“...เขาเป็นใครเหรอคะ...?” ยูเมะเอ่ยถาม แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นจริงจังนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอได้พบกับเขา ยูเมะบอกได้เลยว่าเจอรัลด์ไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะเป็นเรื่องจริงที่เจอรัลด์เป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกก็ตาม คุณย่าของเธอก็คงไม่ต้องคิดหาวิธีมากมาย และวางกับดักเพียงเพื่อจับเขาถ้าเขาเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ให้ตายเถอะ คุณย่าของเธอกลับเลือกที่จะร่วมมือกับประตูมิติแห่งการพิพากษา เพื่อจัดการกับเจอรัลด์!สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างทำให้เกิดคำถามขึ้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่การฝึกของเจอรัลด์ในตอนนี้นั้นได้เหนือกว่าเพื่อนของเขาไปมาก แต่มีความเป็นไปได้มากว่าอีเร็ตจะจัดการกับเขาได้ง่ายที่สุด หรือกล่าวเป็นนัยคือ ไม่มีความจำเป็นที่พวกประตูมิติแห่งการพิพากษาซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่า เมื่อเทียบกับครอบครัวของยูเมะแล้ว จะต้องมาร่วมมือกับพวกกันเทอร์เพียงเพื่อจัดการเจอรัลด์ เพราะท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องรวมพลังกัน หากทั้งสองฝ่ายต่างมีความสามารถมากพอที่จะจับตัวเขาได้เอง?ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคำพูดของอีเร็ตถึงทำให้ยูเมะอยากรู้อีเร็ตพยักหน้ารับจากนั้นจึ
“...เธอสำคัญมากเลยเหรอคะ...? แม้แต่เจอรัลด์ก็ยังตามหาเธอ... พูดตามตรงนะคะ ถ้าในตอนนั้นคุณย่าไม่หลอกล่อเขาด้วยดอกแด้ด แอนนี่ส์ ตอนนี้เขาก็คงตามหาเธอพบแล้ว!” ยูเมะพูดขึ้นด้วยความสงสัย“แน่นอนว่าเขายังคงตามหาเธออยู่! เพราะผู้หญิงในชุดขาวคนนี้เป็นคนรักของเจอรัลด์!” อีเร็ตตอบกลับขณะที่เธอหรี่ตาลง“...เธอคือ...ของเจอรัลด์ อะไรนะคะ? แต่... เธออยู่ในโลงศพนั้นมาไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นปีไม่ใช่เหรอคะ?” ยูเมะเอ่ยถาม ส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ“ถ้าจะให้ละเอียดกว่านี้ เธอชื่อไซล่า ล็อคแลนด์ และเธอคือคนรักของเจอรัลด์เมื่อชาติที่แล้ว! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เลิกขัดจังหวะฉัน แล้วให้ฉันอธิบายให้ละเอียดก่อนที่เธอจะถามอะไรเพิ่มเติม! เธอจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อฉันอธิบายจบ!” อีเร็ตตอบกลับ ขณะที่เธอวาดแขนไปไขว้หลังเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเดินไปเดินมาขณะที่เธอค่อย ๆ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ยูเมะฟัง...ยูเมะตั้งใจฟังที่อีเร็ตเล่า “ถึงฉันจะมั่นใจว่าแกรู้อยู่แล้วว่าตระกูลของเราเป็นตระกูลเก่าแก่ ฉันไม่คิดว่าฉันเคยบอกแกเรื่องอารยธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่มานับแสนปีมาแล้ว... มันเป็นที่รู้จักกันในนามอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่!”
เมื่อคิดเช่นนั้น ทันใดนั้นเอง ยูเมะก็รู้สึกเริ่มอิจฉาผู้หญิงที่เจอรัลด์ตกหลุมรักขึ้นมา เธอสลัดความคิดนั้นออกแล้วเอ่ยถามขึ้น “...แล้ว...คุณย่าพาผู้หญิงในชุดขาวมา เพื่อให้เจอรัลด์คิดที่จะมาหาเราอย่างนั้นเหรอคะ...?”“ใช่ เพราะสุดท้ายแล้ว นั่นก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการล่อเจอรัลด์ให้มาติดกับเรา! ถ้าโชคดี เราคงจับตัวเขาได้ในที่สุด! แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะหลบหนีไปจากเราได้หลายครั้งแบบนี้! ฉันรอรับข่าวดีจากเฟลตันนานแล้วนะ แต่คิดว่าเขาคงหนีไปได้อีกแล้ว!”“...จะว่าไป คุณย่าคะ... วิญญาณบรรพกาลอันทรงพลัง...ซ่อนอยู่ในร่างของเขาเหรอคะ...? นั่นก็หมายความว่าพอคุณย่าจับเขาได้ คุณย่าจะทำร้าย หรือฆ่าเจอรัลด์เหรอคะ...?” ยูเมะถามขึ้นอีเร็ตส่ายหน้าเบา ๆ จากนั้นจึงตอบกลับมา “อย่างที่แกบอก เราต้องการแค่วิญญาณบรรพกาลอันทรงพลังเท่านั้น ไม่ว่าเราจะฆ่าเขาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเขาทุกอย่าง!”เมื่อเธอได้ยินดังนั้น ยูเมะก็ทรุดลงเสียงดัง ‘ตุบ’ ทันที ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น “ได้โปรดเถอะค่ะคุณย่า หนูขอร้อง... ได้โปรดอย่าฆ่าเจอรัลด์! เขาไม่เพียงแต่เป็นคนดีเท่านั้น แต่เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้อ
“เพราะแบบนี้ ตอนนี้ฉันถึงหวังให้แกเข้าใจสิ่งที่ฉันกังวลมาโดยตลอด! ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนว่าต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว!” อีเร็ตพูดเสริมขึ้น สีหน้าของเธอเคร่งขรึมเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ยูเมะที่อ้าปากค้างอยู่สักพักในสภาพตกตะลึง ทำได้เพียงพยักหน้ารับเท่านั้นหลังจากได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ยูเมะรู้สึกราวกับว่าได้เปิดโลก หลังจากงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นเธอจึงเอ่ยถามขึ้น “แล้ว... ต้นกำเนิดของตระกูลเราเป็นมายังไงคะคุณย่า...? นอกจากนั้นหนูยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หลบหนีมาจากอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่มาได้... พวกเขาหนีไปที่ไหนคะ...?”“อ๋อ พวกเขาหนีกระจัดกระจายกันไป! ขณะที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่บางคนยังคงอยู่บนโลกนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะหนีไปสถานที่ที่เรียกว่าจาเอลตราแทน เพราะมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากพอที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้เพียงพอ!”“...จาเอลตราเหรอคะ? เป็นไปได้ไหมคะว่ามันไม่ได้อยู่บนโลกนี้...? ยูเมะถามด้วยความสงสัยอีเร็ตส่ายหน้าจากนั้นจึงตอบกลับไป “ถึงจะอยู่บนโลก แต่มันก็ตั้งอยู่ระหว่างช่องแคบบนโลกนี้ ! แต่ก็น้อยคนน
“อย่าได้กังวลไปเลย ตราบใดที่เจ้าช่วยจับเจอรัลด์ ข้าจะต้องได้รับความสามารถในการเดินทางไปมาระหว่างโลกกับเจลเอลตรา เพราะเหตุนี้ ข้ามั่นใจว่าจะเปลี่ยนตระกูลของเจ้าให้มีพลังอำนาจมากที่สุดได้แน่นอนโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย! อีกทั้งเจ้าก็รู้ภูมิหลังข้าแล้วไม่ใช่หรือ? ฮ่า ๆ ๆ! รู้สึกว่าการที่เจอรัลด์บังเอิญปลดปล่อยข้าออกมาในตอนนั้น... คงเป็นรางวัลที่พระเจ้าประทานให้ข้า สำหรับการที่ข้าต้องถูกกักขังมานานนับพันปีเป็นแน่!”เมื่อหันกลับมา อีเร็ตมองชิ้นหยกที่ก่อนหน้านี้วางอยู่ใกล้กับกระถางธูป ขณะที่หยกเปล่งประกายแสงสีดำออกมา หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีดำก็เริ่มหมุนวนอยู่ในอากาศ ก่อนจะกลายร่างเป็นเงาเลือนรางคล้ายวิญญาณเมื่อมองดูใกล้ ๆ วิญญาณที่ปรากฏนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีจมูกงองุ้ม และคิ้วเรียวโกงอยู่เหนือดวงตาที่ฉายแววชั่วร้ายออกมาเป็นครั้งคราว ใครจะไปคาดคิดว่าวิญญาณตนนี้ ซึ่งคาดว่าอยู่มานับหมื่นปีแล้ว จะยังคงรักษารูปลักษณ์ของชายหนุ่มเอาไว้ได้!“ฉันขอพูดตรง ๆ ว่าฉันรู้สึกเสียใจที่ยอมตกลงให้ความร่วมมือกับท่านตั้งแต่แรก ท่านราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษา... แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่เคยเต็มใจในการตัดสินใจท
เมื่อได้ฟังดังนั้น หญิงสาวในชุดขาวจึงทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจำยอมเฝ้ามองร่างของหญิงสาวค่อย ๆ เลือนหายไป เมื่อนางกลับเข้าไปในโลงศพอมตะ ราชาแห่งการพิพากษา ซึ่งตอนนี้เดือดดาลไปด้วยความโกรธแผดเสียงคำรามลั่น “...นางหมายความว่าอย่างไรกัน? นางไม่ได้ฟังสิ่งที่ข้าพูดหรือ?!”“ฉันคิดว่าเธอแสดงออกชัดเจนมาก ตรงไปตรงมา” อีเร็ตซึ่งยืนเอามือไขว้หลังมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอ่ยพูดขึ้น“...เจ้าพูดถึงอะไร?”“ท่านก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ผู้หญิงที่เคยอยู่กับนกอินทรีย์จะมาตกหลุมรักกับตั๊กแตนได้ยังไง?” อีเร็ตตอบกลับ โดยไม่ได้คิดทบทวนถึงคำพูดของเธอ“...เจ้าพูดอะไร...?! สารเลว!” ราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษาคำราม ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธในตอนนั้นเองอีเร็ตจึงได้รู้ว่าเธอไม่ควรพูดสิ่งที่เธอคิดกับเขา! เมื่อรู้ว่าเธอทำผิดพลาดมากเพียงใด หญิงชราจึงรีบขอโทษทันที “ฉันควรระวังคำพูด ราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษา! ได้โปรดยกโทษให้ฉัน...!”“...เฮอะ! รีบจัดการให้เรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าได้ผนึกนางไว้ด้วยวิชากลายร่าง ข้าจะให้นางได้ประจักษ์แก่สายตาว่า ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้าได้สำเร็จ!” ร
เซตจึงวิ่งไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูออก เขาก็ได้รับการทักทายด้วยการถูกปลายกระบอกปืนสั้นจ่อมาที่หน้าผาก!เมื่อฟื้นคืนสติจากอาการตกใจ เขาจึงค่อย ๆ ก้าวถอยออกไป ขณะที่บอร์ดี้การ์ดในชุดสูทหลายคนรีบออกจากบ้านไปพร้อมกับซูริและคุณปู่ของเซต ทั้งคู่ถูกจ่อด้วยปากกระบอกปืน“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นฉันจะยิง!” ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มตะโกนขึ้น ขณะที่บอดี้การ์ดผู้คอยคุ้มกันอีกหลายสิบคนวิ่งออกมาจากโรงเก็บไม้หลังบ้านในตอนนี้เอง ทุกคนที่ไม่ใช่ผู้คุ้มกันถูกปืนหลายกระบอกเล็งมาที่พวกเขา แต่เจอรัลด์ตกเป็นเป้าหมายมากที่สุด หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “เป็นไปตามคาดที่คุณคาดเอาไว้ว่าเจอรัลด์จะมาที่นี่ คุณคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำจนไม่น่าเชื่อ คุณหนูใหญ่! คราวนี้เราประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริง ๆ”ในตอนนั้นเอง หญิงสาวและชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาเดินออกมายืนข้างกัน แล้วเผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ขณะที่พวกเขามองดูเหตุการณ์ตรงหน้า“ต้องยกความสำเร็จนี้ให้เฟอร์นันโด! ในที่สุดเขาก็เดาถูกว่าใครเป็นสาเหตุของการตายของบอดี้การ์ดตระกูลไซม์ทุกคน! หลังจากนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เพื่อซุ่มโจมตีเจอ
ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงอยากจะหัวเราะที่พวกมันพยายามจับตัวเขา“เฮอะ! ขนาดแกกำลังจะตายยังอวดดีอยู่อีกเหรอ? หน้าด้านจริง ๆ! ฉันอยากให้แกรู้เอาไว้ว่าที่ฉันพ่ายแพ้ให้กับแกในวันนั้น เพราะฉันประมาทไป! คิดไม่ถึงว่านับตั้งแต่ที่ฉันแพ้ ฉันรู้ตัวว่าฉันจะไม่มีวันลืมความอัปยศที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นไปตลอดชีวิต! รู้เอาไว้ซะ ฉันสาบานว่าฉันจะฆ่าแกในไม่ช้าก็เร็ว เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของฉันคืนมา และในตอนนี้แกก็มาอยู่ในเงื้อมมือของฉันแล้ว!” เฟอร์นันโดพูดขึ้นก่อนจะไอเบา ๆ จากอาการในตอนนั้น เป็นสัญญาณชี้ชัดว่าอาการบาดเจ็บที่เจอรัลด์ทำร้ายเขาในตอนนั้นยังไม่หายดีด้วยซ้ำ“เขาพูดถูก! เราต้องสะสางความแค้นระหว่างเราให้สิ้นซาก! คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่นอน!” มาทิลดาพูดเย้ย ก่อนจะหัวเราะอย่างชั่วร้ายแต่ทว่าการตอบโต้ของเจอรัลด์มีเพียงส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น “น่าเสียดายจริง ๆ...” เฟอร์นันโดหรี่ดวงตาลงจากนั้นจึงเอ่ยถาม “...แกพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง? แล้วทำไมแกถึงส่ายหน้า? เมื่อฉันรู้จักแกดีแล้ว ฉันก็แค่คนธรรมดาที่แกเคยเอาชนะ ซึ่งตอนนี้ใช้แผนสกปรกที่ทำให้ความนับถือที่แกมีให้ฉันในตอนแรกลดน้อยลงไปอีก ฉ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ