รถม้าจอดหน้าหอจันทรา ฟางซินลงจากรถม้า นางเดินเข้าหอจันทราไป ไม่ชำเลืองมองเขาแม้แต่น้อย รอบนี้นางคงโกรธมากจริงๆ แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิด ทำไมนางต้องลงโทษเขาขนาดนี้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เขาอธิบายด้วยซ้ำ ความอดทนเขาเองก็มีจำกัด แค่ขี่ม้าตามรถม้าของนางวันนี้ ก็เกินพอแล้ว เขารอไม่ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าคนแซ่เจีย ชอบมาดักรออยู่แถวนี้ สักพักนางก็ออกมาพร้อมกับชุนเอ๋อ เขารีบเดินเข้าไปหานาง“เจ้าเสร็จธุระแล้วใช่หรือไม่”“คือข้า ยัง ว๊าย ท่านอ๋อง”นางรีบตีมือเขา เขาหันกลับมาสั่ง“ชุนเอ๋อ เจ้ากลับจวนไปก่อน ข้ามีธุระกับคุณหนูของเจ้า ฝากบอกท่านลุงลู่ด้วยว่าข้าจะพานางกลับไปส่งเอง” นางบอกชุนเอ๋อ และพาฟางซินเดินมาที่ม้า“ท่านจะพาข้าไปไหน ท่านอ๋อง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ท่านอ๋อง”นางไม่คิดว่าท่านอ๋องจะทำอะไรอีก นางหนีรอดมา 1 คืนแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก จนเดินมาถึงม้าของเฉิงอ๋อง“ท่านอ๋องเพคะ ท่านอย่าบอกว่า ว๊าย”นางตกใจ เฉิงอ๋องไม่รอนางพูดอะไร ก็อุ้มขึ้นม้า และเขาก็ขึ้นตามมา และพาขี่ออกไปจากตลาด ผ่านย่านการค้า กำลังจะออกนอกประตูเมือง นางสงสัย“ท่านอ๋อง นี่ท่านจะไปไหนเพคะ นี่เราจะออกนอกเมืองแล้วนะเพคะ”นาง
เฉิงอ๋องรีบควบม้ากลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว และมุ่งตรงไปที่สกุลลู่ สลับกับก้มดูอาการฟางซินไปด้วย“ฟางซิน จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว อดทนไว้นะ” เขาบอกนาง นางพยักหน้าให้เขา ตอนนี้ใบหน้านางซีดมาก เหงื่อเริ่มไหล เฉิงอ๋องเริ่มใจคอไม่ดี สักครู่ มือนางที่บีบไว้ก็คลายออกจากเขา นางหมดสติไปแล้ว เขารีบเร่งม้าให้ไวขึ้น จนถึงจวนสกุลลู่เขาอุ้มนางลงจากม้า เขาเจอพ่อบ้านโจก่อน จึงรีบแจ้งว่าคุณหนู 3 เป็นลม ให้รีบเรียกหมอ พ่อบ้านรีบวิ่งไปตามหมอ และบอกให้เขารีบพานางไปที่ห้อง รอท่านหมอก่อน“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ” ชุนเอ๋อรีบวิ่งมา นางเห็นท่านอ๋องอุ้มคุณหนูมา“ชุนเอ๋อ เปิดประตูห้องให้ข้า เร็ว” เขาบอกนางอย่างเร่งรีบ และรีบพานางไปที่เตียง“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ตอนออกไปยังดีๆ อยู่เลย” เขามองมาเพื่อจะถามท่านอ๋อง“ตอนก่อนกลับก็ยังอาการดีๆอยู่ จู่ๆ นางก็บ่นปวดท้อง ข้าก็เลยรีบพากลับจวน นางเคยเป็นแบบนี้มาก่อนหรือไม่” เขาถามชุนเอ๋อ นางเลยนึกออก“ข้า ข้าพอจะทราบแล้วเพคะท่านอ๋อง รบกวนท่านอ๋องออกไปก่อนนะเพคะ หม่อมฉันต้องทำธุระให้คุณหนูเจ้าค่ะ”นางรีบบอกท่านอ๋อง แต่เขาไม่เข้าใจ นางจะมาไล่เขาได้อย่างไร“เจ้าทำอะไรก็
ห้องหนังสือ"ท่านลุงขอรับ เรื่องนี้ ท่านพอจะทราบที่มามั้ยขอรับ ตอนนี้ข้าส่งคนไปสืบแหล่งที่มาอยู่ แต่ข่าวกระจัดกระจาย จนจับต้นตอของข่าวไม่ได้เลยขอรับ"แม่ทัพลู่เดินวนไปมา เป็นครั้งแรกที่เฉิงอ๋องเห็นท่านลุงเป็นกังวลขนาดนี้“รอบนี้ ลุงก็จนปัญญา ข้าให้คนไปหาเช่นเดียวกัน แต่ก็พบปัญหาเดียวกับเจ้า รอบนี้ คนลงมือ ตั้งใจปล่อยข่าวให้กระจาย ที่นึก 1 ข่าว หลายข่าวมาปนกัน ยากจะจับตัวต้นเหตุได้”“แต่ข้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ตำแหน่งอ๋องของข้าไม่ได้มีผลกับการแต่งตั้งพระชายา ข้าไม่สนใจข่าวลือพวกนี้” เฉิงอ๋องกล่าวกับแม่ทัพลู่“ข้าเองก็ไม่ได้สนข่าวลือพวกนี้ ท่านอ๋อง เรื่องชาติกำเนิดน่ะ แค่ข้าบอกว่าฮูหยินรองรับนางเป็นลูก เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น แต่เรื่องนี้ เหมือนมีคนจงใจปล่อยข่าว เกี่ยวกับมารดาของนางออกไป นั่นเท่ากับว่า ต้องการเล่นงาน…. นางโดยตรง”แม่ทัพลู่เป็นกังวลเรื่องนี้ มากกว่าข่าวลืออื่นๆ ที่ออกมา ซึ่งมีผลกับเขาน้อยมาก เขาสามารถสยบข่าวลือเรื่องอื่นๆ ได้โดยง่าย แต่เรื่องชาติกำเนิดของฟางซินนั้น“นายท่านขอรับ ในวังส่งคนมา ให้ท่านเข้าเฝ้าเป็นการด่วนขอรับ” ข่าวถึงในวังแล้วหรือ ไวเกินกว่าที่ข้าคิด แม่ทัพลู่
แม่ทัพลู่ต้าตง เร่งเข้าวังหลวงเพราะคำสั่ง“หม่อมฉันลู่ต้าตง ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”“ลุกขึ้นเถิดแม่ทัพลู่” ฮ่องเต้หงซูลี่กล่าวอย่างเป็นกันเอง“ขอบพระทัยฝ่าบาท ไม่ทราบว่าเรียกกระหม่อมเข้าเฝ้า มีเรื่องอันใดด่วนหรือพ่ะย่ะค่ะ"“ต้าตง เรามีเรื่องจะปรึกษาท่าน เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับลูกสาวของท่าน” ฮ่องเต้กล่าว แม่ทัพลู่พอจะเดาออก“ฝ่าบาทหมายถึง เรื่องข่าวลือในเมืองหลวงตอนนี้งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพลู่กล่าวถาม“เรื่องนั้นเราไม่ได้ใส่ใจมากหรอก เรารู้ว่าท่านจัดการได้อยู่แล้ว เฮ่ออ แต่เรื่องนี้ มันดันไปเกี่ยวข้องกันกับข่าวลือนี่ด้วย นิดหน่อยน่ะ” ฮ่องเต้ทรงตรัส มีเสียงกังวลพระทัยเล็กน้อย“เดินไปคุยไปเถอะต้าตง นานแล้วที่เราไม่ได้พบท่าน”พระองค์กล่าว และเดินนำแม่ทัพลู่ไปที่อุทยาน“เรื่องอันใดที่ทำให้พระองค์ทรงเป็นกังวลพระทัยแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพลู่เอ่ยถาม เมื่ออยู่ในอุทยานตามลำพังกับฝ่าบาทแล้ว“ท่านจำองค์ชายหมิงอี้เป่าหลง องค์รัชทายาทแคว้นหานได้หรือไม่”“ย่อมจำได้พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพลู่ตอบกลับไป“เขาพึ่งจะมาหาเรา และแจ้งความประสงค์ อยากจะสู่ขอลูกสาวคนเล็กของท่
วันนี้เป็นอีกวันที่ทั้งเมืองหลวงคึกคัก เนื่องจากในวังหลวง จัดงานเลี้ยงส่งคณะทูตที่มาเยือนจากแคว้นต่าง ๆ เนื่องในพระราชพิธีวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ จวนแม่ทัพลู่เองก็ถูกเชิญเข้าไป ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ร่วมส่ง และสังเกตการณ์คณะทูตแคว้นต่างๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ตั้งใจให้ลู่หนิงเซียน กับ องค์ชายรัชทายาทแคว้นหาน ได้พบกัน เพื่อตกลงเรื่องงานสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี 2 แคว้นลู่หนิงเซียนปกติแล้ว เป็นคนที่ใส่ใจในการแต่งตัว นางมันจะประโคมเครื่องประดับที่สวยหรู ชุดเสื้อผ้าไปงานเลี้ยง ทุกครั้งนางจะสั่งตัดใหม่เป็นพิเศษ นั่นเพื่อให้ทุกคน มองว่านางสวยที่สุด แต่สำหรับงานนี้ นางแทบจะไม่สนใจเลยว่า จะแต่งตัวแบบไหน อย่างไร กลายเป็นว่า ฮูหยินใหญ่ เป็นคนจัดการเตรียมให้นางหมดทุกอย่าง ตั้งแต่หัวจรดเท้า“นี่ท่านแม่จะรีบนำลูกใส่พาน ไปถวายองค์ชายต่างแคว้นหรืออย่างไรเจ้าคะ ถึงได้ลำบากจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เสียมากมาย”นางมองดูเครื่องประดับ เสื้อผ้าที่ตัดใหม่อย่างพิถีพิถัน รวมไปถึง น้ำอบ และชุดประทินโฉมชุดใหม่ ที่มาวางไว้ในห้องนาง พร้อมกับสาวใช้อีก 4 คน ที่เตรียมจะแต่งตัวให้นาง“วันนี้เ
ทั้งหมดเดินเข้างานมาแล้ว เจียฟู่เฉิง เจอคณะทูตแคว้นจ้าวแล้วจริงได้ขอแยกตัวไป“ท่านอ๋อง ฟางซิน ข้าขอตัวไปพบสหายก่อน ขอแยกตรงนี้เลย ขอตัวพ่ะย่ะค่ะ”เขาคำนับให้ท่านอ๋อง และพยักหน้าให้ฟางซิน แล้วเดินแยกออกไป“นี่เจ้า ส่งยิ้มให้เขาทำไม ข้าเห็นนะ ฟางซิน เจ้าอยากโดนลงโทษงั้นหรือ”เขาถามนาง ตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว“ท่านอ๋องเพคะ ข้าก็บอกแล้วว่าเขาคือสหาย สหาย เข้าใจไหมเพคะ หากพระองค์ยังทรงระแวงอยู่ ก็หยิบถุงหอมขึ้นมาดู ก็พอเพคะ เอาหล่ะ หม่อมฉันเข้าไปหาที่นั่งแล้วนะเพคะ”นางพูด แล้วเดินไป เฉิงอ๋องรีบดึงถุงหอมของเขาขึ้นมา และมองไปที่คำว่า รักท่านตลอดไป ที่นางบรรจงปักด้วยมือนางเองบนนั้น เลยตั้งสติได้ และรีบตามนางไป“ฟางซิน รอข้าด้วยสิ เจ้าเดินเร็วทำไมเนี่ย ข้าผิดไปแล้ว ยกโทษให้ข้านะ ฟางซิน” นางหยุดและหันกลับมา“ท่านอ๋องเพคะ อาการขี้หึงของท่านนี่ ดูท่าแล้ว จะไม่มียารักษานะเพคะ”นางพูดพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย“หม่อมฉันหิวแล้ว จะไปหาอะไรทานแล้วเพคะ เสียเวลามามากแล้ว หากจะไป ก็ตามมา หรือไม่ พระองค์ก็ไปทักทายเหล่าขุนนาง พวกเขาคงคอยท่าพระองค์อยู่นานแล้วเพคะ ขอตัวเพคะ”นางค้อนเขาเบาๆ แล้วเดินออกไป จ
“น้อมส่งฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หมิงอี้เป่าหลง“น้อมส่งฝ่าบาทเพคะ” หนิงเซียนทั้งคู่มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง เป่าหลงจึงกล่าวขึ้น เพื่อทำลายความเงียบ“ข่าวว่าบุตรีแม่ทัพลู่ เป็นหญิงงามอันดับ 1วันนี้ข้าพบว่า ท่าน งดงามเกินคำชมเหล่านั้นมากนัก” เขากล่าวชม“องค์ชายกล่าวเกินไปเพคะ หม่อมฉันเพียงสตรีธรรมดาทั่วไปเพคะ”นางพูดอย่างเหนียมอาย นางคิดว่าองค์ชายเป่าหลงเองก็ดูงดงาม ไม่ต่างกับท่านอ๋อง ที่สำคัญ เป็นถึงองค์รัชทายาท ที่จะขึ้นครองพระราชบัลลังก์ ยังไงเสีย นางก็มีแต่ได้กับได้ ทั้งตำแหน่ง ทรัพย์สมบัติ และตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน ยังไงก็เหนือกว่าพระชายาอ๋อง“องค์ชายมาที่แคว้นฉินสักพักแล้ว เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ชอบที่นี่หรือไม่เพคะ” นางถาม“ที่นี่อากาศดี ผู้คนเป็นมิตร สตรีก็งดงาม อาหารอร่อย ข้า ถูกใจยิ่งนัก”เขาบอกหนิงเซียน นางถึงกับอาย และยิ้มตอบให้องค์ชาย“แต่อีกไม่กี่วัน องค์ชายก็ต้องเสด็จกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”นางเอ่ยถาม“เป็นดังที่คุณหนูเข้าใจ”เขาตอบกลับอย่างสุภาพ“เรียกหม่อมฉันว่าหนิงเซียนก็ได้เพคะองค์ชาย เสียดายที่รู้จักองค์ชายช้าไป หากมิเช่นนั้น หม่อมฉันจะได้พาองค์ชาย เที่ยวรอบๆ เมืองหลวงเพคะ”หนิงเซ
เมื่อฟางซิน และอ๋องเฉิงขึ้นรถม้าแล้ว เขาจับนางมานั่งใกล้ๆ เขา ไม่ยอมให้นั่งอีกฝั่ง นางตามใจเขา เพราะนางต้องการอยากรู้บางเรื่องที่เขาจะบอกนางมากกว่า“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์บอกว่า มีเรื่องจะคุยกับหม่อมฉัน”นางเริ่มถามทันที“เจ้าจะรีบร้อนไปไหน พักสักหน่อยไม่ได้หรือ”เขาพูด ตอนนี้ตัวเขามีกลิ่นสุราอ่อนๆ เนื่องจากดื่มกับแขกผู้ใหญ่ในงานมาพอสมควร“หากพระองค์ไม่พูด หม่อมฉันจะงีบนอนแล้วนะเพคะ หม่อมฉันง่วง ถึงแล้วเรียกก็แล้วกัน”นางบอกแบบฉุนเฉียวเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวว่าหากเจ้านอนแล้ว ตื่นมาอีกที ก็อยู่บนเตียงข้าอีกหรือ” เขาหยอกนางนางหันขวับมาค้อนเขา ความทรงจำครั้งก่อนกลับคืนมาในสมอง ไม่ นางจะหลับไม่ได้ อ๋องของนางเจ้าเล่ห์เพียงนี้ ถึงขั้นมาขออนุญาตท่านพ่อไปส่งนางดึกดื่นได้หน้าตาเฉย ยังมีเรื่องอะไรที่เขาจะทำไมได้อีกล่ะ“พระองค์รีบพูดธุระมาเถิดเพคะ หม่อมฉันเพลียมากจริงๆ อีกสักพักก็จะไม่มีสมาธิฟังแล้วจริงๆ” นางบอก ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับเขาจริงๆ“ก่อนกลับ ข้าไปคุยกับฝ่าบาทมา เรื่องขอพระราชทานงานสมรสให้เรา”เขาบอกนาง นางหันมา ทำหน้าตกใจเล็กน้อย“จำเป็นด้วยหรือเพคะ จริงๆ ก็แค่จัดตามประ
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน