“ยัยเด็กโง่ จะร้อนใจทำไม ผมไม่ได้เมินคุณสักหน่อย แค่มือถือบังเอิญแบตหมด นี่ก็เพิ่งชาร์จไปได้นิดหน่อยก็รีบโทรกลับหาคุณไม่ใช่เหรอ”“จริงเหรอ นายไม่โทษฉันเหรอ”“จะโทษคุณทำไม ก็มันไม่ใช่ความผิดของคุณนี่”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หยุดคิดมากได้แล้วนะ ขอแค่หัวใจของคุณอยู่กับผม ไม่มีใครแยกเราได้หรอกครับ ไม่ต้องพูดถึงเป็นปัญหาเล็กๆแบบนั้น”“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หัวใจของฉันก็จะอยู่กับคุณเสมอ” หลังจากที่หลินว่านหรุพูดจบ เธอก็รู้สึกเขินอายและรู้สึกว่าเธอกระตือรือร้นเกินไป ดังนั้นเธอจึงรีบถามว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน"“วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่ง คุณตั้งใจจะมาชดเชยให้ผมเหรอ” เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆแต่สิ่งที่เย่เทียนหยู่ไม่คาดคิดก็คือหลินว่านหยู่ซึ่งเย็นชาและมีเสน่ห์มาโดยตลอดพูดว่า “พวกเขาไม่ปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้นฉันคงไปหานายตอนนี้แล้วหรอกย่ะ”“แต่ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน”“ไม่จำเป็นหรอก เวลาจะพิสูจน์ทุกสิ่ง” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ไม่ได้ นายจะปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดนายไม่ได้”“ถ้างั้นก็ทำตามที่คุณต้องการเถอะ”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคว
พูดถึงคุณแม่ตระกูลหลิน ต้องยอมรับว่าเธอช่างจัดการทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์และใช้เงินไปเต็ม ๆ 50 ล้าน!แม้แต่ตัวแม่ตระกูลหลินรู้สึกเองก็แอบปวดใจ เพื่อนของเธอบอกว่า แม้เย่เทียนหยู่จะเก่งศิลปะการต่อสู้ แต่ 50 ล้านก็เพียงพอแล้วเพราะยังไงซะ เขาก็แค่คนไร้นามคนหนึ่ง ไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่ไหนแต่ทันทีที่พวกเขาเพิ่งเสร็จธุระ ก็มีคนมารายงานว่ามีรถอยู่ข้างนอกหลายคัน และหลายคนก็มาที่ตระกูลหลินเพื่อเข้าเยี่ยมคุณปู่ตระกูลหลินและสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเยียนพวกเขา“เกิดอะไรขึ้น พวกมันเป็นใคร สวะเย่เทียนหยู่นั่นมันส่งคนมาสร้างเรื่องอีกแล้วเหรอ” แม่ตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะก่นด่า“คงเป็นแบบนั้น ไม่รู้เอานักแสดงพวกนี้มาจากไหนนัก แต่ละคนลักษณะท่าทางเหมือนกันไปหมด” พ่อหลินสนับสนุนความคิดของเธอ“ออกไปดูกันก่อน ถ้าไอ้เย่เทียนหยู่นั่นมันสร้างเรื่อง วันนี้ฉันต้องจัดการมันแน่ จะได้ไม่เอาแต่มารบกวนเราแบบนี้ เสนียดจัญไรจริง ๆ เลย”แสงเย็นวาบวาบผ่านดวงตาของปู่ตระกูลหลินกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกม
หลินหงอุทานหลังจากจำทุกอย่างได้ ภาพจำของเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นและซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว ชายชราคนนั้นคือผู้นำที่มีสถานะสูงส่งคนหนึ่งหรือว่าเขาเป็นผู้นำตระกูลเย่จริง ๆ!“อะไรนะ!”“พูดจริงรึเปล่า!”ใบหน้าของคุณปู่ตระกูลหลินซีดลงเขาเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าเขาอาจทำผิดพลาดอย่างไม่อาจให้อภัยได้ หากตัวตนของอีกฝ่ายเป็นจริง คราวนี้เขาจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองจริงๆคุณแม่ตระกูลหลินดูงุนงงและพูดว่า "คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร"“สิบแปดมงกุฏที่เราเพิ่งพูดถึงอาจเป็นคุณปู่ตระกูลเย่ตัวจริงก็ได้” หลินหงพูดพึมพำ“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นตัวจริง จะพูดง่ายขนาดนั้นเหรอ” แม่ตระกูลหลินตอบกลับทันที อย่าว่าอย่างนั้นเลย แต่มันดูไม่เหมือนจริงๆหลังจากฟังคำพูดของหลาย ๆ คน ในที่สุด หวงหงเจี้ยนก็เข้าใจเหตุผล ตอนที่คุณปู่ตระกูลเย่มาถึง เขาก็ถูกคนพวกนี้ขับไล่ออกเพราะเข้าใจว่าเป็นพวกต้มตุ๋นแต่ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนจะชักจะเริ่มไม่มั่นใจหวงหงเจี้ยนส่ายหน้า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วหารูปถ่ายบนอินเทอร์เน็ต ก่อนจะยื่นให้แล้วถามว่า “นี่ใช่คือคนที่คุณเพิ่งพบหรือเปล่า”เนื่องจากรูปถ่ายนี้ถ่ายในช่วงไม่กี่ปีท
เมื่อเห็นใบหน้าของหลายคนซีดเซียวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หวงหงเจี้ยนก็แอบส่ายหน้า เขารู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้คงไม่ทำตั้งแต่แรกประเด็นคือ ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำเช่นนี้บางครั้งเขาไม่เข้าใจตระกูลหลินเลยจริงๆ ครั้งสุดท้ายที่ผ่านไปด้วยดีและมีบุคคลสำคัญมากมายมาเยี่ยม แต่สุดท้ายเขาก็ขับรถหมอเย่ออกจากบ้านก่อนเวลาเขายังบังคับให้ลูกสาวหย่ากับหมอเย่ด้วยมาตอนนี้ ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเย่มาเยือนที่นี่ด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็ขับไล่ผู้อาวุโสออกไปนอกจากนี้ หวงหงเจี้ยนยังแอบมีสังหรณ์ที่น่ากลัวในใจ สงสัยว่าแพทย์เซียนเย่จะมีความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แห่งหลงตูแน่ไม่อย่างนั้น เมื่อพิจารณาจากสถานะของคุณเย่ แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ตระกูลหลินด้วยตนเอง และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ตระกูลหลินไม่ได้ให้โชคแก่คุณเย่ แต่พวกเขาก็ยังสบายดีจะเห็นได้ว่าคุณปู่ตระกูลเย่กำลังกลั้นอยู่ซึ่งอาจเพียงเพื่อรักษาหน้าของแพทย์เซียนเย่“ร…รัฐมนตรีหวง คนที่เพิ่งมาที่บ้านตระกูลหลินคือผู้นำตระกูลเย่จริงๆ เหรอ”“แน่นอน ในเมื่อคนที่พวกคุณเลยเจอคือคนบนมือถือของผมก็เป็นเขาไม่ผิดแน่ ผมเอง
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อครู่ตอนคุณปู่ตระกูลเย่มา เขาดูเกรงอกเกรงใจมากเพราะอะไรกัน เห็นชัด ๆ ว่าไม่เกี่ยวกับเราแน่ เขามาหาเย่เทียนหยู่”"ใช่ ๆ เขาบอกว่าเขามาหาเย่เทียนหยู่ แล้วก็ แล้วก็...”เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินพูดจบ จู่ๆ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ และเธอก็ยืนตะลึงงันอยู่กับที่“แล้วก็อะไร”เมื่อเห็นว่าเขายังคงเงียบ พ่อตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะถาทยังไงก็ตาม คุณปู่ตระกูลหลินดูตกใจและพูดด้วยความไม่เชื่อ “ยิ่งกว่านั้น เขาบอกว่าเทียนหยู่เป็นลูกหลานของตระกูลเย่ และเขามาที่นี่เพื่อนำเทียนหยูกลับมาหาตระกูลเย่ หากเป็นกรณีนี้ เทียนหยู่ อาจเป็นหลานชายของตระกูลเย่”“อ่า…”“ไม่จริงหน่า”“เป็นไปได้ยังไง เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน”คุณแม่ตระกูลหลินตกตะลึงหลังจากที่ปู่ตระกูลหลินพูดจบ เขาก็คิดทบทวน ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งมั่นใจ “ใช่ ต้องเป็นเรื่องจริงแน่ พวกแกได้สังเกตรึเปล่า ว่าทำไมผู้อาวุโสตระกูลเย่ต้องนำของขวัญล้ำค่าขนาดนั้นมา นั่นเป็นตัวยาเซียนที่สามารถยืดอายุได้เลยนะ”“นอกจากนี้ เขายังอดกลั้นแม้ว่าเราจะไปไกลเกินไปแล้ว ต้องมีเหตุผลพิเศษมาก ยกเว้นว่าเทียนหยู่เป็นหลานชายของเขา แล
“แล้วคุณปู่เย่และคนอื่นๆ ล่ะ” เย่เทียนหยู่ถาม แม้อีกฝ่ายจะเป็นปู่ของเขา แต่เขาไม่มีความรักใด ๆ ต่อคนในตระกูล มีเพียงแต่ความเหินห่างเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่พ่อของพวกเขาหายตัวไป และพวกเขาถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่ถูกไล่ล่าเป็นระยะทางหลายพันไมล์และเกือบตายหลายครั้ง“ตอนนี้พักอยู่โรงแรมเฮลิออนบนถนนไห่จงครับ!”“พวกเขามาที่นี่เพื่อตามหาผมใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ครับ!”เมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเย่เทียนหยู่ก็เกิดความเย็นชาขึ้น ดูเหมือนว่าปู่คนนี้คงจะรู้จักตัวตนของเขาแล้วถึงตั้งใจมาตามหาเขาแบบนี้ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้เตรียมของขวัญมากมายแถมดูตั้งใจยืนหยัดขอโทษเขาเป็นพิเศษ อาจเพราะต้องการให้เขากลับไปช่วยตระกูลเย่ตระกูลเย่ในปัจจุบัน เย่เซวียนถูกปลดและเทพสงครามพยัคฆ์ขาวตาย พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสตระกูลเย่ที่อายุถึงคราวเกษียณแล้วเพียงคนเดียวปกครองตระกูลระดับสูงอย่าง 4 ตระกูลมหาอำนาจไม่ได้หรอก หากปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก ความเสื่อมถอยย่อมตามมาเป็นเรื่องไม่อาจเลี่ยงแต่อันที่จริงการอยากให้เข
“ใช่ แต่ก็คงแกร่งขึ้นไม่กี่เท่าตัว ส่วนว่าผมมีพลังระดับไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าถังวั่นหลี่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ “หรือท่านทะลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเข้าสู่เทพยดาแดนดินไปแล้ว” เขาถามอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ยังไม่ใช่หรอก ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมฝึกทักษะทางจิตของผมจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ก็ยังทะลวงระดับไม่ได้”เขาแอบสงสัยว่าการทะลวงระดับพลังนั่นอาจเกี่ยวเนื่องกับจิตวิญญาณและพลังวิญญาณ ไม่อย่างนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอื่น“อันที่จริง ไม่ทะลวงระดับก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถึงยังไงพันปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนทำสำเร็จ แต่ข้าเชื่อว่า ถ้าต้องมีสักคนทำได้ คนนั้นย่อมเป็นท่านแน่” ถังวั่นหลี่พูด“ไม่แน่หรอก อย่าลืมว่าอาณาจักรมังกรของเรามีเทพเจ้าสงครามที่ผู้ไร้เทียมทานอยู่มานานแล้ว” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ใช่แล้วละ ผมจะลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไง เมื่อ 17 ปีก่อน ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เห็นเทพสงครามชิงหลงใช้ดาบ ดาบนั่นสังหารปรมาจารย์สองคนได้ใน เขาเป็นคนที่ไร้เทียมทานจริงๆ!”ถังวั่นหลี่อุทานออกมา ตอนนั้นเขายังเป็นแค่ป
หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว แม่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ก็มาที่ประตูห้องของ หลินหว่านหรูและเคาะประตู หลังจากนั้นไม่นาน หลินหว่านหรูก็เปิดประตูออกมาอันที่จริง หลินหว่านหรูก็อยากไปหาพวกเขา เพื่อบอกให้ชัดว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกรแห่งพรรคมังกร และพวกเขาคงเข้าใจอะไรผิดแต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาเธอเสียก่อนเกรงว่าคงอยากบีบบังคับเธอแยกทางกับเทียนหยู่อีกหลินหว่านหรูกล่าวทันที “ไม่จำเป็นต้องพูดมากไปกว่านี้ หนูจะไม่มีวันแยกจากเทียนหยู่ ตอนมีชีวิตหนูจะเป็นคนของเขา จนตายหนูก็จะไปเป็นผีตามติดเขาด้วย!”ครั้งนี้ ต่อให้เธอต้องตายก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาดต่อให้แม่เอาชีวิตตัวเองมาข่มขู่ เธอก็ไม่ยอมประนีประนอมหลายคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คุณแม่ตระกูลหลินก็ยิ้มทันทีและพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วง เราไม่ได้มาแยกทางลูกกับเทียนหยู่หรอก ตรงกันข้าม เราตั้งวใจมาขอโทษเขาต่างหาก”“ขอโทษเหรอคะ”หลินหว่านหรูดูสับสน“แค่ก แค่ก…”คุณปู่ตระกูลหลินไอเล็กน้อยและอธิบาย “ปู่จะพูดเอง หว่านหรู ก่อนหน้านี้ที่เราทำแบบนั้นกับเทียนยหู่ เป็นเราเองที่ทำเรื่องสิ้นคิดและทำเกินไปจริงๆ”“เพราะถึงยังไง ไม่ว่าเทียนหยู่จะ
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย