เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีเชือกสีดำพันรอบตัวเดินออกมาจากด้านใน เมื่อนักเดินทางเห็นเขา ทุกคนก็พากันเงียบเสียงลงเหล่าลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างพากันโค้งคับนับให้เขา ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยความพร้อมเพรียง “รุ่น อพี่!”“ผู้มาเยือน คนที่ท่านผู้นำกำลังรออยู่ได้มาถึงที่นี่แล้ว…” เด็กหนุ่มพูด ในขณะที่กวาดสายตามองไปในกลุ่มของฝูงชน พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า“ไหน ช่วยบอกเราหน่อยว่าในบรรดาพวกท่าน ใครคือคนที่มีชื่อเรียกว่าคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด? จากนอร์ทเบย์?” ชายหนุ่มถามต่อ“ผมเองครับ!”เจอรัลด์ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว เขารู้สึกสับสน เมื่อได้รู้ว่าเจ้าแห่งวิญญาณลึกลับผู้นั้น ได้ทำนายเอาไว้ว่าเขาจะมาพบในวันนี้อีกด้วย!“สวัสดีครับ คุณคลอฟอร์ด ท่านผู้นำของเราได้เฝ้ารอท่านมานานแสนนาน ท่านได้เตรียมชงชาไว้รอเรียบร้อยแล้ว กรุณาตามผมมาทางนี้ครับ” นักบวชหนุ่มกล่าว ขณะโค้งคำนับเจอรัลด์รู้สึกแปลกใจ ก่อนจะตอบ “…นานแสนนาน? เขาทำนายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าผมจะมาถึง…? เท่าที่ผมรู้คือ แวกเนอร์เพิ่งจะบอกกับท่านว่าผมจะมาขอเข้าพบในวันนี้! แล้วเจ้าแห่งวิญญาณรู้ด้วยเหรอว่าผมหน้าตาเป็นอย่างไร?”เจอรัลด์ยอมรับในความสามา
เมื่อเหรียญทองแดงในปากของมังกรตกลงบนพื้น พวกมันก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป เจ้าแห่งวิญญาณเดินไปใกล้พวกมันแล้วก้มลงดูหลังจากที่พิจารณารูปร่างของพวกมันอยู่สักพัก เขาก็พยักหน้ากับตัวเองเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น เจอรัลด์ก็เอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้างครับ?”ความจริงแล้ว เจอรัลด์ก็ยังไม่เชื่อในความสามารถของชายชราเสียทีเดียว แต่ถ้าหากเจ้าแห่งวิญญาณสามารถหยั่งรู้ที่อยู่ของมิล่า และลุงของเขาได้จริง เช่นนั้นความสงสัยที่เขามีใจตัวของชายชราผู้นี้ก็จะหมดไปในทันที“คำทำนายบอกเอาไว้ว่า ท่านมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หากท่านทราบว่าสายสัมพันธ์นั้นคืออะไร ท่านก็จะหาคนเหล่านั้นพบได้ในที่สุด! หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความได้ว่าคนที่ท่านกำลังตามหายังคงมีชีวิตอยู่!” เจ้าแห่งวิญญาณกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเจอรัลด์ขมวดคิ้ว ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?” เจ้าแห่งวิญญาณส่ายหัวแล้วตอบว่า “ที่ที่พวกเขาอยู่… ค่อนข้างจะเลือนลาง ข้าไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าใกล้หรือไกล อยู่ทางทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตกกันแน่ ข้าไม่สามารถมองเห็นที่อยู่ของพวกเขาอย
“ศิลาจารึกงั้นเหรอ?”“ใช่ มีภาพเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณบางอย่างถูกจารึกไว้บนนั้น เมื่อได้ใช้เวลาศึกษามันอยู่สักพัก ซีเอียนก็บอกได้แค่เพียงว่า มันเป็นภาพที่เกี่ยวกับพิธีกรรมฝังศพอะไรสักอย่าง เขาไม่เข้าใจภาษาที่เขียนกำกับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย และไม่นานนัก เขาก็เลิกสนใจมัน ทำให้ศิลาจารึกพวกนั้นถูกเก็บเป็นผลงานศิลปะในห้องส่วนตัวของข้า!” เจ้าแห่งวิญญาณอธิบายภาพจิตรกรรมประวัติศาสตร์อีกแล้วเหรอ…?เมื่อใดที่เจอรัลด์ได้ยินเกี่ยวกับงานจิตรกรรม มันมักจะทำให้เขาหวนนึกถึงสิ่งที่เขาได้เห็นในสุสานโบราณหลายคนรู้ดีว่าภาพจิตรกรรมโบราณมักจะบอกเล่าประวัติศาสตร์ของชีวิตคนโบราณ ที่สะท้อนให้เห็นเรื่องราวทางสังคม การเมืองการปกครอง การเงิน วรรณกรรม งานศิลปะต่าง ๆ รวมถึงความสามารถทางด้านเทคโนโลยีของผู้คนในอดีต จิตรกรรมแต่ละแห่งที่ค้นพบมักจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี และแนวคิดทางรสนิยมของศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานบางครั้งภาพจิตรกรรมเหล่านี้อาจเล่าเรื่องราวที่ยาวดั่งแม่น้ำ และมันมักจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นฉากที่สวยงามและชัดเจน จากความทรงจำและเรื่องราวที่ถูกถ่
เมื่อหันไปมองแผ่นศิลาจารึกแผ่นที่สอง เจอรัลด์ก็เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีฝังศพของผู้หญิงชุดขาว ดูเหมือนว่าจะมีพายุเกิดขึ้นในวันงานพีธีในรูปถัดมา เจอรัลด์นับคนที่อยู่ในนั้น รวมถึงขอทานชราได้ทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน มีคนเก้าคนยืนเรียงกัน ในแต่ละแถวที่มีทั้งหมดสี่แถว ดูเหมือนจะมีแค่คนกลุ่มนี้ที่ถูกเลือกให้เดินทางไปพระราชวังของนางฟ้าพอเดินทางได้ถึงครึ่งทาง พวกเขาก็หยุดพักบนเกาะเกาะหนึ่งภาพต่อมาบนแผ่นศิลาแผ่นที่สาม ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาถึงเกาะพวกกลุ่มคนที่หยุดพักบนเกาะมองเห็นเรือลำใหญ่กำลังลอยเข้ามาหาพวกเขานี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอรัลด์เห็นเรือลำนั้นเช่นกัน มันดูเหมือนเรือลำที่เขาเห็นบนจิตรกรรมฝาผนัง ในสุสานโบราณไม่มีผิดเมื่อเห็นเรือรูปร่างแปลกประหลาดขนาดมหึมากำลังลอยข้ามเกาะ คนทั้งสามสิบหกคนที่ขอทานชราพามาด้วยก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเกรงกลัว และเริ่มที่เคารพบูชาเรือลำนั้นทันที เจอรัลด์คาดเดาว่า พวกเขาน่าจะเข้าใจว่าเป็นเทพลงมาจากสวรรค์เจอรัลด์ทำตาโตในทันทีที่เขาเห็นชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากแปลกประหลาดลอยลงมากจากเรือลำนั้น ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปที่โล
หลังจากที่เจอรัลด์ได้อ่านเรื่องราวของภาพจิตรกรรมจบหมดแล้ว เขาก็อธิบายทุกอย่างที่เขาได้เรียนรู้ให้เจ้าแห่งวิญญาณฟัง“...เข้าใจแล้ว ข้าสงสัยอย่างหนึ่ง ท่านคลอฟอร์ด ท่านคิดว่าเรื่องของเรือยักษ์ที่เหนือธรรมชาติในภาพจิตรกรรมนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อหรือไม่… หากอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ยานพาหนะที่ลอยได้ และมีขนาดมหึมาแบบนั้นจะเคยมีอยู่จริงในอดีต แม้แต่ท่านอาจารย์ของข้าก็ยังเห็นว่าเรื่องเรือนั่นเป็นเรื่องเกินจริงตอนที่พวกเราได้เห็นภาพจิตรกรรมเมื่อสี่สิบปีก่อน” เจ้าแห่งวิญญาณพูด“ผมเชื่อครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นมัน ทันทีที่ผมได้เห็นมันเป็นครั้งแรก ผมก็เกิดข้อกังขาเช่นกัน ถึงตอนนี้แล้ว ผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าภาพวาดจิตรกรรมเหล่านี้อาจจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า ครั้งหนึ่ง โลกของเราอาจจะเคยถูกปกครองโดยเผ่าพันธ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ร่วมกันกับเหล่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ใต้มหาสมุทรพวกนั้น!” เจอรัลด์ตอบ“ดูเหมือนว่าท่านจะเชื่อเรื่องราวในภาพจิตรกรรมเหล่านั้นนะท่านคลอฟอร์ด ท่านรู้หรือไม่ ทั้งข้าและท่านอาจารย์ของข้าเองก็รู้สึกสับสนกับเรื่องราวของมังกรเหล่านั้น และเรือยั
หากความจริงเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลมินแชลก็ตกมาเป็นของเจอรัลด์แล้วในตอนนี้“แกควรจะเซ็นสัญญาให้เรียบร้อย ทันทีที่ฉันหาหินนั่นเจอ เข้าใจใช่ไหม?” เจอรัลด์พูด ขณะที่โยนเซลด้าลงบนพื้นต่อหน้าสมาชิกมินแชลคนอื่น ๆทันทีที่เจอรัลด์กลับออกไป หัวหน้าอาวุโสก็ปล่อยโฮออกมาพร้อมกับตะโกนว่า “ไอ… ไอคนเลวนั่น…! มันกล้าดียังไงถึงมาเอาทุกอย่างที่เป็นของเราไปหมด…!”เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์เมื่อวานมาได้อย่างไร พวกเขาเคยมีช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขมากในอดีตที่ผ่านมา… แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมันหายไปหมดแล้ว และการที่เจอรัลด์มาข่มเหงพวกเขาบ่อยครั้ง ก็ยิ่งทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมหากแต่หลานสาวผู้ไร้ความคิดของเขา ไม่ได้ไปยั่วยุชายผู้นั้นแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงเป็นปกติเหมือนเดิม ใครจะไปคาดคิดว่าชายคนนี้จะเป็นคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลถึงเพียงนี้? เขาเป็นมากกว่ามหาโจร เมื่อเทียบกับพวกมินแชลรวมกันเสียอีก! เขาฉกฉวยเอาทุกอย่างที่เขาเห็นไปเป็นของเขา!หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลมินแชลเป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองฮาลิมาร์ค พวกเขาไม่เคยรู้สึกตกต่ำถึงเพียงนี้มาก่อนเลยในชีวิต!“หินก
ขณะที่เกิดเหตุการณ์โกลาหลขึ้นที่คฤหาสน์ของมินแชล อีกฟากหนึ่ง เจ้าแห่งวิญญาณก็กำลังจ้องมองไปที่ศิลาจารึกทั้งหกแผ่น เขายังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจอรัลด์แปลออกมาจากภาพวาดเหล่านั้นมันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง…ไม่กี่วินาทีต่อมา ลูกศิษย์ของเขาคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาก่อนจะพูดว่า “ท ท่านอาจารย์ครับ! ด้านนอกมีเด็กสาวคนหนึ่ง เธอกำลังพยายามจะพังเข้ามาในโบสถ์! เธอได้แต่พูดว่า ต้องการให้ท่านทำนายชะตาชีวิตให้เธอครับ! ถึงแม้พวกเราจะพยายามห้ามเธอแล้ว แต่เธอก็ยังยืนยันจะเข้ามาข้างในให้ได้! พวกเรา… พวกเราต้านเธอไม่อยู่จริง ๆ ครับ! และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอบอกว่า ถ้าท่านไม่ยอมให้เธอเข้าพบ เธอจะเผาโบสถ์นี้ทิ้งครับ!”เจ้าแห่งวิญญาณขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็โบกมือก่อนจะตอบ “เดี๋ยวข้าจัดการเอง ไปบอกนางให้รอที่ห้องด้านหน้า!”ขณะที่มองดูลูกศิษย์ของเขาวิ่งออกไป ท่านอาจารย์ก็ส่ายหัว ก่อนที่จะออกไปพบเด็กสาวคนนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก“ท ท่านอาจารย์บอกให้คุณรอท่านอยู่ในห้องนี้! เดี๋ยวท่านออกมา!” ลูกศิษย์คนนั้นลากเสียงยาว ในขณะที่เจ้าแห่งวิญญาณเดินเข้ามาในห้องทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เขาก็มองเห็นหญิงสาวที่งดงามกำ
หินคริสตัลนั้นมีความสูงประมาณครึ่งเมตรได้ ยูเมะคิดว่ามันเป็นหินที่ดูมหัศจรรย์ยิ่งนัก ราวกับว่ามันส่งพลังดึงดูดบางอย่างออกมาให้กับผู้ที่จ้องมองมันยูเมะห้ามใจไม่ไหวจนต้องเอื้อมมือไปลูบไล้หินนั้นเบา ๆ อย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง หลังจากที่เธอลูบมันไปได้สักพัก ทันใดนั้น หินก็เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม มันส่องแสงที่มีหลากสีออกมาปกคลุมไปทั่วร่างของยูเมะ!ยูเมะก้าวถอยหลังออกมา แล้วรีบเอามือปิดตาตัวเอง เนื่องจากแสงที่ส่องออกมานั้นเจิดจ้าจนเกินไป จนทำให้เธอมองอะไรไม่เห็นเลยจากนั้นแสงหลากสีที่เจิดจ้าออกมาก็เริ่มหรี่แสงลง จนกระทั่งแสงของหินคริสตัลกลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนตอนก่อนที่ยูเมะจะเอามือไปลูบมัน แต่กระนั้น ดูเหมือนว่าจะมีลายเส้นที่ดูซับซ้อนหลายเส้นปรากฏขึ้นบนหิน“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า คุณกันเทอร์?” เจ้าแห่งวิญญาณถาม ขณะที่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูชอบกลนัก การทำนายของเขาเสร็จสิ้นแล้ว“...ฉ ฉันไม่เป็นอะไร…ว่าแต่ว่า นี่มันคือหินอะไรกันแน่…? เหตุใดมันจึงเปล่งแสงออกมาได้ด้วยตัวเองเช่นนั้น?” ยูเมะถาม หน้าเธอแดงก่ำเพราะรู้สึกว่า เมื่อสักครู่เธอเพิ่งทำเรื่องที่ค่อนข้างจะน่าอับอาย“ฮ่าฮ