“ไม่ ผมจริงจังนะครับ ผมไม่ได้กำลังล้อเล่น”“พอแล้ว ฉันไม่ได้ถามสักหน่อย ไม่ต้องแก้ต่างแล้ว”หลินหว่านหรูพูดต่อ “สิ่งสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้ คือการหาวิธีจัดการกับการแก้แค้นของตระกูลกงซุนในวันพรุ่งนี้”“ไม่ต้องกังวล ผมมีทางแก้แน่นอนอยู่แล้ว สำหรับคุณไม่ต้องกังวล แค่กลับไปนอนหลับฝันดีก็พอ” เย่เทียนหยู่กล่าวหากตระกูลกงซุนส่งใครมาที่นี่อีกจริง ๆ เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะช่วยผู้อารักขาเฟยหลงจัดการกับตระกูลกงซุนสักหน่อยในความเห็นของเขา หากกงซุนจื้อคิดจะเชิญใครมาอีก เกรงว่าคงจะมีเพียง กงซุนมิ่ว ปรมาจารย์ระดับสูงของตระกูลกงซุนเท่านั้นที่จะมาด้วยตนเอง หรืออาจกระทั่งต้องพาผู้มากฝีมือคนอื่นมาพร้อมกันหากเป็นกรณีนี้จริง จะต้องช่วยผู้อารักขาเฟยหลงมากแน่เพราะพรุ่งนี้ ผู้อารักขาเฟยหลงจะจู่โจมตระกูลกงซุนเพื่อจับกุมผู้คนหากไม่เป็นแบบนั้น เย่เทียนหยู่จะคงไม่บอกให้หลินหว่านหรูทำใจให้สงบ แล้วไม่ต้องไปตั้งคำถามกับเรื่องนี้อีกเพียงแต่ไม่คิดว่ากงซุนจื้อจะน่ารังเกียจและไร้ยางอายขนาดนี้ คืนนี้เขาเริ่มลงมือทันที แล้วยังหลอกหลินหว่านหรูไปด้วยโชคดีที่เขาตอบสนองไว ไม่อย่างนั้นคงเกิดหายนะ ถ้าเป็นอย่า
ทันทีที่สิ้นคำพูด พ่อแม่ตระกูลหลินก็ตกใจเล็กน้อยแต่สีหน้าของหลินหว่านหรูกลับเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย เธอคิดว่าคุณปู่เองก็คงไม่สังเกตเห็น แต่ดูเหมือนว่าคุณปู่จะเดาได้แล้ว“ในสถานการณ์แบบนั้น คุณชายกงซุนโทรมา เห็นได้ชัดว่าเขาถูกข่มขู่ แต่พวกแกกลับโง่ ที่เรื่องแค่นี้ก็ดูไม่ออก”คุณปู่ตระกูลหลินพูดอย่างขมขื่น: “แค่เขารับปากก็ปล่อยตัวเขา พอเขาไปแล้ว คำพูดนั้นไม่ใช่คำสัญญา แต่เป็นการไปเคลื่อนทัพมาล้างแค้น”“กลัวว่าตอนนี้ตระกูลกงซุนคงสั่นสะเทือนไปแล้ว พรุ่งนี้ต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่”“อ่า……”“คงจะไม่เร็วขนาดนั้นหรอกใช่ไหมคะ?”หลินหว่านหรูก็ตกใจเช่นกัน ใบหน้าของเธอก็ซีดเล็กน้อยแม่ตระกูลหลินหวาดกลัวจนสติแทบแตก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง “พ่อ นี่พ่อหมายความว่ากงซุนจื้อจะล้างแค้นพวกเราเหรอ?”“แน่นอน!”คุณปู่ตระกูลหลินพูดอย่างเย็นชา: “หลินหว่านหรู ปกติหลานเป็นคนฉลาดแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำเรื่องผิดพลาดโง่ ๆ พรรคนี้ หรือหลานถูกไอ้เย่เทียนหยู่นั่นทำเอาหลงจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว”“หนู...” หลินหว่านหรูอยากตอบโต้“เอาล่ะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรตอนนี้” คุณปู่ตระกูลหลินขัดจังหวะหลินหว่านห
“อือ ผมเข้าใจแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างใจเย็น“ทำไมคุณถึงใจเย็นขนาดนี้ ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าไปสนใจ ตระกูลหลินของเราอาจไม่มีใครเก่งกว่านายหรอก แต่ปู่ของฉันจะหาคนมาได้แน่นอน”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้ร้อนรนใจ หลินหว่านหรูจึงรีบเตือนเขา“ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณเลย ไม่เกิดเรื่องขึ้นง่ายๆ หรอกครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“อะไรของนาย!”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคืนนั้นในโรงแรม แค่ว่าเธอไม่มีความทรงจำมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็ถาโถมเข้ามาหาเธอแม้หลังจากวางสายแล้ว หลินหว่านหรูก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยหลังจากการตรวจสอบ ผู้คนที่คุณปู่หลินจัดไปก็พบบ้านของเย่เทียนหยู่ในที่สุด เพียงแต่พวกเขาจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของเทียนหยู่ได้ยังไง ทำให้แต่ละคนถูกเตะโด่งออกมากันอย่างง่ายดายคุณปู่หลินนอนไม่หลับทั้งคืนเพื่อรอข่าวดี แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เขาหาไปจะไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนหยู่ได้เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธจัด คิดว่าเย่เทียนหยู่คงฝึกวรยุทธ์อย่างหนักบนภูเขามาตั้งแต่เด็ก และคนธรรมดาก็เอาชนะเขาไม่ได้แต่ไม่ว
อะไรนะ!ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ คุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ก็สับสนเล็กน้อยจนแทบไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกเขาใช้เวลานานในการตอบสนอง และเขาก็ถามด้วยความโกรธทันที“เย่เทียนหยู่ แกบ้าไปแล้วเหรอ?”“แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไร? แกจงใจยั่วยุตระกูลกงซุนและนำพวกเขามาตระกูลหลิน แกอยากให้ตระกูลหลินของเราถูกทำลายหรือไง?”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็หัวเราะและพูดว่า “คุณปู่คิดแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อคุณเชื่อว่าผมต้องการทำร้ายตระกูลหลินของคุณ ผมก็จะทำตามที่คุณต้องการ”“แก!”“เย่เทียนหยู่ แกไม่คิดว่ามันมากเกินไปหน่อยเหรอ? ปู่ดูแลเอาใจใส่แกเป็นพิเศษมาตลอด แต่แกตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชังแบบนี้รึไง” คุณปู่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ“เอาใจใส่เป็นพิเศษเหรอ?”“หาคนมาจัดการผมครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามฆ่าผม นั่นเป็นการดูแลเหรอ งั้นมันคงเป็นการ ‘เอาใจใส่เป็นพิเศษ’ จริงๆ นั่นละ”“นี่แกตอบแทนพวกฉันด้วยความเกลียดชังเหรอ?”“ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ต้องตอบแทนบุญคุณใคร”เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่รู้สึกเบื่อหน่ายกับท่าทางของตระกูลหลิน เขาไม่สนใจหลินว่านหรูแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ แถมยังพูดจาไม่เกรงใจ
“นั่นสินะ ฉันลืมลืมไปสนิทเลยว่านายสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่ว่าพวกเขาจะเริ่มลงมือวันนี้เหรอ?” หลินหว่านหรูรีบถาม“ใช่!”“พวกเขาตามเรามาแล้ว กำลังมาทางบ้านตระกูลหลิน”เย่เทียนหยู่ได้รับข่าวที่แน่นอนมาแล้ว“จริงเหรอ ยอดไปเลยเทียนหยู่ ไม่คิดเลยว่านายจะมีอำนาจมากขนาดนี้ ถึงกับสามารถเชิญพวกเขามาจัดการกับตระกูลกงซุนได้”หลินหว่านหรูพูดทันทีว่ เพราะเธอตั้งใจจะให้เครดิตเย่เทียนหยู่แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้เป็นคนเรียกคนพวกนั้นมา เป็นตระกูลกงซุนประสบปัญหาเองจนดึงดูดผู้อารักขาเฟยหลง แต่ทางตระกูลไม่รู้เรื่องนี้ เธอเลยหลอกล่อพวกเขาอย่าว่าแต่พวกเธอเลย แม้แต่เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อยเขาไปบอกหลินหว่านหรูเมื่อไหร่ ว่าเขาเจอคนที่จะจัดการกับตระกูลกงซุน คิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลหลินต่างสับสน พวกเขาพูดด้วยความตกใจ: “หว่านหรู หลานกำลังพูดเรื่องอะไร นี่พวกหลานไปพาใครมา แล้วใครกันที่แข็งแกร่งขนาดสามารถจัดการตระกูลกงซุนได้”“แน่นอน เทียนหยู่ได้พบบุคคลที่ทรงพลังอย่างยิ่งแล้ว”หลินหว่านหรูกล่าวอย่างมีความสุข“เป็นไปไม่ได้ นั่นมันแค่เรื่องไร้สาระของเขา เขาจะหา
เมื่อมองดูคุณปู่ตระกูลหลินกระเด็นออกไป สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที ด้วยท่าทางสบาย ๆ แบบนั้น แต่กลับทำให้คนคนหนึ่งกระเด็นออกไปไกลหลินหว่านหรูวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่คุณปู่ของเธอไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้ล้มจนบาดเจ็บอันที่จริงแล้ว เป็นเพราะเย่เทียนหยู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ใช้กำลังพยุงตัวท่านปู่เอาไว้มิฉะนั้น คุณปู่ตระกูลหลินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนลุกยืนไม่ได้แล้วพ่อแม่ตระกูลหลินก็ดูกังวลเช่นกันโดยเฉพาะคุณแม่ตระกูลหลิน ขาของเธอสั่นเทา แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของกงซุนมิ่วเรื่องเย่เทียนหยู่ เธอก็โวยวายขึ้นมาทันที เธอชี้ไปที่เย่เทียนหยู่แล้วพูดว่า: “เขา เขาก็คือเย่เทียนหยู่!”“เราสนับสนุนคุณกงซุนมาตลอด แล้วก็จะให้ได้แต่งงานกัน แต่มันนี่แหละค่ะ มันเป็นคนที่ก่อให้เกิดความหายนะและทำเรื่องเลว ๆ มาตลอด”เมื่อได้ยินแบบนั้น กงซุนมิ่วก็จ้องไปที่เย่เทียนหยู่ที่อยู่อีกฟากของเขาทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า: “แกเองสินะเย่เทียนหยู่ คนที่เมื่อกี้รับพลังของฉันไปส่วนหนึ่งทำให้เขาตกกระแทกพื้นไม่แรง”“ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถทีเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าที่จะหยิ่งผยองขนาดนี้”ทันทีที่สิ้นคำพู
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินหว่านหรูไม่ได้โกรธมากนักเมื่อได้ยินคำพูดของเขา แม้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะไม่เป็นที่พอใจนัก แต่เธอก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้นการถูกคนประเภทนี้ชอบมันน่าขยะแขยงจริงๆแต่ทำไมผู้ช่วยที่เทียนหยู่บอกถึงยังไม่มา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายอยากฆ่าเทียนหยู่ตอนนี้? ไม่ได้นะ เธอต้องช่วยถ่วงเวลาไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินคำว่าชอบยั่ว แสงเย็นก็แวบผ่านดวงตาของเย่เทียนหยู่ เขาเกือบจะลงมือทำลายกงซุนจื้อแต่ในเวลานี้เอง กงซุนมิ่วพูดอย่างเย็นชา: “เสี่ยวจื้อ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระกับคนชั้นต่ำพรรคนี้หรอก ไม่ต้องกังวล คืนนี้จะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นก็ได้”“ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ แกจะยอมทำลายวรยุทธ์ตัวเอง แล้วคุกเข่าขอความเมตตาต่อหน้าฉัน หรือจะให้ฉันลงมือเอง?”หลานของเขาบอกแล้วว่าก่อนที่จะฆ่าเย่เทียนหยู่ เขาจะต้องสร้างความอัปยศให้เขาก่อน และให้เขาทรมานทั้งร่างกายและจิตใจก่อนที่จะตาย“เย่เทียนหยู่ ทำไมยังไม่มาคุกเข่าลงอีก” กงซุนจื้อแสดงท่าทางโหดเหี้ยมของเขาเย่เทียนหยู่หัวเราะและพูดอย่างเหน็บแนม: “พวกสวะกำลังพยายามให้ผมก้มหัวเหรอ ผมว่าพวกคุณนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ”“อวดด
หรือว่าเทียนหยู่ก็มาจากตระกูลเย่เช่นกัน?ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของหลินหว่านหรูแต่เธอก็ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว จะเป็นไปได้ยังไง แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะดูดีมีเสน่ห์ แต่เขาไม่มีท่าทางแบบพวกชนชั้นสูงเลยเขาดูเหมือนคนธรรมดามากกว่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ยิ่งมองเขาก็ยิ่งสบายใจพ่อแม่ตระกูลหลินมองดูนายน้อยที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เขาดูสงบและเย่อหยิ่ง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบหรูหรา ท่าทางโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเทียบกับเขาแล้ว กงซุนจื้อก็แค่คนไร้ค่าเรื่องนี้ทำให้พวกเขาทุกคนตื่นเต้นมาก คุณชายเย่คนนี้ต่างหากที่จะเป็นคู่ครองที่ดีสำหรับลูกสาวของพวกเขา ทำไมลูกสาวของพวกเขาถึงไม่พบชายหนุ่มแบบนี้บ้าง?กงซุนมิ่วรู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง และรอคำตอบของนายน้อยอย่างเงียบ ๆคุณชายเย่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างโหดเหี้ยม “คุณจะรู้เหตุผลเฉพาะตอนคุณไปถึงเมืองหลงตู หรือคุณจะเลือกต่อต้านผมก็ได้”“อวดดี แกคิดว่าตระกูลกงซุนของเราเป็นใครวะ? แค่ประโยคเดียวก็คิดจะพาตัวปู่ไปเหรอ ฝันไปเถอะวะ”กงซุนจื้อทนไม่ไหว เขาจะไม่ยอมให้ตระกูลกงซุนต้องอับอายขนาดนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าหลินหว่านหรูและตระกูลหลิน เมื่อคุณชายเย่
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให