หลังจากที่หนีออกมาจากเกาะมอนท์ฮอล์มได้ เจอรัลด์ก็ใช้ทางเดินในทะเล เพื่อมุ่งหน้าสู่ภูเขาแลงเวิร์นในเมืองฮาลิมาร์คไม่นานนัก เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังพยายามติดตามรัศมีพลังของเขาอยู่! ถึงแม้เขาจะพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถกำจัดคนที่แอบสะกดรอยตามเขามาได้เลย!‘มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า ที่จะทำให้ฉันตามหามิล่าและลุงอีกคนไม่เจอจริง ๆ เหรอ…?’ เจอรัลด์คิดกับตัวเองอย่างวิตกกังวลควีนน่าใช้เวทย์มนต์เหนือธรรมชาติอะไรกับเขากันแน่…? ถ้าจะให้พูดตามตรง นอกจากฟินน์เลย์แล้ว เธอคือสุดยอดปรมาจารย์ฝีมือเก่งกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาเลยก็ว่าได้ ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน!ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าพลังลึกลับที่กำลังจู่โจมเขานั้น มีความแกร่งกล้ามากเพียงใด แต่เขาก็ยังพยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ เพื่อที่จะสู้ต่อไป ตราบใดที่ยังพอจะมีความหวังให้เห็นอยู่เลือนลาง เจอรัลด์เดินทางมาถึงเชิงเขาของภูเขาแลงเวิร์นประมาณตอนตีสามของเช้าอีกวันในตอนนั้นเอง คนที่กำลังสะกดรอยตามรัศมีพลังของเขาก็รู้สึกได้ว่า เธอกำลังเข้าใกล้เขามากกว่าเดิม เจอรัลด์คิดว่า หากเขายังคงอ้อยอิ่งอยู่แบบนี้ เธอค
“เจ้าแห่งวิญญาณฝากบอกว่า นายไม่ควรรู้สึกเป็นกังวลหรือหงุดหงิดใจ หากนายต้องเผชิญกับปัญหา เพราะว่ามันคือโชคชะตาของนาย เจอรัลด์! เขายังบอกอีกว่า โชคชะตาของนายมันคงจะไม่จบลงในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน และนายก็จะยังไม่สามารถค้นพบคำตอบที่ตามหาภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน มันเป็นสิ่งที่นายหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งเดียวที่นายทำได้ในตอนนี้คือ เผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกอย่างด้วยความกล้าหาญ!” เซนนี่อธิบายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ครั้งล่าสุดที่เขาได้พบกับเจ้าแห่งวิญญาณ เขาได้อ่านคำพยากรณ์ชะตาชีวิตของเจอรัลด์ให้ฟัง แต่ตอนนั้นเขาไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันนัก แต่ในที่สุด คำพยากรณ์ทุกอย่างของเจ้าแห่งวิญญาณก็ค่อย ๆ กลายเป็นความจริง ตอนนี้เขาจึงรู้สึกเสียใจ และรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก“และเขาก็ยังบอกว่า ความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้วของนายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และเมื่อใดที่นายต้องเผชิญหน้ากับเธอ มันก็จะส่งผลกระทบบางอย่างต่อคนที่อยู่รอบตัวนายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! อาจารย์ของฉันรอให้นายมาหานานแล้ว แต่นายก็มาช้าเกินไป! ความจริงแล้ว เขาไม่ควรส่งข้อความลับมาบอกนายในสิ่งที่เขารู้ หากเขาทำเช่นนั้น
เทือกเขาสีเขียวเปิดทางสู่เมืองโบราณ และต้นหลิวที่โน้มเอียงถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง… สองประโยคที่แตกต่างกันนี้ ทำให้เจอรัลด์นึกถึงเมืองที่มีชื่อว่า ลูเกา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้‘ส่วนอีกสองประโยคที่บอกว่า กุนซือย่อมต้องพบทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคนทุกคนย่อมพบกับอุปสรรคในการใช้ชีวิต’ เจอรัลด์แทบจะไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเกี่ยวกับความหมายของมัน เพราะเขามีความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ช่วงครึ่งหลังของบทกลอนเอ่ยถึงเมืองเมย์เบอรี่ เมืองที่เขาเกิดและเติบโตมานั่นเองหากการตีความของเขาไม่มีอะไรผิดพลาด ก็แสดงว่าของสามสิ่งที่เขาต้องตามหา อยู่ในเมืองลูเกาและเมืองเมย์เบอรี่“มีอีกเรื่อง เจอรัลด์ เจ้าแห้งวิญญานบอกว่า หากนายยังไม่ได้ผ่านพิธีศีลจุ่มของสวรรค์ นายจะต้องพบกับปัญหาตอนที่นายเจอคนที่มีร่างกายหยินที่แข็งแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น นายไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล!”“เจ้าแห่งวิญญาณได้ทิ้งจี้หยกสองชิ้นนี้ไว้ให้นาย หยกชิ้นแรกสามารถช่วยปกปิดพลังหยางในตัวนายเอาไว้ได้ชั่วคราว! มันจะทำให้เธอไม่สามารถสะกดรอยตามนายได้สักระยะ! แต่นายก็ควรจะรีบเดิ
“…เขาทำได้อย่างไรกัน…? ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูกำลังภายในได้แล้ว แต่เขาก็ไม่น่าจะซ่อนพลังหยางของเขาจากฉันได้เลยนี่นา…! ต้องมีใครบางคนช่วยพาเขาหนีแน่! ทำไม…ทำไมจะต้องมีคนช่วยพาเขาหนีไปจากฉันด้วยล่ะ?! คนคนนั้น…คนคนนั้นจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันขาดเขาไม่ได้! คนคนนั้นกำลังท้าทายฉัน เขาต้องการให้ฉันทนทุกข์ทรมานต่อไป! แต่ฉันจะไม่ยอมให้นายหนีฉันไปได้หรอก เจอรัลด์! ถึงแม้ฉันจะต้องตามล่านายจนสุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม!” ควีนน่าบ่นพึมพำ ในขณะที่ตัวเธอสั่นจากอาการโมโหจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความรู้สึกขมขื่นที่เกิดจากภายในใจแรงอาฆาตแค้นของเธอนั้นรุนแรงจนส่งผลให้บรรยากาศรอบ ๆ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โบสถ์ทั้งโบสถ์เหมือนกำลังถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกตอนที่เจอรัลด์เดินลงมาถึงเชิงเขา เขาก็ตัดสินใจหันหลังกลับไปมองโบสถ์แลงเวิร์นเป็นครั้งสุดท้าย…แต่เขากลับพบว่ามันกำลังถูกเผา เปลวไฟนั้นโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จนแผ่กระจายไปทั่งทั้งบริเวณของภูเขาเจอรัลด์คาดเดาเอาไว้แล้วว่า โบสถ์แห่งนี้จะต้องถูกทำลายก่อนฟ้าสาง ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกเคารพนับถือในตัวเจ้าแห่งวิญญาณมากขึ้นกว่าเด
สิ่งที่เขาอยากจะทำมาตลอดก็คือ ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปแต่ตอนนี้เขาได้มาอยู่ในเมืองลูเกาแล้ว เขาต้องเริ่มออกตามหาคนที่มีร่างกายหยินที่แข็งแรงให้พบ ที่เขารู้ก็คือ เขาจะต้องไปเดินดูตามสถานที่ ๆ มีคนไปรวมตัวกันจำนวนมาก หรือจะพูดอีกอย่างว่า สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น สถานีรถไฟ และย่านการค้าที่มีคนพลุกพล่านเมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นการค้นหาสิ่งที่เจอรัลด์สังเกตเห็นได้ก็คือ เมืองลูเกาเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เขาเห็นร้านค้าที่ขายจี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นของบรรพบุรุษอยู่มากมายหลายร้าน นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ยังเห็นร้านที่ขายวิทยุจากยุคเจ็ดศูนย์อีกด้วยตอนที่เขากำลังมองสำรวจไปรอบ ๆ เขาก็สังเกตเห็นผู้คนมากมายไปยืนออกันอยู่ที่หน้าร้านค้าร้านหนึ่งอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านครับ ได้โปรดเถอะ! ผมต้องการนำเงินไปรักษาลูกของผมที่กำลังป่วยอย่างเร่งด่วน! ถึงแม้ว่าจี้หยกชิ้นนี้จะเป็นของบรรพบุรุษ และแม่ของผมก็ส่งต่อมันมาให้ผม แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะขายมัน! ผมขายมันในราคาแปดพัน! แปดพันเท่านั้นเองครับ!”ถึงแม้จะมีผู
“บ้าจริง! นายรนหาที่ตายซะแล้ว! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”หญิงสาวรู้สึกฉุนเฉียวทันทีที่เธอถูกใครบางคนดึงผมเธอเริ่มแกว่งกระเป๋าในมือไปมา และพยายามจะตีคนที่กำลังดึงผมเธออยู่แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เธอก็ถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงเสียงตบนั้นดังสนั่นหวั่นไหวหญิงสาวรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน และเธอก็รู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก เธอเดินเซเข้าไปหาร้านขายขนมปังที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นเธอก็ล้มลงพร้อมกับกวาดเอาขนมปังที่อยู่บนแผงขายลงพื้นจนหมดคนที่เพิ่งจะตบหน้าเธอคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจอรัลด์หลังจากที่เขาได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกโมโหไว้ได้อีกต่อไปเขาเคยพบเจอคนที่ชอบข่มเหงรังแกคนอื่นมามากมายในชีวิต แต่เขาไม่เคยเจอใครที่โอหังเท่าเธอมาก่อนผู้หญิงคนนี้หาความบันเทิงและความตื่นเต้นจากความทุกข์ยากของคนอื่น แล้วเขายังจะปล่อยผู้หญิงที่โหดร้ายเช่นนี้ให้เที่ยวไประรานใครต่อใครได้ตามอำเภอใจอยู่อีกเหรอ?!“โธ่เอ๊ย! ยูมิ!”ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวผู
คุณกรอสอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมาอย่างได้ใจ“จัดการเขาซะ!”คุณกรอสหันไปตะโกนใส่บอดี้การ์ดของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกบอดี้การ์ดที่เหลือรีบพุ่งเข้าไปหาเจอรัลด์ในทันที หมายจะจัดการเขาให้สิ้นซากตามคำสั่งของเจ้านาย“หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นเอง บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำสองคนก็เดินเข้ามาและหยุดพวกเขาไว้“พวกแกเป็นใครกัน!” คุณกรอสตะคอกพร้อมกับมองไปที่พวกเขา“ตระกูลสมิท” บอดี้การ์ดตอบ“ว่าอย่างไรนะ?”คุณกรอสตัวสั่นไปทั้งตัว แล้วรีบวางปืนลงในทันที“หมายความว่า ครอบครัวสมิทมาที่นี่จริง” แอปเนอร์พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนตระกูลสมิทถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ตระกูลที่มีอำอาจและมีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองลูเกา เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลกรอสถึงแม้ว่าแอปเนอร์จะร้ายกาจเพียงใด แต่เขาก็รู้จักโลกนี้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์อย่างเคร่งครัด และเขารู้อยู่แก่ใจว่าใครที่เขาสามารถตอแยได้ หรือว่าใครที่เขาไม่ควรจะตอแยด้วยเป็นอันขาด“นายห้ามแตะต้องผู้ชายคนนี้ และห้ามยุ่งกับเด็กคนนั้นกับพ่อของเธอเป็นอันขาด! เพราะว่าพวกเขาทั้งสามคนอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหนูคนใหญ่ของตระกูลสมิท!” บอดี้การ์ดในสูทสีดำพูด
บอดี้การ์ดหลายคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกละลึง เมื่อเห็นเจอรัลด์กำลังวิ่งตามรถของคุณหนูใหญ่พวกเขาไม่ทันได้ยินว่าเจอรัลด์กำลังตะโกนว่าอะไร แต่พวกเขาเกรงว่าคุณหนูใหญ่จะตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงรีบขึ้นรถเพื่อไล่ตามเจอรัลด์ในทันทีเจอรัลด์ยังคงวิ่งตามรถของคุนดรี้ที่กำลังแล่นด้วยความเร็วภายในรถคันนั้น“พี่คะ พี่สังเกตเห็นผู้ชายคนนั้น ที่อยู่ข้างหน้าเราก่อนจะขึ้นรถไหมคะ?” ไรเลย์ถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า“เธอพูดถึงผู้ชายคนไหนเหรอ?” คุนดรี้ถาม ขณะที่เธอขมวดคิ้ว และเผยอปากด้วยความสงสัย“ฉันก็กำลังพูดถึงเด็กหนุ่ม คนที่เข้าไปช่วยสองพ่อลูกคู่นั้น แล้วโดนแอปเนอร์เล็งปืนใส่ยังไงล่ะ!” ไรเลย์พูด ในขณะที่เอามือปิดปากที่กำลังหัวเราะ“เขาน่ะเหรอ? ไม่นะ ทำไมเหรอ?”“พี่อาจจะไม่ได้สังเกตนะ แต่เขาดูมึนงงและสับสนมาก ตอนที่เขาเห็นพี่น่ะ! เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ฉันว่าเขาดูตลกมากเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันหันไปเห็นสีหน้าของเขา ก่อนที่ฉันจะเดินขึ้นรถ และฉันก็รู้สึกขำมาก! ดีนะที่พี่ไม่ได้ถอดหน้ากากออก ไม่อย่างนั้น เขาคงจะตกตะลึงในความสวยของพี่ จนเป็นลมล้มพับไปตรงนั้นเลยหรือเปล่านะ” ไรเลย์อดไม่ได้ที่จะขำออกมาจนเส