หลังจากที่หลงเจี๋ยเดินเข้ามา เขาก็ขอให้ทุกคนหยิบปืนพกออกมาทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังทันทีที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาเห็นคนหลายคนนอนอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้ไปแล้ว สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที และพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากังวลอะไรจากนั้นหลงเจี๋ยก็เห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างรวดเร็ว และเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาและมีเลือดบนร่างกายของเขาเธอรีบมองไปรอบ ๆ แล้วพูดทันที: “ไปตรวจดูรอบ ๆ”จากนั้นเขาก็เดินอย่างรวดเร็วไปหาเย่เทียนหยู่ รู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ถามว่า: “เย่เทียนหยู่ ตายแล้วเหรอ?”คำถามนี่มันออกจะ…รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของเย่เทียนหยู่ และเขาพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตายแล้ว! ทำไมเหรอ คุณจะเป็นม่ายให้ผมเหรอครับ?”“ถุ้ย!”“ขอให้มีความฝันอันแสนหวานในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของคุณ!”“คนอย่างเธอสมควรถูกฟันเป็นชิ้น ๆ นับพันครั้ง”หลงเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความโกรธ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความตื่นตระหนกที่อธิบายไม่ได้ในใจของเขาหายไปจนหมด อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก“ไม่ คุณใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ยังไงก็ตาม ฉันเป็นแฟนของคุณ
“พวกเขาไม่ให้เราแจ้งความ ผมเลยมาที่นี่พร้อมกับคุณปู่หลินและนำเงินสองพันห้าร้อยล้านมา”“แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เราจะโอนเงิน พวกเขาเริ่มทะเลาะกันภายในเพราะการกระจายของที่ริบไม่สม่ำเสมอ”“จากนั้น พวกเขาก็ฆ่ากันเอง ผมก็เลยโชคดีมากที่ช่วยภรรยาของฉันได้”คำพูดนี้ฟังดูราบรื่นมาก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้ว แม้ว่าคุณต้องการแบ่งการริบ อย่างน้อยคุณก็ควรได้รับเงินก่อนไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน คุณยังหาเงินไม่ได้เลย ดังนั้นคุณก็แค่เริ่มต้นทำมันด้วยตัวเองดังนั้น หรงเจี๋ยจึงไม่เชื่อสักคำที่เขาพูด เมื่อเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเย่เทียนหยู่เขาก็ยิ่งโกรธและพูดว่า “คุณหมายความว่าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันเองก่อนที่พวกเขาจะได้รับเงินด้วยซ้ำ คุณคิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่”“ไม่สมเหตุสมผล” เย่เทียนหยู่ตอบอย่างจริงจัง“แล้วคุณยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก”“ไม่มีเรื่องไร้สาระ แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น โดยบังเอิญ มันเพิ่งเกิดขึ้นในครั้งนี้”“เอาล่ะ แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริง งั้นฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมพวกเขาถึงเริ่มทะเลาะกันก่อนที่จะได้รับเงิน? เหตุผลค
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก นอกจากนี้ ในเมื่อพวกเขาเป็นองค์กรนักฆ่า ถ้ามีคนอื่นอยู่เบื้องหลังพวกเขา คนธรรมดาอย่างผมไปฆ่าพวกเขาผมจะโดนล้างแค้น” เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้“งั้นตามฉันไปที่สถานีตำรวจ พาเขาไป”หลงเจี๋ยยืนขึ้นและหยุดพูดไร้สาระกับเย่เทียนหยู่ในขณะนี้ ในที่สุด หยางผั่วจวินก็มาถึง โดยนำนักฆ่าหมายเลขเจ็ดไปด้วย รวมถึง ถังวั่นหลี่ปรมาจารย์พรรคถังที่กำลังฝึกฝนพวกเขาอยู่เพราะจากน้ำเสียงของเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะประสบปัญหาร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงนำนักฆ่าหมายเลขเจ็ดและ ถังวั่นหลี่ ประกอบกับคำขอของนายน้อย เขาจะต้องถูกซ่อนไว้อย่างระมัดระวังดังนั้นนอกจากพวกเขาทั้งสามแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว ท้ายที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของคนสามคน พวกเขาจึงไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญกับปรมาจารย์หลายคนก็ตามส่วนคนอื่นๆไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรับหรือไม่ก็ตามหลังจากที่ ถังวั่นหลี่พบกับ หยางผั่วจวินเท่านั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน หลังจากผ่านไปสองสามเดือน พวกเขาอาจจะเอาชนะตัวเองไม่ได้แต่อาจจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ความแข็งแกร่งของ หยาง
“ปกป้องคุณชายเหรอ?”“มีเราอยู่ที่นี่ เขาจะทำอะไรได้?” หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา: “อีกอย่าง ผู้ชายตัวกระจ้อยแบบเขา จะเป็นคุณชายตระกูลไหนได้?”เธอจงใจยั่วยุหยางผั่วจวิน เพราะยังไงซะเย่เทียนหยู่ก็ผ่านไปไม่ได้ หยางผั่วจวินคนนี้อาจจะเป็นแค่ตัวล่อแน่นอนว่าเมื่อหหยางผั่วจวินเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าดูหมิ่นคุณชายของเขา เขาก็โกรธทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก: “ความสามารถของคุณชายเรา อย่างเธอ...”“หยางผั่วจวิน!”“ช่างมันเถอะ”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงแค่คนเดียวไปทำไม”หยางผั่วจวินเชื่อฟังเขาและเงียบไปทันทีสำหรับเขา คำพูดของเย่เทียนหยู่ถือเป็นคำสั่งแต่นั่นทำให้หลงเจี๋ยโกรธมาก อะไรเรียกว่ากับผู้หญิงแค่คนเดียวกัน ทำอย่างกับเธอไร้ความสามารถมากอย่างนั้นละไม่ ฉันไม่สามารถโกรธได้ ยิ่งเขาโกรธมากเท่าไร เขาก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นเท่านั้น เขาพูดอย่างเย็นชา: “ช่างเถอะถ้าคุณไม่บอกฉัน ฉันไม่สน นอกจากนี้ คุณไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้”หยางผั่วจวินยังคงเงียบ แต่มีแววตาที่เฉียบคมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาหลงเจี๋ยเกือบจะตกใจเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และขอให้ใครสักคนสอบสวน หยางผั่วจว
ผู้กองจางหรือจางเจิ้งส่ายหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ไม่ใช่ว่าลุงไม่บอกเธอหรอกนะ แต่เพราะลุงเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่เขามีความสามารถมาก”“มากแค่ไหนคะ?”หลงเจี๋ยถามด้วยความสงสัย ในเมื่อลุงจางพูดถึงขนาดนี้ จะต้องมีข้อมูลอ้างอิงอะไรมาแน่ และเธออยากจะฟังข้อมูลนั้น“มากแค่ไหนน่ะเหรอ? เธอยังจำ ตระกูลซา หนึ่งในสี่ตระกูลหลักเมืองเทียนไห่ได้มั้ย?” จางเจิ้งถามกลับ“จำได้แน่นอนค่ะ ก็ลุงจางวางแผนโค่นตระกูลซามาตั้งนานนี่คะ”“ลุงวางแผนมานานแล้ว แต่ตระกูลอย่างตระกูลซาไม่ใช่อะไรที่ลุงจะทำให้สั่นคลอนได้ ต่อให้เป็นรัฐมนตรีหวงก็แค่พอรับมือไหว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต้องขอบคุณคุณชายเย่ที่ช่วยเหลือ”“ไม่จริงหน่า เขาจะช่วยได้ยังไงกันคะ?”“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องไปใส่ใจ สรุปก็คือ เธอต้องจำไว้ว่าไม่เพียงแค่ลุง แต่กระทั่งรัฐมนตรีหวงก็ยังต้องสุภาพและให้ความเคารพเวลาเจอเขา”จางเจิ้งบอกให้เธอรู้เอาไว้ เดิมทีคำพูดเหล่านี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปาก แต่เพื่อหยุดหลานสาวผู้โง่เขลาไม่ให้มุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย เขาจึงจำต้องเปิดเผยบางอย่างเพราะถึงยังไง เขากับพ่อของเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขณะที่เดินออกไป หัวใจ
“งั้นก็ได้!”หลงเจี๋ยไม่ได้ถามอะไรต่อ และส่งเขาออกไปด้านนอกเพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่พูดจาเถลไปไถมาเก่งมาก และเธอคงไม่ได้อะไรจากปากของเขาแน่เมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก หยางผั่วจวินก็จัดรถไว้แล้ว และเขาก็ขับรถพาเย่เทียนหยู่ออกไปทันที“คุณชายตอนนี้จะไปที่ไหนครับ” หยางผั่วจวินถาม“ไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่ง!”ขณะที่เย่เทียนหยู่พูด เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของหลินหว่านหรู เขาถูกหลงเจี๋ยทำเอาเสียเวลานานขนาดนี้ หว่านหรูก็น่าจะตื่นแล้วเป็นไปตามที่คาด อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว“หว่านหรู เป็นยังไงบ้าง คุณโอเคมั้ย” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความเป็นห่วง“ฉันสบายดี ๆ นายไม่ต้องห่วง”“งั้นก็ดีแล้วครับ ผมจะไม่กลับไปน่ะ” เย่เทียนหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาต้องหาทางที่จะฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด“นายไม่มาเยี่ยมฉันหน่อยเหรอ” น้ำเสียงของหลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความไม่พอใจตอนแรกที่เธอตื่นขึ้นมา เธอนึกว่าเย่เทียนหยู่ช่วยชีวิตเธอไว้นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนหยู่ แต่กลับเป็นคุณชายเย่เซวียนคนที่เธอไม่อยากไปรู้จักมักจี่ด้
อันที่จริงเย่เทียนหยู่ฟังน้ำเสียงไม่พอใจของหลินหว่านหรูออก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการฟื้นความแข็งแกร่ง ทำให้เขาไม่มีเวลาคิดมากเท่าไหร่นักการลงมือติดกันหลายครั้งแบบนี้ สร้างความเสียหายให้กับเขามากเกินไปหากเป็นเหมือนเดิมที ขอแค่เขาได้พักผ่อนสักสองสามวัน ทุกอย่างก็จะคืนสู่สภาพเดิม แต่ตอนนี้แค่จะทำให้พลังกลับมาอยู่ในระดับปรมาจารย์เขายังทำไม่ได้เว้นแต่เขาจะเอาลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาได้แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำแบบนั้นไม่ว่าจะเพื่อความบริสุทธิ์ของหยางเฉียนเฉียนหรือเพราะไม่อาจทำผิดต่อหลินหว่านหรูผิดหวัง เขาก็ไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นเพราะฉะนั้น ไม่ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เย่เทียนหยู่จะไม่ยอมชะล่าใจอีกแล้วการมีหยางผั่วจวินคอยอยู่ดูแล ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกผ่อนคลายมาก เขาหลับตาลงก่อนจะผล็อยหลับไป หลายวันมานี้ เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะได้หลับสนิทแบบนี้รถเข้าไปในวิลล่าและทั้งสองก็ลงจากรถจากนั้น เย่เทียนหยู่ก็เข้ามา ตามมาด้วยหยางผั่วจวิน ขณะที่เขาเข้ามา หยางผั่วจวินก็ถามด้วยความประหลาดใจ: “ใคร?”เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะลืมตา
“ผมต้องรู้อยู่แล้ว เพราะพรรคปีศาจก็แค่สถานที่แห่งความสกปรกโสมมที่เลือกรับเฉพาะพวกลูกศิษย์ชาติชั่วนั่นยังไง” เย่เทียนหยู่ยิ้มเยาะ“อวดดี!”ชายชราหงุดหงิดขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “เจ้าหนู เจ้ามันแกว่งเท้าหาเสี้ยน!”“หรือถ้าผมไม่พูดแบบนั้น พวกคุณจะไม่ฆ่าผมรึไง?”เย่เทียนหยู่หัวเราะเยาะและพูดว่า: “จะว่าไปแล้ว เรื่องคนที่เผาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้น นอกจากปีศาจที่นิสัยไร้มนุษยธรรมอย่างพวกคุณแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก!”“รนหาที่ตายนัก!”ชายชราโกรธถึงขีดสุดแล้ว เขาโบกมือขวาเรียกให้จอมยุทธ์สองคนที่อยู่ด้านหลังเขาให้รีบออกไป ทว่าเขากลับพูดว่า: “เก็บมันซะ!”เพราะยามนั้นราชาปีศาจบอกว่า หากยืนยันตัวตนของเย่เสี่ยวเทียนได้แล้ว จะต้องไว้ชีวิตของเขา แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป เพราะว่ากันว่าบนตัวของเย่เสี่ยวเทียนอาจมีสมบัติแสนล้ำค่าเก็บเอาไว้เมื่อหยางผั่วจวินเห็น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนขวางหน้าเย่เทียนหยู่ทันที“ฆ่าพวกมันซะ!”เย่เทียนหยู่พูดหยางผั่วจวินตกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าแค่เอาชนะคู่ต่อสู้ก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าคุณชายจะให้เขาฆ่าคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาฆ่าคนไม่เก่งแต่เมื่อมีคำ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป