เพราะถังยังไงมันก็เป็นพลังพิเศษที่ถูกเปิดใช้ ไม่นานมันก็อ่อนกำลังลงเดิมทีพอไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะค่อย ๆ ถดถอย เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยไม่มีเวลาว่างมามัวอืดอาดอยู่ที่นี่อีกสองคนมองดูฉากนี้ ใบหน้าของพวกเขาซีดลงทันที และพวกเขาก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความกลัว เมื่อพวกเขามักจะต่อสู้ พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่กลัวความตายแต่เมื่อความตายใกล้เข้ามาจริงๆ ก็เป็นอีกความคิดหนึ่งเพียงแต่ว่าแม้แต่นากามูระ มาริโอะก็ถูกเย่เทียนหยู่กำจัดด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว พวกเขาจะรอดจากมือของเย่เทียนหยู่ได้ยังไงตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาทำกับหลินหว่านหรูแบบนั้น พวกเขาก็ถูกกำหนดให้ต้องตายอยู่แล้วอ้ากกก!ทั้งสองคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช หมดลมหายใจทันทีและล้มลงกับพื้นเย่เทียนหยู่ที่ลงมือ ไม่แม้แต่ขยับเลย เขาเพิ่งบินขึ้นไปด้วยความช่วยเหลือจากดาบซามูไรที่หักหลายเล่มอยู่บนพื้น และสอดมันเข้าไปในคอของพวกเขาหลังจากแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอ และเขาเริ่มควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาโทรออก เขาก็ขอให้หยางผั่วจวินมารับเขาเขาเชื่อใจหหยางผั่วจวินมาก มากกว่าที่เขาเชื่อใจผู้คนในพ
หวังเจี้ยนรู้สึกหวาดกลัวมาก เพราะเย่เทียนหยู่ที่ทุกคนดูถูก ไม่เพียงแต่เป็นสามีของประธานหลินหว่านหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรด้วยนั่นคือพรรคมังกรในตำนาน พรรคที่ทรงพลังที่สุดและแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวเมื่อรู้ว่าเขามีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาคงไม่ร่วมมือกับหลี่ว์ซิงเหอในครั้งที่แล้ว เขาแค่แสวงหาความตายของตัวเองเมื่อดูว่าเขาดุร้ายและโหดเหี้ยมแค่ไหนในวันนี้ ฉันโชคดีมากที่รอดชีวิตจากครั้งที่แล้วคุณปู่ตระกูลหลินไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาแค่คิดว่าเย่เทียนหยู่เตือนหวัง เจี้ยนว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ ท้ายที่สุดแล้ว มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตที่นี่ และเย่เทียนหยู่ควรจะฆ่าพวกเขาเขาพาหลินหว่านหรูและหวังเจี้ยนไปด้วยและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเวลากังวลว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไรหรือจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนั่งอยู่ในรถ คุณปู่ตระกูลหลินไม่มีเวลาสนใจหวังเจี้ยน และหวังเจี้ยนไม่กล้าถามคำถามกับคุณปู่ตระกูลหลินอีกต่อไปหลังจากออกเดินทางได้ไม่นานหวังเจี้ยนก็พบโอกาสที่จะลงจากรถคุณปู่หลินพาหลินว่านหรูกลับบ้านทันทีในเวลานี้ คนในครอบครัวกลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าบ้านอยู่ เ
“ดูเขาสิ เขาน่ะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เป็นลูกชายของตระกูลเย่เมืองหลงตู มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในอาณาจักรมังกรที่สามารถเทียบสถานะกับเขาได้”“หากลูกพี่ลูกน้องของคุณสามารถแต่งงานกับตระกูลเย่ได้ ไม่เพียงแต่ตระกูลหลินจะเจริญรุ่งเรืองในอนาคต แต่คุณยังจะได้รับประโยชน์จากมันด้วย”แม่ตระกูลหลินพูดอย่างตื่นเต้น“เป็นอย่างนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณไม่ชอบพี่เขยของคุณ” หลิวเมิ่ง คิดว่าตระกูลหลิน คิดว่าคุณชายเย่ยอดเยี่ยมกว่า และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาไม่ชอบเย่เทียนหยู่แต่พวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ทรงพลังแค่ไหนหากเป็นเช่นนี้ความมั่งคั่งจะไม่ไหลไปสู่บุคคลภายนอกเธอกับพี่เขยก็มีโอกาสน่ะสิ?ในขณะนี้ หลิวเมิ่งรู้สึกได้ทันทีว่าความคิดของเธอเปิดกว้างขึ้นถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชายแบบพี่เขยได้ ขนาดฝันอยู่เธอคงหัวเราะแน่ โอกาสแบบนี้ เธอจะพลาดไปได้ย้งไง?เมื่อคิดถึงแผนการนี้ได้ คุณปู่ตระกูลหลินก็พูดทันที: “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันคุยกับคุณชายเย่และเรายังสามารถพูดคุยถึงวิธีที่ดีกว่าในการปล่อยให้เย่เทียนหยู่จากไปด้วยตัวเอง ถ้าเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าตำหนิฉันที่โหดเหี้ยมและไม่สนใจเขาในครั้งนี้
หลังจากที่หลงเจี๋ยเดินเข้ามา เขาก็ขอให้ทุกคนหยิบปืนพกออกมาทันที จากนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังทันทีที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาเห็นคนหลายคนนอนอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านการต่อสู้ไปแล้ว สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที และพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากังวลอะไรจากนั้นหลงเจี๋ยก็เห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างรวดเร็ว และเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาและมีเลือดบนร่างกายของเขาเธอรีบมองไปรอบ ๆ แล้วพูดทันที: “ไปตรวจดูรอบ ๆ”จากนั้นเขาก็เดินอย่างรวดเร็วไปหาเย่เทียนหยู่ รู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ถามว่า: “เย่เทียนหยู่ ตายแล้วเหรอ?”คำถามนี่มันออกจะ…รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของเย่เทียนหยู่ และเขาพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตายแล้ว! ทำไมเหรอ คุณจะเป็นม่ายให้ผมเหรอครับ?”“ถุ้ย!”“ขอให้มีความฝันอันแสนหวานในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของคุณ!”“คนอย่างเธอสมควรถูกฟันเป็นชิ้น ๆ นับพันครั้ง”หลงเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความโกรธ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความตื่นตระหนกที่อธิบายไม่ได้ในใจของเขาหายไปจนหมด อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก“ไม่ คุณใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ยังไงก็ตาม ฉันเป็นแฟนของคุณ
“พวกเขาไม่ให้เราแจ้งความ ผมเลยมาที่นี่พร้อมกับคุณปู่หลินและนำเงินสองพันห้าร้อยล้านมา”“แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เราจะโอนเงิน พวกเขาเริ่มทะเลาะกันภายในเพราะการกระจายของที่ริบไม่สม่ำเสมอ”“จากนั้น พวกเขาก็ฆ่ากันเอง ผมก็เลยโชคดีมากที่ช่วยภรรยาของฉันได้”คำพูดนี้ฟังดูราบรื่นมาก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้ว แม้ว่าคุณต้องการแบ่งการริบ อย่างน้อยคุณก็ควรได้รับเงินก่อนไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน คุณยังหาเงินไม่ได้เลย ดังนั้นคุณก็แค่เริ่มต้นทำมันด้วยตัวเองดังนั้น หรงเจี๋ยจึงไม่เชื่อสักคำที่เขาพูด เมื่อเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเย่เทียนหยู่เขาก็ยิ่งโกรธและพูดว่า “คุณหมายความว่าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันเองก่อนที่พวกเขาจะได้รับเงินด้วยซ้ำ คุณคิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่”“ไม่สมเหตุสมผล” เย่เทียนหยู่ตอบอย่างจริงจัง“แล้วคุณยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก”“ไม่มีเรื่องไร้สาระ แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น โดยบังเอิญ มันเพิ่งเกิดขึ้นในครั้งนี้”“เอาล่ะ แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นเรื่องจริง งั้นฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมพวกเขาถึงเริ่มทะเลาะกันก่อนที่จะได้รับเงิน? เหตุผลค
“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก นอกจากนี้ ในเมื่อพวกเขาเป็นองค์กรนักฆ่า ถ้ามีคนอื่นอยู่เบื้องหลังพวกเขา คนธรรมดาอย่างผมไปฆ่าพวกเขาผมจะโดนล้างแค้น” เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้“งั้นตามฉันไปที่สถานีตำรวจ พาเขาไป”หลงเจี๋ยยืนขึ้นและหยุดพูดไร้สาระกับเย่เทียนหยู่ในขณะนี้ ในที่สุด หยางผั่วจวินก็มาถึง โดยนำนักฆ่าหมายเลขเจ็ดไปด้วย รวมถึง ถังวั่นหลี่ปรมาจารย์พรรคถังที่กำลังฝึกฝนพวกเขาอยู่เพราะจากน้ำเสียงของเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะประสบปัญหาร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงนำนักฆ่าหมายเลขเจ็ดและ ถังวั่นหลี่ ประกอบกับคำขอของนายน้อย เขาจะต้องถูกซ่อนไว้อย่างระมัดระวังดังนั้นนอกจากพวกเขาทั้งสามแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว ท้ายที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของคนสามคน พวกเขาจึงไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญกับปรมาจารย์หลายคนก็ตามส่วนคนอื่นๆไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรับหรือไม่ก็ตามหลังจากที่ ถังวั่นหลี่พบกับ หยางผั่วจวินเท่านั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน หลังจากผ่านไปสองสามเดือน พวกเขาอาจจะเอาชนะตัวเองไม่ได้แต่อาจจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ความแข็งแกร่งของ หยาง
“ปกป้องคุณชายเหรอ?”“มีเราอยู่ที่นี่ เขาจะทำอะไรได้?” หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา: “อีกอย่าง ผู้ชายตัวกระจ้อยแบบเขา จะเป็นคุณชายตระกูลไหนได้?”เธอจงใจยั่วยุหยางผั่วจวิน เพราะยังไงซะเย่เทียนหยู่ก็ผ่านไปไม่ได้ หยางผั่วจวินคนนี้อาจจะเป็นแค่ตัวล่อแน่นอนว่าเมื่อหหยางผั่วจวินเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าดูหมิ่นคุณชายของเขา เขาก็โกรธทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก: “ความสามารถของคุณชายเรา อย่างเธอ...”“หยางผั่วจวิน!”“ช่างมันเถอะ”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงแค่คนเดียวไปทำไม”หยางผั่วจวินเชื่อฟังเขาและเงียบไปทันทีสำหรับเขา คำพูดของเย่เทียนหยู่ถือเป็นคำสั่งแต่นั่นทำให้หลงเจี๋ยโกรธมาก อะไรเรียกว่ากับผู้หญิงแค่คนเดียวกัน ทำอย่างกับเธอไร้ความสามารถมากอย่างนั้นละไม่ ฉันไม่สามารถโกรธได้ ยิ่งเขาโกรธมากเท่าไร เขาก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นเท่านั้น เขาพูดอย่างเย็นชา: “ช่างเถอะถ้าคุณไม่บอกฉัน ฉันไม่สน นอกจากนี้ คุณไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้”หยางผั่วจวินยังคงเงียบ แต่มีแววตาที่เฉียบคมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาหลงเจี๋ยเกือบจะตกใจเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และขอให้ใครสักคนสอบสวน หยางผั่วจว
ผู้กองจางหรือจางเจิ้งส่ายหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ไม่ใช่ว่าลุงไม่บอกเธอหรอกนะ แต่เพราะลุงเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่เขามีความสามารถมาก”“มากแค่ไหนคะ?”หลงเจี๋ยถามด้วยความสงสัย ในเมื่อลุงจางพูดถึงขนาดนี้ จะต้องมีข้อมูลอ้างอิงอะไรมาแน่ และเธออยากจะฟังข้อมูลนั้น“มากแค่ไหนน่ะเหรอ? เธอยังจำ ตระกูลซา หนึ่งในสี่ตระกูลหลักเมืองเทียนไห่ได้มั้ย?” จางเจิ้งถามกลับ“จำได้แน่นอนค่ะ ก็ลุงจางวางแผนโค่นตระกูลซามาตั้งนานนี่คะ”“ลุงวางแผนมานานแล้ว แต่ตระกูลอย่างตระกูลซาไม่ใช่อะไรที่ลุงจะทำให้สั่นคลอนได้ ต่อให้เป็นรัฐมนตรีหวงก็แค่พอรับมือไหว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต้องขอบคุณคุณชายเย่ที่ช่วยเหลือ”“ไม่จริงหน่า เขาจะช่วยได้ยังไงกันคะ?”“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องไปใส่ใจ สรุปก็คือ เธอต้องจำไว้ว่าไม่เพียงแค่ลุง แต่กระทั่งรัฐมนตรีหวงก็ยังต้องสุภาพและให้ความเคารพเวลาเจอเขา”จางเจิ้งบอกให้เธอรู้เอาไว้ เดิมทีคำพูดเหล่านี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปาก แต่เพื่อหยุดหลานสาวผู้โง่เขลาไม่ให้มุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย เขาจึงจำต้องเปิดเผยบางอย่างเพราะถึงยังไง เขากับพ่อของเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขณะที่เดินออกไป หัวใจ
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ
สีหน้าของเฉินเฟยเฟยดูเศร้าหมอง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่เย่คะ ถ้าหากข้างกายที่มีผู้หญิงคนอื่นได้ แล้วทำไมถึงเพิ่มฉันอีกสักคนไม่ได้ล่ะคะ?”“หา......”เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวย ข้างกายตนมีผู้หญิงอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“พี่เย่คะ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง”“ชีวิตนี้ ฉันเกิดมาเพื่อเป็นของพี่ค่ะ ตายไปก็ยังเป็นวิญญาณของพี่ จะไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน”ดูเหมือนว่าเฉินเฟยเฟยจะตัดสินใจแล้ว จู่ ๆ เธอก็พุ่งตัวเข้าไปกอดเย่เทียนหยู่ทันที แถมยังยื่นริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอไปจูบเย่เทียนหยู่อีกด้วยความรู้สึกนุ่มละมุน รสสัมผัสที่หวานหอม ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะจินตนาการก็ผุดขึ้นมาในใจเย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยขึ้นมาทันที ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้ใจร้อนกันนักนะ แบบนี้จะให้เขารับมือยังไงดีหรือจะผลักออกไปเลยดี?แต่นั่นมันก็ทำร้ายจิตใจเกินไป!แต่ถ้าหากไม่ผลักออก แบบนี้มันจะดูไม่ดีเกินไปไหมแล้วอีกอย่าง ความรู้สึกแบบนี้มันก็ดีมากจริง ๆ!สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป เขาก็ตระหนักได้ว่า ในใจของเขา เฉินเฟยเฟยยังคงมีสถานะที่สำคัญกับเขามากเฉินเฟยเฟยรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง โดยเฉพา
หนานกงเล่อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามร่างของบอดี้การ์ดวัยกลางคนออกไปแต่ก่อนที่จะจากไป เย่เทียนหยู่เหลือบมองไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ไอ้เด็กนี่ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกสิ้นหวังเท่านั้น แต่กลับดูเหมือนว่าจะมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ยังไงอย่างงั้น ทั้งยังรู้สึกถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัดคงไม่ใช่ว่าจะมีวิธีฟื้นฟูกลับมาได้หรอกนะ แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ตนเป็นคนลงมือ ยังไงตนก็รู้ดีที่สุดเว้นเสียแต่ว่า เขาจะไปฝึกวิชาจากตำราขุยฮวาอะไรนั่น!เดี๋ยวนะ ตำราขุยฮวาไม่ได้อยู่ในคลังสมบัติของอาณาจักรมังกรหรอกเหรอ งั้นหนานกงเล่อก็มีโอกาสที่จะได้มันมา นี่ก็เท่ากับว่าเขากำลังสร้างศัตรูให้ตัวเองไม่ใช่รึไงเขาไม่กลัวหากว่าหนานกงเล่อต้องการจะแก้แค้นตน แต่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายคนรอบข้างมากกว่าดูท่าแล้ว จะปล่อยหนานกงเล่อคนนี้ไปไม่ได้ ความเกลียดชังของคนที่เคยถูกทำร้ายไม่ควรมองข้าม เกิดว่าอีกฝ่ายพุ่งเป้าทำร้ายคนรอบข้างเข้า ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาได้ให้สัญญากับตระกูลหนานกงไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถลงมืออย่างเปิดเผยได้