หลังจากศึกที่ดุเดือนผ่านไป ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็รู้สึกร้อนผ่าว เธอพูดออกไปด้วยความรู้สึกเขินปนโกรธ “อีตาบ้าอย่างนายนี่นะ เบาหน่อยไม่เป็นรึไง ใช้แรงมากขนาดนั้น ทำเอาชั้นในของฉันขาดหมดแล้ว!”“ฮึ ๆ เหมือนว่าเมื่อกี้คุณจะไม่ได้พูดแบบนี้นะ” “มีปัญหาอะไร!”เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อสักครู่ หลินหว่านหรูก็รู้สึกอายจนแทบจะหมดแรง“เอาล่ะ ยังไงเราก็ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวผมพาไปซื้อใหม่ให้เลย”“ใครจะไปซื้อกับนายกัน” หลินหว่านหรูหน้าแดงขึ้นมา น้ำเสียงดูไม่พอใจ เพราะมันไม่ใช่การซื้อเสื้อผ้าที่ใส่ภายนอก เธอจึงรู้สึกอายขึ้นมา“งั้นจะไม่ใส่แล้วเหรอ? ก็จริง อีกเดี๋ยวจะได้สะดวกหน่อย!”“คนผีทะเล”หลินหว่านหรูรู้สึกอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งอาจหาญขึ้นเรื่อย ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกมีความสุขกับมันอย่างมากน้อยมากที่ทั้งสองจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสบายใจ หลินหว่านหรูจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับเมืองเทียนไห่แต่อย่างใดเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ ในตอนกลางคืน ทั้งสองคนจองโรงแรมเอาไว้แห่งหนึ่ง และทั้งคู่ก็ได้ทำการสำรวจร่างกายกันอีกครั้ง จนกระทั่งถึงเช้าวันถัดมา ทั้งสองถึงได้ขั
สุดท้าย เจ้าหน้าที่หลงก็ได้บอกทุกอย่างกับเธอ ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นนี้เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่มีทางแต่งเรื่องขึ้นมาแน่ที่สำคัญที่สุด แม่ตระกูลหลินได้ให้คุณปู่ตระกูลหลินรีบไปหาเพื่อนในเมืองหลงตูเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแล้วด้วยก็พบว่าเทพสงครามชิงหลงได้ส่งคำเตือนเช่นนี้ไปยังตระกูลเย่จริง ๆ ทำให้ตระกูลเย่ไม่สามารถลงมือกับเย่เทียนหยู่ได้ และยอมปล่อยเย่เทียนหยู่ไปส่วนเหตุผลที่มีคนจำนวนมากมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมเยียนในตอนนั้น จนถึงขั้นมอบของขวัญมากมายให้เขา เหมือนกับว่าเขาเป็นราชาแห่งมังกรจริง ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเขาถูกเย่เทียนหยู่หลอกเหมือนกับตัวเองว่าเขาคือราชามังกรจริง ๆยังไงซะ ก็ไม่มีใครรู้ว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกรมีหน้าตาอย่างไรพูดกันตามตรง เย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นแค่คนที่มีทักษะการต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้น แทบจะเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อยู่ดีจูเก่อหลิวหลีที่เฝ้าสังเกตทุกอย่างอยู่ในเงามืดก็ยิ้มออกมา ตระกูลหลินนี่หลอกง่ายเกินไปหรือเปล่า แค่จัดแจงอะไรนิดหน่อย ก็ทำให้พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าคุณชายเป็นพวกต้มตุ๋นเสียแรงที่เตรียมกลยุทธ์ไ
เย่เทียนหยู่กลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย แม้แต่ตอนที่ได้ยินว่าคุณแม่ตระกูลหลินอาจเจอปัญหา เขาก็ตามหลินหว่านหรูเข้าไปในเขตหมู่บ้านตระกูลหลินด้วยอันที่จริง ในตอนที่มาถึงด้านนอกของเขตหมู่บ้าน หลินหว่านหรูก็รู้สึกประหม่ามากยังไงซะ แม้ว่าพวกเขาจะคืนดีกันแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมีความพิเศษอยู่บ้างเทียนหยู่ไม่เคยพูดเลยว่า เขาจะพากลับมาที่บ้านตระกูลหลิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่ไม่พูดอะไรก็พาเธอขับรถเข้าไปแล้ว กระทั่งยังจอดรถตรงที่จอดรถของวิลล่าอีกต่างหากฉากนี้ ทำให้หลินหว่านหรูรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริง ๆเธอพูดกับตัวเองว่า หากเธอเป็นเขาที่ต้องเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เธอคงจะใจกว้างไม่ได้เท่ากับเย่เทียนหยู่แน่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเย่เทียนหยู่เอาไว้แน่น และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”เย่เทียนหยู่เผยรอยยิ้มออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันปรากฏบนร้อยยิ้มนั้นหมดแล้ว คนตระกูลหลินอาจจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง แต่คนที่เขาชอบก็คือหลินหว่านหรู ไม่ใช่คนตระกูลหลินหลินหว่านหรูยังคงจับมือเย่เทียนหยู่เดินเข้าไปข้างใน ทันทีที่เห็นคุณปู่และคนอื่น ๆ เดิมคิดว่าพวกเขาคงดีใจมาก
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เย่เทียนหยู่ ในที่สุดแกก็ยอมรับแล้วสินะ”แม่ตระกูลหลินพูดเยาะเย้ย “คนหลอกลวงอย่างแก พวกเราตระกูลหลินเกลียดชังมากที่สุด แกคิดว่าควรทำยังไงล่ะ?”“นี่คิดจะไล่ผมอีกแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความเย้ยหยัน“แล้วไม่ควรเป็นแบบนั้นรึไง คนหลอกลวงอย่างแก ถ้าไม่รีบไล่ไป หรือจะให้แกอยู่ปลอกลอกตระกูลหลินต่อรึยังไง? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ ว่าที่แกเกาะตระกูลหลินมาตลอด ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิน!” แม่ตระกูลหลินถามกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย“แม่คะ แม่ผิดถนัดเลยค่ะ!”หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเสียงดังด้วยความร้อนใจ “เทียนหยู่มีทรัพย์สินมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะมาสนใจธุรกิจเล็ก ๆ ของเราไปทำไมกันคะ เขาถึงขั้นมอบโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีมูลค่ากว่าพันล้านให้กับจื่อตงง่าย ๆ โดยที่ไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ!”“ก็แค่นิทานหลอกเด็ก!”“หว่านหรู แกมันไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ มอบของมูลค่าหลายพันล้านให้โดยไม่ลังเล แกคิดว่ากำลังพูดเรื่องเงินในเกมอยู่รึไง?”“หากแกพูดว่าสิบล้าน หรือว่าจะร้อยล้าน มันก็ยังพอมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่หลักพันล้านนี่ ฉันเกิดมาจนอายุปูนนี้ ก
ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็หันไปมองหลินหว่านหรู ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “หว่านหรู ผมขอโทษนะ ผมต้องขอตัวก่อน!”พูดจบ เขาก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่ดูมุ่งมั่นที่แห่งนี้นี่ ไม่ใช่ที่ที่คนปกติจะอยู่จริง ๆ “เทียนหยู่!”หลินหว่านหรูรู้สึกร้อนรน เมื่อกี้เธอพยายามหาวิธีหยุดยั้ง แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี เธอจึงพูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกบ้าไปแล้วรึไง รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”พูดจบ เธอก็รีบไปตามเย่เทียนหยู่ออกไปทันทีแต่แม่ตระกูลหลินก็เดินตรงไปข้างหน้า และจับหลินหว่านหรูเอาไว้ แล้วพูดความโกรธขึ้นว่า “แกจะทำอะไร มีผู้ชายแล้วก็ลืมครอบครัวเลยงั้นเหรอ หลินหว่านหรู ถ้าวันนี้แกกล้าก้าวเท้าออกไปจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะตายให้แกดู”“แล้วแต่แม่เลย!”หลินหว่านหรูโกรธแล้วจริง ๆ จากนั้นเธอก็สะบัดมือออก แล้วตามเย่เทียนหยู่ไปเธอรู้สึกว่าคนในบ้านนั้นทำเกินไปจริง ๆ และที่สำคัญ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย“ได้ แกอยากให้ฉันตายมากใช่ไหม งั้นตอนนี้ฉันจะตายให้แกดู” แม่ตระกูลหลินปล่อยมือหลินว่านหรู ก่อนที่จะวิ่งไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่โต๊ะมา แล้วยกขึ้นมาแนบที่คอตัวเองทันที“อวิ๋นซิ่ว......”“ที
เจ้าเด็กคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เพิ่งจะเดินไปอย่างมีเกียรติ ขณะหันหลังกลับก็จัดการเตรียมให้มีผู้นำตระกูลเย่ตัวปลอมมาที่นี่ในทันทีอีก ไม่แน่อาจจะพุ่งเป้ามาที่ชื่อเขาโดยตรงเลยก็ได้ถ้าจะพูดให้เกินจริงหน่อย สู้บอกไปเลยว่าเย่เทียนหยู่คือคุณชายจากตระกูลเย่เลยดีกว่าไหมครั้งนี้ ทั้งคุณปู่ตระกูลหลินกับคุณแม่ตระกูลหลินต่างก็คิดเห็นตรงกันผู้อาวุโสเย่ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะยังสงสัยในตัวตนของเขา จึงได้พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ผมคิดว่า ระหว่างพวกคุณอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดรึเปล่า ผมเป็น......”“พอได้แล้ว!”“ถูกพวกเราจับได้แล้ว ยังจะแถไปถึงไหนอีก!”คุณแม่ตระกูลหลินหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็รีบไสหัวไปซะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณอายุปูนนี้แล้ว ฉันคงไล่คุณไปด้วยไม้กวาดไปแล้ว”สีหน้าผู้อาวุโสเย่ดูไม่ค่อยดีมากนัก เขาแทบจะเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เขา เย่ไป๋เชิ่ง มีชื่อเสียงในเมืองหลงตูมานานหลายปี ไม่ว่าใครที่พบเห็นต่างก็ต้องให้ความเคารพอยู่เสมอต่อให้จะเป็นคนส่วนน้อยที่มีสถานะสูงส่ง แต่พวกเขาก็ยังคงสุภาพและนอบน้อมเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยถูกใครดูหมิ่นและเห
ท่าทางแบบนั้นทำให้ผู้คนรอบตัวคุณปู่ตระกูลเย่ทนไม่ไหว โดยเฉพาะ เย่เฮย ผู้ติดตามของคุณปู่ตระกูลเย่ เขาโกรธถึงขีดสุดแม้ท่านปู่จะไม่โกรธและไม่ได้ใส่ใจ แต่เขาก็ยังปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและพูดด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าช่างอวดดีนัก ท่านปู่มีสถานะสูงส่งขนาดไหน จะยอมปล่อยให้พวกแกดูถูกยังไง!”คุณแม่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังใกล้เข้ามา ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ว่านี่เป็นเพียงแค่โทสะที่เกิดจากความอับอายเท่านั้นไม่ใช่เหรอเหอะ พอถูกเธอพบใบหน้าที่แท้จริงเข้าแล้ว ก็เลยเลือกทำรุนแรงทำท่าทางดุร้ายให้พวกเธอวางใจสินะ ไอ้ลูกไม้แบบนี้น่ะ เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยละแม่ตระกูลหลินรีบพูดด้วยความโกรธทันทีว่า “ยังจะแสดงละครไม่เลิก กับแค่พวกต้มตุ๋น ยังกล้าลงไม้ลงมือกันอีกเหรอ เชื่อมั้ย ฉันจะแจ้งความเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ให้พวกแกไปอยู่ในคุก”“ใช่ ตระกูลหลินไม่ใช่ที่ให้พวกแกทำตัววางมาดนะ ผมน่ะมองว่าพวกคุณก็อายุปูนหนึ่งแล้วหรอก ถึงไม่คิดเล็กคิดน้อยด้วย” คุณปู่ตระกูลหลินพยักหน้าเห็นด้วย“อาเฮย!”คุณปู่ตระกูลเย่มองออ
“จะให้ทำให้เขากลัวยังไง คนก็ส่งไปแล้ว แต่วรยุทธ์เขาเก่งเกินไป สู้เขาไม่ได้หรอก” คุณปู่ตระกูลหลินส่ายหน้า“นั่นเพราะเรายังไม่ได้ลองส่งคนที่เก่งพอไปต่างหาก เมื่อกี้ฉันได้ยินมาจากเพื่อนว่ามีองค์กรนักฆ่าที่เก่งมาอยู่ที่หนึ่ง” คุณแม่ตระกูลหลินกล่าว“นักฆ่าเหรอ”สีหน้าของคุณปู่ตระกูลหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า “แบบนั้นก็เอาชีวิตเขาน่ะสิ!”“จะคิดมากไปทำไม ทุกอย่างนี่ต้องโทษที่มันหาเรื่องใส่ตัว” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความอำมหิต“ก็ได้ แต่พยายามอย่าฆ่าเขาแล้วกัน ว่าแต่ ไปหาองค์กรไหนมาล่ะ”“พรรคปีศาจ แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอกนะคะ รู้แค่ว่าราชาปีศาจผู้นำของพวกเขา มีพลังมหาศาล ขอแค่ให้เงินพวกเขามากพอ ไม่มีใครที่พวกเขากำจัดให้ไม่ได้”“ก็ได้ ทำตามอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน”ปู่ตระกูลหลินตอบอย่างช่วยไม่ได้“โอเค ฉันจะโทรไปตอนนี้ 50 ล้าน รับรองคืนนี้เขาไม่รอดแน่”แม่ตระกูลหลินทำตามที่บอกแล้วรีบโทรไปเพื่อยุ่งในเวลาเดียวกัน หวงหงเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง "นี่คุณพูดจริงหรือเปล่า คุณเย่มาที่เมืองเทียนไห่เป็นการส่วนตัวและไปหาตระกูลหลิน"“มันควรจะเป็นความจริง ฉันเกรงว่าเขามาถ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป