เมื่อทุกสายตาจ้องไปที่คุณปู่ตระกูลหลิน เขาก็รู้สึกเหงื่อไหลเยิ้มถ้าบรรดาประธานตระกูลเหล่านี้รู้ว่าเมื่อก่อนตระกูลหลินปฏิบัติต่อเย่เทียนหยู่อย่างไร ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถึงแม้ว่าจะไม่รู้ แต่ถ้ารู้ว่าเย่เทียนหยู่กับหลินหว่านหรูหย่ากันแล้วและได้ออกจากบ้านหลิน ผลลัพธ์ก็คงจะเหมือนเดิมจะทำยังไงดี!ตอนนี้จะทำยังไง?หยางต้าฝู เห็นความผิดปกติของคุณปู่ตระกูลหลินแล้วรู้สึกชะงักเล็กน้อย "ไม่ใช่เถอะ นี่ไม่ได้หมายความว่า ผมเดาผิดหรือ? ราชามังกรไม่ได้คิดที่จะคืนดีกับเธอหรือ?"เพราะถ้าไม่ใช่ เช่นนั้นทำไมถึงได้มีอาการตึงเครียดอยู่ด้วยในขณะที่คนอื่นในตระกูลหลินต่างก็ดูแปลกไปอย่างชัดเจนแล้วทำไมสถานะของราชามังกรถึงสามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว และทำไมทุกคนถึงมารวมตัวกันที่บ้านหลินในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่ราชามังกร?โชคดีที่ในขณะนี้ เฉินฉางเหอก็หัวเราะแล้วพูดว่า "ราชามังกรคือบุคคลระดับไหน เราทุกคนมายืนรอตรงนี้ก็เป็นเรื่องสมควร"“แต่ท่านประธานถาน คุณกลับดูไม่เหมือนคนพิเศษเลย ดูเหมือนมือจะว่างเปล่าไม่ได้นำอะไรมาเสนอต่อราชามังกรเลย ไม่มีการเตรียมอะไรเลยหรือ?”คำถามนี้
เพราะพวกเขาอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย จึงไม่สามารถได้ยินการสนทนาของถานล่างกับคนอื่น ๆ แม้ว่าคำพูดของพวกเขาจะดัง แต่ก็มีเพียงคนใกล้เคียงที่ได้ยินชัดเจน"ใครบอกว่าราชามังกรเป็นผู้สูงอายุ" หวังชิ่งส่ายหัว "ลองคิดให้ดีอีกที เขายังหนุ่ม มีความสามารถ และก็ทรงพลังมากด้วย""อะไรนะ ประธานหวัง คุณอย่าเล่นตลกเลย" โจวม่านพูดด้วยน้ำเสียงหมดหวังในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าเป็นคนที่ทำงานอย่างเด็ดขาด แต่หวังชิ่งก็มีอัธยาศัยดีมาก ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น จริงๆ แล้วนี่คือความรู้ที่หวังชิ่งมีต่อคนที่เขาทำงานด้วย เขารู้ว่าเย่เทียนหยู่ชอบผู้หญิงประเภทไหน โดยเฉพาะสองคนนี้ที่เป็นสาวสวยที่น่าดึงดูดโดยเฉพาะจางฉี ที่มีใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบ รูปร่างดี และยิ้มอ่อนหวาน ที่สามารถดึงดูดใจผู้ชายได้มากจริงๆเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้น แต่ก็รู้ว่า มีบางคนที่ไม่ใช่เขาจะต้องคิดมากนักอย่างเช่นจางฉี ที่จะต้องกลายเป็นคนของราชามังกรในสักวันหนึ่งหวังชิ่งหัวเราะเบาๆ แล้วกำลังจะพูด แต่จางฉีดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดอย่างตกใจว่า "ท่านประธาน คุณไม่ใช่หมายถึงคุณเย่ใช่ไหม?""ใช่แล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณจะเด
หลินหงก็ดูเหมือนจะไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เขาตกตะลึงจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เกือบไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้หลังจากผ่านไปสักพัก ในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างล้นพ้นทุกสิ่งทุกอย่างนี้ จะกลายเป็นของพวกเขา เป็นของเขาในฐานะพ่อแม่ของหลินหว่านหรูหลินหงเชื่อมั่นในใจเสมอว่า เย่เทียนหยู่คงตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อสั่งสอนพวกเขาเท่านั้นจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งเมื่อคืนนี้ เย่เทียนหยู่ก็ยังคงรักและทะนุถนอมหว่านหรูเป็นพิเศษ เขาไม่มีทางจากไปกะทันหันแบบนี้ได้ขอเพียงแค่พวกเขารีบคว้าโอกาสนี้ไว้ รีบขอโทษเขาแม้ต้องก้มหัวอ้อนวอน เย่เทียนหยู่ก็ต้องกลับมาแน่นอนในขณะเดียวกัน รอบๆ ก็เริ่มวุ่นวายไปหมด ชัดเจนว่าคำพูดของถานล่างทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ละคนสงสัยว่าตัวเองกำลังเห็นภาพหลอนหรือหูมีปัญหาไปแล้ว"โอ้โห!""ประธานถานพูดอะไรน่ะ เขาจะมอบบริษัทเทียนมู่กรุ๊ปทั้งหมดเป็นของขวัญทักทายงั้นเหรอ?""จริงหรือเปล่า ผมไม่เชื่อเท่าไหร่เลย ตามที่ผมรู้มา ตอนนี้บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปมีมูลค่าหลายแสนล้านนะ และโดยทั่วไปบริษัทแบบนี้ มักจะมีเจ้าของหลายคนอยู่เบื้องหลัง ถานล่างคนเดียวจะตัดสินใจ
ถ้าเป็นเช่นนั้น เกียรติยศอันยิ่งใหญ่นี้ก็ยังคงเป็นของตระกูลหลินของพวกเขาอยู่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คุณปู่ตระกูลหลินก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก และกำลังจะเชิญทุกคนเข้าไปนั่งข้างในทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก ร้องอุทานว่า "นั่นไม่ใช่รัฐมนตรีหวงของเมืองเทียนไห่ของเราหรอกหรือ แม้แต่รัฐมนตรีหวงก็มาด้วย"ท่ามกลางผู้คนที่เปิดทางให้ หวงหงเจี้ยนค่อยๆ เดินมาด้านหน้า เขาก็เห็นเหล่าผู้มีอิทธิพลของเมืองเทียนไห่ที่ยืนอยู่ที่นี่คนเหล่านี้ในเมืองเทียนไห่ แค่ขยับตัวนิดหน่อย เศรษฐกิจทั้งเมืองเทียนไห่ก็จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล ไม่คิดว่าวันนี้จะมารวมตัวกันที่นี่เพราะคนๆ เดียวหวงหงเจี้ยนก็ไม่คิดเลยว่า เย่เทียนหยู่จะเป็นราชามังกรที่เล่าลือกัน ในเมื่อเป็นราชามังกร การที่เขามาเยี่ยมที่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยโดยปกติแล้วตัวเขาเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเทพเซียนเย่ การไม่ปรากฏตัวในงานใหญ่เช่นนี้จะดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อคิดถึงตำแหน่งของตัวเอง ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้างแต่เมื่อเทพเซียนเย่เป็นราชามังกร ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาใดๆ เลยเพราะราชามังกรนั้นมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากในแวดวงราชการ ซึ่งเรื่องนี
เมื่อสายเชื่อมต่อแล้ว หยางเฉียนเฉียนก็รีบถามทันทีว่า "พ่อ ตอนนี้พ่อว่างไหม?"ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรือของจริง เรื่องนี้จำเป็นต้องปรึกษากับพ่อก่อน ดังนั้นเย่เทียนหยู่จึงให้เขามาที่วิลล่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ เย่เทียนหยู่อยู่ที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย จึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวภายนอกหยางต้าฝูเมื่อได้ยินก็ส่ายหน้าพูดว่า "มีอะไรกัน ตอนนี้คงไม่ได้หรอก ผมกำลังเยี่ยมคารวะราชามังกรที่บ้านตระกูลหลิน ยังไม่รู้ว่าจะว่างเมื่อไหร่""อะไรนะ?""เยี่ยมคารวะราชามังกร?"หยางเฉียนเฉียนตกใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกร แปลกใจที่พี่เย่อยู่กับเธอ ทำไมพ่อต้องไปบ้านตระกูลหลิน"ใช่ ดังนั้นผมไปไหนไม่ได้จริง ๆ เพราะเราจะไม่ละเลยราชามังกรไม่ได้" หยางต้าฝูพูด"ที่พ่อพูดฉันเห็นด้วย แต่ปัญหาคือพี่เย่อยู่กับฉันที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่ง" หยางเฉียนเฉียนสงสัย"อะไรนะ ลูกไม่ได้หลอกพ่อใช่ไหม?"หยางต้าฝูงงงันถามว่า "ตอนนี้บ้านตระกูลหลินครึกครื้นจริง ๆ ท่านรัฐมนตรีหวง ท่านประธานตระกูลทั้งสี่ แล้วยังมีบุคคลสำคัญในเมืองเทียนไห่""พวกเขาไปทำอะไรที่นั่น?" เย่เทียนหยู่ขมวด
ส่วนเรื่องจัดการพ่อแม่ของเธอเอง เพื่อให้บทเรียนบ้างก็คงเป็นไปได้ แต่จะไม่รุนแรงเกินไป เธอไม่ใช่คนที่คิดแก้แค้นในทุกเรื่อง และในใจเธอเก็แข็งแกร่งมากจนไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่ตอนนี้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ บอกเธอเว่า เทียนหยู่อยู่กับหยางเฉียนเฉียนจริง ๆ หรือว่าเขาชอบหยางเฉียนเฉียนจริง ๆนอกจากนี้ ความรู้สึกที่หยางเฉียนเฉียนมีต่อเทียนหยูนั้น แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออก เธอทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง ไม่ต่างจากตัวเองเลย และยิ่งกว่าด้วยซ้ำเมื่อหยางต้าฝูวางสาย เฉินฉางเหอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "ท่านประธานหยาง คุณเพิ่งจะคุยกับราชามังกรหรือเปล่า?""ฮ่า ๆ ใช่แล้ว ราชามังกร ไม่สิ โทรจากลูกสาวผม เธออยู่กับราชามังกรตลอดเวลา" หยางต้าฝูยิ้มพูดทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนในที่นั้นก็ตกใจข้อมูลนี้เยอะเกินไปจริง ๆถ้าเป็นคนทั่วไปพูด ทุกคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ท่านประธานหยางไม่มีทางโกหกในเรื่องแบบนี้แน่นอน และไม่มีทางกล้าทำเช่นนั้นถานล่างเองก็ตกใจเล็กน้อย หรือว่าเขาเข้าใจผิดความตั้งใจของคุณชาย?ถ้าเป็นเช่นนี้ กลับไปคงไม่พ้นถูกตำหนิ เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ท่านประธานหยาง ราชามังกรได้ฝากอะไรไหม?""โอ้ ใช่สิ เขาบอกให้ทุกค
"อะไรนะ!"เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น ทุกคนในที่นั้นต่างหยุดนิ่งด้วยความตกใจโดยเฉพาะเสียงที่เธอพูดขึ้นมานั้น กลับทำให้คนส่วนใหญ่ได้ยิน และคนที่ยังไม่ได้ยินก็รีบถามจนทำให้ทุกคนรู้เรื่องเมื่อทุกสายตามองไปยังต้นเสียง พบว่าเป็นหญิงวัยห้าสิบกว่าปี ดูจากการแต่งกายแล้วน่าจะเป็นคนใช้ของตระกูลหลินคุณแม่ตระกูลหลินเมื่อได้ยินก็โกรธจัด ตะคอกใส่ด้วยความโมโหว่า "ชิวเหม่ย แกพูดมั่วเรื่องอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมากล่าวอะไรมั่ว ๆ""ฉันไม่ได้พูดมั่ว คุณทั้งหลายดูถูกราชามังกรมาตลอด คิดว่าเขาไม่มีค่า ทำให้เขาอับอายและหาทางขับไล่เขาตลอด""เมื่อวันก่อน ราชามังกรทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยคุณหนูกลับมา แต่พวกคุณตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง วางแผนเชิงชั่วร้ายขับไล่ราชามังกรไป""ราชามังกรจำยอมต้องหย่าและออกจากตระกูลหลินไป เมื่อคืนตระกูลหลินเกิดอันตราย ราชามังกรกลับมาช่วยเพราะเห็นแก่คุณหนู""แกพูดเหลวไหลอะไร เรียกคนมานี่แล้วเอาตัวเธอออกไป" คุณแม่ตระกูลหลินรีบสั่งคนด้วยความโกรธแต่เหล่าคนของเธอไม่มีอะไรสามารถทำได้เลย ใจจริงแล้วทุกคนอยากฟังความจริงจากปากของจางฟาง พวกเขาจำเป็นต้องรู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร
ในขณะนี้ ทุกคนต่างเข้ามาหาหยางต้าฝูและแสดงความยินดีหยางต้าฝูรีบแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน บอกว่าสิ่งที่ทุกคนพูดเป็นเพียงข่าวลือ สถานการณ์ที่แท้จริงยังไม่แน่ชัดแต่เหล่าคนของตระกูลหลินกลับมีสีหน้าที่ดูแย่ยิ่งขึ้นใบหน้าของคุณปู่ตระกูลหลินซีดเซียว นอกจากความอับอายแล้ว เขายังรู้ด้วยว่าตระกูลหลินอาจพลาดโอกาสพัฒนาอันยิ่งใหญ่เขารู้สึกเสียใจอย่างมากในตอนนี้คุณแม่ตระกูลหลินยิ่งเสียใจไม่รู้จะทำอย่างไร พูดออกมาด้วยความโกรธว่า "แก แก..." พูดไม่ออกถึงกับเกือบเป็นลมไปแต่พอได้สติกลับมา ก็รีบพูดว่า "ไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างนั้น ท่านราชามังกรเพียงแค่ทะเลาะกับลูกสาวฉัน คำพูดที่พูดตอนนั้นเชื่อถือไม่ได้""พวกคุณต้องเชื่อนะ เอาอย่างนี้ พวกคุณส่งของขวัญให้ฉันก่อน ถ้าฉันไม่สามารถเชิญท่านราชามังกรกลับมาตระกูลหลินได้ในหนึ่งวัน ฉันจะคืนทั้งหมดให้พวกคุณ""นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ถ้าพวกคุณกลับไปแล้ว จะไม่มีโอกาสส่งของขวัญอีก จะพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไป"คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของเฉินฉางเหอและคนอื่น ๆ เย็นชา ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสมองหรืออย่างไร ดูสิว่าเธอพูดอะไรออกมา แม้พวกเขาต้องการจะประจบท่านราชามังกร แต่ก็ไม่ใ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป