แผนไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลองีบหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีตัวเองก็มานอนอยู่ในมุ้งแล้ว
พี่ชายนายสถานีกะพริบตาถี่ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อบิดขี้เกียจพลางมองสภาพแวดล้อมที่เวลานี้ฟ้ายังคงมืดอยู่ ทว่าพลิกตัวไปทางซ้ายกลับไม่เห็นเพียง มีแต่ผ้าผวยซึ่งถูกพับเก็บเรียบร้อยไว้ ณ หัวเตียง ตอนนี้คงเป็นช่วงตีสี่ตีห้าแล้ว เพราะเขาได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นแว่วมา
เจ้าของบ้านสะลึมสะลือตื่นขึ้นพร้อมกระชับเสื้อกันหนาวให้แนบผิว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนโพรงจมูกแห้งผากเพราะหายใจเอาลมหนาวเข้าไปทั้งคืน นี่ขนาดเขาปิดประตูหน้าต่างครบทุกบานแล้วนะ สงสัยการอาบน้ำในเช้านี้คงต้องตั้งเตาต้มน้ำร้อนไปเทใส่โอ่งเสียแล้ว
แผนลุกขึ้นมานั่งพักพอให้กล้ามเนื้อคลาย พลางมองหาคนที่ควรจะนอนอยู่อย่างน้อยก็หน้าห้องน้ำทว่ากลับไม่มี สักพักเมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้วเขาจึงลุกขึ้นมาม้วนเก็บมุ้งเข้าที่ จัดแจงพับผ้าห่มวางบนหัวเตียงอย่างน้องสาวก่อนจะเดินออกมาด้อม ๆ มอง ๆ ยังส่วนกลางของบ้านซึ่งเหล่าขนมและตะเกียงเจ้าพายุถูกเก็บทำความสะอาดเป็นที่เป็นทางเรียบร้อย
“ถ้าน้าพูนละก็ออกไปก่อนพี่ตื่นสักพักแล้
‘เรือนจำพิเศษพระนคร’ เป็นที่ที่บิดาของเขาถูกกุมขังเอาไว้เนื่องด้วยเจ้าตัวถูกตรวจว่ามีโรคประจำตัวนอกจากนี้ยังติดสุราเรื้อรังจนส่งผลต่อสภาวะทางจิตทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับนักโทษปกติได้ ซึ่งตัวเขาตั้งเป้าหมายว่าจะมาที่นี่อย่างน้อยเดือนละครั้งถ้าไม่ติดธุระด่วนอะไรภายนอกอาคารถูกก่อขึ้นเป็นโครงเสาปูนขนาดใหญ่สีขาว ประตูกั้นภายในเป็นซี่โลหะประดับลวดลายเรียบง่ายอยู่ลึกเข้าไปในอุโมงค์ประตูขนาดย่อมซึ่งน่ากลัวสำหรับเขาในตอนที่มาเป็นครั้งแรก ทว่าดีที่คุณลุงพนักงานแกไม่ได้ดุ มิหนำซ้ำครั้งนั้นยังอาสานำทางให้เขายื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่สำหรับบันทึกข้อมูลบุคคลไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเดินเข้ามานั่งรอเจ้าพนักงานดำเนินการยังส่วนรับรองที่ถูกกั้นเอาไว้เพียงรั้วไม้สูงเท่าเอว มีพื้นที่พอจุคนได้ไม่ถึงยี่สิบคนเสียด้วยซ้ำกระมัง แต่ก็เป็นมุมที่ดูน่ารักเรียบง่ายขัดจากภาพลักษณ์ที่เขาเคยจินตนาการไว้ในช่วงแรก ๆ ที่พ่อเข้าคุก เขาจะมาค่อนข้างบ่อย ต่อให้มาแล้วจะโดนก่นด่า หรือสาปแช่งแต่เพราะข้างในลึก ๆ เองในฐานะลูกมันก็เหงาเมื่อรู้ว่ากลับบ้านมาแล้วไม่เจอบิดานอนอยู่ยังที่ที่เดิม จนต
ตลอดการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ตัวเขาไม่สำเหนียกตัวเอง รู้ว่าเกิดมาในครอบครัวยาจก รู้ว่าไม่มีทางมีชีวิตที่ดีไปกว่านี้แม้อดีตจะผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม ตัวเขาก็ไม่สามารถสลัดคราบนั้นออกไปได้ แน่นอนว่ารวมไปถึงชีวิตบัดซบอย่างที่เขาเป็นตลอดมา และกำลังเป็นอยู่มันกำลังตอกย้ำว่าตัวเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับมาซึ่งความสุข ทุกความพยายามที่ทำมา หากมันเป็นไปเพื่อคนอื่น มันย่อมมีหนทางที่ราบรื่นเฝ้ารออยู่หลังผ่านมรสุมไปได้ ทว่าหากตัวเขาเริ่มหาสุขใส่ตัวเองเมื่อใด ความทุกข์จะไล่ตามมาประหนึ่งเป็นของคู่กันดังเช่นเรื่องราวในวันนี้ ที่เขาคาดหวังให้มันเป็นเพียงวันปกติ เป็นตัวเขาที่ตื่นมาหายใจได้อย่างปกติไปจนเข้านอนอีกครั้ง ทว่าก้าวแรกที่ได้เข้าไปยังห้องเล็ก ๆ ในทัณฑสถาน เขาควรจะเอะใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากทางเดิน ควรสงสัยสีหน้าของเจ้าพนักงานที่ทำกิริยาแปลกพิกลแล้วบอกให้เขาทำใจดี ๆเมื่อออกมาโดยมีเบื้องหลังเป็นเรือนจำพิเศษสีขาวและเสียงครูดของประตูโลหะสนิมเขรอะ ตัวเขานั้นแทบล้มทั้งยืน ภาพที่ดวงตาเห็นมันคลอนไปมาอย่างเห็นได้ชัดคล้ายมันพ
‘อีกคนก็...เพิ่ม...พี่ชายเราใช่ไหมครับ’‘ใช่ คนที่พี่บอกว่าชอบ’‘เราอย่าพูดแบบนี้สิ พี่น้อยใจนะ’บทสนทนาอันสนิทสนมเกินกว่าคนรู้จัก กล่าวถึงบุคคลที่สามซึ่งถูกมารดาสั่งให้เงี่ยหูฟังเจ้าบ้านซอมซ่อนั่นเป็นเวลากว่าครึ่งคืนจนได้ทราบถึงความลับอันน่าขยะแขยงเหล่านั้นเพิ่ม ตั้งแต่มารดาพามาอยู่กับพ่อเลี้ยงที่มีฐานะก็หลงลืมความทรงจำในวัยเด็กไปจนสิ้น ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาหาสังคมใหม่ที่แตกต่างไปจากชีวิตยาจกอย่างที่ผ่านมา ทว่าเมื่อลองนึกอย่างถี่ถ้วนผู้ชายคนนี้คล้ายว่าจะเป็นลูกชายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ตัวเองเคยสนิทสนมด้วย ไม่คิดว่าจะเคยมีใจให้ตัวเขาซึ่งเป็นเพศเดียวกัน...ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุกและมันยิ่งน่าขนลุกไปอีกกับสิ่งที่มารดาสั่งเขาไปทำหลังจากรู้เรื่องนี้“แม่ ฉันไม่ทำหรอก! มันเป็นผู้ชายนะแม่!”เมื่อกลับมายังห้องพักรูหนูคนเป็นลูกก็ตะคอกใส่มารดาอย่างไม่เกรงใจขณะเจ้าหล่อนกำลังถอดต่างหูกำไลลงกล่อง เพราะแม่สั่งให้เขาไปยั่วยวนไอ้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นคนของตัวเอง“แกก็ได้ยินใช่ไหม? มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุด”
วันรุ่งขึ้นจากที่พวกเขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปทานมื้อพิเศษ กลายเป็นสิ้นปีนี้เขากลับต้องมานั่งเจรจาถกปัญหากับมารดาโดยสวมชุดดำไว้อาลัยให้กับบิดาซึ่งจะมีพิธีในคืนนี้ แผนนั่งประสานมือบนตักมองแม่ที่ถูกเชิญเข้ามานั่งในบ้านครั้งแรกซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดีหน่อยที่วันนี้แฝดพี่มีงานประจำที่ต้องไปทำ จะได้ไม่มีตัวปัญหาเพิ่มมาอีกคนแผนตั้งใจอยากให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราเจอกัน ดังนั้นต่อให้ต้องตัดแม่ตัดลูกเขาก็ยินดี เพราะมันไม่มีอะไรจะมากระทบความรู้สึกของเขาไปได้มากกว่านี้แล้ว“มีอะไรก็ว่ามา”แผนวางแก้วน้ำอุ่นลงกับโต๊ะเตี้ยเมื่อจิบเสร็จ เหลือบมองผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยหนีครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี น่าเสียดายที่เจ้าหล่อนจากไปในวัยที่เขายังโหยหาความรักจากมารดา ข้างในลึก ๆ มันจึงอ่อนยวบอยู่แบบนี้ ทว่าลองทิ้งไปไม่ช้าก็เร็วกว่านั้นอีกสักหน่อยเขาคงหนักแน่นกว่าตอนนี้มาก“คือที่แม่แค่คิดถึง-“หยุดตอแหลได้แล้ว อยากได้อะไร”“…”‘หนี้ ๑๐,๐๐๐ บาท’ แลกกับอิสระของเจ้าหล่อนและพี่ชายของเขา และมัน...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลยสักนิดทุกอย่างมันเร
“ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้นจริง ๆ นะครับ”“พี่ ผมจะสามสิบแล้วนะคิดบ้างสิ”ที่พี่พูนเอาแต่ถามถึงเด็กดนัยนั่นเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเดินมาคุยกับเขาถึงโต๊ะขณะเขาฝากพี่พูนไปซื้อน้ำ เขาก็บอกตลอดทางมาวัดแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไร มิหนำซ้ำยังรู้สึกไม่ชอบเสียด้วยซ้ำที่เด็กมันมุ่งจะจีบน้องสาวเขา หากเขาบอกว่าเพียงเรียนอยู่ในอาคารคงจะขึ้นไปหาเลยกระมัง ไม่คิดเลยว่าเจ้าของร้านทองจะมีสามีเป็นหมอทำงานอยู่ที่เดียวกัน โลกกลมจริง ๆ“จริง ๆ นะ”“ผมไม่ชอบคนเด็กกว่า”“แสดงว่าชอบคนแก่กว่าใช่ไหม?”“ใช่”นายสถานีตอบฉะฉานขณะยื่นแจกันดอกไม้มายัดใส่มือนายตำรวจ ก่อนจะส่งมือมาจับปลายคางทู่นั้นด้วยความมันเขี้ยว แล้วจึงจัดแจงสั่งให้เอาแจกันนั้นไปวางยังตำแหน่งของมัน พูนจึงทำตามคำสั่งนำดอกไม้ตั้งยังโต๊ะหมู่บูชา ก่อนจะขอไปไหว้ศพคุณปู่คนนั้นก่อนที่ตัวเองจะต้องไปช่วยงานน้องแผนต่อในงานนี้ไม่มีใครมาร่วมนอกเสียจากคนในครอบครัวจำนวนสองคนและตัวเขาซึ่งอาสามาช่วยเหลือหากมีสิ่งใดขาดตก พิธีสีดำนี้เรียบง่าย ไร้ซึ่งการตกแต่งด้วยพวงหรีดมากมาย มีเพียงโลงสีขาวตั้งตระหง่
ก้อนผ้าห่มผืนบางในม่านมุ้งขยับยุกยิกเมื่อใกล้เวลาแสงแรกของวัน ก่อนที่เจ้าของร่างจะสะลึมสะลือโผล่ศีรษะพ้นผ้าผวยชำเลืองมองคุณตำรวจซึ่งนอนอล่างฉ่างกินที่เสียเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นคือการเอาแขนมาพาดเหมือนเขาเป็นหมอนข้างอีกแล้วเจ้าของบ้านอย่างแผนยกท่อนแขนบึกบึนบนเอวออกโดยไม่กลัวว่าพี่ตำรวจแกจะตื่น แล้วจึงหยิบผ้าห่มคลุมตัวมาจุดเตาอั้งโล่เพื่อนำน้ำร้อนไปเทใส่โอ่งคลายความหนาวยามต้องชำระร่างกาย แผนนั่งมองเปลวไฟใต้หม้ออย่างเหม่อลอยพลางนึกถึงเมื่อคืนเขาเล่าทุกเรื่องให้ฟังในขณะที่พี่พูนเจ้าหอบเอากล่องปฐมพยาบาลมานั่งทายาให้เพราะกลัวว่าคนจะเห็นรอยช้ำตอนใส่เครื่องแบบนายสถานีซึ่งเป็นแขนสั้น ไม่ว่าจะนึกกลับไปกี่ทีก็น่าตกใจที่ลูกค้ามาบอกรักอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หากเขาไม่ชิงหนีลงมาก่อนแล้วละก็ไม่แน่ตัวเองอาจโดนขืนใจทั้ง ๆ อย่างนั้นเลยก็เป็นได้ว่าแล้วก็เหลือบมองพี่พูนที่ยังหลับปุ๋ยอยู่ในมุ้งบนฟูกนอน ดีนะเขาตื่นมาก่อนเพียง ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคงได้เห็นภาพเขาถูกกอดเป็นแน่พี่บอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดตรงกับเขาพอดีจึงสามารถนอนตื่นสายได้ เขาเตรียมดูเลยถึงคำว่าสาย
แผนต่อให้เมื่อวานพี่ตำรวจจะไม่สามารถเดินไปรับไปส่งได้ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าตัวไม่พลาดในการมารับถึงหน้าบ้าน เอาเข้าจริงเมื่อคืนที่ร้านเขาก็หวาดเสียวอยู่เหมือนกันว่าไอ้คุณรัญชน์จะมาตามมาตอแยถึงร้านหรือเปล่า แต่คืนสุดท้ายที่ร้านสุราลัยนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่นโดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ และจากที่มารดาจะขอมาอยู่ ก็กลับคำบอกว่าจัดการปัญหาได้แล้วเสียอย่างนั้น ต่อให้จะมีข้อสงสัยเล็ก ๆ ถึงเงินก้อนที่แม่ได้มาบริหารเรื่องที่อยู่ ทว่าเรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่ากับครอบครัวของเขาเอง“พี่ไม่เหนื่อยเหรอ?”“พี่เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ”“แรงดีจังเลยนะ”แผนกล่าวแซวพี่พูน ตำรวจผู้เหนือมนุษย์ ไม่รู้ไปเอากำลังมาจากไหนเยอะแยะ แค่เขาเดินไปเดินมาในสถานีไม่ต้องวิ่งไล่จับโจรหรือลงพื้นที่ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว“รับงานพี่ไอ้ด้วงมาทำต่อไม่หนักเลยเหรอ?”“หนักสิ แต่ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่ยากอะไรนะ”“แสดงว่าที่ผ่านมาคือขี้เกียจสินะ”“เขาเรียกว่าเก็บแรงไว้ใช้ทีหลังต่างหากล่ะจ้ะ”ถึงพี่ตำรวจแกจะติดเล่นไปสักหน่อยแต่แผนก็เห็นถึงถุ
“คะ...ค่ะ ดิฉันจะลองหาวิธีอื่น...”“หวังว่าหลังจากผ่านวิธีนี้ไป ผมจะได้ในสิ่งที่เราตกลงกันไว้นะครับ คุณแม่”คำแพงได้แต่กัดฟันก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของชายอายุคราวลูกอย่างจำใจ ได้แต่คิดว่าป่านนี้ไอ้ลูกชายคนโตของเธอดึกดื่นป่านนี้มันไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้านมารายงานสถานการณ์ตามที่ตกลงกันไว้ เพราะถ้าไม่สำเร็จเราสองคนมีหวังได้อดตายกันแน่“ว่าแต่คุณแม่บอกว่าจะทำให้สองคนนั้นแตกคอกันใช่ไหมครับ?”“ใช่ค่ะ ลูกชายฉันที่หน้าเหมือน-“ดูเหมือนลูกชายคุณแม่จะไม่ค่อยอยากทำเท่าไรนะครับ”ว่าแล้วก็หยิบภาพถ่ายขาวดำที่เก็บไว้ใต้เสื้อสูทสีน้ำตาลโยนลงบนพื้น ขบบุหรี่ในปากด้วยความไม่พอใจพลางเหลือบมองหญิงมีอายุที่กำลังมีใบหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นภาพลูกตัวเองนั่งก๊งเหล้ายาปลาปิ้งในร้านริมทาง“ดะ...เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้ค่ะ”“ให้เวลาอีกแค่ ๑ อาทิตย์ ทำให้ได้”“ค่ะ...ค่ะ”คนเป็นแม่ทำได้แต่พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะต้องมานั่งกลุ้มใจห
นับเป็นโชคดีของพูนที่เย็นวันนั้นป๊าเข้ามาในห้องทันก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายทั้งยังช่วยไกล่เกลี่ยอธิบายให้สองพี่น้องเข้าใจกัน ในสายตาเขาน้องเพียงก็แค่ไปกินข้าวตามที่เพื่อนชวนเท่านั้นทั้งทุกอย่างยังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าน้องแผนจะหวงน้องเพียงมากขนาดนี้ส่วนเรื่องตั๋วเข้าพักสถานตากอากาศที่พวกเขาได้รับมานั้นจะต้องไปในวันพฤหัสบดีอาทิตย์หน้าเท่านั้น พูนจึงใช้สิทธิ์ลาพักผ่อนต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟมายังจังหวัดชะอำ แต่ตัวเขาที่ขึ้นรถไฟมาตอนเช้าโดยไร้ซึ่งยาดมนั้นก็ได้แต่นั่งคุดคู้เอนพิงเบาะอยู่ ขนาดเป็นตู้ชั้น ๑ ที่สบายกว่าคนอื่นโขแผนในขณะที่จัดแจงกระเป๋าภาระก็นึกเห็นใจเจ้าพี่ที่ยังอุตส่าห์ตามมาทั้งที่ต้องใช้เวลาอยู่บนตู้กว่า ๔ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เขาอยากจะจองรถไฟรอบกลางคืนอยู่หรอก พี่เจ้าจะได้นอนหลับไม่ต้องมานั่งพะอืดพะอมอยู่แบบนี้ หรือเขาควรจะเรียกเพื่อนนายสถานีมาดึงเตียงให้ดีตู้รถไฟนั้นมีด้วยกันทั้งหมด ๓ ชั้นเรียงลำดับขึ้นไปตามความสะดวกและสายและความหรูหราเท่าที่กรมรถไฟในสภาวะสงครามจะสามารถมอบให้แก่ผู้โดยสารได้โดย
“พี่...ขอโทษจริง ๆ ครับ”“ไม่ให้อภัย”แผนกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะลึมสะลือเหล่มองพี่ตำรวจในชุดไปรเวทเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องหลังเห็นว่าเขาตื่น เมื่อคืนหลังจากจบบนเตียงลงไปเข้าห้องน้ำรอบที่สี่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ดันบ้าจี้ยอมพี่ไปหมดเสียทุกอย่างจนร่างกายสลบเหมือดทันทีเมื่อเอาหัวลงหมอนดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขาพอดีไม่เช่นนั้นเขาได้โดนหักเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่ ๆ เพราะแค่ตื่นก็ปาไปจะสิบโมงแล้ว“แต่ถ้ามาทาให้จะยกโทษให้ก็ได้”“จริงเหรอ!?”พี่พูนกล่าวด้วยความดีใจรีบจัดแจงวางมื้อเช้าของน้องแผนไว้ยังโต๊ะข้างเตียง รีบหาหยูกยามาตระเตรียมไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตีห้าที่ทุกคนอยู่กันเต็มบ้านและลงไปอาบน้ำในสภาพนี้จะเป็นเช่นไรแค่บนเตียงก็ทำเขาแทบทรุดไปต่อในห้องน้ำยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคนบ้าพลังอะไรขนาดนี้ ทำเอานึกถึงไอ้ความดุดันที่เจ้าแตงเคยพูดเลยเชียว หากจะแม่นขนาดนี้ดูท่าเด็กคนนั้นน่าจะไปเป็นหมอดูได้นะนี่“จะไปอาบน้ำเหรอครับ ให้พี่ช่วยอุ้ม-“ไม่ให้อุ้มแล้ว!”“
“เพียงวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง?”“พี่วิภาให้ลองทำข้อสอบชุดเก่าอย่างเดียวแล้วจ้ะ”ยามกลางคืนเป็นเพียงเวลาเดียวที่พี่ชายอย่างเขาจะได้สนทนาถามไถ่น้องสาวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งเพียงโตเป็นสาวเรื่องที่ชายหญิงจะคุยได้ก็น้อยลง ไหนสาวเจ้ายังสุขุมขึ้นเป็นเท่าตัวจากแต่เดิมมีอะไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมักจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ“แล้วครูเขาเอาข้อสอบมาจากไหนเหรอ?”“เห็นว่าขออาจารย์เก่ามาน่ะจ้ะ”“ของ่ายกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“เห็นว่าสมัยก่อนพี่วิภาสนิทกับอาจารย์น่ะจ้ะ”แผนนั่งช่วยน้องพับผ้าไปก็คิดตาม พี่วิภาแกเองก็สดใสร่าเริงเป็นทุนเดิม การเข้าหาอาจารย์ที่ตนเองเคยเป็นศิษย์เก่าแล้วนั้นคงไม่เป็นการยากอะไรส่วนเรื่องในบ้านดูเหมือนเพียงจะชอบที่เขาย้ายตัวออกไปนอนห้องพี่พูน ไม่ใช่แค่ชอบที่ได้มีห้องนอนส่วนตัว แต่สาวเจ้าบอกว่าชอบเวลาเห็นพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยกัน สมแล้วที่เคยอวยให้เขารีบคบหา รีบย้ายบ้านมาไว ๆ“ฉันไปนอนก่อนนะจ๊ะ”“อื้อ เดี๋ยวตรงนี้พี่เอาไปเก็บเองนะ”“จ้ะ ฝันดีล่วงหน้านะจ๊ะ”หากเป็นที่บ้
‘จันทร์หน้าพี่ต้องออกต่างจังหวัดลงพื้นที่นะครับ กลับน่าจะอีกเดือนสองเดือนเลย’‘อื้อ ไปทำงานสู้ ๆ นะ’เขากล่าวให้กำลังใจออกไปเช่นนั้นในกลางคืนขณะพวกเขากำลังจะเข้านอน จู่ ๆ พี่พูนมาบอกกันแบบนี้ทำเอาเขาใจหายจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เหมือนกัน นึกว่าของพวกนี้ทางการต้องแจ้งให้เตรียมตัวเป็นเดือนเสียอีก แต่เรื่องขโมยขโจรแบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าต้องรีบสะสางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แผนเดินกลับเข้าห้องนอนมาด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล สงสัยคงเป็นเพราะเวลาสามย่างสี่ทุ่มแบบนี้จะมีพี่พูนเดินไปเดินมาไม่ก็จัดแจงเตียงนอนอยู่ ว่าแล้วนายสถานีในชุดนอนท่อนบนยาวจรดต้นขาก็เดินละจากตู้เสื้อผ้ามาตรวจทานสัมภาระสำหรับการทำงานในวันรุ่งก่อนจะดับตะเกียงหัวเตียงเตรียมตัวนอนในตอนที่พูดให้กำลังใจพี่พูน ใจจริงเขาไม่อยากให้พี่เจ้าไปที่ไหนไกลหรือนานหลักเดือนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากให้พี่ยังคงอยู่ในสายตาตลอดเพราะตอนนี้แค่ได้มองเห็นก็ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว แต่เขารู้ดีว่านั่นคือความเห็นแก่ตัว ตำรวจถือเป็นของหลวงจำต้องทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชนโดยในบางครั้งอาจต้องแลกมา
เย็นวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ใช่กับตัวเขา ไม่ใช่กับเพียง และไม่ใช่กับครอบครัวพี่พูน แต่เป็นไอ้ด้วงที่ดันโชคร้ายเดินไปเจอนักโทษหลบหนีเข้าจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ได้สติ ดังนั้นตัวเขาจึงขอพี่ว่าจะไปรอดูอาการไอ้ด้วงในโรงพยาบาลก่อน แต่คนอย่างพี่พูนย่อมเดินตามหลังมาด้วยอยู่แล้วที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไกรวิชญ์พี่ชายไอ้ด้วงวิ่งหอบร่างพามา ต่อให้เขาจะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนแต่คราวนั้นเขาหาได้สังเกตอะไรมากมาย มาคราวนี้ระหว่างรอดูอาการเพื่อนสนิทเขาก็ได้รับการบริการให้ข้อมูลจากพยาบาลเป็นอย่างดี จนได้มานั่งรอข้างกับพี่ชายไอ้ด้วงที่เลือดเปื้อนเสื้อเปื้อนตัวเต็มไปหมดทั้งยังตัวเปียกปอนเพราะวิ่งตากฝนมา ไม่อยากนึกเลยว่าก่อนหน้าที่ไอ้ด้วงจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น แผนนั่งรอไปเรื่อย ๆ จนเกือบชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่มีท่าทีจะออกมาพร้อมคำตอบ ยิ่งทำคนเป็นเพื่อนอย่างเขารู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่‘แผนครับ วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม’พูนซึ่งเห็นน้องนายสถานีแววตาสั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขก็เข้าใจหัวอกคนเป็นเพื่อน แต่นี่มันดึกแล้วรวมไปถึงตัวของน้องด้ว
หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาก่อนมันจะลามไปยังครั้งที่สามสี่ห้าและกลายเป็นกิจวัตรในที่สุด การหลับนอนในห้องของพี่พูนก็เช่นกัน โดยครั้งที่สองเขาหลงเชื่อว่าพี่ตำรวจกลับมาไข้ขึ้นตัวร้อนจึงพลอยได้นอนด้วยกัน ก่อนที่ครั้งที่สามพี่พูนจะมากล่าวขอโทษที่หลอกกันก่อนจะขอเขานอนด้วยอีกคืนตรง ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พูนจะขอทุกคืน และเขาเองก็โอนอ่อนตามในทุกค่ำคืนเช่นกันทว่าเมื่อคืนนั้นทำเอาเขาอยากจะขนย้ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกลับไปกบดานอยู่ห้องน้องสาวเมื่อจู่ ๆ พี่เจ้าก็ดันละเมอเรื่องลามก กอดเขาอยู่ดี ๆ ดันล้วงมือจับนู่นจับนี่ไปทั่วจนเสื้อเอยอะไรเอยหลุดลุ่ยจนคล้ายเรื่องราวอย่างว่าเข้าไปทุกที คราวจะแกะออกก็ไม่ได้เพราะก็รู้กันอยู่ว่าผู้ชายคนนี้แรงเยอะขนาดไหน ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตะโกนปลุกพี่ขึ้นมาดูผลงานตัวเองที่ทำเขาเกือบนอนไม่หลับต่อให้จะไม่มีปากเสียงแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี แถมตื่นมายังบอกอีกว่า ‘ขอโทษครับ พี่ฝันดีไปหน่อย’ เขารู้ว่ายังไม่หายเมาดีจากที่ดื่มมากกับเพื่อนจะมีคิดเรื่องพิเรนทร์และบอกกล่าวมาอย่างเถรตรงบ้างนั้นไม่แปลก แต่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไ
ยามราตรีคืนนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงและร้านอาหารเครื่องดื่มรอบข้าง ทว่าเพียงแค่แผนเดินถัดมาอีกซอยเสียงพูดคุยครึกครื้นต่างกลายเป็นความสงบเงียบคลอไปกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเหล่าใบไม้แห้งผ่านร่างไปนายสถานีในบทบาทผู้จัดการร้านสุราเปิดกระเป๋าขึ้นตรวจสอบเงินในซองอย่างอารมณ์ดี ในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าที่บริกรกับผู้จัดการร้านแม้จะเหนื่อยกายยกเครื่องแก้วหนัก เหนื่อยใจกับความครัดเคร่งละเอียดถี่ถ้วนกับตัวเลขบนหน้ากระดาษทว่าผลที่ได้รับกลับสมน้ำสมเนื้อเมื่อลุงเจ้าของร้านเริ่มให้ความไว้วางใจหลังจากการตรวจบัญชีประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้ว ดังนั้นเขาต้องการใช้วันว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ให้งานใด ๆ เข้ามาแทรก ยิ่งมีแรงใจจากการมองเงินก้อนวันนี้แล้วยิ่งชื่นใจดังนั้นสมุดบัญชีใหม่ที่ได้มา ทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลยเสียดีกว่า ผู้จัดการบอกเขาด้วยว่าหากทำได้ดีต่อไปแบบนี้จะแบ่งสัดส่วนกำไรให้ ถึงไม่ได้มากมาย แต่เมื่อนำมารวมกันตลอดทั้งเดือนมันก็ใกล้แตะเลขเงินเดือนนายสถานีซึ่งเขาพอใจแล้ว*แกร๊ก* เดินคิดเรื่องราวผาสุกที่เกิดขึ้นไป ๆ มา ๆ ก็เดินถึงบ้านเส
แผนเมื่อตั้งสติเสร็จจึงตัดสินใจเดินเข้าสถานี ในวันนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เช้าเลย มีหวังถ้ามัวแต่คิดเรื่องพี่พูนคงไม่เป็นอันทำงานกันพอดีเนื่องจากหลายวันมานี้เขารับจ้างกับคุณปู่นายสถานีที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ถึงจะเป็นไม่กี่นาทีแต่เขาสามารถมาสายได้นิดหน่อยเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ก็เห็นพี่ ๆ นั่งพูดคุยบ้างก็ทำหน้าที่ขายตั๋วในช่องตัวเอง เห็นว่าตำรวจมากันแล้วสงสัยจะไปนั่งประจำอยู่จุดอื่นกระมัง“สวัสดีตอนเช้าครับพี่”น้องเล็กกล่าวทักทายพี่ ๆ ด้วยความสดใส ทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาเข้าไว้ทักคนอื่น ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวเรื่องพี่พูนก็ออกไปจากหัวเองนั่นแหละ“จ้ะ สวัสดีจ้ะ สามีพี่ซื้อข้าวหลามมาฝากเราเอาไปกินสิ”“ขอบคุณคร้าบ”แผนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจัดแจงวางของ ปลดผ้าพันคอเสื้อกันหนาวพาดไว้กับเบาะเสร็จสรรพก่อนจะหย่อนก้นลงมานั่งข้างเพื่อนด้วงที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศอึมครึมรายล้อมอยู่เหมือนเดิม เอื้อมมือหยิบกระบอกไม้ไผ่สั้นในกล่องใจกลางโต๊ะมามอง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทไม่ให้เฉาจนเกินไป“ด้วง เอ็งได้กินไปรึยัง อร่
“ไหนบอกจะไม่ตามผม”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันแค่มาหาที่สูบบุหรี่”รัญชน์ว่าแล้วก็แสดงกล่องพกบุหรี่ไฟแช็กก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า เพราะไหน ๆ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้วใช้มันให้พอเป็นประโยชน์สักหน่อยก็แล้วกัน“กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ”“เธอก็รู้ว่าแถวบ้านเธอมันอันตรายจะตายไป”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามเขาแล้วจริง ๆ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เขาย้ายบ้านไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่มาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่มีพันธะต่อกันอย่างไรเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี“ผมอยู่ได้มาตั้งนาน ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจ”“ฉันแค่อยากจะขอโทษ”“ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะครับ ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด”“ยังไงเธอก็จะเลือกตำรวจคนนั้นเหรอ?”“ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ”คล้ายว่าคุณรัญชน์จะไม่พอใจกับคำตอบ สงสัยที่บอกว่ารักคงจะมีส่วนจริงอยู่นิดหน่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมเขาแบบนี้ทุกครั้งที่พบหน้าหรอก“ถ้าเธอเลิก-“คุณรัญชน์ครับ”ตัวเขาอาจจะเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะยกเลิ