ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาค่ำคืนและพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปในความมืดมิด ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น มีเพียงเสียงแตกของกองไฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจอรัลด์และพรรคพวกของเขาล้อมวงกันกำลังนั่งอยู่รอบ ๆ สนามหญ้า บรรยากาศสว่างราวกับกลางวัน... นอกจากอาหารเย็นมื้อนี้มีเนื้อชิ้นใหญ่มากกำลังถูกปรุงอยู่บนกองไฟ เห็นได้ชัดว่าเจอรัลด์เก็บอาหารสำรองไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจอรัลด์พยายามเก็บอาหารบางส่วนไว้ในกระเป๋าของเขาเอง และคาดเดาไว้แล้วว่าชาวบ้านจะแลกอาหารทั้งหมดจากกระเป๋าเป้ของเรย์ เนื่องจากเนื้อมีขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งห้าจึงกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ เมื่อพวกเขาอิ่มท้องแล้ว เรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณคิดว่าเฟนและพรรคพวกของเขาจะตามเอาเรื่องเราในคืนนี้อีกไหม พี่คลอฟอร์ด?” “ไม่ต้องคิดมาก คืนนี้เราจะผลัดกันเฝ้าระวัง นายนอนก่อนได้เลยแล้วพอครบสองชั่วโมงเราจะเปลี่ยนเวรกัน แบบนี้จะไม่มีใครแอบมาเล่นงานเราได้!” เจอรัลด์กล่าว ต่อให้จะไม่มีเรื่องของเฟนเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่เจอรัลด์ก็ยังจะเสนอให้ทำสิ่งเดียวกันอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอยู่ในพื้นที่อันไม่คุ้นเคย
“ฟังนะ ผมไม่ได้ออกจากที่พักด้วยซ้ำ! แล้วจะฆ่าเขาได้ยังไง” เจอรัลด์อธิบาย ถึงสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริง แต่เขาก็รู้ดีว่าชาวบ้านจะจะไม่ยอมเชื่อมันง่าย ๆ เพราะเหตุนี้วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ต่างในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการตรวจสอบให้พบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของเฟน ถึงกระนั้น การเสียชีวิตของเฟนก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเหตุใดเมื่อคืนนี้เขาและพรรคพวกไม่ได้มาก่อกวนเจอรัลด์และพรรคพวกของเขา แม้ว่าคนอย่างเฟนไม่ช้าก็เร็วก็สมควรจะต้องถูกเอาคืน แต่เจอรัลด์ก็ต้องยอมรับว่าเขาตายเร็วเกินไปสักหน่อย เจอรัลด์กล่าวเสริมขึ้นว่า “...ฟังนะ ก่อนจะมาปรักปรำกัน เรามาเอาศพเขาขึ้นมาดูเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขาดีกว่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชาวบ้านก็ไม่สามารถโต้เถียงกับตรรกะของเจอรัลด์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มดึงศพของเขาขึ้นมา วินาทีที่ศพอ้วน ๆ ออกมาอยู่ในที่โล่ง ทุกคนก็ได้เห็นว่าใบหน้าของเขาเสียรูปไปหมด ด้วยสภาพของใบหน้าในปัจจุบันเฟนแทบจะไม่เห็นถึงส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของเขาเลย ขณะที่นั่งยอง ๆ เพื่อดูศพของเฟนอย่างละเอียด ในที่สุด เจอรัลด์ก็พบบาดแผลลึกที่คอของเฟน เจอรัลด์จึงอนุมานได้ว่
ไม่นานทั้งสามก็เดินทางมาถึงบ่อน้ำ เจอรัลด์ชี้ไปที่ศพของเฟนซึ่งตอนนี้นอนอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า "โปรดตรวจสอบศพนี้หน่อย ผู้เฒ่าฟลินท์! มีบางอย่างโจมตีเขาเมื่อคืนนี้ก่อนจะโยนเขาลงบ่อ!” เมื่อเห็นศพ เรย์ที่ตกตะลึงก็ตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “…พี่คลอฟอร์ด นั่นมันเฟนไม่ใช่หรือ? เราเพิ่งเจอเขาเมื่อวานนี้เอง! จู่ๆเขามาตายแบบนี้ได้ยังไง?” เจอรัลด์ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเรย์ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าฟลินท์ ผู้เฒ่าฟลินท์เองก็จ้องมองไปที่ศพและตรวจสอบมันอย่างหนัก หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “…นี่คือฝีมือของแวมไพร์กระหายเลือด!” “แวมไพร์กระหายเลือด?” เจอรัลด์พูดซ้ำด้วยความประหลาดใจกับคำตอบของผู้เฒ่าฟลินท์ "ใช่แล้ว มีเพียงเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเท่านั้นที่จะมีกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถทำการฆ่าได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายลองดูให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม นายจะเห็นรอยกัดที่คอของเขา! ซึ่งก็แปลว่าเขาถูกดูดเลือดไปแล้ว!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย “นี่คุณกำลังจะหมายความว่ามีแวมไพร์กระหายเลือดอยู่ในป่าแถวนี้งั้นหรือ? แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เราไม่ถูกโจมตีเลยล่ะ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ค่อนข้างสง
“…พวกนี้เป็นใครกัน พี่คลอฟอร์ด” เรย์กระซิบในขณะที่เจอรัลด์ส่ายหน้า เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครเช่นกัน หลังจากนั้น ชายผู้มีใบหน้าบึ้งตึงก้าวออกมาข้างหน้า จ้องเขม็งมาที่เจอรัลด์และกลุ่มของเขาก่อนจะถาม “พวกคุณเป็นใคร?” “ท่านผู้กรุณา พวกเราเป็นเพียงพ่อค้าที่มาที่นี่โดยบังเอิญเท่านั้น!” เจอรัลด์ตอบ “…คุณบอกว่าคุณเป็นพ่อค้างั้นเหรอ? มาถึงที่ทุรกันดารแบบนี้เนี่ยนะ? คิดว่าจะหลอกพวกเราได้หรือไง?” ชายคนนั้นโต้กลับขณะที่เขาจ้องมองมายังเจอรัลด์ “ไม่เชื่อกันก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คุณกับคนของคุณมาทำอะไรที่นี่?” เจอรัลด์ตอบ “เรามาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของแวมไพร์!” ชายผู้มีทรงผมแบบไถเกรียนประกาศออกมาอย่างไม่คิดจะโกหก "…โอ้? พวกคุณเองก็มาที่นี่เพื่อค้นหาดินแดนของพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?” เจอรัลด์ตอบด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าคนพวกนี้มีเป้าหมายเดียวกับเขา! "หืม? นี่คุณกำลังจะบอกว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกันงั้นสิ?” ชายคนนั้นพูดขณะที่ส่งสัญญาณให้คนที่เหลือลดอาวุธลง “ถ้าอย่างนั้น ให้ผมแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน! ผมชื่อเลค ซัค และเป็นผู้นำทีม!” เลคพูดขณะที่เขายื่นมือออก เมื
ด้วยเหตุนี้ เลคและเพื่อนร่วมทีมจึงนำพลั่วของตนออกมา พร้อมกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเริ่มขุดดินเบื้องหน้า “ตอนเรากำลังขุดพวกคุณก็จับตาดูสถานการณ์รอบ ๆ ให้ด้วยแล้วกัน! ข้ามไปอีกฝั่งได้เมื่อไหร่เราจะได้พักกันให้เต็มที่!” เลคกล่าว เมื่อรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะขุดทางเดินและต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่เลคและคนของเขาจะเสร็จ เจอรัลด์จึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ หลังจากพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว เขาก็กลับไปที่ปาร์ตี้ของตัวเองเพื่อเริ่มเฝ้าดู เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์กลับมาแล้ว เรย์ก็ถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณเชื่อใจคนเหล่านี้ไหม พี่คลอฟอร์ด…?” เมื่อเข้าใจว่าเรย์เติบโตมาอย่างไร เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนชอบธรรมดีทีเดียว!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความกังวลของเรย์ก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้ว เขาเชื่อในการตัดสินใจของเจอรัลด์ “แล้วคุณล่ะ ผู้เฒ่าฟลินท์? คุณคิดยังไงกับเลคและคนของเขา” เจอรัลด์ถามขณะหันไปมองชายชราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา ตลอดการเดินทางผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด... ทว่าชายชรากลับตอบเพียงว่า “เราจะได้ความช่วยเหลือเพิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจมาก หลังจากผ่านความพยายามมามากมาย ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนของแวมไพร์ได้! “…แต่จากความจริงที่ได้พบกับศพที่ตายลงไปเช่นนั้น… ก็หมายความว่าแวมไพร์บางตัวยังมีชีวิตอยู่! พวกนั้นเป็นศัตรูที่อันตรายเหลือเชื่อเลยล่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระวังตัวไว้ให้ดีด้วย” ผู้เฒ่าฟลินท์เสริม โดยทั่วไปแล้วแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์อิสระที่แทบไม่เคยติดต่อกับผู้คนจากโลกภายนอกเลย มันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงได้คับแค้นคนจากโลกภายนอกถึงขนาดนั้น นี่เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แวมไพร์ทันทีที่ได้พบ และช่วยไม่ได้ที่แวมไพร์โดยปกติแล้วจะรวดเร็วมากและยังสามารถฆ่าคนที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายดายด้วย “ไม่ต้องห่วงครับท่าน! พวกเราทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ดังนั้นพวกเราก็จะไม่ออมมือให้กับพวกมันเช่นกัน! ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อว่าพวกแวมไพร์จะไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่!” เลคตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ไม่ตอบอะไรกลับไป… หลังจากเดินต่อไปประมาณสิบนาที ในที่สุดทุกคนก็พ้นจากทางเดินที่ทอดยาวอย่างน้อยสองสามร้อ
หลังจากนั้นไม่นานสถานที่นี่ก็เงียบลงอีกครั้ง... เนื่องจากไม่มีลูกธนูถูกยิงออกมาอีกแล้ว จึงสามารถสรุปได้ว่าในที่สุดกลไกอันน่าสะพรึงกลัวก็สิ้นสุดลงสักที… เลคถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีกับดักแห่งความตายอยู่ทุกหนทุกแห่งแบบนี้ คุณคลอฟอร์ด…!” ไม่มีใครคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย… แต่ทว่านั่นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่คนของเลคหาเรื่องถูกฆ่าด้วยลูกธนูหลายสิบลูกเช่นนั้น และตอนนี้ชายคนนั้นก็กำลังนอนบนกองเลือดที่ค่อย ๆ ไหลซึมไปทั่ว… ช่างเป็นความตายที่เลวร้ายเสียจริง… แต่นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากมีใครสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ที่นี่โดยพละการ ด้วยเหตุนี้เลคจึงจ้องมองไปที่คนของเขาก่อนจะตะโกนว่า "ทุกคนจงฟัง! พวกนายที่เหลือไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของเลคทั้งหมดก็พยักหน้าและยังคงยืนอยู่ในจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน… ไม่มีพวกเขาคนใดกล้าพอที่จะสัมผัสอะไรอีกแล้ว นั่นเพราะพวกเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเผลอไปเปิดกลไกอะไรตรงไหนอีก กับดักต่อไปที่พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวนั้น
“บ้าเอ้ย! ไม่คิดเลยว่าจะมีประสาทอีกแห่งข้างล่างนี้! อันที่จริงที่นี่ดูใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย!” เรย์อุทาน “ทุกคนโปรดระวัง! แล้วก็อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!” เจอรัลด์เตือนโดยหวังว่าทุกคนจะได้บทเรียนเรื่องจับของแบบสุ่มสี่สุ่มห้า “รับทราบ! ว่าก็ว่าเถอะนี่มันเรื่องอะไรกัน พี่คลอฟอร์ด…? ของพวกนี้ดูหรูหรามากจริง ๆ!” เรย์เอ่ยถามขณะที่เขาเดินไปที่แท่นเพื่อมองดูมันใกล้ๆ “นั่นคือ แท่นบูชามหาสมบัติ พวกมันมีหน้าที่พิเศษเพื่อใช้ในการจุดเทียนในพิธีกรรมบูชายัญ ไฟในนั้นจะคงอยู่ตลอดไป!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบายเมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์ไม่ได้พยายามที่จะตอบ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบว่าโลกนี้มีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ด้วย… ความหวาดกลัวของเขาต้องจบลงเมื่อจู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินหนึ่งในคนของเลคกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด! เมื่อพวกเขาหันไปมอง ร่างกายของชายคนนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปแล้ว! ผิวหนังของเขาไหม้เกรียมและดวงตาปูดโปนอย่างน่าขนลุก ไม่นานสิ่งที่เหลืออยู่ของชายผู้นั้นก็มีเพียงกองเลือดที่นองอยู่บนพื้น! ด้วยความที่เขาเสียชีวิตลงอย่างน่าสยดสยอง ทุกคนจึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจ