ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาค่ำคืนและพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปในความมืดมิด ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น มีเพียงเสียงแตกของกองไฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจอรัลด์และพรรคพวกของเขาล้อมวงกันกำลังนั่งอยู่รอบ ๆ สนามหญ้า บรรยากาศสว่างราวกับกลางวัน... นอกจากอาหารเย็นมื้อนี้มีเนื้อชิ้นใหญ่มากกำลังถูกปรุงอยู่บนกองไฟ เห็นได้ชัดว่าเจอรัลด์เก็บอาหารสำรองไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจอรัลด์พยายามเก็บอาหารบางส่วนไว้ในกระเป๋าของเขาเอง และคาดเดาไว้แล้วว่าชาวบ้านจะแลกอาหารทั้งหมดจากกระเป๋าเป้ของเรย์ เนื่องจากเนื้อมีขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งห้าจึงกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ เมื่อพวกเขาอิ่มท้องแล้ว เรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณคิดว่าเฟนและพรรคพวกของเขาจะตามเอาเรื่องเราในคืนนี้อีกไหม พี่คลอฟอร์ด?” “ไม่ต้องคิดมาก คืนนี้เราจะผลัดกันเฝ้าระวัง นายนอนก่อนได้เลยแล้วพอครบสองชั่วโมงเราจะเปลี่ยนเวรกัน แบบนี้จะไม่มีใครแอบมาเล่นงานเราได้!” เจอรัลด์กล่าว ต่อให้จะไม่มีเรื่องของเฟนเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่เจอรัลด์ก็ยังจะเสนอให้ทำสิ่งเดียวกันอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอยู่ในพื้นที่อันไม่คุ้นเคย
“ฟังนะ ผมไม่ได้ออกจากที่พักด้วยซ้ำ! แล้วจะฆ่าเขาได้ยังไง” เจอรัลด์อธิบาย ถึงสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริง แต่เขาก็รู้ดีว่าชาวบ้านจะจะไม่ยอมเชื่อมันง่าย ๆ เพราะเหตุนี้วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ต่างในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการตรวจสอบให้พบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของเฟน ถึงกระนั้น การเสียชีวิตของเฟนก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเหตุใดเมื่อคืนนี้เขาและพรรคพวกไม่ได้มาก่อกวนเจอรัลด์และพรรคพวกของเขา แม้ว่าคนอย่างเฟนไม่ช้าก็เร็วก็สมควรจะต้องถูกเอาคืน แต่เจอรัลด์ก็ต้องยอมรับว่าเขาตายเร็วเกินไปสักหน่อย เจอรัลด์กล่าวเสริมขึ้นว่า “...ฟังนะ ก่อนจะมาปรักปรำกัน เรามาเอาศพเขาขึ้นมาดูเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขาดีกว่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชาวบ้านก็ไม่สามารถโต้เถียงกับตรรกะของเจอรัลด์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มดึงศพของเขาขึ้นมา วินาทีที่ศพอ้วน ๆ ออกมาอยู่ในที่โล่ง ทุกคนก็ได้เห็นว่าใบหน้าของเขาเสียรูปไปหมด ด้วยสภาพของใบหน้าในปัจจุบันเฟนแทบจะไม่เห็นถึงส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของเขาเลย ขณะที่นั่งยอง ๆ เพื่อดูศพของเฟนอย่างละเอียด ในที่สุด เจอรัลด์ก็พบบาดแผลลึกที่คอของเฟน เจอรัลด์จึงอนุมานได้ว่
ไม่นานทั้งสามก็เดินทางมาถึงบ่อน้ำ เจอรัลด์ชี้ไปที่ศพของเฟนซึ่งตอนนี้นอนอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า "โปรดตรวจสอบศพนี้หน่อย ผู้เฒ่าฟลินท์! มีบางอย่างโจมตีเขาเมื่อคืนนี้ก่อนจะโยนเขาลงบ่อ!” เมื่อเห็นศพ เรย์ที่ตกตะลึงก็ตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “…พี่คลอฟอร์ด นั่นมันเฟนไม่ใช่หรือ? เราเพิ่งเจอเขาเมื่อวานนี้เอง! จู่ๆเขามาตายแบบนี้ได้ยังไง?” เจอรัลด์ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเรย์ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าฟลินท์ ผู้เฒ่าฟลินท์เองก็จ้องมองไปที่ศพและตรวจสอบมันอย่างหนัก หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “…นี่คือฝีมือของแวมไพร์กระหายเลือด!” “แวมไพร์กระหายเลือด?” เจอรัลด์พูดซ้ำด้วยความประหลาดใจกับคำตอบของผู้เฒ่าฟลินท์ "ใช่แล้ว มีเพียงเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเท่านั้นที่จะมีกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถทำการฆ่าได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายลองดูให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม นายจะเห็นรอยกัดที่คอของเขา! ซึ่งก็แปลว่าเขาถูกดูดเลือดไปแล้ว!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย “นี่คุณกำลังจะหมายความว่ามีแวมไพร์กระหายเลือดอยู่ในป่าแถวนี้งั้นหรือ? แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เราไม่ถูกโจมตีเลยล่ะ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ค่อนข้างสง
“…พวกนี้เป็นใครกัน พี่คลอฟอร์ด” เรย์กระซิบในขณะที่เจอรัลด์ส่ายหน้า เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครเช่นกัน หลังจากนั้น ชายผู้มีใบหน้าบึ้งตึงก้าวออกมาข้างหน้า จ้องเขม็งมาที่เจอรัลด์และกลุ่มของเขาก่อนจะถาม “พวกคุณเป็นใคร?” “ท่านผู้กรุณา พวกเราเป็นเพียงพ่อค้าที่มาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น!” เจอรัลด์ตอบ “…คุณบอกว่าคุณเป็นพ่อค้างั้นเหรอ? มาถึงที่ทุรกันดารแบบนี้เนี่ยนะ? คิดว่าจะหลอกพวกเราได้หรือไง?” ชายคนนั้นโต้กลับขณะที่เขาจ้องมองมายังเจอรัลด์ “ไม่เชื่อกันก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คุณกับคนของคุณมาทำอะไรที่นี่?” เจอรัลด์ตอบ “เรามาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของแวมไพร์!” ชายผู้มีทรงผมแบบไถเกรียนประกาศออกมาอย่างไม่คิดจะโกหก "…โอ้? พวกคุณเองก็มาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?” เจอรัลด์ตอบด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าคนพวกนี้มีเป้าหมายเดียวกับเขา! "หืม? นี่คุณกำลังจะบอกว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกันงั้นสิ?” ชายคนนั้นพูดขณะที่ส่งสัญญาณให้คนที่เหลือลดอาวุธลง “ถ้าอย่างนั้น ให้ผมแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน! ผมชื่อเลค ซัค และเป็นผู้นำทีม!” เลคพูดขณะที่เขายื่นมือออก เมื
ด้วยเหตุนี้ เลคและเพื่อนร่วมทีมจึงนำพลั่วของตนออกมา พร้อมกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเริ่มขุดดินเบื้องหน้า “ตอนเรากำลังขุดพวกคุณก็จับตาดูสถานการณ์รอบ ๆ ให้ด้วยแล้วกัน! ข้ามไปอีกฝั่งได้เมื่อไหร่เราจะได้พักกันให้เต็มที่!” เลคกล่าว เมื่อรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะขุดทางเดินและต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่เลคและคนของเขาจะเสร็จ เจอรัลด์จึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ หลังจากพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว เขาก็กลับไปที่ปาร์ตี้ของตัวเองเพื่อเริ่มเฝ้าดู เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์กลับมาแล้ว เรย์ก็ถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณเชื่อใจคนเหล่านี้ไหม พี่คลอฟอร์ด…?” เมื่อเข้าใจว่าเรย์เติบโตมาอย่างไร เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนชอบธรรมดีทีเดียว!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความกังวลของเรย์ก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้ว เขาเชื่อในการตัดสินใจของเจอรัลด์ “แล้วคุณล่ะ ผู้เฒ่าฟลินท์? คุณคิดยังไงกับเลคและคนของเขา” เจอรัลด์ถามขณะหันไปมองชายชราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา ตลอดการเดินทางผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด... ทว่าชายชรากลับตอบเพียงว่า “เราจะได้ความช่วยเหลือเพิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจมาก หลังจากผ่านความพยายามมามากมาย ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนของแวมไพร์ได้! “…แต่จากความจริงที่ได้พบกับศพที่ตายลงไปเช่นนั้น… ก็หมายความว่าแวมไพร์บางตัวยังมีชีวิตอยู่! พวกนั้นเป็นศัตรูที่อันตรายเหลือเชื่อเลยล่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระวังตัวไว้ให้ดีด้วย” ผู้เฒ่าฟลินท์เสริม โดยทั่วไปแล้วแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์อิสระที่แทบไม่เคยติดต่อกับผู้คนจากโลกภายนอกเลย มันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงได้คับแค้นคนจากโลกภายนอกถึงขนาดนั้น นี่เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แวมไพร์ทันทีที่ได้พบ และช่วยไม่ได้ที่แวมไพร์โดยปกติแล้วจะรวดเร็วมากและยังสามารถฆ่าคนที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายดายด้วย “ไม่ต้องห่วงครับท่าน! พวกเราทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ดังนั้นพวกเราก็จะไม่ออมมือให้กับพวกมันเช่นกัน! ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อว่าพวกแวมไพร์จะไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่!” เลคตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ไม่ตอบอะไรกลับไป… หลังจากเดินต่อไปประมาณสิบนาที ในที่สุดทุกคนก็พ้นจากทางเดินที่ทอดยาวอย่างน้อยสองสามร้อ
หลังจากนั้นไม่นานสถานที่นี่ก็เงียบลงอีกครั้ง... เนื่องจากไม่มีลูกธนูถูกยิงออกมาอีกแล้ว จึงสามารถสรุปได้ว่าในที่สุดกลไกอันน่าสะพรึงกลัวก็สิ้นสุดลงสักที… เลคถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีกับดักแห่งความตายอยู่ทุกหนทุกแห่งแบบนี้ คุณคลอฟอร์ด…!” ไม่มีใครคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย… แต่ทว่านั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่คนของเลคหาเรื่องถูกฆ่าด้วยลูกธนูหลายสิบลูกเช่นนั้น และตอนนี้ชายคนนั้นก็กำลังนอนบนกองเลือดที่ค่อย ๆ ไหลซึมไปทั่ว… ช่างเป็นความตายที่เลวร้ายเสียจริง… แต่นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากมีใครสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ที่นี่โดยพละการ ด้วยเหตุนี้เลคจึงจ้องมองไปที่คนของเขาก่อนจะตะโกนว่า "ทุกคนจงฟัง! พวกนายที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของเลคทั้งหมดก็พยักหน้าและยังคงยืนอยู่ในจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน… ไม่มีพวกเขาคนใดกล้าพอที่จะสัมผัสอะไรอีกแล้ว นั่นเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเผลอไปเปิดกลไกอะไรตรงไหนอีก กับดักต่อไปที่พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวนั้น
“บ้าเอ้ย! ไม่คิดเลยว่าจะมีประสาทอีกแห่งข้างล่างนี้! อันที่จริงที่นี่ดูใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย!” เรย์อุทาน “ทุกคนโปรดระวัง! แล้วก็อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!” เจอรัลด์เตือนโดยหวังว่าทุกคนจะได้บทเรียนเรื่องจับของแบบสุ่มสี่สุ่มห้า “รับทราบ! ว่าก็ว่าเถอะนี่มันเรื่องอะไรกัน พี่คลอฟอร์ด…? ของพวกนี้ดูหรูหรามากจริง ๆ!” เรย์เอ่ยถามขณะที่เขาเดินไปที่แท่นเพื่อมองดูมันใกล้ๆ “นั่นคือ แท่นบูชามหาสมบัติ พวกมันมีหน้าที่พิเศษเพื่อใช้ในการจุดเทียนในพิธีกรรมบูชายัญ ไฟในนั้นจะคงอยู่ตลอดไป!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบายเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ไม่ได้พยายามที่จะตอบ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบว่าโลกนี้มีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ด้วย… ความหวาดกลัวของเขาต้องจบลงเมื่อจู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินหนึ่งในคนของเลคกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด! เมื่อพวกเขาหันไปมอง ร่างกายของชายคนนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปแล้ว! ผิวหนังของเขาไหม้เกรียมและดวงตาปูดโปนอย่างน่าขนลุก ไม่นานสิ่งที่เหลืออยู่ของชายผู้นั้นก็มีเพียงกองเลือดที่นองอยู่บนพื้น! ด้วยความที่เขาเสียชีวิตลงอย่างน่าสยดสยอง ทุกคนจึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ