“แม่!”หลินจื่อตงตะโกนห้ามเธอทันที นี่มันเวลาไหนแล้ว ทำไมถึงยังไปรบกวนพี่อีก“แม่อะไรของแก เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่บอกพี่แกหน่อยเหรอ หรือคิดจะไม่สนใจใยดีแฟนแก แล้วให้เธอต้องคอยทุนทุกข์ระกำลำบากไปตลอดชีวิตหรือไง” แม่ตระกูลหลินจงใจถามเสียงดังหลินหว่านหรูได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะถามทันที “จื่อตง เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“พี่สาว คุณเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากจะพูดในตอนแรก แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ” หลินจื่อตงพูดสั้น ๆ เกี่ยวกับกิจการของบ้านแฟนสาวของเขาหลังจากได้ยินแบบนั้น หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเย่เทียนหยู่เพียงเพื่อจะพบว่าเขากำลังจ้องมองที่หน้าอกของเธอ เธอก้มศีรษะลงแล้วพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “คุณกำลังทำอะไรอยู่”หลินจื่อตงตกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาถามด้วยเสียงต่ำ “พี่ พี่สบายดีมั้ย”“พี่ พี่สบายดี แต่อย่ากังวลเรื่องนี้ ฉันจะช่วยคุณคิดหาวิธีแก้ปัญหา” หลินหว่านหรูกล่าว“โอเค ขอบคุณนะพี่!”หลินจื่อตงวางสายโทรศัพท์ และในขณะนี้สวี่เจียเจียพูดด้วยความตื่นตระหนก “มันจบลงแล้ว พี่ชายของฉันมาที่เมืองเทียนไห่ด้วย
แต่ยิ่งเย่เทียนหยู่เป็นแบบนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็ยิ่งรู้สึกผิด เธออดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “เทียนหยู่ ก่อนหน้านี้ฉันทำตัวงี่เง่าขนาดนั้น ไม่เคยเชื่อนายเลยตั้งหลายครั้ง แถมยังหย่ากับนายอีก นายไม่โกรธฉันเลยเหรอ”“ผมไม่โทษคุณหรอก ถ้าผมโกรธละก็ ผมคงไม่มาเจอหน้าคุณแล้ว”“ส่วนเรื่องที่เราหย่ากัน ผมเข้าใจว่าตอนนั้นคุณกลัวจะเอี่ยวผมไปลำบากด้วย”เย่เทียนหยู่ยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น หลินหว่านหรูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างมีความสุข “เทียนหยู่ นายดีจังเลย!”“ใช่ แถมผมยังเก่งด้วยนะ โดยเฉพาะร่างกายผมเนี่ย เก่งคูณสอง!”“อะไรของนาย แต่ก่อนไม่ได้ร้ายขนาดนี้นี่”“อะไร คุณคิดอะไรอยู่ ผมหมายถึง ผมสุขภาพดี คุณคิดมากไปหรือเปล่า”หลินหว่านหรูอายมาก วันนี้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งได้ลิ้มรสความรักเป็นครั้งแรก ไร้ซึ่งท่าทีประธานบริษัทอย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความบาดหมางในอดีตได้ยุติลงแล้ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงบุคคลลึกลับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหลินหว่านหรู เย่เทียนหยู่จึงบอกให้หลินหว่านหรูระวังตัวตอนอยู่ด้านนอกตอนนี้พวกเขายังคงเลิกกันอยู่ในเวลานี้ แขกไม่ได้รับเชิญหลายคนบุกเขามา
สวี่กวางทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อนแล้ว หลังจากรู้ว่าลูกสาวของพวกเขามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลินจื่อตงมาก พวกเขาจึงทำการตรวจสอบประวัติของหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงคนนี้เป็นแค่พวกไร้ความสามารถ ชอบถเลถไหลในทางกลับกันระยะหลังมานี้ตระกูลหลินทำผลงานได้ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของพวกเขาแล้วก็ยังห่างชั้นกันมากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอเป็นที่ชอบพอของนายน้อยตระกูลซุนจากสี่ตระกูลหลักเมืองตงเฉิง มันเป็นคู่ต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบจากสวรรค์ เขาจะได้รับอันตรายจากตระกูลขยะเช่นนี้ได้ยังไงใบหน้าของคุณปู่หลินกลายเป็นสีแดงและขาวหลังจากถูกดุ เขารู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง ถ้าเขารู้ เขาคงไม่ออกมาเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เนื่องจากเขาขับไล่เย่เทียนหยู่ออกไป เขาจึงรู้สึกอับอายทุกวัน และใบหน้าเก่าของเขาก็หายไปเดิมทีหลินหงต้องการออกมาเพื่อปกป้องภรรยาของเขา แต่ในเวลานี้เขาเพียงปฏิเสธที่จะออกมาเขารู้สึกว่าการออกมาเป็นเพียงอีกคนหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย และมันจะไม่ส่งผลอื่นใดเลยไม่มีทาง ทำไมพวกเขาถึงเรียกว่าตระกูลอ่อนแอในตอนนั้นเอง เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่เทียนหยู่หากเทียนหยู่อ
สวี่เจียเจียสีหน้าย่ำแย่มาก เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินจื่อตงหลินจื่อตงรู้สึกร้อนใจมาก “เจียเจีย อย่าไปฟังเขา ผมไม่กลัวเขาหรอก” เขารีบตอบกลับ“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะตายจริง ๆ โอเค ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน” สวี่กวางได้เรียนรู้วิชาวรยุทธ์แล้ว และความแข็งแกร่งของเขาก็ดีมากนี่คือสาเหตุที่สวี่เจียเจียกังวลและกลัวมากสวี่เจียเจียรีบพูดว่า “ไม่ พี่ชาย ฉันจะไปกับคุณ ฉันจะกลับไปกับคุณ”“เจียเจีย...”“พี่ตง พอเถอะค่ะ หนูจะกลับไปก่อน ไม่ต้องกังวล ฉันจะรอคุณ”สวี่เจียเจียพูดอย่างรวดเร็ว“ผม…”หลินจื่อตงต้องการพูดอย่างอื่น แต่เขารู้สึกกดดันอย่างมากที่มาที่เขา สวี่กวางเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาราวกับว่าเขากำลังจะฆ่าเขาเมื่อใดก็ได้แต่เขายังคงกัดฟันและพูดว่า “เจียเจีย รอฉันด้วย ฉันจะไปรับคุณที่ตงเฉิงแน่นอน!”“อือ!”สวี่เจียเจียหันหน้าไปทางพี่ชายของเธออีกครั้งและพูดเสียงดัง “พี่ชาย ถ้าคุณกล้าทำร้ายพี่ตง ฉันจะไม่กลับไปจนกว่าฉันจะตาย”ใบหน้าของ สวี่กวางเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาพูดอย่างเย็นชา “ฮะ ฉันขี้เกียจเกินไปที่จะทำอะไรกับขยะประเภทนี้ แต่ถ้าเขากล้ามาที่ตงเฉิงเพื่อตามหาคุณ ฉันสัญญาว่าจะหักมือแล
เดิมทีหลินหว่านหรูไม่ได้คิดจะกลับบ้านเร็วขนาดนี้ แต่เพราะได้ยินว่าเกิดเรื่องกับน้องชาย เธอจึงตัดสินใจกลับมาเร็วกว่าเดิม เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์แต่ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เธอกลับมา เธอจะได้ยินแม่ของเธอกำลังกล่าวโทษเทียนหยู่ที่ไม่ยอมกลับมาหาตระกูลหลิน แต่เรื่องนี้จะตำหนิเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกัน“แม่ สิ่งที่แม่พูดไม่ใช่แค่ผิดนะ แต่ยังผิดมหันต์เลยด้วย!”“ตอนที่เทียนหยู่ยังอยู่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาไม่ยื่นมือมาช่วยเรา แต่ตอนนั้นเป็นเราเองที่ทำให้เขาเสียใจแล้วยังขับไล่เขาออกจากบ้าน”“แล้วทำไมตอนที่เราอยากไล่เขาไป เขาก็ต้องไป ตอนเราอยากให้เขามา เขาก็ต้องมา คิดว่าเขาเป็นใครกันคะ”หลินหว่านหรูถามอย่างโกรธ ๆ แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน แต่เธอก็รับคำพูดของแม่เธอไม่ได้จริงๆแม่ตระกูลหลินพูดไม่ออกเมื่อถูกถาม และเธอก็พูดด้วยความโกรธทันที “หลินหว่านหรู แกไม่รับสายเราเลยนะ แล้วกล้าดียังไงกลับมาเอาป่านนี้”“แกไปอยู่ไหนมาตอนที่แม่แก ปู่แก กระทั่งน้องชายของแกกำลังถูกนายน้อยสวี่ดูถูกฮะ”“ตอนที่แฟนน้องชายแกถูกแย่งเอาตัวไป แกมัวไปมุดหัวอยู่ไหนมา”“ลูกก็ไม่ได้สนใจครอบครัวตัวเองนักหรอก สนใจแต่
ถ้าเธอไม่ได้คืนดีกับเย่เทียนหยู่ เธอก็จะพยายามจัดการกับเรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัด ว่าเธอไม่มั่นใจเลยแต่ตอนนี้ มีเย่เทียนหยู่คอยช่วยเธอ เธอจึงมั่นใจมาก“จริงเหรอพี่ พี่จะไปขอความช่วยเหลือจากพี่เขยเหรอ” หลินจื่อตงถามทันทีเมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เย่เทียนหยู่เคยบอกเธอว่า ใครจะรู้ว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง เธอจึงรีบตอบกลับไปทันที “ไม่ใช่หรอก พี่มีวิธีอื่น”“ยังไงก็เถอะ นายไม่ต้องห่วงนะ แค่ขอเวลาให้พี่หน่อย”“อือ ได้ครับ” หลินจื่อตงพยักหน้า แน่นอนว่าเขาไม่มีความสามารถแบบนั้น ต่อให้เขาเปลี่ยนตัวเองขนาดไหนเขาก็ไม่มี เขาทำได้แค่รอหลินหว่านหรูคิดหาหนทางหลังจากนั้นไม่นาน คุณปู่ตระกูลหลินก็พาแม่ตระกูลหลินเข้ามาแล้วพูดว่า “หว่านหรู เมื่อกี้แม่ของคุณเป็นคนหุนหันพลันแล่นจริง ๆ เธอไม่ควรพูดแบบนั้นเกี่ยวกับเทียนหยู่”“ใช่ หว่านหรู มันเป็นความผิดของแม่คุณ ดังนั้นฉันจะขอโทษคุณ” แม่ตระกูลหลินพูดโดยไม่คำขอโทษใดๆ บนใบหน้าของเธอหลินหว่านหรูส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่อีกเลยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”“เอาล่ะ
“ว่ามา มีเรื่องอะไร“ แม้ว่าความประทับใจของเขาที่มีต่อหลิวเมิ่งจะดีขึ้นมาก แต่เพราะสิ่งที่หลิวเมิ่งทำในตอนนั้น มันมากเกินไปจริง ๆ และเย่เทียนหยู่ก็ไม่อยากเสวนากับหลิวเมิ่งสักเท่าไหร่ต่อให้สาวน้อยคนนี้จะมีรูปร่างโค้งมนและดูสวยมีเสน่ห์มากก็ตามทีเห็นได้ชัดว่าหลิวเมิ่งรู้สึกกังวลเล็กน้อย “จริง ๆ แล้ว ฉันมาหาพี่ ก็เพื่อเรื่องพี่สาวของฉันค่ะ” เธอพูดอย่างระมัดระวังเย่เทียนหยู่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรทันทีที่เขาได้ยิน เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องลูกพี่ลูกน้องคุณน่ะไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”“เดี๋ยวก่อนสิ!”“พี่เขย ฉันรู้ว่าตระกูลของลูกพี่ลูกน้องของฉันเคยทำรุนแรงกับคุณมาก่อนและทำสิ่งที่น่ารังเกียจมากมาย แม้แต่ฉันก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของ หลิวเมิ่งก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที ท้ายที่สุดเธอก็เขินอายเล็กน้อยในเวลานั้นและพี่เขยของเธอเกือบจะนอนด้วย“แต่ว่า หัวใจของพี่ฉัรที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมรู้หรอกน่า!”“แล้วทำไมพี่ถึงอยากแต่งงานกับลูกสาวตระกูลหยางแทนที่จะเป็นพี่สาวของฉัน” หลิวเมิ่งทนไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกพ
ครั้งที่แล้วเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คราวนี้เขากลับมาด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเก่งขึ้นมาก แถมยังมั่นใจว่าจะเอาชนะพี่เขยของเธอได้ด้วย“ต่อให้คุณไม่อยาก แต่คราวที่แล้วเขาใช้วิธีลอบโจมตีทำให้ผมบาดเจ็บสาหัส วันนี้ผมต้องให้เขารู้ว่าผมแข็งแกร่งแค่ไหน”หม่าจวิ้นเมินใส่หลิวเมิ่ง เพราะเขาเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่สนใจจะคุยกับเขาเลยสักนิด แถมยังตั้งใจจะขึ้นรถ เขาจึงรีบพุ่งมาขวางหน้าเขาเอาไว้หลิวเมิ่งหมดหนทางเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามีหลายอย่างที่ต้องทำและไม่มีเวลาคุยกับหม่าจวิ้น เขาพูดอย่างเย็นชา “หลีกทาง!”“ไม่!”“เว้นแต่คุณจะต่อสู้กับฉันได้ดี ฉันจะบอกให้คุณรู้ว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน”หม่าจวิ้นคิดว่าคราวนี้เขาได้ทะลุผ่านไปสู่ขั้นเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงพลังงานแล้ว และไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้นที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้หลังจากจัดการกับอีกฝ่ายเสร็จแล้วเขาก็จะกลับมาหาตระกูลอีกครั้งท้ายที่สุดเขายังเด็กมากและได้ทะลุทะลวงไปสู่อาณาจักรแห่งพลังงาน เขาเป็นเพียงอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะในอนาคตเมื่อถึงเวลานั้น ดอกไม้ เสียงปรบมือ สถานะก็จะไม่มีวันขาดแคลน และแม้แต่ หลิวเมิ่งก็ยังจะเริ่มแต่งงานกับ
ผั๊วะ!คุณนายไป๋สวมรองเท้าส้นสูง ก้าวไปข้างหน้า แล้วเตะไปที่ตัวของเหอฉุนอย่างแรง พร้อมกับด่าทอออกไปว่า “นางสารเลวอย่างแก ยังกล้ามาขวางฉันอีกเหรอ ฉันจะเตะแกให้ตายไปซะ!”เธอพูดพลางเหวี่ยงเท้าออกไป ที่แท้เพราะเฉินเฟยเฟยพยายามขัดขืน เลยถูกพวกนั้นรุมทำร้ายเหอฉุนทนไม่ไหว จึงรีบไปนอนขวางเฉินเฟยเฟย เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีให้กับเธอพยัคฆ์ทมิฬที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ คุณนายไป๋ในตอนยังเป็นวัยรุ่นดุร้ายและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้ว เธอกลับยิ่งดื้อรั้นและเอาแต่ใจมากกว่าเดิมเสียอีกโชคดีที่ตนไม่ได้เผลอไปทำตัวเป็นศัตรูกับเธอ!การที่หญิงสาวเหล่านี้เผลอไปยั่วโมโหเธอเข้า เกรงว่าคงต้องเตรียมตัวเจอกับผลลัพธ์ที่น่าสลดใจแล้วล่ะเฮ้อ ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับตระกูลไป๋เสียได้!คุณนายไป๋รู้สึกโกรธมาก สำหรับลูกชายสุดที่รักของเธอแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตก็ตามใจเขามาตลอด เขาอยากได้อะไรอยากซื้ออะไร เธอก็แทบจะประเคนให้ทุกอย่างและไม่ว่านอกบ้านเขาจะทำผิดพลาดมากแค่ไหน คุณนายไป๋ก็ไม่เคยดุด่าเขา แต่จะพูดแค่ว่า “ไม่เป็นไร แม่จะจัดการทุกอย่างเอง”จากนั้นก็จะช่วย
ท่ามกลางฝูงชนด้านนอก มีหนึ่งคนในนั้นที่ตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอจำผู้หญิงคนนั้นได้ นี่ไม่ใช่ดารานักแสดงหญิงที่ชื่อเฉินเฟยเฟยรึไง แต่ในเวลานี้ เธอก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกไปผู้จัดการรู้ตัวตนของเฉินเฟยเฟยเป็นอย่างดี แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา สถานที่ที่เฉินเฟยเฟยพักอยู่ก็เกิดปัญหาเขาเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเฟยเฟย มีแต่ปัญหาเต็มไปหมดเมื่อเฉินเฟยเฟยได้ยินคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า เธอก็รีบพูดด้วยความโกรธขึ้นทันทีว่า “คุณพูดบ้าอะไร ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าลูกชายของคุณคือใคร?”“แกยังกล้าพูดว่าไม่รู้จัดลูกชายของฉันอีกเหรอ หากไม่ใช่เพราะแก แกคิดว่าลูกชายของฉันจะถูกตีขาหัก จนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นได้รึไง?”คุณนายไป๋พูดด้วยความโกรธออกไปอีกว่า “ใครก็ได้ ไปลากตัวผู้หญิงคนนี้มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้มันไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าลูกชายของฉัน!”เมื่อได้ยินคำสั่ง ก็มีคนรีบตรงเข้าไปจับตัวของเธอทันที“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”เหอฉุนรีบพูดขึ้นมา จะเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินเฟยเฟยไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคุณเย่จะต้องโกรธมากแน่ ๆ เธอจึงตะโกนออกไปอีกว่า “พวกคุณรู้ไหมว่าเธอคือใคร ถึงกล้าทำ
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย