แม้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรง แต่หากไม่มีเทียนหยู่ ป่านนี้หลินซื่อกรุ๊ปคงล้มละลายไปนานแล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้ไม่มีปัจจัยพวกนั้น วันนี้หลินหว่านหรูก็คงไม่มีทางยอมให้เย่เทียนหยู่ต้องอับอาย เธอจึงตอบเขาอย่างเย็นชา: “แน่นอนค่ะว่าไม่ถูก!”“ไม่ถูกเหรอ?”หม่าเผิงเกิดอาหารสับสนเล็กน้อย และคิดว่าตัวเองได้ยินผิด“ฉันลืมแนะนำประธานหม่ารู้จักเลยค่ะ เขาคนนี้คือ เย่เทียนหยู่ สามีตามกฎหมายในทะเบียนสมรสของฉัน หรือก็คือ บริษัทของฉันก็คือบริษัทของเขาเช่นกันค่ะ”“เขาบอกว่าจะไม่ร่วมมือ แน่นอนกว่าเราก็จะไม่ร่วมมือค่ะ”“อะไรนะ พวกคุณเป็นสามีภรรยาเหรอ?”ใบหน้าของหม่าเผิงน่าเกลียดมาก เขาโกรธที่หลินหว่านหรูเลือกช่วยเย่เทียนหยู่ แต่เขายิ่งโกรธยิ่งกว่าที่รู้ว่าหลินหว่านหรูเป็นหญิงงามที่มีเจ้าของแล้ว แถมยังเป็นคนที่เขาเกลียดเข้าไส้เสียด้วย“ประธานหลิน แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ล้อเล่น? กับคนที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้คุณก็ยังแต่งงานด้วยเหรอ?” เขาพูดขึ้นทันทีแม้เขาจะไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใคร แต่ซ่งหลิงบอกว่าเย่เทียนหยู่เป็นหนุ่มบ้านนอกจากผู้เขาที่ไร้อำนาจหนุนหลังพูดตรงๆ คือ เขาเป็นแค่เศษขยะแต่เดี๋ยวก่อน ดูเ
เย่เทียนหยู่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปรามาส และเยาะเย้ยคำพูดของเขาเรื่องนี้ทำให้หม่าเผิงโกรธและพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “เย่เทียนหยู่แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลของฉัน ฉันจะให้คนจัดการแกให้เละเดี๋ยวนี้เลยเชื่อไหมละ!”“กล้าเหรอ!”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธทันที: “หม่าเผิง ฉันขอเตือนคุณนะ ถ้าเราได้รับบาดเจ็บออกไปจากที่นี่แม้แต่นิดเดียว ตระกูลหลินจะสู้กับคุณจนตายกันไปข้างแน่”“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”“หงหม่ากรุ๊ปของคุณเก่งมากก็จริง แต่หลินซื่อกรุ๊ปของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันสักเท่าไร เพื่อเทียนหยู่ ต่อให้หลินซื่อกรุ๊ปต้องพังพินาศ ฉันก็จะลากหงหม่ากรุ๊ปของคุณลงไปด้วย”น้ำเสียงของเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก ฟังดูราวกับเธอจะทำอย่างที่พูดเอาไว้แน่“เทียนหยู่ ไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!”“ถ้าเขากล้าแตะต้องเรา หลินซื่อกรุ๊ปจะต่อกรกับเขาให้ตายไปข้างแน่!”น้ำเสียงของหลินหว่านหรูยึดมั่นและเย็นชาอย่างยิ่งมือขวาของเธอคว้าเย่เทียนหยู่เอาไว้แล้วเดินออกไปด้านนอกกลุ่มคนถูกท่าทางหลินหว่านหรูทำเอาตกใจกลัวทำเอาก้าวถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว และประเด็นหลักคือเจ้านา
แน่นอนว่าหลินหว่านหรูเข้าใจความหมาย และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าบอบบางและงดงามของเธออดไม่ได้ที่จะเผยความเขินอาย และพูดด้วยความโกรธ: “พูดอะไรของนาย เมื่อกี้มันสถานการณ์เร่งรีบหรอก เพื่อรับมือกับอีกฝ่ายต่างหาก”“แค่รับมือเหรอครับ ไม่ใช่ว่าอยากให้ผมเป็นสามีคุณหรอกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ฝันไปเถอะย่ะ!”“เว้นแต่นายจะประสบความสำเร็จ เข้ารับตำแหน่งรองประธานของบริษัท” หลินหว่านหรูคิดว่าเธอสามารถใช้ความหวานเล็กน้อยนี้เพื่อกระตุ้นเย่เทียนหยู่ และทำให้เขายอมพยายามพัฒนาตัวเอง“แล้วความสำเร็จแบบไหนถึงจะพาผมไปตำแหน่งรองประธานได้?”“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาของบริษัท อย่างเช่นว่าตอนน้บริษัทเรากำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและหยก ถ้านายช่วยบริษัทได้มากนี่ก็ถือเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่”“ความช่วยเหลือครั้งใหญ่?” เย่เทียนหยู่ถาม: “สนับสนุนบริษัทให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอัญมณีและหยกของเมืองเทียนไห่นับไหมครับ”“เหลวไหว ต้องนับอยู่แล้วสิ!”“แต่เราจะทำได้ยังไง เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง แทบยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย” หลินหว่านห
ถึงจะหารือเรื่องความรวมมือไม่สำเร็จ หลินหว่านหรูเองก็แอบผิดหวังเล็กน้อย แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่เมื่อครู่ก็ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมากเกือบเป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทั้งคู่ทานอาหารที่ร้านบริเวณใกล้กับโรงแรม แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกคนที่หม่าเผิงส่งมาเห็นทั้งหมดหม่าเผิงเป็นคนชอบล้างแค้น โดยเฉพาะเรื่องที่หลินว่านหรูข่มขู่เขาเมื่อครู่ เขาจะไม่มีวันปล่อยไปแน่ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในร้านอาหาร การปรากฏตัวของหลินหว่านหรูก็ดึงดูดความสนใจอย่างมากในทันที เพราะเธอสวยมาก อาจจะสวยกว่าดาราดังๆ หลายคนเลยด้วยในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะทำยังไงดีนี้ เย่เทียนหยู่จึงขอห้องวีไอพีใหญ่ ก่อนสั่งอาหารตามใจชอบมาเล็กน้อยบริกรไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ประเด็นคือหลินหว่านหรูมีรัศมีของความสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนอาหารของพวกเขาทำเสร็จอย่างรวดเร็ว และใช้เวลากินเพียงสิบนาทีเท่านั้นประตูห้องวีไอพีถูกผลักเปิดออก จากนั้นกลุ่มคนหกคนก็บุกเข้ามา ผู้นำไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น หม่าเผิง ที่เพิ่งแยกทางกันไปไม่นานหม่าเผิงเผยสีหน้าเยาะเย้ย และผู้คนที่
ทันทีที่สิ้นคำพูด หลินหว่านหรูก็ตกตะลึงเล็กน้อยไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะกล้าคุยโวแบบนี้ต่อหน้าหม่าเผิง แต่เมื่อคิดดูอีกที เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นตลอดหม่าเผิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า: “เหอะๆ น่าขำเป็นบ้า!”“เจ้าหนู ฉันอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับความโง่ของแกจริงๆ เคยเห็นคนโง่มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นคนโง่เขลาเท่าแกมาก่อน น่าตลกสิ้นดี”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า เขาไม่อยากพูดมากเกินไป และพูดอย่างใจเย็น: “หัวเราะเหรอ ผมก็หวังว่าอีกพักคุณจะยังหัวเราะได้แบบนี้”“แน่นอน ว่าฉันต้องหัวเราะออกอยู่แล้ว และจะหัวเราะได้ตลอดชีวิตด้วย ต่างจากแกที่ฉันเกรงว่าพรุ่งนี้เช้าแกคงไม่ได้เห็นดวงตะวันแล้ว”“ลงมือ!”เดิมทีตอนแรกพวกเขาก็จะลงมืออยู่แล้ว แต่เนื่องจากคำพูดของเย่เทียนหยู่ รวมกับที่หม่าเผิงไม่ได้สั่งการ พวกเขาจึงหยุดมือแต่พวกเขาได้ล้อมเย่เทียนหยู่ไว้แล้ว และพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลาในเวลานี้ หลังจากได้ยินคำสั่งแล้ว พวกเขาก็รวมตัวกันพุ่งเข้าโจมตีแม้หลินหว่านหรูจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่เก่งเรื่องวรยุทธ์มาก แต่เธอก็อดไม่ได
ส่วนเรื่องที่ว่าตระกูลหม่าพังพินาศ กับหงหม่ากรุ๊ปกำลังจะล้มละลาย มันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝัน และเขาก็ไม่เชื่อเรื่องนั้นเลยแม้แต่คำเดียวอย่าว่าแต่เขาที่ไม่เชื่อเลย แม้แต่หลินหว่านหรูก็ยังยากที่จะเชื่อ หากเธอไม่คิดว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่เย่ เทียนหยู่พูดก่อนหน้านี้ท้ายที่สุดจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เธอคงไม่เชื่อเลยในขณะนี้เย่เทียนหยู่กำลังใช้โทรศัพท์ของเขาโทรออกคนที่รับโทรศัพท์คือซ่งหยาง ซึ่งกำลังคิดว่าจะติดต่อเย่เทียนหยู่ได้ยังไง เพราะถึงยังไง แม้วันนี้หลี่ว์เจิ้งจะไม่มา แต่อย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้เขาก็จะมาถึงเขาจะต้องหารือกับคุณชายเย่ ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงกันแน่虽然叶先生把吕正说的轻描淡写,但想来也是为了面子,显示自己特别牛逼。真碰上吕正,恐怕也没那么容易。毕竟,那可是龙都大家族啊。虽然不是什么厉害的超级大家族,那也是相对厉害的一些家族。没想到,这时候叶先生主动打来了电话,恐怕也是聊吕正的事情,毕竟叶先生也是聪明人。แม้ว่าคุณชายเย่จะมองข้ามสิ่งที่หลี่ว์เจิ้งพูด แต่เขาอาจจะทำเพื่อเห็นแก่หน้าและเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายอดเยี่ยมมาก ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าฉันได้พบกับหลี่ว์เจิ้งจริงๆท้ายที่สุดนั่นคือตระกูลหลงตู แม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลซุปเปอร์ที่ทรงพลัง แต่ก็ยังคงเป็นตระกูลที่ค่อนข้างทรงพลัง
แถมยังคิดจะโค่นล้มหงหม่ากรุ๊ป ซ่งหยางถึงกับตกตะลึงตระกูลซ่งจะทำแบบนั้นได้ยังไง?อันที่จริง ซ่งเหวินป๋อกับคนอื่นต่างก็อยู่ใกล้บริเวณนี้ ทำให้ทุกคนได้ยินเนื้อหาภายในได้อย่างชัดเจนและต่างก็ตกตะลึง นี่มันการบีบคั้นกันชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?“ทำไม คุณไม่อยากทำเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามเสียงเรียบ“เปล่าครับ คือผมเกรงว่าตระกูลซ่งจะไร้อำนาจ แม้หงหม่ากรุ๊ปจะไม่มีอำนาจเท่าตระกูลซ่ง แต่เราก็ต่างกันไม่มาก” ซ่งหยางกล่าวอย่างหมดหนทาง“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ผมแค่ถามว่าคุณเต็มใจจะทำหรือไม่” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งหยางก็ตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองซ่งเหวินป๋อพ่อของเขาซ่งเหวินป๋อลังเล แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าซ่งหยางตอบทันที: “ครับ เราเต็มใจแน่นอน แต่ผมต้องหอรือเรื่องวิธีการกับพอเพื่อดูว่าเราจะลงมือยังไง”“ได้”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็กดหาเบอร์ของถานล่างและส่งข้อความหาเขาว่า “ติดต่อตระกูลซ่งแล้วร่วมกันดำเนินการ ผมจะให้หงหม่ากรุ๊ปล้มละลายภายในวันนี้”ที่แท้แล้วตอนเขาพาหลินหว่านหรูออกจากร้านอาหาร เขาได้ส่งข้อความถึงให้ถานล่างตรวจสอบและจัดการตระหูลหม่ากับหงหม่าก
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ทำตามและในไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบปล่อยมือด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป“แต่อย่ากังวล ขอแค่พวกคุณคุณเชื่อฟัง รอผมออกจากที่นี่ไปแล้วพวกคุณจะหายเองโดยธรรมชาติ”“แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่บอกใครว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่หลังจากที่ออกไปแล้ว แล้วอย่าคิดจะเรียกใครมา ไม่อย่างั้นพวกคุณตายภายในคืนนี้แน่”เมื่อกลุ่มคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ตอบรับทันที: “ไม่กล้าครับ เรากลัวแล้วจริงๆ!”“ดี ออกไปได้แล้ว!”เย่เทียนหยู่บอกพวกเขาให้ออกไปจากที่นี่เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทันทีราวกับกำลังหนีตาย เมื่อครู่ยังนอนกองอยู่บนพื้นแต่วินาทีถัดมากลับพากันวิ่งป๋อออกไปประเด็นคือชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ช่างน่ากลัวเมื่อเห็นคนเหล่านั้นวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจเขา หม่าเผิงก็โกรธและกำลังจะตะโกนขอความช่วยเหลือแต่แล้วเขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างมากและกระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจควบคุมถ้าเย่เทียนหยู่ไม่ปัดมือขวาและทำให้เลือดนั้นกระเด็นกลับไปหาหม่าเผิง เลือดคงกระเซ็นไปทั่ว แต่เมื่อมองแบบนี้ ดูเหมือนว่าหม่าเผิงจะ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป