“ใช่ แต่ก็คงแกร่งขึ้นไม่กี่เท่าตัว ส่วนว่าผมมีพลังระดับไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าถังวั่นหลี่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ “หรือท่านทะลุระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเข้าสู่เทพยดาแดนดินไปแล้ว” เขาถามอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “ยังไม่ใช่หรอก ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมฝึกทักษะทางจิตของผมจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ก็ยังทะลวงระดับไม่ได้”เขาแอบสงสัยว่าการทะลวงระดับพลังนั่นอาจเกี่ยวเนื่องกับจิตวิญญาณและพลังวิญญาณ ไม่อย่างนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอื่น“อันที่จริง ไม่ทะลวงระดับก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถึงยังไงพันปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนทำสำเร็จ แต่ข้าเชื่อว่า ถ้าต้องมีสักคนทำได้ คนนั้นย่อมเป็นท่านแน่” ถังวั่นหลี่พูด“ไม่แน่หรอก อย่าลืมว่าอาณาจักรมังกรของเรามีเทพเจ้าสงครามที่ผู้ไร้เทียมทานอยู่มานานแล้ว” เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ใช่แล้วละ ผมจะลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไง เมื่อ 17 ปีก่อน ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เห็นเทพสงครามชิงหลงใช้ดาบ ดาบนั่นสังหารปรมาจารย์สองคนได้ใน เขาเป็นคนที่ไร้เทียมทานจริงๆ!”ถังวั่นหลี่อุทานออกมา ตอนนั้นเขายังเป็นแค่ป
หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว แม่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ก็มาที่ประตูห้องของ หลินหว่านหรูและเคาะประตู หลังจากนั้นไม่นาน หลินหว่านหรูก็เปิดประตูออกมาอันที่จริง หลินหว่านหรูก็อยากไปหาพวกเขา เพื่อบอกให้ชัดว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกรแห่งพรรคมังกร และพวกเขาคงเข้าใจอะไรผิดแต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาเธอเสียก่อนเกรงว่าคงอยากบีบบังคับเธอแยกทางกับเทียนหยู่อีกหลินหว่านหรูกล่าวทันที “ไม่จำเป็นต้องพูดมากไปกว่านี้ หนูจะไม่มีวันแยกจากเทียนหยู่ ตอนมีชีวิตหนูจะเป็นคนของเขา จนตายหนูก็จะไปเป็นผีตามติดเขาด้วย!”ครั้งนี้ ต่อให้เธอต้องตายก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาดต่อให้แม่เอาชีวิตตัวเองมาข่มขู่ เธอก็ไม่ยอมประนีประนอมหลายคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คุณแม่ตระกูลหลินก็ยิ้มทันทีและพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วง เราไม่ได้มาแยกทางลูกกับเทียนหยู่หรอก ตรงกันข้าม เราตั้งวใจมาขอโทษเขาต่างหาก”“ขอโทษเหรอคะ”หลินหว่านหรูดูสับสน“แค่ก แค่ก…”คุณปู่ตระกูลหลินไอเล็กน้อยและอธิบาย “ปู่จะพูดเอง หว่านหรู ก่อนหน้านี้ที่เราทำแบบนั้นกับเทียนยหู่ เป็นเราเองที่ทำเรื่องสิ้นคิดและทำเกินไปจริงๆ”“เพราะถึงยังไง ไม่ว่าเทียนหยู่จะ
“จะว่าไปแล้ว ถ้าเขาไม่ใช่ราชามังกร เขาจะไปเอาความกล้าที่ไหนมาหลอกพวกคนใหญ่คนโตล่ะคะ”หลินหว่านหรูถามด้วยความโกรธทันทีที่สิ้นคำพูเหล่านั้น ทุกคนก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ควบรวมกับพวกเขาเพิ่งโทรหาหลินจื่อตงเพื่อยืนยันในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเชื่อว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกรจริงๆโอ้พระเจ้าเทียนหยู่ไม่เพียง แต่เป็นนายน้อยของตระกูลเย่เท่านั้น แต่ยังเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรด้วย ด้วยวิธีนี้ สถานะของเขาจะต้องสูงส่งและเหนือกว่ามากลูกสาวของฉันเจอลูกเขยที่สมบูรณ์แบบและโดดเด่นขนาดนี้ เธอไม่อยากบินทันทีเลยเหรอคุณปู่ตระกูลหลินก็ตกใจมากเช่นกัน หากเป็นกรณีนี้ หลานเขยจะต้องถูกจับอย่างแน่นหนา“หว่านหรู เราผิดเอง เราเข้าใจผิดทุกอย่าง” คุณปู่ตระกูลหลินกล่าว “หลานลองโทรหาเทียนหยู่แล้วนัดเขาออกมาหน่อย เราอยากขอโทษเขา”หลินหว่านหรูลังเลเล็กน้อย เธอต้องการให้ครอบครัวของเธอขอโทษเทียนหยู่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ไปไกลเกินไปแล้วแต่พวกเขากลัวว่าเทียนหยู่จะไม่มีความสุข เมื่อเห็นว่าเทียนหยู่โกรธพวกเขามากอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเขาโทรหาฉันเขาอาจจะยกโทษให้ฉันเพื่อตัวเขาเอง“ยังมัวลังเลอยู่ท
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถามคุณแม่ตระกูลหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกข้อเท็จจริงทั้งหมดอย่างละเอียด ท้ายที่สุด มีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งทำให้คุณปู่ตระกูลเย่ต้องอับอาย และตอนนี้เธอต้องการให้ลูกสาวของเธอช่วยแก้ไขไม่อย่างนั้น ไม่ได้ลูกเขยแล้วยังจะมหายนะมาแทนอีก“คุณบอกว่าคุณเห็นคุณปู่ตระกูลเย่เป็นนักต้มตุ๋นเหรอ”“แล้วยังดุด่าเขาไปหลายที ให้เขาออกจากบ้านตระกูลหลินเราไปเหรอ”หลินหว่านหรูตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น และยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิม นี่จะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ ซึ่งอาจพาตระกูลหลินไปสู่ความตาย“แต่ไม่ต้องกังวลหว่านหรู คุณปู่ตระกูลเย่ใส่ใจเทียนหยู่มากเลยนะ เขาถึงกับยอมอดทนเรื่องนี้ ดังนั้น ขอแค่เราเจอเทียนหยู่และเทียนหยู่ยอมออกหน้าแทน ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทาง ปัญหาจะจบสิ้น และคุณปู่ตระกูลเย่จะไม่ตำหนิเราอีกต่อไป”แม่ตระกูลหลินพูดอย่างรวดเร็วราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ“พวกคุณให้ฉันทำใจก่อน”หลินหว่านหรูรู้สึกว่าทุกอย่างน่าตกใจมาก เธอใช้เวลานานในการเรียบเรียงเรื่องราวทุกอย่าง และเธอก็เข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอและคนอื่นๆ ถึงเปลี่ยนท่าทีกะ
“ใช่ แต่มันไม่จำเป็น คุณก็รู้สถานการณ์ของพวกเขาดี พวกเขาไม่มีความจริงใจเลย พวกเขาแค่แกล้งทำเป็น ยังไงก็ตามฉันจะไม่ทำอะไรพวกเขา ไม่สำคัญว่าฉันจะขอโทษหรือไม่ก็ตาม”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลินหว่านหรูรู้สึกเสียใจกับ เย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้น และพูดอย่างเร่งรีบ "ฉันขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกผิด อย่าทนกับพวกเขาอีกต่อไปในอนาคต"เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ตระกูลหลินก็เบะปากดูไม่พอใจและอยากจะพูดแต่กลับถูกคุณปู่ตระกูลหลินหยุดไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำให้เย่เทียนหยู่เปลี่ยนใจ“คุณไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” เย่เทียนหยู่กล่าว“ขอบคุณนะ!”“จริงๆ แล้ว ฉันรู้ด้วยว่าพวกเขาเดาตัวตนของคุณในตระกูลเย่ แล้วคุณเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่จริงๆ เหรอ” หลินหว่านหรูถาม“แน่นอน ถ้าทุกคนไม่สะดวกที่จะรู้ก็อย่าบอกนะ”“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก ผมมาจากตระกูลเย่จริง และเขาก็เป็นปู่ของผม!” เย่เทียนหยู่ตอบ“อ่า เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ”แม้หลินหว่านหรูจะรู้อยู่แล้ว แต่เธอก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีวันเกี่ยวอะไรกับเขา คุณยั
สมองของเย่เทียนหยู่กำลังหมุนติ๋ว ในที่สุด เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "จับตาดูการเคลื่อนไหวของชิงหลงและเทพเจ้าสงครามอื่น ๆ แล้วทำการสอบสวนต่อไป เราต้องหาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังจูเก่อหลิวหลี"“ติดตามแนวทางของสำนักเงา ตรวจสอบการเคลื่อนไหวและผู้นำของสำนักเงาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย”“ครับ!”“ระวังตัวด้วย จำเอาไว้ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างชิงหลง อย่าเข้าใกล้พวกเขาและหาข้อมูลผ่านวิธีอื่นแทน” เย่เทียนหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเตือนเพราะถึงยังไง ด้วยความแข็งแกร่งของเทพสงครามชิงหลงและคนอื่น ๆ หากอีกฝ่ายคิดจะตามรอย พวกเขาจะถูกเปิดเผยภายในไม่กี่นาที“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์พร้อมกับสายตาคมกริบ หากแม่ของเขาฆ่าเทพสงครามพยัคฆ์ขาวจริง ๆ เทพสงครามพยัคฆ์ขาวก็คงจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างแน่นอนมิฉะนั้น แม่ของฉันจะไม่ฆ่าเทพเจ้าแห่งสงครามผู้มีชื่อเสียง ทรงพลัง และยังเป็นสมาชิกของตระกูลเย่กระทันหันแบบนี้แน่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง จะต้องเกิดการต่อสู้ระหว่างตัวเขากับชิงหลงอย่างแน่นอนในตอนนั้นเขาไม่มีความสามารถหรือความสามารถ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เขาส
แต่หลินหว่านหรูรู้จักแม่ของเธอดีเกินไป เมื่อเห็นสายตาหลบเลี่ยงของเธอ เธอก็ถามอย่างเย็นชา “แม่คิดว่าหนูเชื่อรึเปล่า”เธอกังวลอยู่แล้ว แต่เธอไม่คาดคิดว่าลูกสาวของเธอจะเป็นเช่นนี้ จู่ๆ แม่ตระกูลหลินก็โกรธและพูดด้วยความโกรธ "แล้วถ้าเธอไม่เชื่อฉันล่ะ คุณจะฆ่าฉันด้วยเหรอ"“ฉันขอบอกเลยนะ ว่าฉันเพิ่งเจอนักฆ่าที่จะลอบสังหารเขาและใช้เงินไปมากกว่า 50 ล้าน ถ้าฉันไม่เห็นว่าเขาเป็นนายน้อยของตระกูลเย่ ฉันคงไม่ยกเลิกหรอก ไม่งั้นเงิน 50 ล้านฉันจะยอมเสียเปล่าเหรอ”“เขาทำให้ฉันเสียเงินไปมากแล้ว ฉันขอเงินจากเขาไม่ถึง 50 ล้านเลยด้วยซ้ำ เขายังไม่ยอมช่วยฉันอีกเหรอ”คุณแม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ ยังไงก็ตาม ในใจเธอความผิดเป็นของคนอื่น“นี่แม่…”หลินหว่านหรูแทบจะกระอักเลือด จากนั้นมองไปที่พ่อและปู่ของเธอ และพูดด้วยความโกรธ “แม่นี่ไร้เหตุผลและน่าสิ้นหวังจริงๆ!”ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาทันทีและกดหมายเลขของเย่เทียนหยู่ แม้ว่าจะถูกยกเลิกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ามีนักฆ่าที่ไม่ได้รับการติดต่อและยังคงปฏิบัติการอยู่หรือไม่นั่นคือนักฆ่า และนักฆ่ามีปืน ไม่ว่าทักษะของเทียนหยู่จะดีแค่ไหน เขาก็ไม
ทว่า หลินหว่านหรูรู้สึกต่างออกไป เธอโกรธกับสิ่งที่พ่อแม่ของเธอทำ และเธอยังเกลียดที่เธอปล่อยให้ครอบครัวของเธอทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต่อเย่เทียนหยู่ในขณะเดียวกัน เธอประทับใจกับน้ำใจของเย่เทียนหยู่ ทั้งที่แม่ของเธอทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยแบบนี้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่เอ่ยถึงเลยสักคำเขาไม่พูดอะไรเลยแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้เธอต้องลำบากใจความมีน้ำใจของเขาที่มีต่อฉันและการเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันของเขาทำให้ฉันรู้สึกละอายใจเป็นพิเศษเขาทำเพื่อตัวเองมามากมายและมีน้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่สามารถแก้ปัญหานี้ที่บ้านได้“เทียนหยู่ ปู่ขอโทษนะ ปู่ผิดไปแล้ว ปู่สัญญา นับจากนี้ไป…” คุณปู่ตระกูลหลินถอนหายใจ ครั้งนี้เขารู้สึกเสียใจจริง ๆ เพราะในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแต่ไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะหงุดหงิด เพราะในอดีตเย่เทียนหยู่มักให้เกียรติเขาเสมอ แต่คราวนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาเลย “พอเถอะ คุณเลิกสัญญาอะไรกับผมสักที คำสัญญาของคุณคราวก่อนยังติดหูผมอยู่เลย แล้วมันมีประโยชน์อะไร” เขาพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ถ้าปู่เป็นคุณ ปู่ก็คงจะไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองจะพูดตอนนี้ แต่ปู่ก็ยังอยากขอโทษคุณนะ
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย