แต่แล้วในตอนนั้นเอง เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าอันดุร้ายและน่าสะพรึงกลัวของเหอเหมิ่ง เย่เทียนหยู่ใช้ทักษะทางร่างกายอันประณีตของเขาเพื่อหลีกทางให้คนอื่น ๆ อย่างง่ายดาย และตีหน้าอกของเหอเหมิ่งด้วยฝ่ามือการแสดงออกของเหอเหมิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็ตระหนักว่าเขาไม่มีเวลาที่จะหลีกทาง เขารู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างมาก และเขาก็บินไปข้างหลังโดยไม่สมัครใจสำหรับการโจมตีอันทรงพลังที่เขาเปลี่ยนในเวลาต่อมา พวกมันไม่สามารถโจมตีเย่เทียนหยู่ได้เลยแม้ว่าเขาจะกระแทกคู่ต่อสู้กลับด้วยฝ่ามือเดียว เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้หยุด เขาก็รีบพุ่งเข้าไปถึงข้างของเหอเหมิ่งในเวลาเพียงครู่เดียว กริชก็ถูกวางลงบนคอของเหอเหมิ่งเร็วเกินไป แล้วก็เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปด้วยแม้แต่นากามูระ มาริโอะก็ไม่สามารถโต้ตอบได้ทันเวลา และมันก็สายเกินไปที่จะช่วยเหอเหมิ่งทันใดนั้นใบหน้าของเหอเหมิ่งก็ซีดลง เขาตกใจและโกรธและพูดว่า: “แกแข็งแกร่งมาก ที่แท้เมื่อกี้ก็กำลังแสดงอยู่สินะ”“แสดงเหรอ?”ความเยือกเย็นแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ ก่อนที่เขาเยาะเย้ย: “ผมไม่เคยพูดว่าผมอ่อนแอ มีแต่คุณนั่นละที่เอาแต่คิดเองเออเอง”“เหอะ คิดว่าแกจะชนะ
“นอกจากนั้น คุณคิดว่าเขาเอาชนะผมไม่ได้แล้วคุณจะเอาชนะผมได้เหรอ?”แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดและสิ้นหวังอย่างยิ่ง แต่เหอเหมิ่งยังคงหวังว่าศิษย์พี่สามจะช่วยเขาได้ แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ เขาก็หมดหวังทันทีและความเจ็บปวดก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สบายตัว แม้จะทำให้เขาสิ้นหวังอย่างยิ่งหลังจากผ่านไปเพียงสองนาที เขาก็อดไม่ได้ที่จะขอร้อง“ฆ่าฉัน ฆ่าฉันเดี๋ยวนี้”เพียงชั่วขณะหนึ่ง ด้วยความอดทนของเหอเหมิ่ง เขากำลังจะฆ่าตัวตายเด็กคนนี้ใช้กลวิธีที่น่ากลัวแบบไหน?นากามูระ มาริโอะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว มีผู้ช่วยสองคนอยู่รอบตัวเขา และเขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น โดยเฉพาะคนขับที่พาเย่เทียนหยู่มาฉันไม่ได้คาดหวังว่าความแข็งแกร่งและวิธีการของเย่เทียนหยู่จะน่ากลัวขนาดนี้ และฉันก็เคยดูถูกเขามาก่อนแม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักฆ่า แต่พวกเขาก็กังวลเล็กน้อยในเวลานี้ท้ายที่สุดแล้ว รูปร่างหน้าตาของเหอเหมิ่งช่างน่าสมเพชจริงๆ เลือดเริ่มไหลซึมจากใบหน้าของเขา และเขาก็กลิ้งตัวลงบนพื้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลิ้งตัวไปต่อหน้านากามูระ มาริโอะ“ฆ่าฉันเถอะ!”“เหอเหมิ่ง ฆ่าฉันที!”“…”ใบหน้าของนากามูระ มาริโอ
ตึง!การปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้น และ นากามูระ มาริโอะรู้สึกถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่มาจากคาทาน่า และคาทาน่าในมือของเขาก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ ทีละนิ้วจากนั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวและมหาศาลก็เข้าปกคลุมเขา และมือขวาของเขาพิการตรงจุดนั้น เขาก็ล้มลงและล้มลงกับพื้นด้วยเสียงครวญครางอย่างน่าเวทนาในขณะนี้ แม้ว่าเขาจะยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างมั่นคง แต่ภายในเขาก็ตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างมากคนสองคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็ดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความกลัวเช่นกันสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือพลังอันทรงพลังดังกล่าวไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้เลย แต่แม้แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเลย“แก นี่แกมีพลังระดับไหนกันแน่?” นากามูระ มาริโอะอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความหวาดกลัว“เหอะ ๆ คิดจะถามตอนนี้มันไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”เย่เทียนหยู่ยิ้มเยาะและเดินไปทางนากามูระ มาริโอะทีละก้าววันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตออกไปนากามูระ มาริโอะสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวของเย่เทียนหยู่ และเริ่มกังวลทันที: “ต่อให้แกเป็นปรมาจารย์ แกก็ฆ่าฉันไม่ได้หรอก” เขาพูดด้วยความโกรธ“อ่อ จริงเหรอ?
เพราะถังยังไงมันก็เป็นพลังพิเศษที่ถูกเปิดใช้ ไม่นานมันก็อ่อนกำลังลงเดิมทีพอไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะค่อย ๆ ถดถอย เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยไม่มีเวลาว่างมามัวอืดอาดอยู่ที่นี่อีกสองคนมองดูฉากนี้ ใบหน้าของพวกเขาซีดลงทันที และพวกเขาก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความกลัว เมื่อพวกเขามักจะต่อสู้ พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่กลัวความตายแต่เมื่อความตายใกล้เข้ามาจริงๆ ก็เป็นอีกความคิดหนึ่งเพียงแต่ว่าแม้แต่นากามูระ มาริโอะก็ถูกเย่เทียนหยู่กำจัดด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว พวกเขาจะรอดจากมือของเย่เทียนหยู่ได้ยังไงตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาทำกับหลินหว่านหรูแบบนั้น พวกเขาก็ถูกกำหนดให้ต้องตายอยู่แล้วอ้ากกก!ทั้งสองคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช หมดลมหายใจทันทีและล้มลงกับพื้นเย่เทียนหยู่ที่ลงมือ ไม่แม้แต่ขยับเลย เขาเพิ่งบินขึ้นไปด้วยความช่วยเหลือจากดาบซามูไรที่หักหลายเล่มอยู่บนพื้น และสอดมันเข้าไปในคอของพวกเขาหลังจากแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอ และเขาเริ่มควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาโทรออก เขาก็ขอให้หยางผั่วจวินมารับเขาเขาเชื่อใจหหยางผั่วจวินมาก มากกว่าที่เขาเชื่อใจผู้คนในพ
หวังเจี้ยนรู้สึกหวาดกลัวมาก เพราะเย่เทียนหยู่ที่ทุกคนดูถูก ไม่เพียงแต่เป็นสามีของประธานหลินหว่านหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรด้วยนั่นคือพรรคมังกรในตำนาน พรรคที่ทรงพลังที่สุดและแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวเมื่อรู้ว่าเขามีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาคงไม่ร่วมมือกับหลี่ว์ซิงเหอในครั้งที่แล้ว เขาแค่แสวงหาความตายของตัวเองเมื่อดูว่าเขาดุร้ายและโหดเหี้ยมแค่ไหนในวันนี้ ฉันโชคดีมากที่รอดชีวิตจากครั้งที่แล้วคุณปู่ตระกูลหลินไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาแค่คิดว่าเย่เทียนหยู่เตือนหวัง เจี้ยนว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ ท้ายที่สุดแล้ว มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตที่นี่ และเย่เทียนหยู่ควรจะฆ่าพวกเขาเขาพาหลินหว่านหรูและหวังเจี้ยนไปด้วยและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเวลากังวลว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไรหรือจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนั่งอยู่ในรถ คุณปู่ตระกูลหลินไม่มีเวลาสนใจหวังเจี้ยน และหวังเจี้ยนไม่กล้าถามคำถามกับคุณปู่ตระกูลหลินอีกต่อไปหลังจากออกเดินทางได้ไม่นานหวังเจี้ยนก็พบโอกาสที่จะลงจากรถคุณปู่หลินพาหลินว่านหรูกลับบ้านทันทีในเวลานี้ คนในครอบครัวกลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าบ้านอยู่ เ
“ดูเขาสิ เขาน่ะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เป็นลูกชายของตระกูลเย่เมืองหลงตู มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในอาณาจักรมังกรที่สามารถเทียบสถานะกับเขาได้”“หากลูกพี่ลูกน้องของคุณสามารถแต่งงานกับตระกูลเย่ได้ ไม่เพียงแต่ตระกูลหลินจะเจริญรุ่งเรืองในอนาคต แต่คุณยังจะได้รับประโยชน์จากมันด้วย”แม่ตระกูลหลินพูดอย่างตื่นเต้น“เป็นอย่างนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณไม่ชอบพี่เขยของคุณ” หลิวเมิ่ง คิดว่าตระกูลหลิน คิดว่าคุณชายเย่ยอดเยี่ยมกว่า และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาไม่ชอบเย่เทียนหยู่แต่พวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ทรงพลังแค่ไหนหากเป็นเช่นนี้ความมั่งคั่งจะไม่ไหลไปสู่บุคคลภายนอกเธอกับพี่เขยก็มีโอกาสน่ะสิ?ในขณะนี้ หลิวเมิ่งรู้สึกได้ทันทีว่าความคิดของเธอเปิดกว้างขึ้นถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชายแบบพี่เขยได้ ขนาดฝันอยู่เธอคงหัวเราะแน่ โอกาสแบบนี้ เธอจะพลาดไปได้ย้งไง?เมื่อคิดถึงแผนการนี้ได้ คุณปู่ตระกูลหลินก็พูดทันที: “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันคุยกับคุณชายเย่และเรายังสามารถพูดคุยถึงวิธีที่ดีกว่าในการปล่อยให้เย่เทียนหยู่จากไปด้วยตัวเอง ถ้าเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าตำหนิฉันที่โหดเหี้ยมและไม่สนใจเขาในครั้งนี้
หลังจากที่หลงเจี๋ยเดินเข้ามา เขาก็ขอให้ทุกคนหยิบปืนพกออกมาทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังทันทีที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาเห็นคนหลายคนนอนอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้ไปแล้ว สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที และพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากังวลอะไรจากนั้นหลงเจี๋ยก็เห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างรวดเร็ว และเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาและมีเลือดบนร่างกายของเขาเธอรีบมองไปรอบ ๆ แล้วพูดทันที: “ไปตรวจดูรอบ ๆ”จากนั้นเขาก็เดินอย่างรวดเร็วไปหาเย่เทียนหยู่ รู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ถามว่า: “เย่เทียนหยู่ ตายแล้วเหรอ?”คำถามนี่มันออกจะ…รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของเย่เทียนหยู่ และเขาพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตายแล้ว! ทำไมเหรอ คุณจะเป็นม่ายให้ผมเหรอครับ?”“ถุ้ย!”“ขอให้มีความฝันอันแสนหวานในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของคุณ!”“คนอย่างเธอสมควรถูกฟันเป็นชิ้น ๆ นับพันครั้ง”หลงเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความโกรธ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความตื่นตระหนกที่อธิบายไม่ได้ในใจของเขาหายไปจนหมด อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก“ไม่ คุณใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ยังไงก็ตาม ฉันเป็นแฟนของคุณ
“พวกเขาไม่ให้เราแจ้งความ ผมเลยมาที่นี่พร้อมกับคุณปู่หลินและนำเงินสองพันห้าร้อยล้านมา”“แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เราจะโอนเงิน พวกเขาเริ่มทะเลาะกันภายในเพราะการกระจายของที่ริบไม่สม่ำเสมอ”“จากนั้น พวกเขาก็ฆ่ากันเอง ผมก็เลยโชคดีมากที่ช่วยภรรยาของฉันได้”คำพูดนี้ฟังดูราบรื่นมาก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้ว แม้ว่าคุณต้องการแบ่งการริบ อย่างน้อยคุณก็ควรได้รับเงินก่อนไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน คุณยังหาเงินไม่ได้เลย ดังนั้นคุณก็แค่เริ่มต้นทำมันด้วยตัวเองดังนั้น หรงเจี๋ยจึงไม่เชื่อสักคำที่เขาพูด เมื่อเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเย่เทียนหยู่เขาก็ยิ่งโกรธและพูดว่า “คุณหมายความว่าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันเองก่อนที่พวกเขาจะได้รับเงินด้วยซ้ำ คุณคิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่”“ไม่สมเหตุสมผล” เย่เทียนหยู่ตอบอย่างจริงจัง“แล้วคุณยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก”“ไม่มีเรื่องไร้สาระ แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น โดยบังเอิญ มันเพิ่งเกิดขึ้นในครั้งนี้”“เอาล่ะ แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริง งั้นฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมพวกเขาถึงเริ่มทะเลาะกันก่อนที่จะได้รับเงิน? เหตุผลค
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป