เย่เทียนหยู่ส่ายหัว และพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ของที่มอบออกไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเรียกกลับมา จื่อตง นายก็รับไปเถอะ แต่ว่านะ นายเองก็ต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ แล้วสร้างผลงานให้ฉันได้เห็น เข้าใจไหม?”“ครับ!”“ผมจะต้องทำได้แน่ครับ ขอบคุณครับ พี่เขย” หลินจื่อตงกล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งการที่เย่เทียนหยู่จัดการแบบนี้ จริง ๆ แล้วมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก แขกที่เข้าพักในโรงแรมแห่งนั้นต่างก็ไม่ธรรมดา นี่ถือเป็นโอกาสให้หลินจื่อตงได้ฝึกฝนพ่อตระกูลสวี่เห็นฉากนี้แล้ว ก็ยิ่งเห็นถึงความเอาใจใส่ของพี่เขยคนนี้ที่มีต่อหลินจื่อตงมากขึ้น ในใจก็รู้สึกดีใจ ต่อไปเขาจะต้องดีกับลูกเขยคนนี้ให้มาก ๆในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปทางหลินจื่อตง ยิ่งมองก็ยิ่งสบายตามากขึ้นเรื่อย ๆแน่นอน ว่ายังเทียบท่านราชามังกรไม่ติดอยู่ดี หากท่านราชามังกรเป็นลูกเขยของตัวเองล่ะก็ แต่นี่ก็เป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้น ไม่นานก็รีบทิ้งความคิดนั้นไปทันทียังไงซะ ลูกสาวของตนก็มีโชคชะตาเป็นของตัวเองยากมากที่ลูกสาวจะได้แต่งงานกับคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แถมยังเป็นคนที่ลูกสาวตัวเองชอบอีก ตระกูลสวี่รู้สึกพอใจมากจริง ๆเมื่อมีสถานะราชา
หลังจากศึกที่ดุเดือนผ่านไป ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็รู้สึกร้อนผ่าว เธอพูดออกไปด้วยความรู้สึกเขินปนโกรธ “อีตาบ้าอย่างนายนี่นะ เบาหน่อยไม่เป็นรึไง ใช้แรงมากขนาดนั้น ทำเอาชั้นในของฉันขาดหมดแล้ว!”“ฮึ ๆ เหมือนว่าเมื่อกี้คุณจะไม่ได้พูดแบบนี้นะ” “มีปัญหาอะไร!”เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อสักครู่ หลินหว่านหรูก็รู้สึกอายจนแทบจะหมดแรง“เอาล่ะ ยังไงเราก็ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวผมพาไปซื้อใหม่ให้เลย”“ใครจะไปซื้อกับนายกัน” หลินหว่านหรูหน้าแดงขึ้นมา น้ำเสียงดูไม่พอใจ เพราะมันไม่ใช่การซื้อเสื้อผ้าที่ใส่ภายนอก เธอจึงรู้สึกอายขึ้นมา“งั้นจะไม่ใส่แล้วเหรอ? ก็จริง อีกเดี๋ยวจะได้สะดวกหน่อย!”“คนผีทะเล”หลินหว่านหรูรู้สึกอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งอาจหาญขึ้นเรื่อย ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกมีความสุขกับมันอย่างมากน้อยมากที่ทั้งสองจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสบายใจ หลินหว่านหรูจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับเมืองเทียนไห่แต่อย่างใดเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ ในตอนกลางคืน ทั้งสองคนจองโรงแรมเอาไว้แห่งหนึ่ง และทั้งคู่ก็ได้ทำการสำรวจร่างกายกันอีกครั้ง จนกระทั่งถึงเช้าวันถัดมา ทั้งสองถึงได้ขั
สุดท้าย เจ้าหน้าที่หลงก็ได้บอกทุกอย่างกับเธอ ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นนี้เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่มีทางแต่งเรื่องขึ้นมาแน่ที่สำคัญที่สุด แม่ตระกูลหลินได้ให้คุณปู่ตระกูลหลินรีบไปหาเพื่อนในเมืองหลงตูเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแล้วด้วยก็พบว่าเทพสงครามชิงหลงได้ส่งคำเตือนเช่นนี้ไปยังตระกูลเย่จริง ๆ ทำให้ตระกูลเย่ไม่สามารถลงมือกับเย่เทียนหยู่ได้ และยอมปล่อยเย่เทียนหยู่ไปส่วนเหตุผลที่มีคนจำนวนมากมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมเยียนในตอนนั้น จนถึงขั้นมอบของขวัญมากมายให้เขา เหมือนกับว่าเขาเป็นราชาแห่งมังกรจริง ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเขาถูกเย่เทียนหยู่หลอกเหมือนกับตัวเองว่าเขาคือราชามังกรจริง ๆยังไงซะ ก็ไม่มีใครรู้ว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกรมีหน้าตาอย่างไรพูดกันตามตรง เย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นแค่คนที่มีทักษะการต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้น แทบจะเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อยู่ดีจูเก่อหลิวหลีที่เฝ้าสังเกตทุกอย่างอยู่ในเงามืดก็ยิ้มออกมา ตระกูลหลินนี่หลอกง่ายเกินไปหรือเปล่า แค่จัดแจงอะไรนิดหน่อย ก็ทำให้พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าคุณชายเป็นพวกต้มตุ๋นเสียแรงที่เตรียมกลยุทธ์ไ
เย่เทียนหยู่กลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย แม้แต่ตอนที่ได้ยินว่าคุณแม่ตระกูลหลินอาจเจอปัญหา เขาก็ตามหลินหว่านหรูเข้าไปในเขตหมู่บ้านตระกูลหลินด้วยอันที่จริง ในตอนที่มาถึงด้านนอกของเขตหมู่บ้าน หลินหว่านหรูก็รู้สึกประหม่ามากยังไงซะ แม้ว่าพวกเขาจะคืนดีกันแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมีความพิเศษอยู่บ้างเทียนหยู่ไม่เคยพูดเลยว่า เขาจะพากลับมาที่บ้านตระกูลหลิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่ไม่พูดอะไรก็พาเธอขับรถเข้าไปแล้ว กระทั่งยังจอดรถตรงที่จอดรถของวิลล่าอีกต่างหากฉากนี้ ทำให้หลินหว่านหรูรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริง ๆเธอพูดกับตัวเองว่า หากเธอเป็นเขาที่ต้องเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เธอคงจะใจกว้างไม่ได้เท่ากับเย่เทียนหยู่แน่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเย่เทียนหยู่เอาไว้แน่น และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”เย่เทียนหยู่เผยรอยยิ้มออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันปรากฏบนร้อยยิ้มนั้นหมดแล้ว คนตระกูลหลินอาจจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง แต่คนที่เขาชอบก็คือหลินหว่านหรู ไม่ใช่คนตระกูลหลินหลินหว่านหรูยังคงจับมือเย่เทียนหยู่เดินเข้าไปข้างใน ทันทีที่เห็นคุณปู่และคนอื่น ๆ เดิมคิดว่าพวกเขาคงดีใจมาก
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เย่เทียนหยู่ ในที่สุดแกก็ยอมรับแล้วสินะ”แม่ตระกูลหลินพูดเยาะเย้ย “คนหลอกลวงอย่างแก พวกเราตระกูลหลินเกลียดชังมากที่สุด แกคิดว่าควรทำยังไงล่ะ?”“นี่คิดจะไล่ผมอีกแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความเย้ยหยัน“แล้วไม่ควรเป็นแบบนั้นรึไง คนหลอกลวงอย่างแก ถ้าไม่รีบไล่ไป หรือจะให้แกอยู่ปลอกลอกตระกูลหลินต่อรึยังไง? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ ว่าที่แกเกาะตระกูลหลินมาตลอด ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิน!” แม่ตระกูลหลินถามกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย“แม่คะ แม่ผิดถนัดเลยค่ะ!”หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเสียงดังด้วยความร้อนใจ “เทียนหยู่มีทรัพย์สินมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะมาสนใจธุรกิจเล็ก ๆ ของเราไปทำไมกันคะ เขาถึงขั้นมอบโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีมูลค่ากว่าพันล้านให้กับจื่อตงง่าย ๆ โดยที่ไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ!”“ก็แค่นิทานหลอกเด็ก!”“หว่านหรู แกมันไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ มอบของมูลค่าหลายพันล้านให้โดยไม่ลังเล แกคิดว่ากำลังพูดเรื่องเงินในเกมอยู่รึไง?”“หากแกพูดว่าสิบล้าน หรือว่าจะร้อยล้าน มันก็ยังพอมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่หลักพันล้านนี่ ฉันเกิดมาจนอายุปูนนี้ ก
ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ก็หันไปมองหลินหว่านหรู ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “หว่านหรู ผมขอโทษนะ ผมต้องขอตัวก่อน!”พูดจบ เขาก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่ดูมุ่งมั่นที่แห่งนี้นี่ ไม่ใช่ที่ที่คนปกติจะอยู่จริง ๆ “เทียนหยู่!”หลินหว่านหรูรู้สึกร้อนรน เมื่อกี้เธอพยายามหาวิธีหยุดยั้ง แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี เธอจึงพูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกบ้าไปแล้วรึไง รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”พูดจบ เธอก็รีบไปตามเย่เทียนหยู่ออกไปทันทีแต่แม่ตระกูลหลินก็เดินตรงไปข้างหน้า และจับหลินหว่านหรูเอาไว้ แล้วพูดความโกรธขึ้นว่า “แกจะทำอะไร มีผู้ชายแล้วก็ลืมครอบครัวเลยงั้นเหรอ หลินหว่านหรู ถ้าวันนี้แกกล้าก้าวเท้าออกไปจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะตายให้แกดู”“แล้วแต่แม่เลย!”หลินหว่านหรูโกรธแล้วจริง ๆ จากนั้นเธอก็สะบัดมือออก แล้วตามเย่เทียนหยู่ไปเธอรู้สึกว่าคนในบ้านนั้นทำเกินไปจริง ๆ และที่สำคัญ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย“ได้ แกอยากให้ฉันตายมากใช่ไหม งั้นตอนนี้ฉันจะตายให้แกดู” แม่ตระกูลหลินปล่อยมือหลินว่านหรู ก่อนที่จะวิ่งไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่โต๊ะมา แล้วยกขึ้นมาแนบที่คอตัวเองทันที“อวิ๋นซิ่ว......”“ที
เจ้าเด็กคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เพิ่งจะเดินไปอย่างมีเกียรติ ขณะหันหลังกลับก็จัดการเตรียมให้มีผู้นำตระกูลเย่ตัวปลอมมาที่นี่ในทันทีอีก ไม่แน่อาจจะพุ่งเป้ามาที่ชื่อเขาโดยตรงเลยก็ได้ถ้าจะพูดให้เกินจริงหน่อย สู้บอกไปเลยว่าเย่เทียนหยู่คือคุณชายจากตระกูลเย่เลยดีกว่าไหมครั้งนี้ ทั้งคุณปู่ตระกูลหลินกับคุณแม่ตระกูลหลินต่างก็คิดเห็นตรงกันผู้อาวุโสเย่ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะยังสงสัยในตัวตนของเขา จึงได้พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ผมคิดว่า ระหว่างพวกคุณอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดรึเปล่า ผมเป็น......”“พอได้แล้ว!”“ถูกพวกเราจับได้แล้ว ยังจะแถไปถึงไหนอีก!”คุณแม่ตระกูลหลินหัวเราะเยาะ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็รีบไสหัวไปซะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณอายุปูนนี้แล้ว ฉันคงไล่คุณไปด้วยไม้กวาดไปแล้ว”สีหน้าผู้อาวุโสเย่ดูไม่ค่อยดีมากนัก เขาแทบจะเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เขา เย่ไป๋เชิ่ง มีชื่อเสียงในเมืองหลงตูมานานหลายปี ไม่ว่าใครที่พบเห็นต่างก็ต้องให้ความเคารพอยู่เสมอต่อให้จะเป็นคนส่วนน้อยที่มีสถานะสูงส่ง แต่พวกเขาก็ยังคงสุภาพและนอบน้อมเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยถูกใครดูหมิ่นและเห
ท่าทางแบบนั้นทำให้ผู้คนรอบตัวคุณปู่ตระกูลเย่ทนไม่ไหว โดยเฉพาะ เย่เฮย ผู้ติดตามของคุณปู่ตระกูลเย่ เขาโกรธถึงขีดสุดแม้ท่านปู่จะไม่โกรธและไม่ได้ใส่ใจ แต่เขาก็ยังปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและพูดด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าช่างอวดดีนัก ท่านปู่มีสถานะสูงส่งขนาดไหน จะยอมปล่อยให้พวกแกดูถูกยังไง!”คุณแม่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังใกล้เข้ามา ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ว่านี่เป็นเพียงแค่โทสะที่เกิดจากความอับอายเท่านั้นไม่ใช่เหรอเหอะ พอถูกเธอพบใบหน้าที่แท้จริงเข้าแล้ว ก็เลยเลือกทำรุนแรงทำท่าทางดุร้ายให้พวกเธอวางใจสินะ ไอ้ลูกไม้แบบนี้น่ะ เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยละแม่ตระกูลหลินรีบพูดด้วยความโกรธทันทีว่า “ยังจะแสดงละครไม่เลิก กับแค่พวกต้มตุ๋น ยังกล้าลงไม้ลงมือกันอีกเหรอ เชื่อมั้ย ฉันจะแจ้งความเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ให้พวกแกไปอยู่ในคุก”“ใช่ ตระกูลหลินไม่ใช่ที่ให้พวกแกทำตัววางมาดนะ ผมน่ะมองว่าพวกคุณก็อายุปูนหนึ่งแล้วหรอก ถึงไม่คิดเล็กคิดน้อยด้วย” คุณปู่ตระกูลหลินพยักหน้าเห็นด้วย“อาเฮย!”คุณปู่ตระกูลเย่มองออ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”“ประธานหลินครับ ผมยังมีแม่อายุร้อยปีที่ต้องดูแล ไหนจะลูกน้อยที่อายุเพิ่งจะครบเดือนอีก ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผู้สูงอายุและเด็กน้อยตาดำ ๆ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”“คุณวางใจได้ เงินที่ถูกยักยอกไปทั้งหมด เราจะคืนกลับมาให้ครบถ้วน หากมีความต้องการอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้เลยครับ”“ขอแค่ยอมปล่อยพวกเราไป พวกเราก็พร้อมทำทุกอย่างครับ”“......”สรุปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขอร้อง อีกทั้งยังยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยเพราะตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวเลขจากคดีของพวกเขาแล้ว เกรงว่าระยะเวลาในการรับโทษคงไม่ใช่น้อย ๆอีกอย่าง สำนักงานใหญ่ก็เป็นคนพูดเอง ว่าทุกอย่างประธานหลินสามารถจัดการได้ตามที่ต้องการนั่นหมายความว่า หากประธานหลินให้พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ หากประธานหลินให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะมีเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือความตายดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ จึงไม่ใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือศักดิ์ศรีได้อีกต่อไปเมื่อเห็นคนรอบข้างพากันคุกเข่าลงกันทีละคน ในที่สุดจางเฉียงเองก็รู้สึก
กี่ปีแล้ว ในฐานะคุณหนูสามตระกูลหนานกง หนานกงย่าไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน และตระกูลหนานกงเองก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันเธอเกือบจะพลิกโต๊ะด้วยซ้ำ เพื่อที่จะต่อสู้กับเทียนเฟิงกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อจางเฉียง แต่เพื่อความรู้สึกโกรธในใจของเธอเองแต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกดความโกรธในใจเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่า เทียนเฟิงกรุ๊ปนั้นน่ากลัวเพียงใด ภายในมีแต่ประธานที่ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น แถมยังมีผู้มีชื่อเสียงระดับสูงอีกมากมายที่ถือหุ้นในนั้นด้วยเกรงว่าเธอคนเดียวคงจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ!ประการที่สอง ก็เป็นเพราะตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลหนานกงจะต้องก้าวข้ามตระกูลเย่อย่างเด็ดขาด จะให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ และจะทำให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ด้วยเช่นกันแค่จางเฉียงคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นส่วนเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง ศักดิ์ศรีของตระกูลหนานกงนั้น จะต้องมีสักวัน ที่เธอสามารถเรียกคืนมันกลับมาได้แน่นอนและด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากจางเฉียง หนานกงย่าจึงได้แสดงความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ และด่าทอเขาอย่างรุนแรงไป
เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ย่าครับ ทางนี้หลินหว่านหรูถึงขั้นกล้าให้คนปลอมตัวเป็นประธานเย่ แล้วยังบอกอีกว่า ให้อำนาจเธอจัดการกับผมตามใจอีกด้วย”“ผมเพิ่งจะโทรหาประธานเย่ อยากที่จะรายเรื่องนี้กับเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ รบกวนพี่ช่วยรายเรื่องนี้กับเขา แล้วควรจะจัดการพวกเขา......”“จัดการกับผีน่ะสิ!”หนานกงย่าโกรธจนถึงขั้นสบถคำหยาบออกมาในทันทีกี่ปีมาแล้ว ที่เธอขึ้นชื่อในด้านความสง่างาม และไม่เคยพูดคำหยาบเช่นนี้มาก่อนน้ำเสียงที่ปะทุออกมานั้น ต่อให้ไม่เปิดลำโพง ก็คงลอยไปถึงหูของทุกคนอยู่ดีประเด็นสำคัญคือ ทุกคนต่างก็พากันเงียบสงบ และรอคอยบทสรุปจากโทรศัพท์สายนี้อย่างใจจดใจจ่อแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่มีการเชื่อมสาย ประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง จนตาเบิกโพลง“นี่แกยังจะกล้าโทรไปรายงานประธานเย่อีกเหรอ นี่แกอยากตายมากแค่ไหนถึงกล้าทำแบบนี้!”หนานกงย่าดูโกรธมากจริง ๆ เธอตะโกนด้วยความโกรธขึ้นว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกกล้าล่วงเกินผู้จัดการที่ประธานคณะกรรมการแต่งตั้งขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งยังกล้าหมิ่นประมาทเธออีก แกช่างกล้านักนะ!”“ต่อให้แกไม่ได้เป็นคนทำเรื่องที่น่ารัง
พรรคพวกคนอื่น ๆ ของจางเฉียงต่างก็พากันชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหันไปมองจางเฉียงในทันทีเพราะพวกเขาต่างรู้ดี ว่าจางเฉียงเคยไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ ทั้งยังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับประธานเย่อีกด้วย เช่นนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงเป็นอย่างดีแค่ได้ยินก็จะต้องระบุตัวตนได้อย่างแน่นอนเพียงแต่ ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของจางเฉียงได้อย่างรวดเร็ว ในใจพลันคิดขึ้นว่า หรือนี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาต่างก็พากันตระหนกในทันที!จางเฉียงรู้สึกงงงวย เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยมากจริง ๆ นี่คือเสียงของประธานเย่ซาน ไม่มีผิดแน่นอนแต่เหตุใดท่าทีของเขาถึงได้สุภาพมากขนาดนี้ แม้จะถูกกั้นด้วยสายโทรศัพท์ เขากลับยังพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักคุณอะไรนั่นด้วย ใช้คำว่าคุณเชียวนะไม่ถูกสิ จะต้องเป็นเพราะเกรงใจอยู่แน่ ๆ ยังไงซะ หลินหว่านหรูก็ยังมีคนคอยหนุนหลังอยู่เขาจะต้องถูกจัดการเป็นลำดับถัดไปเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องหาทางรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อนใช่ จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!จางเฉียงทำได้แค่เพียงปลอบใจตัวเองอย่างสุดความสามารถเท่านั้นหลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสุภาพขนาดนี้ แต่เธอ
หลินหว่านหรูสะดุ้งเล็กน้อย และเข้าใจความหมายทันที ก่อนที่หัวใจของเธอจะราวกับถาโถมด้วยความประทับใจอีกครั้งแต่การพูดคำว่าภรรยาออกมาตรง ๆ ในบริษัท ก็ยังทำให้เธอหน้าแดงอยู่ดีแม้ว่าตัวเธอกับเขาจะมีอะไรกันไปหลายครั้งแล้ว และถือว่าเป็นภรรยาตัวจริงของเขา แต่ถึงยังไง ตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาใหม่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าเทียนหยู่จะยุ่งเกินไปและลืมมันไป และเธอก็เขินอายเกินกว่าจะพูดขึ้นมาประการแรก เธอต้องการหย่ากับเขาตั้งแต่แรก และประการที่สอง เธอรู้สึกเขินอายที่เป็นผู้หญิงมีเพียงหยางไฉ่อวิ๋นเท่านั้นที่ตกใจเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อเลย เธออาจจะไม่รู้อะไรอีกเลย แต่เมื่อเธอเดาสิ่งนี้ เธอก็เดาความเป็นไปได้อย่างคลุมเครือ“คุณไม่ควรแพร่ข่าวการเข้ารับตำแหน่งของภรรยาผมเพียงเพราะตัวเองอยากจะเลื่อนขั้น แล้วยังข่มขู่ให้เธอออกจากบริษัท และยึดกุมอำนาจของเทียนเฟิงกรุ๊ป”“แค่เพราะเรื่องนั้น คุณยังคิดหวังตำแหน่งผู้จัดการใหญ่อยู่อีกเหรอ”“คุณควรจะสำนึกนะว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ยังรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาพร้อมสายตาอาฆาตในดวงตาของเขา“เลิกพูดไร้
“เข้ามาสิ จะได้รู้ว่าผมกล้าหรือเปล่า!”ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อก็ตกใจกลัวทันทีแต่จางเฉียงไม่ยอมจำนน และเขาก็พูดทันที: “เข้าไปสิ ดูสิว่ามันจะกล้าตบมั้ย ถ้ามันกล้าละก็ เราจะฟ้องมันให้ตายไปข้าง”“พวกคุณก็เข้าไปด้วย ดูซิ ว่ามันจะกล้าตบมั้ย!”“ใช่ ๆ เข้าไปด้วยกันสิ”ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อไม่กล้าอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงจ้างผู้จัดการฝ่ายขายและคนสนิทของจางเฉียงอีกคนหนึ่งพวกเขาหลายคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เคลื่อนไหว พวกเขาก็เยาะเย้ยทันที: “ทำไมละ เมื่อกี้ยังคุยโวอยู่เลยนี่หว่า ทำไมไม่กล้าตบเสียละ?”เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!……เสียงดังสนั่นตามมาในทันที เทียนหยู่ตบหน้าพวกเขาทำเอาพวกเขาทุกคนถูกตบจนกระเด็นฟันปลิวไปในอากาศพร้อมกับคราบเลือด และในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเจ็บปวดหลายคนล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทีละคน มองดูเย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและโกรธ“ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคำขอที่อุกอาจเช่นนี้มาก่อน ในเมื่อคุณต้องขอมัน ฉันจะทำให้คุณพอใจตามธรรมชาติ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาแต่ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงเจ้าเด็กหนุ่มนี่มันจะบ้าบิ่น
“ผมขอบอกไว้เลยนะ ตอนนี้นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครช่วยคุณได้อีก!”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ตระกูลหนานกงแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ก็ยังไม่มากพอให้เขาเป็นกังวลอยู่ดี อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นเทียนเฟิงกรุ๊ป ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหนานกงกรุ๊ปแต่อย่างใด เขาส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น: “คุณนี่มั่นอกมั่นใจดีจริงๆ คิดว่าตัวเองชนะแน่แล้วหรือไง?”“แน่นอน!”“ไมอย่างนั้นจะเป็นอะไรได้อีก?”“โง่จริงๆ เลย ยังนึกว่าตัวเองจะชนะอีกเหรอ!”จางเฉียงเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม แต่แล้วเขาก็เหลือบมองไปที่หลินหว่านหรูและพูดอย่างเปิดเผยว่า: “แน่สิ แต่ถ้าตอนเย็นผู้จัดการหลินยอมไปทานอาหารกับผมแล้วก็มอบของขวัญเป็นการขอโทษละก็ ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง”ในขณะนี้ เขาภูมิใจมากโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่านี่คือสถานที่สาธารณะและคุกคามเขาโดยตรง ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขาชัดเจนมาก“อวดดีนัก!”กล้าดียังไงถึงมีความคิดไร้ยางอายแบบนี้ เย่เทียนหยู่ฉุนขาดในทันที เขาเดินเข้าไปตบหน้าจางเฉียงอย่างแรงเพี๊ยะ!การตบของเย่เทียนหยู่ไร้ซึ่งการออมแรงเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดข่มขู่ของจางเฉียงพวกเขาก็แอบยิ้มอย่างขมขื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นใจเย่เทีย
จางเฉียงพอใจมากเมื่อได้ยินคำชมจากลูกน้องสองคนของเขา และก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้คนด้านล่างนอกจากคนดูจะตกใจกับสถานการณ์ที่ได้เห็นแล้ว พวกเขายังเห็นใจและเสียดายหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่มากด้วยเดิมทีนึกว่าจะได้เจอกับคนที่มีอำนาจและความสามารถ เพราะยังไงก็เป็นคนที่เบื้องบนส่งตัวมา จะต้องมีแบล็กอัพและความสามารถมากพอตัวแน่นอนแต่ไม่คิดเลยว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ“ผู้จัดการจาง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ถ้ายังไงเราลืมมันแล้วมาประชุมกันต่อดีกว่าค่ะ”หยางไฉ่อวิ๋นที่นั่งลังเลอยู่สักพัก อดไม่ได้ที่จะพูดกับพวกหลินหว่านหรู เธอกำลังพยายามบรรเทาสถานการณ์แต่ทันทีที่พูดจบ จางเฉียงก็โกรธขึ้นมาทันทีก่อนจะดุด่าเธออย่างเย็นชา: “หุบปาก หยางไฉ่อวิ๋น คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าเสนอหน้ามาพูดกับผม?”“ถ้าฉันไม่คิดดีกับคุณ เลขาคนนี้คงเสียตำแหน่งคุณไปนานแล้วและคงไร้ยางอายมาก”“ไสหัวออกไปซะ คุณถูกไล่ออกแล้ว!”ความจริงเขาเคยคิดอยากให้หยางไฉ่อวิ๋นร่วมหลับนอนกับเขา แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะหัวแข็งและปฏิเสธไม่ยอมแพ้ แม้กระทั่งตอนที่เขาขู่ว่าจะไล