เย่เทียนหยู่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปรามาส และเยาะเย้ยคำพูดของเขาเรื่องนี้ทำให้หม่าเผิงโกรธและพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “เย่เทียนหยู่แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลของฉัน ฉันจะให้คนจัดการแกให้เละเดี๋ยวนี้เลยเชื่อไหมละ!”“กล้าเหรอ!”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธทันที: “หม่าเผิง ฉันขอเตือนคุณนะ ถ้าเราได้รับบาดเจ็บออกไปจากที่นี่แม้แต่นิดเดียว ตระกูลหลินจะสู้กับคุณจนตายกันไปข้างแน่”“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”“หงหม่ากรุ๊ปของคุณเก่งมากก็จริง แต่หลินซื่อกรุ๊ปของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันสักเท่าไร เพื่อเทียนหยู่ ต่อให้หลินซื่อกรุ๊ปต้องพังพินาศ ฉันก็จะลากหงหม่ากรุ๊ปของคุณลงไปด้วย”น้ำเสียงของเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก ฟังดูราวกับเธอจะทำอย่างที่พูดเอาไว้แน่“เทียนหยู่ ไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!”“ถ้าเขากล้าแตะต้องเรา หลินซื่อกรุ๊ปจะต่อกรกับเขาให้ตายไปข้างแน่!”น้ำเสียงของหลินหว่านหรูยึดมั่นและเย็นชาอย่างยิ่งมือขวาของเธอคว้าเย่เทียนหยู่เอาไว้แล้วเดินออกไปด้านนอกกลุ่มคนถูกท่าทางหลินหว่านหรูทำเอาตกใจกลัวทำเอาก้าวถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว และประเด็นหลักคือเจ้านา
แน่นอนว่าหลินหว่านหรูเข้าใจความหมาย และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าบอบบางและงดงามของเธออดไม่ได้ที่จะเผยความเขินอาย และพูดด้วยความโกรธ: “พูดอะไรของนาย เมื่อกี้มันสถานการณ์เร่งรีบหรอก เพื่อรับมือกับอีกฝ่ายต่างหาก”“แค่รับมือเหรอครับ ไม่ใช่ว่าอยากให้ผมเป็นสามีคุณหรอกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ฝันไปเถอะย่ะ!”“เว้นแต่นายจะประสบความสำเร็จ เข้ารับตำแหน่งรองประธานของบริษัท” หลินหว่านหรูคิดว่าเธอสามารถใช้ความหวานเล็กน้อยนี้เพื่อกระตุ้นเย่เทียนหยู่ และทำให้เขายอมพยายามพัฒนาตัวเอง“แล้วความสำเร็จแบบไหนถึงจะพาผมไปตำแหน่งรองประธานได้?”“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาของบริษัท อย่างเช่นว่าตอนน้บริษัทเรากำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและหยก ถ้านายช่วยบริษัทได้มากนี่ก็ถือเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่”“ความช่วยเหลือครั้งใหญ่?” เย่เทียนหยู่ถาม: “สนับสนุนบริษัทให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอัญมณีและหยกของเมืองเทียนไห่นับไหมครับ”“เหลวไหว ต้องนับอยู่แล้วสิ!”“แต่เราจะทำได้ยังไง เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง แทบยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย” หลินหว่านห
ถึงจะหารือเรื่องความรวมมือไม่สำเร็จ หลินหว่านหรูเองก็แอบผิดหวังเล็กน้อย แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่เมื่อครู่ก็ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมากเกือบเป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทั้งคู่ทานอาหารที่ร้านบริเวณใกล้กับโรงแรม แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกคนที่หม่าเผิงส่งมาเห็นทั้งหมดหม่าเผิงเป็นคนชอบล้างแค้น โดยเฉพาะเรื่องที่หลินว่านหรูข่มขู่เขาเมื่อครู่ เขาจะไม่มีวันปล่อยไปแน่ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในร้านอาหาร การปรากฏตัวของหลินหว่านหรูก็ดึงดูดความสนใจอย่างมากในทันที เพราะเธอสวยมาก อาจจะสวยกว่าดาราดังๆ หลายคนเลยด้วยในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะทำยังไงดีนี้ เย่เทียนหยู่จึงขอห้องวีไอพีใหญ่ ก่อนสั่งอาหารตามใจชอบมาเล็กน้อยบริกรไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ประเด็นคือหลินหว่านหรูมีรัศมีของความสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนอาหารของพวกเขาทำเสร็จอย่างรวดเร็ว และใช้เวลากินเพียงสิบนาทีเท่านั้นประตูห้องวีไอพีถูกผลักเปิดออก จากนั้นกลุ่มคนหกคนก็บุกเข้ามา ผู้นำไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น หม่าเผิง ที่เพิ่งแยกทางกันไปไม่นานหม่าเผิงเผยสีหน้าเยาะเย้ย และผู้คนที่
ทันทีที่สิ้นคำพูด หลินหว่านหรูก็ตกตะลึงเล็กน้อยไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะกล้าคุยโวแบบนี้ต่อหน้าหม่าเผิง แต่เมื่อคิดดูอีกที เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นตลอดหม่าเผิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า: “เหอะๆ น่าขำเป็นบ้า!”“เจ้าหนู ฉันอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับความโง่ของแกจริงๆ เคยเห็นคนโง่มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นคนโง่เขลาเท่าแกมาก่อน น่าตลกสิ้นดี”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า เขาไม่อยากพูดมากเกินไป และพูดอย่างใจเย็น: “หัวเราะเหรอ ผมก็หวังว่าอีกพักคุณจะยังหัวเราะได้แบบนี้”“แน่นอน ว่าฉันต้องหัวเราะออกอยู่แล้ว และจะหัวเราะได้ตลอดชีวิตด้วย ต่างจากแกที่ฉันเกรงว่าพรุ่งนี้เช้าแกคงไม่ได้เห็นดวงตะวันแล้ว”“ลงมือ!”เดิมทีตอนแรกพวกเขาก็จะลงมืออยู่แล้ว แต่เนื่องจากคำพูดของเย่เทียนหยู่ รวมกับที่หม่าเผิงไม่ได้สั่งการ พวกเขาจึงหยุดมือแต่พวกเขาได้ล้อมเย่เทียนหยู่ไว้แล้ว และพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลาในเวลานี้ หลังจากได้ยินคำสั่งแล้ว พวกเขาก็รวมตัวกันพุ่งเข้าโจมตีแม้หลินหว่านหรูจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่เก่งเรื่องวรยุทธ์มาก แต่เธอก็อดไม่ได
ส่วนเรื่องที่ว่าตระกูลหม่าพังพินาศ กับหงหม่ากรุ๊ปกำลังจะล้มละลาย มันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝัน และเขาก็ไม่เชื่อเรื่องนั้นเลยแม้แต่คำเดียวอย่าว่าแต่เขาที่ไม่เชื่อเลย แม้แต่หลินหว่านหรูก็ยังยากที่จะเชื่อ หากเธอไม่คิดว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่เย่ เทียนหยู่พูดก่อนหน้านี้ท้ายที่สุดจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เธอคงไม่เชื่อเลยในขณะนี้เย่เทียนหยู่กำลังใช้โทรศัพท์ของเขาโทรออกคนที่รับโทรศัพท์คือซ่งหยาง ซึ่งกำลังคิดว่าจะติดต่อเย่เทียนหยู่ได้ยังไง เพราะถึงยังไง แม้วันนี้หลี่ว์เจิ้งจะไม่มา แต่อย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้เขาก็จะมาถึงเขาจะต้องหารือกับคุณชายเย่ ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงกันแน่虽然叶先生把吕正说的轻描淡写,但想来也是为了面子,显示自己特别牛逼。真碰上吕正,恐怕也没那么容易。毕竟,那可是龙都大家族啊。虽然不是什么厉害的超级大家族,那也是相对厉害的一些家族。没想到,这时候叶先生主动打来了电话,恐怕也是聊吕正的事情,毕竟叶先生也是聪明人。แม้ว่าคุณชายเย่จะมองข้ามสิ่งที่หลี่ว์เจิ้งพูด แต่เขาอาจจะทำเพื่อเห็นแก่หน้าและเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายอดเยี่ยมมาก ฉันเกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าฉันได้พบกับหลี่ว์เจิ้งจริงๆท้ายที่สุดนั่นคือตระกูลหลงตู แม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลซุปเปอร์ที่ทรงพลัง แต่ก็ยังคงเป็นตระกูลที่ค่อนข้างทรงพลัง
แถมยังคิดจะโค่นล้มหงหม่ากรุ๊ป ซ่งหยางถึงกับตกตะลึงตระกูลซ่งจะทำแบบนั้นได้ยังไง?อันที่จริง ซ่งเหวินป๋อกับคนอื่นต่างก็อยู่ใกล้บริเวณนี้ ทำให้ทุกคนได้ยินเนื้อหาภายในได้อย่างชัดเจนและต่างก็ตกตะลึง นี่มันการบีบคั้นกันชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?“ทำไม คุณไม่อยากทำเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามเสียงเรียบ“เปล่าครับ คือผมเกรงว่าตระกูลซ่งจะไร้อำนาจ แม้หงหม่ากรุ๊ปจะไม่มีอำนาจเท่าตระกูลซ่ง แต่เราก็ต่างกันไม่มาก” ซ่งหยางกล่าวอย่างหมดหนทาง“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ผมแค่ถามว่าคุณเต็มใจจะทำหรือไม่” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งหยางก็ตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองซ่งเหวินป๋อพ่อของเขาซ่งเหวินป๋อลังเล แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าซ่งหยางตอบทันที: “ครับ เราเต็มใจแน่นอน แต่ผมต้องหอรือเรื่องวิธีการกับพอเพื่อดูว่าเราจะลงมือยังไง”“ได้”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็กดหาเบอร์ของถานล่างและส่งข้อความหาเขาว่า “ติดต่อตระกูลซ่งแล้วร่วมกันดำเนินการ ผมจะให้หงหม่ากรุ๊ปล้มละลายภายในวันนี้”ที่แท้แล้วตอนเขาพาหลินหว่านหรูออกจากร้านอาหาร เขาได้ส่งข้อความถึงให้ถานล่างตรวจสอบและจัดการตระหูลหม่ากับหงหม่าก
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ทำตามและในไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบปล่อยมือด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป“แต่อย่ากังวล ขอแค่พวกคุณคุณเชื่อฟัง รอผมออกจากที่นี่ไปแล้วพวกคุณจะหายเองโดยธรรมชาติ”“แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่บอกใครว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่หลังจากที่ออกไปแล้ว แล้วอย่าคิดจะเรียกใครมา ไม่อย่างั้นพวกคุณตายภายในคืนนี้แน่”เมื่อกลุ่มคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ตอบรับทันที: “ไม่กล้าครับ เรากลัวแล้วจริงๆ!”“ดี ออกไปได้แล้ว!”เย่เทียนหยู่บอกพวกเขาให้ออกไปจากที่นี่เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทันทีราวกับกำลังหนีตาย เมื่อครู่ยังนอนกองอยู่บนพื้นแต่วินาทีถัดมากลับพากันวิ่งป๋อออกไปประเด็นคือชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ช่างน่ากลัวเมื่อเห็นคนเหล่านั้นวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจเขา หม่าเผิงก็โกรธและกำลังจะตะโกนขอความช่วยเหลือแต่แล้วเขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างมากและกระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจควบคุมถ้าเย่เทียนหยู่ไม่ปัดมือขวาและทำให้เลือดนั้นกระเด็นกลับไปหาหม่าเผิง เลือดคงกระเซ็นไปทั่ว แต่เมื่อมองแบบนี้ ดูเหมือนว่าหม่าเผิงจะ
“แก!”ใบหน้าของตู้อิ๋งเริ่มซีดเผือดซ่งหลิงรู้สึกตัวในที่สุด และรีบพูดทันที: “พี่อิ๋ง อย่าใจร้อน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ค่ะ”“คุณเย่ หม่าเผิงทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่าคะ?”เย่เทียนหยู่ดูเฉยเมย และพูดอย่างใจเย็น: “ก็ไม่หรอก ผมแค่ไม่ชอบขี้หน้าเลยจะจัดการเขาซะ!”ซ่งหลิงถึงกับเหม่อเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้แม้เธอจะอยากช่วยพูด ก็คงจะทำไม่ได้พี่อิ๋งไม่ใช่คนธรรมดา พ่อของเธอคือตู้อีฝานรองนายกเทศมนตรีเมืองเทียนไห่ ที่สำคัญคือเขาเป็นคนที่มีอำนาจ และเขายังได้รับการสนับสนุนจากผู้นำในมณฑลหลายคนด้วยรัฐมนตรีถังลาออกแล้ว และนายกเทศมนตรีหวงยืนยันว่าเขาจะเข้ารับตำแหน่งนี้ส่วนตำแหน่งายกเทศมนตรีก็จะไม่มีทางว่างลง แต่จะถูกเลือกจากกลุ่มรองนายกเทศมนตรีพิจารณาจากข่าวปัจจุบันแล้ว ตู้อี้ฟานคงจะเป็นพ่อของตู้อิ๋งแน่นอนตอนที่หลี่ว์เจิ้งกำลังจะมาที่เมืองเทียนไห่ เขายังขอเข้าพบตู้อิ๋ง เพราะหวังว่าหากตัวเองสู้ไม่ชนะอย่างนั้นก็ยังมีตัวรับประกันอยู่อีกหนึ่งไม่คิดเลยว่าพวกเขาสองคนจะมาขัดแย้งกันที่นี่ถ้ารู้ก่อนเมื่อครู่เธอไม่เข้ามาก็ดีเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าสถานการณ์กำลังจะตึงเครียด และเธอไม่อย