“พี่แมนนนนนน” เสียงเจื้อยแจ้วของน้องชายดังมาให้ได้ยินแต่ไกล ชายวัยสามสิบที่กำลังจะปิดตางีบบนโซฟาก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อกล่าวทักทายอีกฝ่าย
“จะมาทำไมไม่โทรบอกกันก่อน พี่จะได้เตรียมกับข้าวไว้ให้” แมนพยุงตัวเองให้ลุกนั่งและอ้าแขนรับกอดจากน้องชายแสนขี้อ้อน
“หมี่มาขนของน่ะ” คิ้วเข้มของผู้เป็นพี่ขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้จากคนตรงหน้า ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป แฟนหนุ่มของหมี่ก็เดินเข้าบ้านมาพอดี
“พี่แมนสวัสดีครับ” อิน เจ้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาแถมยังมาจากครอบครัวฐานะร่ำรวย บุคคลที่แมนไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเป็นน้องเขย กำลังยกมือไหว้เขาอยู่ตอนนี้
“สวัสดีครับ อินขับรถมาเหนื่อย ๆ เข้ามานั่งก่อน” ชายหนุ่มรับไหว้อีกฝ่ายและเชื้อเชิญเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง อินก็ดูสุขุมและพึ่งพาได้เสมอเลย เขาดีใจที่น้องชายได้เจอคนรักที่ดี
“ว่าแต่เมื่อกี้ หมี่บอกว่าจะมาขนของอะไรนะ” ทว่าสมองของเขายังไม่ลืมเรื่องที่ยังสงสัยค้างคาใจในก่อนหน้านี้ เลยถามน้องชายออกไปตามตรง ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาตามตรงเช่นกัน
“หมี่จะมาขนของไปอยู่บ้านอินน่ะ” จากที่คิ้วของแมนขมวดเข้าหากันเป็นปมอยู่แล้ว เจอคำตอบแบบนี้เข้าไปคิ้วก็ยิ่งผูกเป็นโบมากขึ้นไปอีก
“หมายความว่ายังไง แล้วบ้านหลังนี้จะให้พี่อยู่กับใครล่ะ” เห็นทีคงต้องงัดน้ำเสียงน้อยใจออกมาใช้ตอนนี้สินะถึงจะมีประโยชน์
“โธ่พี่แมน หมี่ไม่ได้จะไปแล้วไปลับสักหน่อย” และมันได้ผล หมี่ผละตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายทันทีพร้อมตอบเสียงหงอย
“ให้มันจริงเถอะ นี่สินะที่โบราณเขาเรียกว่าได้ผัวแล้วลืมพี่” แมนที่เป็นพี่ชายและเลี้ยงดูอีกฝ่ายมาหลายปีย่อมรู้จักนิสัยของหมี่ดี
“พี่แมน! พูดอะไรน่ะ นี่หมี่เป็นน้องชายพี่นะ!” คนโดนแซะรีบดีดตัวออกจากโซฟาและยืนเท้าสะเอวเถียง พลางทำหน้าหงิกหน้างอบ่งบอกความไม่พอใจ ทั้งที่ความจริงแล้วรู้สึกเขินตัวจะแตก
“จ้า ก็เพราะเป็นน้องสุดที่รักของพี่นี่แหละ ถึงได้พูดแบบนี้ แล้วนี่จะขนอะไรไปบ้างล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บของ” แมนที่ได้แกล้งน้องชายจนเห็นอีกฝ่ายโวยวายแล้วค่อยรู้สึกสะใจหน่อย
ทางด้านของหมี่ เมื่อโดนถามถึงเรื่องของที่จะมาขนก็มีท่าทีครุ่นคิดนิดหน่อย ก่อนจะตอบแบบขอไปที
“ที่คิดไว้ก็แค่พวกของใช้จำเป็นอ่ะ”
“จะเก็บเลยมั้ยหรือเก็บพรุ่งนี้” แมนเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะเตรียมตัวลุกขึ้นเพื่อไปทำอาหารสำหรับมื้อเย็น ตั้งแต่เขากลับมาจากที่ทำงานก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
“อืมมม มึงว่าไง รีบกลับบ้านหรือเปล่า” หมี่เองก็คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดีเลยหันไปถามความเห็นจากคนรัก
“ไม่รีบ” อินตอบกลับน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางเดินเข้าครัวตามพี่แมนไป เจ้าของบ้านเห็นแบบนั้นก็เข้าใจไปว่าอีกฝ่ายคงหิวเช่นกันเลยเสนอให้ทั้งสองคนอยู่ต่อ
“โอเค คืนนี้ทั้งสองคนอยู่กินข้าวกับพี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อเรื่องขนของ” วัยรุ่นได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้างึกงักกันทันที
“หมี่มาช่วยพี่ทำกับข้าวเลยยยย” แมนไม่ว่าเปล่า กวักมือเรียกน้องชายให้มาช่วย ไม่อยากจะบอกเลยว่าถ้าอยู่คนเดียวเขาคงต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินไปแล้ว
“เดี๋ยวผมช่วยหุงข้าวครับ” เสียงทุ้มของอินก็ดังขึ้นไม่ไกล ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังตักข้าวสารใส่หม้อ
“ได้เลยน้องอิน” แมนพูดพลางยิ้มอ่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามมีส่วนร่วมในครัวด้วย ทั้งที่ไม่ได้ถนัดงานด้านนี้เท่าไหร่นัก ก่อนจะตามมมาด้วยคำถามจากน้องชาย
“พี่แมนอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“ไม่เลย หมี่ล่ะ” ชายวัยทำงานเห็นคนถามเอาแต่ยืนชะเง้อมองวัตถุดิบที่มีในตู้เย็นแล้วก็ได้แต่ทำใจ เอาเป็นว่าน้องชายเขาอยากทำอาหารเมนูอะไรก็เอาตามนั้นเลย
“หมี่อยากกินหมูผัดพริกแกง เอาแบบรสชาติเผ็ดจัดจ้าน” พูดพร้อมทำหน้าตาออกรสออกชาติพลางหยิบวัตถุดิบมาวางบนโต๊ะ
“กินเผ็ดบ่อย ๆ ระวังท้องไส้ปั่นป่วนนะ” เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงดูแลเรื่องอาหารการกินของตัวเองเป็นอย่างดีแล้วแต่ก็อดห่วงไม่ได้
“ก็ไม่ได้กินบ่อยน่ะสิเลยอยากกินไง”
“งั้นก็ทำเลย ในตู้เย็นมีพริกแกงมั้ย”
“มีครับ ส่วนอีกเมนูเอาเป็นไข่ตุ๋นดีมั้ย ไว้ล้างเผ็ด”
“ดีเลย เดี๋ยวพี่หั่นแครอทกับต้นหอมให้” เมื่อคุยกันเรื่องเมนูเสร็จเรียบร้อย สองพี่น้องก็แยกย้ายกันไปเตรียมวัตถุดิบ ขณะที่ใครอีกคนได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าหยิบจับของในครัวเพราะกลัวจะทำอะไรเสียหาย
“เอ่อ ให้ผมช่วยอะไรดีครับ” เสียงทุ้มเข้มของอินเอ่ยถามเจ้าของบ้านด้วยท่าทีสุภาพ คนตัวเล็กที่รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังว่างก็ใช้งานทันที
“มึงมาช่วยกูหั่นพริกหยวก กูจะหั่นหมู” ว่าแล้วก็หยิบพริกมาวางบนเขียงให้อีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะเอาชิ้นเนื้อหมูไปแช่น้ำเพื่อให้คลายความเย็น
“กูถามพี่แมนมั้ย ไม่ได้ถามมึง”
“เอ๊ะ! แล้วมันยังไง สรุปจะช่วยมั้ย!”
“ช่วย ดุขนาดนี้ถ้าไม่ช่วยคงโดนกัดหูขาด” อินตอบกลับพลางเดินตรงมาลงมือหั่นพริกตรงหน้า ขณะที่กำลังโดนคนตัวเล็กถลึงตาใส่พร้อมสายตาอาฆาต
“ไอ้ยักษ์!” ซึ่งแน่นอนว่าน้ำเสียงและการพูดคุยหยอกล้อกันของวัยรุ่นทั้งสองคนอยู่ในสายตาของแมนตลอด
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สนิทกันดีนี่ ปกติพี่รับมือหมี่ด้วยวิธีอื่น ส่วนใหญ่จะเลี่ยงการปะทะ แต่สงสัยอินคงจะใช้วิธีเน้นการปะทะสินะ”
“จริง ๆ แล้วผมตามใจหมี่ตลอดครับแต่ก็มีบางครั้งที่มันดื้อ ผมเลยต้องแกล้งแหย่คืนบ้าง” แมนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอ่อนออกมา ร่างสูงตรงหน้าคงรักน้องชายของเขามากแน่ ๆ ว่าแต่...
“ไหนใครบอกพี่ว่าไม่ดื้อ หืมม” เขาหันไปถามหาความจริงกับน้องชายที่ตอนนี้เริ่มหันซ้ายหันขวา ท่าทางมีพิรุธสุด ๆ
“หมี่ไม่ดื้อจริง ๆ นะ พี่แมนอย่าไปฟังมัน” หมี่พูดจบก็หันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนรักอย่างน่าเอ็นดู เห็นการกระทำของทั้งคู่แล้ว แมนก็ได้แต่เอ่ยตอบรับแบบปลง ๆ
“โอเค พี่เชื่อ” ก่อนที่ทุกคนจะลงมือทำเมนูต่าง ๆ จนเสร็จ
.
.
.
ตอนนี้อาหารที่แสนน่าทานถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ทั้งสามคนนั่งลงบนเก้าอี้ตามตำแหน่งที่ตัวเองต้องการและลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย สำหรับแมนคงเรียกได้ว่ามื้ออาหารที่ได้กินร่วมกับคนในครอบครัว...เป็นอะไรที่สุขใจที่สุดแล้ว“เรียนใกล้จะจบกันแล้วสิเนี่ย เวลาผ่านไปไวจังเลยนะ” ก่อนที่ชายวัยทำงานจะเอ่ยโพล่งออกมา ซึ่งหัวข้อนี้ก็ทำให้เด็กหนุ่มสองคนรู้สึกใจหายและหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต“ใช่ หมี่ยังจำเหตุการณ์เด้งเป้ากระตุกไข่ในวันรับน้องปีหนึ่งได้อยู่เลย เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเอง” ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าใจว่าเวลามันผ่านไปเร็วขนาดไหน ทว่าคนเป็นพี่ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ก็ถึงกับสำลัก“คะ แค่ก กะ กระตุกไข่อะไรนะ” แมนรีบดื่มน้ำเพื่อให้หายใจหายคอได้คล่องขึ้น ก่อนจะถามออกไป อย่าบอกนะว่าหมี่โดนแกล้งตอนไปเรียนมหาลัยฯ และดูเหมือนว่าอินจะเข้าใจความคิดของแมน เด็กหนุ่มเลยพูดอธิบาย“มันเป็นกิจกรรมรับน้องครับ หมี่อยากทำท่าแปลก ๆ เอง ไม่มีใครลงโทษหรือทำอะไรไม่ดีเลยครับ” แมนนั่งนิ่งและฟังพลางคิดว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ใช่คนที่พูดโกหกซะด้วย เขาเลยพยักหน้าเข้าใจ“แล้วหมี่ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้พี่รู้เล
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของแมนดังขึ้นอีกครั้ง หลายวันมานี้เขาถอนหายใจบ่อยมากจนรู้สึกหดหู่และไม่กะปรี้กะเปร่าเอาเสียเลย ซึ่งตอนนี้เขากำลังนั่งรอรถไฟฟ้าขบวนหนึ่งมาถึงสถานีความจริงแล้วชายวัยทำงานมีรถส่วนตัวอยู่แล้วและปกติเขาก็ดูแลตรวจเช็กสภาพรถอย่างดีเป็นประจำ แน่นอนว่ารถไม่มีปัญหาหรือเสียหายเลยสักครั้ง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ ๆ รถของเขาก็ดันมาเสียซะงั้น เขาเลยต้องมาใช้บริการรถไฟฟ้าอย่างทุกวันนี้แมนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวธรรมดา กางเกงสแล็กสีดำทรงหลวมเล็กน้อยพร้อมรองเท้าหนังคู่ใจตามประสาชายวัยทำงาน เขานั่งบนเก้าอี้ตัวเก่าตัวเดิม ในเวลาเดิม ถือกระเป๋าสัมภาระใบเดิมรอขึ้นรถไฟขบวนเดิมเพื่อไปทำงานเดิม ๆ แค่คิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ใจตอนนั้นเองที่สมองเจ้ากรรมดันถึงเรื่องของน้องชายที่ได้มีคนรักแสนดีและไม่ได้มีชีวิตจืดชืดแบบเขา วินาทีนั้นแมนก็นึกอยากจะมีความรักเหมือนอย่างใครเขาบ้าง ชายวัยสามสิบเหม่อมองรางรถไฟตรงหน้าและคิดมโนถึงเรื่องความรักใคร่ไปต่าง ๆ นานาแฟนสาวของเขาจะหน้าตาแบบไหนนะ จะน่ารักหรือเปล่าหรือจะเป็นแฟนหนุ่มกันนะ ถ้าหากเขามีแฟนหนุ่มก็คิดไม่ตกเลยว่าอีกฝ่ายจะตัวเล็กตัวน้อยหรือรูปร่า
“เป็นอะไรไปครับคุณแมน ช่วงนี้หน้าตาดูไม่ค่อยสดชื่นเลย” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำทักทายจากหัวหน้าแผนกอย่างคุณรอยด์ดังขึ้นด้านหลังเมื่อเขาหมุนเก้าอี้มาก็เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ไม่ไกล รอยด์เป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อายุน้อยกว่าเขาประมาณหนึ่งถึงสามปี รอยด์เป็นลูกครึ่งสัญชาติรัสเซียจึงทำให้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมสีบรอนด์ทองแสนสะดุดตาหรือดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็น ‘คุณรอยด์’ มักทำให้พนักงานสาวในบริษัทหลงใหลกันมากมาย ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่แมนนับถือในตัวอีกฝ่าย เขาให้เกียรติรอยด์ตามฐานะที่เป็นหัวหน้าและยอมรับในศักยภาพการบริหารงานที่อีกฝ่ายทำได้ดีเสมอมา“สวัสดีครับคุณรอยด์ ผมดูออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ” แมนอดไม่ได้ที่จะถามอีกฝ่ายด้วยความกระตือรือร้น“ฮ่าฮ่าฮ่า! สัปดาห์นี้คุณแมนได้ส่องกระจกบ้างไหมครับเนี่ย หน้าตาอิดโรยขนาดนี้ ระวังสาว ๆ จะหนีหมดนะครับ” และคำตอบที่ได้มาทำเอารู้สึกเจ็บแปลบไปในอกทว่าชายวัยสามสิบก็ได้แต่ทำใจ“เป็นอย่างนั้นเองเหรอครับ เพราะผมเป็นแบบนี้เองสินะ เธอถึงไม่มาเจอผมอีก” ก่อนที่แมนจะเผลอพึมพำออกมา
“อรุณสวัสดิ์ครับ” แมนเอ่ยทักทายกวางทันทีที่มาถึงแผนก เขารู้สึกว่าการเดินทางมาทำงานในช่วงนี้ เริ่มกลับมามีความสุขและทำให้เขาร่าเริงสดใสอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“สวัสดีค่ะพี่แมน” น้ำเสียงหวานขานรับพร้อมใบหน้ามนที่คลี่ยิ้มกว้างมาให้ทำเอาแมนมีแรงใจในการทำงานขึ้นมาเลยเขาวางกระเป๋าเอกสารไว้บนโต๊ะและนั่งลงเปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะทั้งคู่ต้องเรียนรู้งานด้วยกันเลยทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องนั่งทำงานใกล้กัน เรียกได้ว่าโต๊ะทำงานติดกันเลยมากกว่า“ช่วงนี้ไม่เห็นไปขึ้นรถไฟเลย พี่กะว่าจะทักทายสักหน่อย” แมนที่อยากสนิทกับอีกฝ่ายมากขึ้นก็ชวนคุยด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ“ปกติแล้วกวางไม่ขึ้นรถไฟค่ะพี่แมนแต่วันนั้นรถเสีย แถมยังไม่มีรถแท็กซี่คันไหนจอดรับอีก กวางเลยต้องไปใช้บริการรถไฟค่ะ” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมยิ้มแห้งหน่อย ๆ ราวกับว่าเธอรู้สึกปลงในความโชคร้ายของตัวเองแล้ว“วันนั้นรถพี่ก็เสียเหมือนกัน เซ็งมาก พี่ไม่ชอบขึ้นรถไฟฟ้าที่คนอัดแน่นกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นเลยครับ” ชายวัยสามสิบก็พูดต่อด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ“แย่เลยค่ะ ว่าแต่รถซ่อมได้ไหมคะ”“ตอนนี้ยังซ่อมอยู
หลังจากที่แมนได้รับรู้ว่าตัวเองเผลอทำตามคำแนะนำของวิธีการจีบสาววัยทำงานไปแล้วถึงสองข้อโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มหรือการเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย เขาก็ส่งเสียงดีใจอย่างเงียบ ๆ เพียงลำพังที่โต๊ะทำงาน“ข้อแรกผ่านไปแล้ว งั้นข้อถัดไปล่ะ คืออะไร” เมื่อทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีก็ไม่มีอะไรจะฉุดรั้งความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ของเขาได้ สายตาคมเริ่มไล่อ่านเนื้อหาอีกครั้ง จนกระทั่งหัวข้อที่สามปรากฏขึ้น“ถามเรื่องแฟน คุณต้องถามให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังโสดอยู่ก่อนที่จะเริ่มการเริ่มต้นรุกจีบอย่างจริงจัง” อ่านจบปุ๊บ แมนก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที“แล้วจู่ ๆ จะไปถามน้องยังไงล่ะเนี่ย” ก่อนจะต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขาเป็นถึงพนักงานผู้มากความสามารถ เรื่องแค่นี้ต้องทำได้“ถึงข้อนี้อาจจะยากแต่มันก็ค่อนข้างสำคัญมากเพราะถ้าน้องมีแฟนแล้ว เราก็คงต้องจำใจถอยออกมา” คิดมาถึงตรงนี้สีหน้าของชายวัยทำงานก็หม่นลงเล็กน้อย ทว่าเขาเองก็ยังไม่อยากยอมแพ้ตั้งแต่แรก เห็นทีคงต้องงัดวิชาความรู้เรื่องการทำงานมาประยุกต์ใช้“โอ๊ยยย ไอ้แมนคนนี้อยากจะมีแฟนสักคน ทำไมมันถึงได้ยากเย็นแบบนี้กันนะ” ก่อนจะเผลอพึมพำออกมาแบบกัดฟันเพราะไม่อย
“พี่ใกล้ถึงแล้วนะครับ” เสียงแมนพูดบอกคนในสาย ตอนนี้เขากำลังขับรถมุ่งหน้าไปรับกวางที่บ้านเพื่อเข้าบริษัทพร้อมกันและกำลังโทรบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้“ค่ะ เดี๋ยวกวางออกไปรอด้านนอกเลยนะคะ” ได้ยินเสียงหวานตอบรับมาจากปลายสาย แมนก็รู้สึกชื่นใจก่อนกดวางตั้งแต่เมื่อวานที่เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายมา ชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน ทำได้แค่พลิกตัวไปมาและจ้องมองเลขสิบหลักที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมเช้าวันนี้ยังได้มีโอกาสโทรหาอีกฝ่ายด้วย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสวรรค์จะเป็นใจให้เขาขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เกิดคาดมากสำหรับแมน และแล้วตอนนี้รถเก๋งของชายหนุ่มก็จอดเทียบริมรั้วบ้านของกวางเรียบร้อย“พี่แมนคะ นี่ขนมค่ะ” ทันทีที่หญิงสาวขึ้นมาบนรถ เธอก็ยื่นขนมมาให้เขาและนั่นสร้างความประทับใจให้แมนเป็นอย่างมาก“ของพี่เหรอครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนักและออกรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที ทว่าเมื่อได้ยินคำยืนยันจากเจ้าของขนม แมนก็ยิ้มร่าออกมาอย่างห้าไม่อยู่
“พี่แมนชอบกวางเหรอคะ”“อะไรนะครับ!” ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มของแมนเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่เขาเป็นคนดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่ว่าจะเป็นน้องชาย หัวหน้า เพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่คนที่เขากำลังจะจีบก็เข้าใจการกระทำของเขาได้ง่ายขนาดนี้“สงสัยกวางคงจะคิดมากไปเอง ขอโทษด้วยนะคะพี่แมน” เมื่อคนโดนถามส่งเสียงตกใจกลับมาก็ทำเอาคนรอฟังคำตอบถึงกับเสียความรู้สึกเล็กน้อย ตอนนี้กวางคงทำได้แค่ทำใจ ทว่าเธอก็ต้องหยุดความคิดนั้นเพราะ...“ชอบครับ” แมนตอบชัดถ้อยชัดคำและน้ำเสียงหนักแน่นราวกับกำลังพิสูจน์ความจริงใจที่มีต่ออีกฝ่ายผ่านคำพูดนี้ เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้อีกฝ่ายถามแบบนี้แต่เขาจะคว้ามันไว้ โอกาสที่จะได้บอกความในใจให้หญิงสาวได้รับรู้“คะ?” กวางเหมือนจะยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย“พี่ชอบกวาง” จนกระทั่งได้ยินคำตอบเดิมจากแมนอีกครั้งตึกตัก ตึกตักหัวใจสองดวงเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ทั้งคู่เงียบลงพร้อมกันโดยไม่มีสาเหตุและปล่อยให้ห้วงเวลานี้ดำเนินต่อไป ชายห
“มื้อเที่ยงนี้อิ่มอร่อยมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” กวางเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังอยู่ในลิฟต์เพื่อกลับขึ้นไปทำงาน“ด้วยความยินดีครับ” แมนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ปกติเขามักจะกินข้าวคนเดียวจนชินไปแล้วแต่การได้กินข้าวกับใครบางคนทำให้อาหารมื้อนั้นอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหยุดชะงักลงเพราะคำทักทายจากคุณเลขาสาว“อ๊ะ! ตายจริง ทั้งสองคนกลับเข้าบริษัทมาพร้อมกันแบบนี้ ไม่ทราบว่าแอบไปทานข้าวด้วยกันมาหรือเปล่าคะเนี่ย”“ผมไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้คุณแยมคิดแบบนั้น ทำไมพวกเราต้องแอบไปทานข้าวกันด้วยครับ” นี่สินะที่เขาเรียกว่าตัวขัดอารมณ์ คิ้วของแมนย่นเข้าหากันทันทีเพราะไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้า“แหม คุณแมนอย่าคิดมากสิคะ แยมแค่พูดเล่นเองค่ะ” เสียงแหลมของคุณเลขาที่พูดอธิบายออกมาไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์นี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย“ผมกับน้องกวางไปกินข้าวด้วยกันจริง ๆ ครับ ผมไปร้านนี้เพราะเห็นว่าเป็นร้านอาหารเปิดใหม่และดูน่าอร่อย ว่าง ๆ คุณแยมก็ลองชวนเพื่อนร่วมงานไปเปิดหูเปิดตาดูบ้างนะครับ” ไม่ว่า
เรื่องราวความอึดอัดใจนี้ยังคงดำเนินต่อไป กวางเลือกที่จะทำหน้าที่และงานของตัวเองให้ออกมาดีที่สุดเพราะเธออยากผ่านการประเมินพนักงาน ขณะที่แมนก็พยายามวางตัวใหม่และปกป้องหญิงสาวจากการกลั่นแกล้งของคุณเลขาจนกระทั่งวันแห่งการตัดสินโชคชะตาของบรรดาพนักงานทั้งหมดในแผนกได้มาถึง ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้ราวหลายสิบคนพร้อมโต๊ะที่เรียงกันเป็นวงรียาวตามพื้นที่ภายในห้อง บรรยากาศแสนอึมครึมบวกกับลมหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ทุกคนกระอักกระอ่วนใจไปหมด“สวัสดีครับทุกคน มากันครบแล้วใช่ไหมครับ” คุณรอยด์เอ่ยทักทายเหล่าพนักงานที่นั่งรอเขาอยู่ในห้องประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะโปรยยิ้มให้ทุกคนเพื่อบ่งบอกว่าทุกอย่างโอเคจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้เพื่อการประชุมโดยเฉพาะเริ่มมีแสงสว่างวาบขึ้นมาและเผยให้เห็นข้อมูลที่ทุกคนจะต้องทราบโดยทั่วกัน ตามมาด้วยร่างของเลขานุการสาวที่นำเอกสารมาวางไว้ตรงหน้าคุณรอยด์“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งั้นผมขอเริ่มการประชุมและประเมินพนักงานประจำแผนกเราเลยนะครับ” รอยด์พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เริ่มชี้แจงภาพร
เช้าวันจันทร์ที่แสนสดใส พนักงานทุกคนกลับมาทำงานที่ตัวเองรักด้วยความรู้สึกเหมือนเช่นเดิม ทว่ามีสาวคนหนึ่งที่ร่าเริงสดใสมากกว่าปกติ เธอสวมชุดสีเดรสรัดรูปสีดำแสนสั้น ปล่อยผมสีน้ำตาลแผ่สยายออก เรียวขาขาวเดินฉับไวไปหาพนักงานคนสนิท“ตามมา ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงเล็กแหลมที่บ่งบอกได้เลยว่าผู้พูดนั้นเป็นคนจิกกัดและปากคอเราะร้ายขนาดไหน“ค่ะคุณแยม” พนักงานสาวที่ถูกเรียกตัวก็ทำได้เพียงลุกขึ้นและเดินตามเธอไปเพราะไม่อยากมีปัญหา เมื่อสองสาวมาถึงจุดลับมุมอับสายตาแล้ว เลขานุการสาวก็ซักไซ้ไล่ความทันที“ช่วงนี้คุณแมนกับพนักงานสาวหน้าใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ เหมือนฉันจะไม่ค่อยเห็นสองคนนั้นอยู่ที่โต๊ะทำงานในแผนกเลยนะ”“เอ่อ สองคนนั้นก็ทำงานได้ดีนะคะ” เสียงตอบอึกอักไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่ได้ยินมาจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง“หึ พูดออกมาซะ อย่าคิดนะว่าฉันมองคนอย่างเธอไม่ออก” แยมใช้ส้นเข็มของรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ทิ่มแทงลงไปตรงหลังเท้าของหญิงสาวที่แสนน่าสมเพช“อึก! คะ คือว่าตอนนี
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงทั้งคู่ก็มาถึงสวนสนุก Fun Park ที่จัดตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลมากนัก นับว่าเป็นสถานที่แห่งเดียวในละแวกนี้ที่มีเครื่องเล่นผาดโผดและกิจกรรมให้หลายคนมาร่วมสนุกกันในวันหยุดหลังจากเลือกซื้อตั๋วที่เหมาะสมกับช่วงวัยและเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว แมนก็เดินนำกวางเข้าประตูสวนสนุก เครื่องเล่นมากมายปรากฏแก่สายตา ผู้คนต่างก็หลั่งไหลกันมาที่นี่เพื่อมาใช้เวลาวันหยุดกับคนในครอบครัวเสียงจอแจเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ตั้งแต่วัยเตาะแตะไปจนถึงเสียงผู้คนในวัยทำงานมีให้ได้ยินตลอดเส้นทาง จนกระทั่งสายตาคมของแมนเห็นของหวานในวัยเด็กที่เขาชอบ เจ้าก้อนน้ำตาลที่ฟูฟ่องราวกับปุยเมฆหลากสีกำลังทำตัวเชื้อเชิญให้เขาไปชิม“กินขนมสายไหมกันครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามคนที่มาด้วย ทว่าสายตายังคงจดจ่อไปยังเจ้าก้อนหลากสีกวางเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมเดินตามอีกฝ่ายไปยังรถเข็นที่ขายขนมสายไหมทันที พ่อค้าเทเม็ดน้ำตาลลงในเครื่องอะไรสักอย่างที่ทั้งคู่ไม่รู้จัก ก่อนจะมีเส้นใยบางเบาค่อย ๆ โผล่ออกมาให้เก็บโดยใช้ก้านพลาสติกเป็นตัวยึด แล้วย
“มื้อเที่ยงนี้อิ่มอร่อยมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” กวางเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังอยู่ในลิฟต์เพื่อกลับขึ้นไปทำงาน“ด้วยความยินดีครับ” แมนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ปกติเขามักจะกินข้าวคนเดียวจนชินไปแล้วแต่การได้กินข้าวกับใครบางคนทำให้อาหารมื้อนั้นอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหยุดชะงักลงเพราะคำทักทายจากคุณเลขาสาว“อ๊ะ! ตายจริง ทั้งสองคนกลับเข้าบริษัทมาพร้อมกันแบบนี้ ไม่ทราบว่าแอบไปทานข้าวด้วยกันมาหรือเปล่าคะเนี่ย”“ผมไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้คุณแยมคิดแบบนั้น ทำไมพวกเราต้องแอบไปทานข้าวกันด้วยครับ” นี่สินะที่เขาเรียกว่าตัวขัดอารมณ์ คิ้วของแมนย่นเข้าหากันทันทีเพราะไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้า“แหม คุณแมนอย่าคิดมากสิคะ แยมแค่พูดเล่นเองค่ะ” เสียงแหลมของคุณเลขาที่พูดอธิบายออกมาไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์นี้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย“ผมกับน้องกวางไปกินข้าวด้วยกันจริง ๆ ครับ ผมไปร้านนี้เพราะเห็นว่าเป็นร้านอาหารเปิดใหม่และดูน่าอร่อย ว่าง ๆ คุณแยมก็ลองชวนเพื่อนร่วมงานไปเปิดหูเปิดตาดูบ้างนะครับ” ไม่ว่า
“พี่แมนชอบกวางเหรอคะ”“อะไรนะครับ!” ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มของแมนเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่เขาเป็นคนดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่ว่าจะเป็นน้องชาย หัวหน้า เพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่คนที่เขากำลังจะจีบก็เข้าใจการกระทำของเขาได้ง่ายขนาดนี้“สงสัยกวางคงจะคิดมากไปเอง ขอโทษด้วยนะคะพี่แมน” เมื่อคนโดนถามส่งเสียงตกใจกลับมาก็ทำเอาคนรอฟังคำตอบถึงกับเสียความรู้สึกเล็กน้อย ตอนนี้กวางคงทำได้แค่ทำใจ ทว่าเธอก็ต้องหยุดความคิดนั้นเพราะ...“ชอบครับ” แมนตอบชัดถ้อยชัดคำและน้ำเสียงหนักแน่นราวกับกำลังพิสูจน์ความจริงใจที่มีต่ออีกฝ่ายผ่านคำพูดนี้ เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้อีกฝ่ายถามแบบนี้แต่เขาจะคว้ามันไว้ โอกาสที่จะได้บอกความในใจให้หญิงสาวได้รับรู้“คะ?” กวางเหมือนจะยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย“พี่ชอบกวาง” จนกระทั่งได้ยินคำตอบเดิมจากแมนอีกครั้งตึกตัก ตึกตักหัวใจสองดวงเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ทั้งคู่เงียบลงพร้อมกันโดยไม่มีสาเหตุและปล่อยให้ห้วงเวลานี้ดำเนินต่อไป ชายห
“พี่ใกล้ถึงแล้วนะครับ” เสียงแมนพูดบอกคนในสาย ตอนนี้เขากำลังขับรถมุ่งหน้าไปรับกวางที่บ้านเพื่อเข้าบริษัทพร้อมกันและกำลังโทรบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้“ค่ะ เดี๋ยวกวางออกไปรอด้านนอกเลยนะคะ” ได้ยินเสียงหวานตอบรับมาจากปลายสาย แมนก็รู้สึกชื่นใจก่อนกดวางตั้งแต่เมื่อวานที่เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายมา ชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน ทำได้แค่พลิกตัวไปมาและจ้องมองเลขสิบหลักที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมเช้าวันนี้ยังได้มีโอกาสโทรหาอีกฝ่ายด้วย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสวรรค์จะเป็นใจให้เขาขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เกิดคาดมากสำหรับแมน และแล้วตอนนี้รถเก๋งของชายหนุ่มก็จอดเทียบริมรั้วบ้านของกวางเรียบร้อย“พี่แมนคะ นี่ขนมค่ะ” ทันทีที่หญิงสาวขึ้นมาบนรถ เธอก็ยื่นขนมมาให้เขาและนั่นสร้างความประทับใจให้แมนเป็นอย่างมาก“ของพี่เหรอครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนักและออกรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที ทว่าเมื่อได้ยินคำยืนยันจากเจ้าของขนม แมนก็ยิ้มร่าออกมาอย่างห้าไม่อยู่
หลังจากที่แมนได้รับรู้ว่าตัวเองเผลอทำตามคำแนะนำของวิธีการจีบสาววัยทำงานไปแล้วถึงสองข้อโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มหรือการเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย เขาก็ส่งเสียงดีใจอย่างเงียบ ๆ เพียงลำพังที่โต๊ะทำงาน“ข้อแรกผ่านไปแล้ว งั้นข้อถัดไปล่ะ คืออะไร” เมื่อทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีก็ไม่มีอะไรจะฉุดรั้งความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ของเขาได้ สายตาคมเริ่มไล่อ่านเนื้อหาอีกครั้ง จนกระทั่งหัวข้อที่สามปรากฏขึ้น“ถามเรื่องแฟน คุณต้องถามให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังโสดอยู่ก่อนที่จะเริ่มการเริ่มต้นรุกจีบอย่างจริงจัง” อ่านจบปุ๊บ แมนก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที“แล้วจู่ ๆ จะไปถามน้องยังไงล่ะเนี่ย” ก่อนจะต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขาเป็นถึงพนักงานผู้มากความสามารถ เรื่องแค่นี้ต้องทำได้“ถึงข้อนี้อาจจะยากแต่มันก็ค่อนข้างสำคัญมากเพราะถ้าน้องมีแฟนแล้ว เราก็คงต้องจำใจถอยออกมา” คิดมาถึงตรงนี้สีหน้าของชายวัยทำงานก็หม่นลงเล็กน้อย ทว่าเขาเองก็ยังไม่อยากยอมแพ้ตั้งแต่แรก เห็นทีคงต้องงัดวิชาความรู้เรื่องการทำงานมาประยุกต์ใช้“โอ๊ยยย ไอ้แมนคนนี้อยากจะมีแฟนสักคน ทำไมมันถึงได้ยากเย็นแบบนี้กันนะ” ก่อนจะเผลอพึมพำออกมาแบบกัดฟันเพราะไม่อย
“อรุณสวัสดิ์ครับ” แมนเอ่ยทักทายกวางทันทีที่มาถึงแผนก เขารู้สึกว่าการเดินทางมาทำงานในช่วงนี้ เริ่มกลับมามีความสุขและทำให้เขาร่าเริงสดใสอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“สวัสดีค่ะพี่แมน” น้ำเสียงหวานขานรับพร้อมใบหน้ามนที่คลี่ยิ้มกว้างมาให้ทำเอาแมนมีแรงใจในการทำงานขึ้นมาเลยเขาวางกระเป๋าเอกสารไว้บนโต๊ะและนั่งลงเปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะทั้งคู่ต้องเรียนรู้งานด้วยกันเลยทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องนั่งทำงานใกล้กัน เรียกได้ว่าโต๊ะทำงานติดกันเลยมากกว่า“ช่วงนี้ไม่เห็นไปขึ้นรถไฟเลย พี่กะว่าจะทักทายสักหน่อย” แมนที่อยากสนิทกับอีกฝ่ายมากขึ้นก็ชวนคุยด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ“ปกติแล้วกวางไม่ขึ้นรถไฟค่ะพี่แมนแต่วันนั้นรถเสีย แถมยังไม่มีรถแท็กซี่คันไหนจอดรับอีก กวางเลยต้องไปใช้บริการรถไฟค่ะ” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมยิ้มแห้งหน่อย ๆ ราวกับว่าเธอรู้สึกปลงในความโชคร้ายของตัวเองแล้ว“วันนั้นรถพี่ก็เสียเหมือนกัน เซ็งมาก พี่ไม่ชอบขึ้นรถไฟฟ้าที่คนอัดแน่นกันเป็นปลากระป๋องแบบนั้นเลยครับ” ชายวัยสามสิบก็พูดต่อด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ“แย่เลยค่ะ ว่าแต่รถซ่อมได้ไหมคะ”“ตอนนี้ยังซ่อมอยู
“เป็นอะไรไปครับคุณแมน ช่วงนี้หน้าตาดูไม่ค่อยสดชื่นเลย” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำทักทายจากหัวหน้าแผนกอย่างคุณรอยด์ดังขึ้นด้านหลังเมื่อเขาหมุนเก้าอี้มาก็เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ไม่ไกล รอยด์เป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อายุน้อยกว่าเขาประมาณหนึ่งถึงสามปี รอยด์เป็นลูกครึ่งสัญชาติรัสเซียจึงทำให้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมสีบรอนด์ทองแสนสะดุดตาหรือดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็น ‘คุณรอยด์’ มักทำให้พนักงานสาวในบริษัทหลงใหลกันมากมาย ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่แมนนับถือในตัวอีกฝ่าย เขาให้เกียรติรอยด์ตามฐานะที่เป็นหัวหน้าและยอมรับในศักยภาพการบริหารงานที่อีกฝ่ายทำได้ดีเสมอมา“สวัสดีครับคุณรอยด์ ผมดูออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ” แมนอดไม่ได้ที่จะถามอีกฝ่ายด้วยความกระตือรือร้น“ฮ่าฮ่าฮ่า! สัปดาห์นี้คุณแมนได้ส่องกระจกบ้างไหมครับเนี่ย หน้าตาอิดโรยขนาดนี้ ระวังสาว ๆ จะหนีหมดนะครับ” และคำตอบที่ได้มาทำเอารู้สึกเจ็บแปลบไปในอกทว่าชายวัยสามสิบก็ได้แต่ทำใจ“เป็นอย่างนั้นเองเหรอครับ เพราะผมเป็นแบบนี้เองสินะ เธอถึงไม่มาเจอผมอีก” ก่อนที่แมนจะเผลอพึมพำออกมา