สุดท้าย เจ้าหน้าที่หลงก็ได้บอกทุกอย่างกับเธอ ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นนี้เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่มีทางแต่งเรื่องขึ้นมาแน่ที่สำคัญที่สุด แม่ตระกูลหลินได้ให้คุณปู่ตระกูลหลินรีบไปหาเพื่อนในเมืองหลงตูเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแล้วด้วยก็พบว่าเทพสงครามชิงหลงได้ส่งคำเตือนเช่นนี้ไปยังตระกูลเย่จริง ๆ ทำให้ตระกูลเย่ไม่สามารถลงมือกับเย่เทียนหยู่ได้ และยอมปล่อยเย่เทียนหยู่ไปส่วนเหตุผลที่มีคนจำนวนมากมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมเยียนในตอนนั้น จนถึงขั้นมอบของขวัญมากมายให้เขา เหมือนกับว่าเขาเป็นราชาแห่งมังกรจริง ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเขาถูกเย่เทียนหยู่หลอกเหมือนกับตัวเองว่าเขาคือราชามังกรจริง ๆยังไงซะ ก็ไม่มีใครรู้ว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกรมีหน้าตาอย่างไรพูดกันตามตรง เย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นแค่คนที่มีทักษะการต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้น แทบจะเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อยู่ดีจูเก่อหลิวหลีที่เฝ้าสังเกตทุกอย่างอยู่ในเงามืดก็ยิ้มออกมา ตระกูลหลินนี่หลอกง่ายเกินไปหรือเปล่า แค่จัดแจงอะไรนิดหน่อย ก็ทำให้พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าคุณชายเป็นพวกต้มตุ๋นเสียแรงที่เตรียมกลยุทธ์ไ
เย่เทียนหยู่กลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย แม้แต่ตอนที่ได้ยินว่าคุณแม่ตระกูลหลินอาจเจอปัญหา เขาก็ตามหลินหว่านหรูเข้าไปในเขตหมู่บ้านตระกูลหลินด้วยอันที่จริง ในตอนที่มาถึงด้านนอกของเขตหมู่บ้าน หลินหว่านหรูก็รู้สึกประหม่ามากยังไงซะ แม้ว่าพวกเขาจะคืนดีกันแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมีความพิเศษอยู่บ้างเทียนหยู่ไม่เคยพูดเลยว่า เขาจะพากลับมาที่บ้านตระกูลหลิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่ไม่พูดอะไรก็พาเธอขับรถเข้าไปแล้ว กระทั่งยังจอดรถตรงที่จอดรถของวิลล่าอีกต่างหากฉากนี้ ทำให้หลินหว่านหรูรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริง ๆเธอพูดกับตัวเองว่า หากเธอเป็นเขาที่ต้องเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เธอคงจะใจกว้างไม่ได้เท่ากับเย่เทียนหยู่แน่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเย่เทียนหยู่เอาไว้แน่น และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”เย่เทียนหยู่เผยรอยยิ้มออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันปรากฏบนร้อยยิ้มนั้นหมดแล้ว คนตระกูลหลินอาจจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง แต่คนที่เขาชอบก็คือหลินหว่านหรู ไม่ใช่คนตระกูลหลินหลินหว่านหรูยังคงจับมือเย่เทียนหยู่เดินเข้าไปข้างใน ทันทีที่เห็นคุณปู่และคนอื่น ๆ เดิมคิดว่าพวกเขาคงดีใจมาก
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เย่เทียนหยู่ ในที่สุดแกก็ยอมรับแล้วสินะ”แม่ตระกูลหลินพูดเยาะเย้ย “คนหลอกลวงอย่างแก พวกเราตระกูลหลินเกลียดชังมากที่สุด แกคิดว่าควรทำยังไงล่ะ?”“นี่คิดจะไล่ผมอีกแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความเย้ยหยัน“แล้วไม่ควรเป็นแบบนั้นรึไง คนหลอกลวงอย่างแก ถ้าไม่รีบไล่ไป หรือจะให้แกอยู่ปลอกลอกตระกูลหลินต่อรึยังไง? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ ว่าที่แกเกาะตระกูลหลินมาตลอด ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิน!” แม่ตระกูลหลินถามกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย“แม่คะ แม่ผิดถนัดเลยค่ะ!”หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเสียงดังด้วยความร้อนใจ “เทียนหยู่มีทรัพย์สินมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะมาสนใจธุรกิจเล็ก ๆ ของเราไปทำไมกันคะ เขาถึงขั้นมอบโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีมูลค่ากว่าพันล้านให้กับจื่อตงง่าย ๆ โดยที่ไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ!”“ก็แค่นิทานหลอกเด็ก!”“หว่านหรู แกมันไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ มอบของมูลค่าหลายพันล้านให้โดยไม่ลังเล แกคิดว่ากำลังพูดเรื่องเงินในเกมอยู่รึไง?”“หากแกพูดว่าสิบล้าน หรือว่าจะร้อยล้าน มันก็ยังพอมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่หลักพันล้านนี่ ฉันเกิดมาจนอายุปูนนี้ ก
ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็หันไปมองหลินหว่านหรู ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “หว่านหรู ผมขอโทษนะ ผมต้องขอตัวก่อน!”พูดจบ เขาก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่ดูมุ่งมั่นที่แห่งนี้นี่ ไม่ใช่ที่ที่คนปกติจะอยู่จริง ๆ “เทียนหยู่!”หลินหว่านหรูรู้สึกร้อนรน เมื่อกี้เธอพยายามหาวิธีหยุดยั้ง แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี เธอจึงพูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกบ้าไปแล้วรึไง รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”พูดจบ เธอก็รีบไปตามเย่เทียนหยู่ออกไปทันทีแต่แม่ตระกูลหลินก็เดินตรงไปข้างหน้า และจับหลินหว่านหรูเอาไว้ แล้วพูดความโกรธขึ้นว่า “แกจะทำอะไร มีผู้ชายแล้วก็ลืมครอบครัวเลยงั้นเหรอ หลินหว่านหรู ถ้าวันนี้แกกล้าก้าวเท้าออกไปจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะตายให้แกดู”“แล้วแต่แม่เลย!”หลินหว่านหรูโกรธแล้วจริง ๆ จากนั้นเธอก็สะบัดมือออก แล้วตามเย่เทียนหยู่ไปเธอรู้สึกว่าคนในบ้านนั้นทำเกินไปจริง ๆ และที่สำคัญ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย“ได้ แกอยากให้ฉันตายมากใช่ไหม งั้นตอนนี้ฉันจะตายให้แกดู” แม่ตระกูลหลินปล่อยมือหลินว่านหรู ก่อนที่จะวิ่งไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่โต๊ะมา แล้วยกขึ้นมาแนบที่คอตัวเองทันที“อวิ๋นซิ่ว......”“ที
เจ้าเด็กคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เพิ่งจะเดินไปอย่างมีเกียรติ ขณะหันหลังกลับก็จัดการเตรียมให้มีผู้นำตระกูลเย่ตัวปลอมมาที่นี่ในทันทีอีก ไม่แน่อาจจะพุ่งเป้ามาที่ชื่อเขาโดยตรงเลยก็ได้ถ้าจะพูดให้เกินจริงหน่อย สู้บอกไปเลยว่าเย่เทียนหยู่คือคุณชายจากตระกูลเย่เลยดีกว่าไหมครั้งนี้ ทั้งคุณปู่ตระกูลหลินกับคุณแม่ตระกูลหลินต่างก็คิดเห็นตรงกันผู้อาวุโสเย่ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะยังสงสัยในตัวตนของเขา จึงได้พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ผมคิดว่า ระหว่างพวกคุณอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดรึเปล่า ผมเป็น......”“พอได้แล้ว!”“ถูกพวกเราจับได้แล้ว ยังจะแถไปถึงไหนอีก!”คุณแม่ตระกูลหลินหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็รีบไสหัวไปซะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณอายุปูนนี้แล้ว ฉันคงไล่คุณไปด้วยไม้กวาดไปแล้ว”สีหน้าผู้อาวุโสเย่ดูไม่ค่อยดีมากนัก เขาแทบจะเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เขา เย่ไป๋เชิ่ง มีชื่อเสียงในเมืองหลงตูมานานหลายปี ไม่ว่าใครที่พบเห็นต่างก็ต้องให้ความเคารพอยู่เสมอต่อให้จะเป็นคนส่วนน้อยที่มีสถานะสูงส่ง แต่พวกเขาก็ยังคงสุภาพและนอบน้อมเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยถูกใครดูหมิ่นและเห
ท่าทางแบบนั้นทำให้ผู้คนรอบตัวคุณปู่ตระกูลเย่ทนไม่ไหว โดยเฉพาะ เย่เฮย ผู้ติดตามของคุณปู่ตระกูลเย่ เขาโกรธถึงขีดสุดแม้ท่านปู่จะไม่โกรธและไม่ได้ใส่ใจ แต่เขาก็ยังปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและพูดด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าช่างอวดดีนัก ท่านปู่มีสถานะสูงส่งขนาดไหน จะยอมปล่อยให้พวกแกดูถูกยังไง!”คุณแม่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังใกล้เข้ามา ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ว่านี่เป็นเพียงแค่โทสะที่เกิดจากความอับอายเท่านั้นไม่ใช่เหรอเหอะ พอถูกเธอพบใบหน้าที่แท้จริงเข้าแล้ว ก็เลยเลือกทำรุนแรงทำท่าทางดุร้ายให้พวกเธอวางใจสินะ ไอ้ลูกไม้แบบนี้น่ะ เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยละแม่ตระกูลหลินรีบพูดด้วยความโกรธทันทีว่า “ยังจะแสดงละครไม่เลิก กับแค่พวกต้มตุ๋น ยังกล้าลงไม้ลงมือกันอีกเหรอ เชื่อมั้ย ฉันจะแจ้งความเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ให้พวกแกไปอยู่ในคุก”“ใช่ ตระกูลหลินไม่ใช่ที่ให้พวกแกทำตัววางมาดนะ ผมน่ะมองว่าพวกคุณก็อายุปูนหนึ่งแล้วหรอก ถึงไม่คิดเล็กคิดน้อยด้วย” คุณปู่ตระกูลหลินพยักหน้าเห็นด้วย“อาเฮย!”คุณปู่ตระกูลเย่มองออ
“จะให้ทำให้เขากลัวยังไง คนก็ส่งไปแล้ว แต่วรยุทธ์เขาเก่งเกินไป สู้เขาไม่ได้หรอก” คุณปู่ตระกูลหลินส่ายหน้า“นั่นเพราะเรายังไม่ได้ลองส่งคนที่เก่งพอไปต่างหาก เมื่อกี้ฉันได้ยินมาจากเพื่อนว่ามีองค์กรนักฆ่าที่เก่งมาอยู่ที่หนึ่ง” คุณแม่ตระกูลหลินกล่าว“นักฆ่าเหรอ”สีหน้าของคุณปู่ตระกูลหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า “แบบนั้นก็เอาชีวิตเขาน่ะสิ!”“จะคิดมากไปทำไม ทุกอย่างนี่ต้องโทษที่มันหาเรื่องใส่ตัว” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความอำมหิต“ก็ได้ แต่พยายามอย่าฆ่าเขาแล้วกัน ว่าแต่ ไปหาองค์กรไหนมาล่ะ”“พรรคปีศาจ แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอกนะคะ รู้แค่ว่าราชาปีศาจผู้นำของพวกเขา มีพลังมหาศาล ขอแค่ให้เงินพวกเขามากพอ ไม่มีใครที่พวกเขากำจัดให้ไม่ได้”“ก็ได้ ทำตามอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน”ปู่ตระกูลหลินตอบอย่างช่วยไม่ได้“โอเค ฉันจะโทรไปตอนนี้ 50 ล้าน รับรองคืนนี้เขาไม่รอดแน่”แม่ตระกูลหลินทำตามที่บอกแล้วรีบโทรไปเพื่อยุ่งในเวลาเดียวกัน หวงหงเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง "นี่คุณพูดจริงหรือเปล่า คุณเย่มาที่เมืองเทียนไห่เป็นการส่วนตัวและไปหาตระกูลหลิน"“มันควรจะเป็นความจริง ฉันเกรงว่าเขามาถ
“เกิดเรื่องอะไร” เย่เทียนหยู่ถาม“เทพสงครามพยัคฆ์ขาวแห่งตระกูลเย่ถูกซุ่มโจมตีนอกอาณาเขตและเสียชีวิตในสนามรบครับ”เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย ในสายตาของเขา เทพสงครามพยัคฆ์ขาวเป็นหนึ่งในสี่เทพแห่งสงครามของอาณาจักรมังกร และความแข็งแกร่งของเขาก็เกือบจะถึงปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว “ยืนยันแล้วเหรอ” เขาถาม“ยืนยันแล้วครับ”“ใครเป็นคนทำ”“ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดครับ เบื้องบนกำลังโกรธกันมาก มีคำสั่งให้ท่านชิงหลงสอบสวนอย่างละเอียด และยังให้เขาตามเอาเรื่องถึงที่สุดด้วย!”“นั่นสินะ เทพสงครามพยัคฆ์ขาวตายไปทั้งคนไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไม่เพียงแต่อาณาจักรมังกรจะสูญเสียพลังต่อสู้ไป แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือนี่เป็นสัญญาณของการดูถูกอาณาจักรมังกร” เย่เทียนหยู่ถอนหายใจเล็กน้อยแม้ใจของเขาจะโกรธตระกูลเย่มาก เพราะถึงยังไง คนที่ตามฆ่าเขามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นคนของตระกูลเย่ แต่มันก็ยังไม่ถูกยืนยันโดยสมบูรณ์มีเพียงการค้นหาแม่เท่านั้นที่เราจะสามารถเข้าใจต้นตอของทุกสิ่งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุใดพวกเขาจึงออกจากตระกูลเย่ และเหตุใดพ่อของพวกเขาจึงหายตัวไปเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันนะ“ครับ!”“คุณคิดว
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย