ถาม เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญ เสียงนั้นเป็นของโยลันดาและเธอก็สุดจะทนแล้ว ความหึงหวงของเธอมีอำนาจเหนือความมีเหตุมีผลของเธอเพราะเธอต้องเฝ้ามองมิเชลพูดคุยกับจาวิสอยู่ตลอดเวลามานี้ เพราะเธอไม่ถูกสังเกตุเห็นพอ เธอจึงตัดสินใจก่อเรื่องและตะคอกใส่เจอรัลด์ “แค่ดูนายสิ! นายคิดว่านายเป็นใ
“อย่างกับว่าฉันแคร์! เธอเป็นคนที่ทำซุปหกใส่ฉัน! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด! เธอก็เป็นแค่พนักงานเสริฟ์อยู่ดี เรื่องไม่เป็นเรื่อง!” โยลันดาพูดอย่างขุ่นเคือง เธอไม่กลัวผลที่ตามมาเพราะเธอรู้ว่าจาวิสคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดอย่างแน่นอนในห้องนี้ ณ ขณะนี้ ไม่มีใครจะกล้าท้าทายอำนาจเขาและเธอ นอกจากนี้ จุดสนใจของเธอก็ถูกขโมยไปโดยมิเชลและเธอก็มีวันที่ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ขอโทษสำหรับเรื่องซุปบนเสื้อผ้าของเธอ แต่ผู้จัดการที่นี่ยังดุว่าเธออีกด้วย! นี่ช่างน่าขันเสียจริง… ยิ่งเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ โยลันดาก็ยิ่งดูเหมือนราวกับว่าเธอจะปะทุด้วยความโกรธมากขึ้นเท่านั้น “ไม่ต้องร้อง แนท…ฉันจะให้คนไปเรียกคุณวาดฟอร์ดมาให้ พ่อของเธอจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน!” ผู้จัดการปลอบ นาตาลี วาดฟอร์ดเป็นลูกสาวของเบลก วาดฟอร์ด ผู้จัดการของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ พ่อของเธอคือหนึ่งในผู้จัดหลักของโครงการใหม่ในบริเวณพื้นที่นี้เช่นกัน เบลกได้รับมอบหมายจากสาขาหลักในเมย์เบอร์รี่ และเขามีอำนาจอย่างแท้จริงภายในพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากนาตาลีรู้สึกเบื่อระหว่างหยุดเรียนฤดูร้อน เธอ
บอดี้การ์ดไม่มีความปราณีเลย แม้มิเชลจะอายุมากกว่าคนอื่น ๆ เล็กน้อย แต่เธอก็หวาดกลัวเหมือนกัน ขณะที่เธอเฝ้ามองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอนี้ เจอรัลด์ในทางตรงกันข้าม เพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ใช่นักบุญและเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือทุกคนด้วยเรื่องทุกอย่าง เขารู้ว่าเบลก วาดฟอร์ดฟังดูคุ้น ๆ หูและถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจได้ แต่เจอรัลด์ไม่ต้องการ เขาไม่ได้มีความจำเป็นที่จะช่วยเหลือโยลันดาและจาวิส พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับเขาเท่านั้น นอกจากนี้ โยลันดาก็ดูถูกเขามาอยู่เรื่อย ๆ เธอสมควรได้รับการทุบตีแบบนี้แล้วสำหรับทำการทำตัวดื้อดึงและบุ่มบ่ามขนาดนั้นอยู่เสมอมา ดูเหมือนว่าควีนนี่และคนอื่น ๆ ก็จะเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ทันทีทันใดนั้น ทีมพนักงานก็รีบวิ่งเข้ามาในร้านอาหารกัน “ค คุณวาดฟอร์ด! หยุด! โปรดหยุดด้วยค่ะ!” คำอ้อนวอนนี้ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีม พนักงานทั้งหลายรีบเข้ามาอยู่ข้างหลังเธอกันมากขึ้น หัวหน้าทีมคือหญิงสาวตรงเคาน์เตอร์ขายตั๋วก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเธอก็รับผิดชอบสำหรับพื้นที่แห่งนี้เช่นกัน “
เจอรัลด์ยื่นมือเข้ามายุ่งเพราะเขาไม่อาจทนเฝ้ามองจาวิส และโยลันดาใช้อำนาจของเขาในทางที่ผิดต่อไปได้ นอกจากนี้ ในที่สุดเจอรัลด์ก็จำได้แล้วว่าเบลก วาดฟอร์ดเป็นใคร เขาคือคนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เอเลน่า ลาร์ซันนั่นเอง เจอรัลด์มัวแต่ยุ่งอยู่กับลิเลียนในระหว่างงานเลี้ยงนั้น ดังนั้นเขาจึงได้พูดคุยสั้น ๆ กับเบลกในตอนนั้นเท่านั้น อย่างมากที่สุดพวกเขาก็รู้จักกันแล้ว อย่างไรก็ตาม จาวิสและโยลันดาเห็นได้ชัดว่ากำลังล้ำเส้นมากไปแล้ว และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาต้องการจะทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจเอง ถ้าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาก็คงแค่ปล่อยมันให้ผ่านไป แต่อย่างไรก็ตาม สองคนนี้ก็เป็นคนไม่สำคัญโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว ‘ทำไมฉันถึงยังคงเอาแต่เงียบและปล่อยให้คนโง่เหล่านี้มีวิธีจัดการกับคนของฉันกันล่ะ?’ เจอรัลด์คิดกับตัวเอง “ค คุณคลอฟอร์ด? คุณอยู่นี่ตลอดเวลาเลยเหรอครับ?” เบลกรู้ว่าเขาพังแน่ทันทีที่เขาเห็นเจอรัลด์ มันเหมือนราวกับว่าหัวใจของเขาเพิ่งจะหล่นลงไปในกะเพาะอาหารเลย เขาโกรธมากหลังจากได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากว่าความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งไปที่โยลันดาและจาวิส เบลกจึงไม่ได้ให้
“เดี๋ยวก่อน เจอรัลด์! อธิบายตัวเองมา!” ควีนนี่กล่าวขณะที่เธอรีบวิ่งไปหาเขา ใบหน้าของเธอซีดสุด ๆ และเธอดูเหมือนจะตัวสั่นมาก ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ เธอไม่รู้ว่าเจอรัลด์พลิกสถานการณ์ได้ง่ายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เธอมักจะดูถูกเขาอยู่เสมอมา ทันทีที่เจอรัลด์เข้ามายุ่งได้สำเร็จ ควีนนี่รู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกบดละเอียดโดยหินก้อนมหึมา ในใจของเธอ เธอเอาแต่ภาวนาอย่างต่อเนื่องว่ามันเป็นคนอื่นที่มีอำนาจมากขนาดนั้น ใครก็ได้ ใครก็ตามที่ไม่ใช่เจอรัลด์ ‘ทำไมเขาพูดถึงเจอรัลด์ว่าคุณคลอฟอร์ดล่ะ?’ ‘เขาเป็นเพียงแค่คนชั้นต่ำบางคนเองไม่ใช่หรือไง? ทำไม ทำไมนะ…’ เหล่านี้คือความคิดที่ท่วมท้นอยู่ในใจของควีนนี่ เธอรู้สึกหัวเสียอย่างที่สุด “เธอต้องการอะไร?” เจอรัลด์ถามอย่างไม่ใส่ใจ ‘ถ้ามันไม่ใช่เป็นเพราะคุณลุงวินเทอร์ละก็ ฉันก็คงไม่แม้แต่จะเสียเวลามาเล่นบ้า ๆ กับพวกเธอด้วยซ้ำ’ เจอรัลด์คิดกับตัวเอง “อธิบายตัวเองมาเดี๋ยวนี้! ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงเคารพต่อนายมากขนาดนั้นกัน? เขายังดูเหมือนจะกลัวนายอีกด้วยซ้ำ! ความสัมพันธ์ของนายกับเขาคืออะไร?” ควีนนี่ถาม “อย่าถามในสิ่งที่เธอไม่ควรถามเลย ขอให้สนุกกับการเดินทา
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ