ในขณะนั้นแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงการปรากฏตัวของอาจารย์จูที่ประตูอย่างลับ ๆ เลยสักคน อันที่จริง เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย ว่าที่นี่หลังจากนี้จะไปในทิศทางไหนกันแน่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ในตอนที่เขาแอบดู เขาจะได้เห็นซุนต้าอวี่และคนอื่น ๆ กำลังคุกเข่าต่อหน้าคนกลุ่มนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอการพิพากษาอยู่จู่ ๆ หัวใจเขาก็เต้นแรง เหงื่อที่เย็นเฉียบก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเขารีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เลยว่าตนจะหนีไปได้เร็วแค่ไหน ไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเลยด้วยซ้ำเห็น ๆ อยู่ว่าหลินจื่อตงเองก็คิดไม่ถึง ว่าพี่เขยจะยกให้เขาเป็นคนจัดการ แต่ก็เห็นได้ชัด ว่าการที่พี่เขยยกเรื่องนี้ให้เขาจัดการ ก็เพื่อทำให้ตระกูลสวี่ได้รู้ ว่าสถานะของเขานั้น พี่เขยให้ความสำคัญมากแค่ไหนหลินจื่อตงรู้สึกซาบซึ้งใจ ขณะที่กำลังจะพูดออกมาซุนต้าอวี่ที่รู้สึกตกใจ ก็รีบพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “คุณชายท่านนี้ ผมคนตระกูลซุนสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้อง ได้โปรดให้โอกาสได้ชดใช้ด้วยเถอะนะครับ”“ไม่ว่าจะมีข้อเรียกร้องอะไร ขอแค่คุณพูดออกมา ผมคนตระกูลซุนจะทำตามอย่างแน่นอน”“ใช่ ๆ ๆ คุณชายหลิน ก
หรือว่า ตระกูลเย่ถึงคราวที่ต้องเสื่อมถอยแล้วจริง ๆ“บรรพบุรุษทุกท่าน ผมควรทำยังไงดี?”“หรือสวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่ของผมแล้วจริง ๆ?”ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาดำปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน“คุณท่านครับ มีการค้นพบครั้งสำคัญครับ!” ชายชุดดำติดตามผู้อาวุโสเย่มานานหลายปี จึงรู้ดีถึงความตื่นเต้นของเขา“เย่เฮย เรื่องอะไรถึงทำให้ตื่นเต้นได้ขนาดนี้?”“ผมตามหาลูกของคุณชายใหญ่เจอแล้วครับ”ชายชุดดำพูดด้วยความตื่นเต้น“ว่ายังไงนะ!”สีหน้าผู้อาวุโสเย่ดูตกใจ ปนกับความตื่นเต้น ก่อนจะรีบถามออกไปว่า “เธอแน่ใจ และไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?”“ไม่ผิดแน่นอนครับ ตั้งแต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกไฟไหม้ในครั้งนั้น เขาก็รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด”“เช่นนั้นตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง เขาชื่อว่าอะไร ตอนนี้คนอยู่ที่ไหน?” เกี่ยวกับเรื่องของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผู้อาวุโสเย่เองก็เข้าใจดี แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกว่าใครเป็นคนทำ“เขาชื่อเย่เทียนหยู่ครับ อาศัยอยู่ที่เมืองเทียนไห่ ตอนนี้เขาไปยังเมืองตะวันออกกับหลินหว่านหรู เขาเป็นคนดีมากครับ” ชายชุดดำไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเย่เทียนหยู่ไปทำอะไรที่เมืองตะวันออก เขาเพียงแค่ทำการยืนยันว่าเ
ณ ตระกูลสวี่ หลังจากที่สมาชิกตระกูลซุนจากไปแล้ว เดิมทีพ่อตระกูลสวี่ตั้งใจจะเดินเข้าไปพูด แต่ทันใดนั้นสวี่อี้ก็พุ่งออกมาเสียก่อนเสียงคุกเข่าตุ้บดังขึ้น และรีบพูดออกไปว่า “ท่านราชามังกร ผมผิดไปแล้ว เมื่อกี้เป็นผมที่มีตาแต่ไร้แวว จนเผลอล่วงเกินท่านไป ขอท่านโปรดให้อภัยผมสักครั้ง ต่อไป ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแน่นอน”“ผมด้วยครับ ผมเองก็ด้วย!”สวี่กวงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้ตัดสินใจคุกเข่าตามไปทันทีทันใดนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้สวี่เจียเจียตกใจ จนเธอต้องรีบลุกขึ้นยืนหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูเองต่างก็รีบลุกขึ้นด้วยเช่นกัน หลินจื่อตงคิดว่า ยังไงซะนี่ก็เป็นครอบครัวของผู้หญิงที่เขารัก ส่วนหลินหว่านหรูเองก็คิดคล้าย ๆ กันเย่เทียนหยู่กลับไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบ“เอาล่ะ พวกคุณลุกขึ้นเถอะ เห็นแก่หน้าเจียเจีย ผมเองก็ไม่คิดจะตามเอาความพวกคุณแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”“ครับ ขอบคุณท่านราชามังกรมากครับ!”สวี่อี้และสวี่กวงต่างก็พากันถอนหายใจ ในที่สุดก็ยืนขึ้นได้อย่างสบายใจโชคดี โชคดีที่เขามีน้องสาวที่ยอดเยี่
เย่เทียนหยู่ส่ายหัว และพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ของที่มอบออกไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเรียกกลับมา จื่อตง นายก็รับไปเถอะ แต่ว่านะ นายเองก็ต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ แล้วสร้างผลงานให้ฉันได้เห็น เข้าใจไหม?”“ครับ!”“ผมจะต้องทำได้แน่ครับ ขอบคุณครับ พี่เขย” หลินจื่อตงกล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งการที่เย่เทียนหยู่จัดการแบบนี้ จริง ๆ แล้วมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก แขกที่เข้าพักในโรงแรมแห่งนั้นต่างก็ไม่ธรรมดา นี่ถือเป็นโอกาสให้หลินจื่อตงได้ฝึกฝนพ่อตระกูลสวี่เห็นฉากนี้แล้ว ก็ยิ่งเห็นถึงความเอาใจใส่ของพี่เขยคนนี้ที่มีต่อหลินจื่อตงมากขึ้น ในใจก็รู้สึกดีใจ ต่อไปเขาจะต้องดีกับลูกเขยคนนี้ให้มาก ๆในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปทางหลินจื่อตง ยิ่งมองก็ยิ่งสบายตามากขึ้นเรื่อย ๆแน่นอน ว่ายังเทียบท่านราชามังกรไม่ติดอยู่ดี หากท่านราชามังกรเป็นลูกเขยของตัวเองล่ะก็ แต่นี่ก็เป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้น ไม่นานก็รีบทิ้งความคิดนั้นไปทันทียังไงซะ ลูกสาวของตนก็มีโชคชะตาเป็นของตัวเองยากมากที่ลูกสาวจะได้แต่งงานกับคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แถมยังเป็นคนที่ลูกสาวตัวเองชอบอีก ตระกูลสวี่รู้สึกพอใจมากจริง ๆเมื่อมีสถานะราชา
หลังจากศึกที่ดุเดือนผ่านไป ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็รู้สึกร้อนผ่าว เธอพูดออกไปด้วยความรู้สึกเขินปนโกรธ “อีตาบ้าอย่างนายนี่นะ เบาหน่อยไม่เป็นรึไง ใช้แรงมากขนาดนั้น ทำเอาชั้นในของฉันขาดหมดแล้ว!”“ฮึ ๆ เหมือนว่าเมื่อกี้คุณจะไม่ได้พูดแบบนี้นะ” “มีปัญหาอะไร!”เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อสักครู่ หลินหว่านหรูก็รู้สึกอายจนแทบจะหมดแรง“เอาล่ะ ยังไงเราก็ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวผมพาไปซื้อใหม่ให้เลย”“ใครจะไปซื้อกับนายกัน” หลินหว่านหรูหน้าแดงขึ้นมา น้ำเสียงดูไม่พอใจ เพราะมันไม่ใช่การซื้อเสื้อผ้าที่ใส่ภายนอก เธอจึงรู้สึกอายขึ้นมา“งั้นจะไม่ใส่แล้วเหรอ? ก็จริง อีกเดี๋ยวจะได้สะดวกหน่อย!”“คนผีทะเล”หลินหว่านหรูรู้สึกอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งอาจหาญขึ้นเรื่อย ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกมีความสุขกับมันอย่างมากน้อยมากที่ทั้งสองจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสบายใจ หลินหว่านหรูจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับเมืองเทียนไห่แต่อย่างใดเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ ในตอนกลางคืน ทั้งสองคนจองโรงแรมเอาไว้แห่งหนึ่ง และทั้งคู่ก็ได้ทำการสำรวจร่างกายกันอีกครั้ง จนกระทั่งถึงเช้าวันถัดมา ทั้งสองถึงได้ขั
สุดท้าย เจ้าหน้าที่หลงก็ได้บอกทุกอย่างกับเธอ ว่าเรื่องจริงเป็นเช่นนี้เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่มีทางแต่งเรื่องขึ้นมาแน่ที่สำคัญที่สุด แม่ตระกูลหลินได้ให้คุณปู่ตระกูลหลินรีบไปหาเพื่อนในเมืองหลงตูเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแล้วด้วยก็พบว่าเทพสงครามชิงหลงได้ส่งคำเตือนเช่นนี้ไปยังตระกูลเย่จริง ๆ ทำให้ตระกูลเย่ไม่สามารถลงมือกับเย่เทียนหยู่ได้ และยอมปล่อยเย่เทียนหยู่ไปส่วนเหตุผลที่มีคนจำนวนมากมาที่บ้านเพื่อเยี่ยมเยียนในตอนนั้น จนถึงขั้นมอบของขวัญมากมายให้เขา เหมือนกับว่าเขาเป็นราชาแห่งมังกรจริง ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเขาถูกเย่เทียนหยู่หลอกเหมือนกับตัวเองว่าเขาคือราชามังกรจริง ๆยังไงซะ ก็ไม่มีใครรู้ว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกรมีหน้าตาอย่างไรพูดกันตามตรง เย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นแค่คนที่มีทักษะการต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้น แทบจะเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อยู่ดีจูเก่อหลิวหลีที่เฝ้าสังเกตทุกอย่างอยู่ในเงามืดก็ยิ้มออกมา ตระกูลหลินนี่หลอกง่ายเกินไปหรือเปล่า แค่จัดแจงอะไรนิดหน่อย ก็ทำให้พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าคุณชายเป็นพวกต้มตุ๋นเสียแรงที่เตรียมกลยุทธ์ไ
เย่เทียนหยู่กลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย แม้แต่ตอนที่ได้ยินว่าคุณแม่ตระกูลหลินอาจเจอปัญหา เขาก็ตามหลินหว่านหรูเข้าไปในเขตหมู่บ้านตระกูลหลินด้วยอันที่จริง ในตอนที่มาถึงด้านนอกของเขตหมู่บ้าน หลินหว่านหรูก็รู้สึกประหม่ามากยังไงซะ แม้ว่าพวกเขาจะคืนดีกันแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมีความพิเศษอยู่บ้างเทียนหยู่ไม่เคยพูดเลยว่า เขาจะพากลับมาที่บ้านตระกูลหลิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่ไม่พูดอะไรก็พาเธอขับรถเข้าไปแล้ว กระทั่งยังจอดรถตรงที่จอดรถของวิลล่าอีกต่างหากฉากนี้ ทำให้หลินหว่านหรูรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริง ๆเธอพูดกับตัวเองว่า หากเธอเป็นเขาที่ต้องเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เธอคงจะใจกว้างไม่ได้เท่ากับเย่เทียนหยู่แน่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือเย่เทียนหยู่เอาไว้แน่น และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”เย่เทียนหยู่เผยรอยยิ้มออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันปรากฏบนร้อยยิ้มนั้นหมดแล้ว คนตระกูลหลินอาจจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง แต่คนที่เขาชอบก็คือหลินหว่านหรู ไม่ใช่คนตระกูลหลินหลินหว่านหรูยังคงจับมือเย่เทียนหยู่เดินเข้าไปข้างใน ทันทีที่เห็นคุณปู่และคนอื่น ๆ เดิมคิดว่าพวกเขาคงดีใจมาก
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เย่เทียนหยู่ ในที่สุดแกก็ยอมรับแล้วสินะ”แม่ตระกูลหลินพูดเยาะเย้ย “คนหลอกลวงอย่างแก พวกเราตระกูลหลินเกลียดชังมากที่สุด แกคิดว่าควรทำยังไงล่ะ?”“นี่คิดจะไล่ผมอีกแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความเย้ยหยัน“แล้วไม่ควรเป็นแบบนั้นรึไง คนหลอกลวงอย่างแก ถ้าไม่รีบไล่ไป หรือจะให้แกอยู่ปลอกลอกตระกูลหลินต่อรึยังไง? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ ว่าที่แกเกาะตระกูลหลินมาตลอด ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิน!” แม่ตระกูลหลินถามกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย“แม่คะ แม่ผิดถนัดเลยค่ะ!”หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเสียงดังด้วยความร้อนใจ “เทียนหยู่มีทรัพย์สินมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะมาสนใจธุรกิจเล็ก ๆ ของเราไปทำไมกันคะ เขาถึงขั้นมอบโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีมูลค่ากว่าพันล้านให้กับจื่อตงง่าย ๆ โดยที่ไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ!”“ก็แค่นิทานหลอกเด็ก!”“หว่านหรู แกมันไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ มอบของมูลค่าหลายพันล้านให้โดยไม่ลังเล แกคิดว่ากำลังพูดเรื่องเงินในเกมอยู่รึไง?”“หากแกพูดว่าสิบล้าน หรือว่าจะร้อยล้าน มันก็ยังพอมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่หลักพันล้านนี่ ฉันเกิดมาจนอายุปูนนี้ ก
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”“ประธานหลินครับ ผมยังมีแม่อายุร้อยปีที่ต้องดูแล ไหนจะลูกน้อยที่อายุเพิ่งจะครบเดือนอีก ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผู้สูงอายุและเด็กน้อยตาดำ ๆ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”“คุณวางใจได้ เงินที่ถูกยักยอกไปทั้งหมด เราจะคืนกลับมาให้ครบถ้วน หากมีความต้องการอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้เลยครับ”“ขอแค่ยอมปล่อยพวกเราไป พวกเราก็พร้อมทำทุกอย่างครับ”“......”สรุปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขอร้อง อีกทั้งยังยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยเพราะตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวเลขจากคดีของพวกเขาแล้ว เกรงว่าระยะเวลาในการรับโทษคงไม่ใช่น้อย ๆอีกอย่าง สำนักงานใหญ่ก็เป็นคนพูดเอง ว่าทุกอย่างประธานหลินสามารถจัดการได้ตามที่ต้องการนั่นหมายความว่า หากประธานหลินให้พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ หากประธานหลินให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะมีเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือความตายดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ จึงไม่ใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือศักดิ์ศรีได้อีกต่อไปเมื่อเห็นคนรอบข้างพากันคุกเข่าลงกันทีละคน ในที่สุดจางเฉียงเองก็รู้สึก
กี่ปีแล้ว ในฐานะคุณหนูสามตระกูลหนานกง หนานกงย่าไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน และตระกูลหนานกงเองก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันเธอเกือบจะพลิกโต๊ะด้วยซ้ำ เพื่อที่จะต่อสู้กับเทียนเฟิงกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อจางเฉียง แต่เพื่อความรู้สึกโกรธในใจของเธอเองแต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกดความโกรธในใจเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่า เทียนเฟิงกรุ๊ปนั้นน่ากลัวเพียงใด ภายในมีแต่ประธานที่ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น แถมยังมีผู้มีชื่อเสียงระดับสูงอีกมากมายที่ถือหุ้นในนั้นด้วยเกรงว่าเธอคนเดียวคงจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ!ประการที่สอง ก็เป็นเพราะตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลหนานกงจะต้องก้าวข้ามตระกูลเย่อย่างเด็ดขาด จะให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ และจะทำให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ด้วยเช่นกันแค่จางเฉียงคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นส่วนเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง ศักดิ์ศรีของตระกูลหนานกงนั้น จะต้องมีสักวัน ที่เธอสามารถเรียกคืนมันกลับมาได้แน่นอนและด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากจางเฉียง หนานกงย่าจึงได้แสดงความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ และด่าทอเขาอย่างรุนแรงไป
เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ย่าครับ ทางนี้หลินหว่านหรูถึงขั้นกล้าให้คนปลอมตัวเป็นประธานเย่ แล้วยังบอกอีกว่า ให้อำนาจเธอจัดการกับผมตามใจอีกด้วย”“ผมเพิ่งจะโทรหาประธานเย่ อยากที่จะรายเรื่องนี้กับเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ รบกวนพี่ช่วยรายเรื่องนี้กับเขา แล้วควรจะจัดการพวกเขา......”“จัดการกับผีน่ะสิ!”หนานกงย่าโกรธจนถึงขั้นสบถคำหยาบออกมาในทันทีกี่ปีมาแล้ว ที่เธอขึ้นชื่อในด้านความสง่างาม และไม่เคยพูดคำหยาบเช่นนี้มาก่อนน้ำเสียงที่ปะทุออกมานั้น ต่อให้ไม่เปิดลำโพง ก็คงลอยไปถึงหูของทุกคนอยู่ดีประเด็นสำคัญคือ ทุกคนต่างก็พากันเงียบสงบ และรอคอยบทสรุปจากโทรศัพท์สายนี้อย่างใจจดใจจ่อแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่มีการเชื่อมสาย ประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง จนตาเบิกโพลง“นี่แกยังจะกล้าโทรไปรายงานประธานเย่อีกเหรอ นี่แกอยากตายมากแค่ไหนถึงกล้าทำแบบนี้!”หนานกงย่าดูโกรธมากจริง ๆ เธอตะโกนด้วยความโกรธขึ้นว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกกล้าล่วงเกินผู้จัดการที่ประธานคณะกรรมการแต่งตั้งขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งยังกล้าหมิ่นประมาทเธออีก แกช่างกล้านักนะ!”“ต่อให้แกไม่ได้เป็นคนทำเรื่องที่น่ารัง
พรรคพวกคนอื่น ๆ ของจางเฉียงต่างก็พากันชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหันไปมองจางเฉียงในทันทีเพราะพวกเขาต่างรู้ดี ว่าจางเฉียงเคยไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ ทั้งยังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับประธานเย่อีกด้วย เช่นนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงเป็นอย่างดีแค่ได้ยินก็จะต้องระบุตัวตนได้อย่างแน่นอนเพียงแต่ ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของจางเฉียงได้อย่างรวดเร็ว ในใจพลันคิดขึ้นว่า หรือนี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาต่างก็พากันตระหนกในทันที!จางเฉียงรู้สึกงงงวย เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยมากจริง ๆ นี่คือเสียงของประธานเย่ซาน ไม่มีผิดแน่นอนแต่เหตุใดท่าทีของเขาถึงได้สุภาพมากขนาดนี้ แม้จะถูกกั้นด้วยสายโทรศัพท์ เขากลับยังพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักคุณอะไรนั่นด้วย ใช้คำว่าคุณเชียวนะไม่ถูกสิ จะต้องเป็นเพราะเกรงใจอยู่แน่ ๆ ยังไงซะ หลินหว่านหรูก็ยังมีคนคอยหนุนหลังอยู่เขาจะต้องถูกจัดการเป็นลำดับถัดไปเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องหาทางรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อนใช่ จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!จางเฉียงทำได้แค่เพียงปลอบใจตัวเองอย่างสุดความสามารถเท่านั้นหลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสุภาพขนาดนี้ แต่เธอ
หลินหว่านหรูสะดุ้งเล็กน้อย และเข้าใจความหมายทันที ก่อนที่หัวใจของเธอจะราวกับถาโถมด้วยความประทับใจอีกครั้งแต่การพูดคำว่าภรรยาออกมาตรง ๆ ในบริษัท ก็ยังทำให้เธอหน้าแดงอยู่ดีแม้ว่าตัวเธอกับเขาจะมีอะไรกันไปหลายครั้งแล้ว และถือว่าเป็นภรรยาตัวจริงของเขา แต่ถึงยังไง ตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาใหม่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าเทียนหยู่จะยุ่งเกินไปและลืมมันไป และเธอก็เขินอายเกินกว่าจะพูดขึ้นมาประการแรก เธอต้องการหย่ากับเขาตั้งแต่แรก และประการที่สอง เธอรู้สึกเขินอายที่เป็นผู้หญิงมีเพียงหยางไฉ่อวิ๋นเท่านั้นที่ตกใจเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อเลย เธออาจจะไม่รู้อะไรอีกเลย แต่เมื่อเธอเดาสิ่งนี้ เธอก็เดาความเป็นไปได้อย่างคลุมเครือ“คุณไม่ควรแพร่ข่าวการเข้ารับตำแหน่งของภรรยาผมเพียงเพราะตัวเองอยากจะเลื่อนขั้น แล้วยังข่มขู่ให้เธอออกจากบริษัท และยึดกุมอำนาจของเทียนเฟิงกรุ๊ป”“แค่เพราะเรื่องนั้น คุณยังคิดหวังตำแหน่งผู้จัดการใหญ่อยู่อีกเหรอ”“คุณควรจะสำนึกนะว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ยังรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาพร้อมสายตาอาฆาตในดวงตาของเขา“เลิกพูดไร้
“เข้ามาสิ จะได้รู้ว่าผมกล้าหรือเปล่า!”ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อก็ตกใจกลัวทันทีแต่จางเฉียงไม่ยอมจำนน และเขาก็พูดทันที: “เข้าไปสิ ดูสิว่ามันจะกล้าตบมั้ย ถ้ามันกล้าละก็ เราจะฟ้องมันให้ตายไปข้าง”“พวกคุณก็เข้าไปด้วย ดูซิ ว่ามันจะกล้าตบมั้ย!”“ใช่ ๆ เข้าไปด้วยกันสิ”ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อไม่กล้าอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงจ้างผู้จัดการฝ่ายขายและคนสนิทของจางเฉียงอีกคนหนึ่งพวกเขาหลายคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เคลื่อนไหว พวกเขาก็เยาะเย้ยทันที: “ทำไมละ เมื่อกี้ยังคุยโวอยู่เลยนี่หว่า ทำไมไม่กล้าตบเสียละ?”เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!……เสียงดังสนั่นตามมาในทันที เทียนหยู่ตบหน้าพวกเขาทำเอาพวกเขาทุกคนถูกตบจนกระเด็นฟันปลิวไปในอากาศพร้อมกับคราบเลือด และในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเจ็บปวดหลายคนล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทีละคน มองดูเย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและโกรธ“ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคำขอที่อุกอาจเช่นนี้มาก่อน ในเมื่อคุณต้องขอมัน ฉันจะทำให้คุณพอใจตามธรรมชาติ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาแต่ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงเจ้าเด็กหนุ่มนี่มันจะบ้าบิ่น
“ผมขอบอกไว้เลยนะ ตอนนี้นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครช่วยคุณได้อีก!”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ตระกูลหนานกงแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ก็ยังไม่มากพอให้เขาเป็นกังวลอยู่ดี อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นเทียนเฟิงกรุ๊ป ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหนานกงกรุ๊ปแต่อย่างใด เขาส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น: “คุณนี่มั่นอกมั่นใจดีจริงๆ คิดว่าตัวเองชนะแน่แล้วหรือไง?”“แน่นอน!”“ไมอย่างนั้นจะเป็นอะไรได้อีก?”“โง่จริงๆ เลย ยังนึกว่าตัวเองจะชนะอีกเหรอ!”จางเฉียงเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม แต่แล้วเขาก็เหลือบมองไปที่หลินหว่านหรูและพูดอย่างเปิดเผยว่า: “แน่สิ แต่ถ้าตอนเย็นผู้จัดการหลินยอมไปทานอาหารกับผมแล้วก็มอบของขวัญเป็นการขอโทษละก็ ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง”ในขณะนี้ เขาภูมิใจมากโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่านี่คือสถานที่สาธารณะและคุกคามเขาโดยตรง ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขาชัดเจนมาก“อวดดีนัก!”กล้าดียังไงถึงมีความคิดไร้ยางอายแบบนี้ เย่เทียนหยู่ฉุนขาดในทันที เขาเดินเข้าไปตบหน้าจางเฉียงอย่างแรงเพี๊ยะ!การตบของเย่เทียนหยู่ไร้ซึ่งการออมแรงเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดข่มขู่ของจางเฉียงพวกเขาก็แอบยิ้มอย่างขมขื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นใจเย่เทีย
จางเฉียงพอใจมากเมื่อได้ยินคำชมจากลูกน้องสองคนของเขา และก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้คนด้านล่างนอกจากคนดูจะตกใจกับสถานการณ์ที่ได้เห็นแล้ว พวกเขายังเห็นใจและเสียดายหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่มากด้วยเดิมทีนึกว่าจะได้เจอกับคนที่มีอำนาจและความสามารถ เพราะยังไงก็เป็นคนที่เบื้องบนส่งตัวมา จะต้องมีแบล็กอัพและความสามารถมากพอตัวแน่นอนแต่ไม่คิดเลยว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ“ผู้จัดการจาง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ถ้ายังไงเราลืมมันแล้วมาประชุมกันต่อดีกว่าค่ะ”หยางไฉ่อวิ๋นที่นั่งลังเลอยู่สักพัก อดไม่ได้ที่จะพูดกับพวกหลินหว่านหรู เธอกำลังพยายามบรรเทาสถานการณ์แต่ทันทีที่พูดจบ จางเฉียงก็โกรธขึ้นมาทันทีก่อนจะดุด่าเธออย่างเย็นชา: “หุบปาก หยางไฉ่อวิ๋น คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าเสนอหน้ามาพูดกับผม?”“ถ้าฉันไม่คิดดีกับคุณ เลขาคนนี้คงเสียตำแหน่งคุณไปนานแล้วและคงไร้ยางอายมาก”“ไสหัวออกไปซะ คุณถูกไล่ออกแล้ว!”ความจริงเขาเคยคิดอยากให้หยางไฉ่อวิ๋นร่วมหลับนอนกับเขา แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะหัวแข็งและปฏิเสธไม่ยอมแพ้ แม้กระทั่งตอนที่เขาขู่ว่าจะไล