ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน เย่เทียนหยู่ก็ไม่มีทางเป็นปรมาจารย์มีปู่ของเขาอยยู่ที่นี่กับปรมาจารย์ของตระกูลกงซุน เย่เทียนหยู่ผู้สิ้นหวังจะต้องตายโดยไม่มีสถานที่ฝังศพอย่างแน่นอน ในความเห็นของเขาเย่เทียนหยู่แค่มีวรยุทธ์เท่านั้นเมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยู่กังวลเล็กน้อยว่ากงซุนจื้ออาจจะแค่ยอมรับไปก่อน เธอจึงถามว่า: “เทียนหยู่ คุณคิดว่าเราจะให้เขาทำตามสัญญาได้ยังไงเหรอ”“ไม่ต้องกังวลครับ ถ้าเขากล้าผิดสัญญา เขาต้องชดใช้อย่างแสนสาหัสแน่นอน” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“อืม!”หลินหว่านหรูพยักหน้าและพูดว่า “กงซุนจื้อคุณได้ยินไหม?”“ได้ยินแล้วครับ ประธานหลินไม่ต้องกังวล ผมสาบานได้เลยว่าผมจะทำตามสัญญา ผมจะโทรหาคุณปู่หลินตอนนี้และบอกให้เขายกเลิกการหมั้น”กงซุนจื้อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของท่านปู่หลิน แล้วบอกเรื่องนี้กับเขาทันทีคุณปู่ตระกูลหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดขึ้นมาทันที: “คุณกงซุน คุณหมายความว่ายังไง ทำไมคุณถึงยกเลิกกะทันหัน? หว่านหรูพูดอะไรหรือเปล่า หรือว่าทำเรื่องอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ”“ไม่ ไม่ต้องกังวลหรอก มันไม่เกี่ยวอะไร
ขณะกำลังมองดูกงซุนจื้อเดินออกไป หลินหว่านหรูก็แอบยิ้มอย่างขมขื่น นิสัยของเทียนหยู่นี่จริง ๆ เลย เป็นแบบนี้แล้ว ทำไมยังต้องไปยั่วยุกงซุนจื้ออีกถ้าเรื่องร้ายแรง จะหยุดไม่ให้ตระกูลกงซุนมาตามแก้แค้นได้ยังไงแต่แน่นอนว่าเธอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่อีกต่อไป แค่ถามว่า: “เทียนหยู่ เขาจะรักษาสัญญาของเขาจริงๆ เหรอก”“ไม่หรอก!”เย่เทียนหยู่พูดตามตรง จากสายตาวาบหนึ่งของกงซุนจื้อตอนที่เขาจากไป เขาก็เห็นแล้วว่าเจ้านั่นมันกำลังระงับความเกลียดชังและความโกรธในใจ“อ่า……”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “แล้วทำไมนายไม่พูดตั้งแต่เมื่อกี้เหล่า แล้วยังปล่อยไปง่าย ๆ แบบนั้นอีก?”“แล้วถ้าไม่ปล่อยเขาไปล่ะ? จะฆ่าเขาไม่ได้ แต่คงเก็บเขามาเลี้ยงก็ไม่ได้ใช่ไหม”เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้“เรื่องนั้น……”หลินหว่านหรูยิ้มแห้ง มันเป็นความผิดของเธอเองทั้งหมด แต่แม้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อย หรือต้องฆ่าคนจริงๆ เหรอ เธอถามอย่างช่วยไม่ได้: “แล้วเราควรทำยังไงดี?”“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรอกครับ ไม่ต้องกังวล เขาสร้างปัญหาไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“จริงเหรอ?”“จริงอยู่แ
“ไม่ ผมจริงจังนะครับ ผมไม่ได้กำลังล้อเล่น”“พอแล้ว ฉันไม่ได้ถามสักหน่อย ไม่ต้องแก้ต่างแล้ว”หลินหว่านหรูพูดต่อ “สิ่งสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้ คือการหาวิธีจัดการกับการแก้แค้นของตระกูลกงซุนในวันพรุ่งนี้”“ไม่ต้องกังวล ผมมีทางแก้แน่นอนอยู่แล้ว สำหรับคุณไม่ต้องกังวล แค่กลับไปนอนหลับฝันดีก็พอ” เย่เทียนหยู่กล่าวหากตระกูลกงซุนส่งใครมาที่นี่อีกจริง ๆ เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะช่วยผู้อารักขาเฟยหลงจัดการกับตระกูลกงซุนสักหน่อยในความเห็นของเขา หากกงซุนจื้อคิดจะเชิญใครมาอีก เกรงว่าคงจะมีเพียง กงซุนมิ่ว ปรมาจารย์ระดับสูงของตระกูลกงซุนเท่านั้นที่จะมาด้วยตนเอง หรืออาจกระทั่งต้องพาผู้มากฝีมือคนอื่นมาพร้อมกันหากเป็นกรณีนี้จริง จะต้องช่วยผู้อารักขาเฟยหลงมากแน่เพราะพรุ่งนี้ ผู้อารักขาเฟยหลงจะจู่โจมตระกูลกงซุนเพื่อจับกุมผู้คนหากไม่เป็นแบบนั้น เย่เทียนหยู่จะคงไม่บอกให้หลินหว่านหรูทำใจให้สงบ แล้วไม่ต้องไปตั้งคำถามกับเรื่องนี้อีกเพียงแต่ไม่คิดว่ากงซุนจื้อจะน่ารังเกียจและไร้ยางอายขนาดนี้ คืนนี้เขาเริ่มลงมือทันที แล้วยังหลอกหลินหว่านหรูไปด้วยโชคดีที่เขาตอบสนองไว ไม่อย่างนั้นคงเกิดหายนะ ถ้าเป็นอย่า
ทันทีที่สิ้นคำพูด พ่อแม่ตระกูลหลินก็ตกใจเล็กน้อยแต่สีหน้าของหลินหว่านหรูกลับเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย เธอคิดว่าคุณปู่เองก็คงไม่สังเกตเห็น แต่ดูเหมือนว่าคุณปู่จะเดาได้แล้ว“ในสถานการณ์แบบนั้น คุณชายกงซุนโทรมา เห็นได้ชัดว่าเขาถูกข่มขู่ แต่พวกแกกลับโง่ ที่เรื่องแค่นี้ก็ดูไม่ออก”คุณปู่ตระกูลหลินพูดอย่างขมขื่น: “แค่เขารับปากก็ปล่อยตัวเขา พอเขาไปแล้ว คำพูดนั้นไม่ใช่คำสัญญา แต่เป็นการไปเคลื่อนทัพมาล้างแค้น”“กลัวว่าตอนนี้ตระกูลกงซุนคงสั่นสะเทือนไปแล้ว พรุ่งนี้ต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่”“อ่า……”“คงจะไม่เร็วขนาดนั้นหรอกใช่ไหมคะ?”หลินหว่านหรูก็ตกใจเช่นกัน ใบหน้าของเธอก็ซีดเล็กน้อยแม่ตระกูลหลินหวาดกลัวจนสติแทบแตก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง “พ่อ นี่พ่อหมายความว่ากงซุนจื้อจะล้างแค้นพวกเราเหรอ?”“แน่นอน!”คุณปู่ตระกูลหลินพูดอย่างเย็นชา: “หลินหว่านหรู ปกติหลานเป็นคนฉลาดแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำเรื่องผิดพลาดโง่ ๆ พรรคนี้ หรือหลานถูกไอ้เย่เทียนหยู่นั่นทำเอาหลงจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว”“หนู...” หลินหว่านหรูอยากตอบโต้“เอาล่ะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรตอนนี้” คุณปู่ตระกูลหลินขัดจังหวะหลินหว่านห
“อือ ผมเข้าใจแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างใจเย็น“ทำไมคุณถึงใจเย็นขนาดนี้ ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าไปสนใจ ตระกูลหลินของเราอาจไม่มีใครเก่งกว่านายหรอก แต่ปู่ของฉันจะหาคนมาได้แน่นอน”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้ร้อนรนใจ หลินหว่านหรูจึงรีบเตือนเขา“ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณเลย ไม่เกิดเรื่องขึ้นง่ายๆ หรอกครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“อะไรของนาย!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคืนนั้นในโรงแรม แค่ว่าเธอไม่มีความทรงจำมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็ถาโถมเข้ามาหาเธอแม้หลังจากวางสายแล้ว หลินหว่านหรูก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยหลังจากการตรวจสอบ ผู้คนที่คุณปู่หลินจัดไปก็พบบ้านของเย่เทียนหยู่ในที่สุด เพียงแต่พวกเขาจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของเทียนหยู่ได้ยังไง ทำให้แต่ละคนถูกเตะโด่งออกมากันอย่างง่ายดายคุณปู่หลินนอนไม่หลับทั้งคืนเพื่อรอข่าวดี แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เขาหาไปจะไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนหยู่ได้เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธจัด คิดว่าเย่เทียนหยู่คงฝึกวรยุทธ์อย่างหนักบนภูเขามาตั้งแต่เด็ก และคนธรรมดาก็เอาชนะเขาไม่ได้แต่ไม่ว
อะไรนะ!ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ คุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ก็สับสนเล็กน้อยจนแทบไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกเขาใช้เวลานานในการตอบสนอง และเขาก็ถามด้วยความโกรธทันที“เย่เทียนหยู่ แกบ้าไปแล้วเหรอ?”“แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไร? แกจงใจยั่วยุตระกูลกงซุนและนำพวกเขามาตระกูลหลิน แกอยากให้ตระกูลหลินของเราถูกทำลายหรือไง?”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะและพูดว่า “คุณปู่คิดแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อคุณเชื่อว่าผมต้องการทำร้ายตระกูลหลินของคุณ ผมก็จะทำตามที่คุณต้องการ”“แก!”“เย่เทียนหยู่ แกไม่คิดว่ามันมากเกินไปหน่อยเหรอ? ปู่ดูแลเอาใจใส่แกเป็นพิเศษมาตลอด แต่แกตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชังแบบนี้รึไง” คุณปู่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ“เอาใจใส่เป็นพิเศษเหรอ?”“หาคนมาจัดการผมครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามฆ่าผม นั่นเป็นการดูแลเหรอ งั้นมันคงเป็นการ ‘เอาใจใส่เป็นพิเศษ’ จริงๆ นั่นละ”“นี่แกตอบแทนพวกฉันด้วยความเกลียดชังเหรอ?”“ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ต้องตอบแทนบุญคุณใคร”เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่รู้สึกเบื่อหน่ายกับท่าทางของตระกูลหลิน เขาไม่สนใจหลินว่านหรูแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ แถมยังพูดจาไม่เกรงใจ
“นั่นสินะ ฉันลืมลืมไปสนิทเลยว่านายสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่ว่าพวกเขาจะเริ่มลงมือวันนี้เหรอ?” หลินหว่านหรูรีบถาม“ใช่!”“พวกเขาตามเรามาแล้ว กำลังมาทางบ้านตระกูลหลิน”เย่เทียนหยู่ได้รับข่าวที่แน่นอนมาแล้ว“จริงเหรอ ยอดไปเลยเทียนหยู่ ไม่คิดเลยว่านายจะมีอำนาจมากขนาดนี้ ถึงกับสามารถเชิญพวกเขามาจัดการกับตระกูลกงซุนได้”หลินหว่านหรูพูดทันทีว่ เพราะเธอตั้งใจจะให้เครดิตเย่เทียนหยู่แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้เป็นคนเรียกคนพวกนั้นมา เป็นตระกูลกงซุนประสบปัญหาเองจนดึงดูดผู้อารักขาเฟยหลง แต่ทางตระกูลไม่รู้เรื่องนี้ เธอเลยหลอกล่อพวกเขาอย่าว่าแต่พวกเธอเลย แม้แต่เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยเขาไปบอกหลินหว่านหรูเมื่อไหร่ ว่าเขาเจอคนที่จะจัดการกับตระกูลกงซุน คิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลหลินต่างสับสน พวกเขาพูดด้วยความตกใจ: “หว่านหรู หลานกำลังพูดเรื่องอะไร นี่พวกหลานไปพาใครมา แล้วใครกันที่แข็งแกร่งขนาดสามารถจัดการตระกูลกงซุนได้”“แน่นอน เทียนหยู่ได้พบบุคคลที่ทรงพลังอย่างยิ่งแล้ว”หลินหว่านหรูกล่าวอย่างมีความสุข“เป็นไปไม่ได้ นั่นมันแค่เรื่องไร้สาระของเขา เขาจะหา
เมื่อมองดูคุณปู่ตระกูลหลินกระเด็นออกไป สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที ด้วยท่าทางสบาย ๆ แบบนั้น แต่กลับทำให้คนคนหนึ่งกระเด็นออกไปไกลหลินหว่านหรูวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่คุณปู่ของเธอไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้ล้มจนบาดเจ็บอันที่จริงแล้ว เป็นเพราะเย่เทียนหยู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ใช้กำลังพยุงตัวท่านปู่เอาไว้มิฉะนั้น คุณปู่ตระกูลหลินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนลุกยืนไม่ได้แล้วพ่อแม่ตระกูลหลินก็ดูกังวลเช่นกันโดยเฉพาะคุณแม่ตระกูลหลิน ขาของเธอสั่นเทา แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของกงซุนมิ่วเรื่องเย่เทียนหยู่ เธอก็โวยวายขึ้นมาทันที เธอชี้ไปที่เย่เทียนหยู่แล้วพูดว่า: “เขา เขาก็คือเย่เทียนหยู่!”“เราสนับสนุนคุณกงซุนมาตลอด แล้วก็จะให้ได้แต่งงานกัน แต่มันนี่แหละค่ะ มันเป็นคนที่ก่อให้เกิดความหายนะและทำเรื่องเลว ๆ มาตลอด”เมื่อได้ยินแบบนั้น กงซุนมิ่วก็จ้องไปที่เย่เทียนหยู่ที่อยู่อีกฟากของเขาทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า: “แกเองสินะเย่เทียนหยู่ คนที่เมื่อกี้รับพลังของฉันไปส่วนหนึ่งทำให้เขาตกกระแทกพื้นไม่แรง”“ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถทีเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าที่จะหยิ่งผยองขนาดนี้”ทันทีที่สิ้นคำพู
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป