"ใช่ ถ้าเขาทำตัวดีๆ ก็ยังพอพูดง่าย ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะต้องไสหัวออกไปจากบริษัทแน่นอน"พวกเขาแต่ละคนเป็นพนักงานขายดีเด่นทั้งนั้น เพื่อบริษัทแล้วพวกเขาทุ่มเทไปไม่ใช่น้อย และแข็งแกร่งกว่ากลุ่มสองมากหากไม่ใช่เพราะหลี่ซินเยว่ได้ทุ่มเททำงานหนัก ประกอบกับมีหลิวเหวินสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแบบนั้น ความแข็งแกร่งของกลุ่มสองคงจะด้อยกว่ากลุ่มหนึ่งเป็นอย่างมากใบหน้าของจางเหยียนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อมีพี่หรงชี้แนะอยู่เบื้องหลังประกอบกับการสนับสนุนของทุกคนแบบนี้แล้ว สำหรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มหนึ่ง เย่เทียนหยู่อย่าได้คิดฝันไปเลยขอแค่เธอจัดการเพียงเล็กน้อย ยอดขายของทุกคนก็จะตกต่ำลง ไม่จำเป็นที่จะจัดการกับเขาแต่อย่างใดพูดยังไม่ทันขาดคำ!ในเวลาเดียวกันนี้ เย่เทียนหยู่ก็ได้พาหลิวสุ่ยเดินเข้ามาและข้างๆ ตัวเขา ยังมีสาวสายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือผู้ช่วยของหลิวเหวินนั่นเองอันที่จริง หลิวเหวินตั้งใจที่จะพาเขาเข้ามาด้วยตัวเองเพื่อเป็นฐานที่มั่นแก่เขา แต่ใครเขาไม่อยากจะพบเธอเสียด้วยซ้ำ เธอก็เลยไม่อยากจะทำให้ตัวเองเสียศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้ซึ่งการจัดให้มีผู้ชายนำทางมานั้น ก็ถือว่าเธอมีน้ำใจมากที่ส
แม้ว่าห้องทำงานจะไม่ใหญ่ แต่จำนวนของพวกเขาก็ไม่ได้เยอะ จึงดูเหมือนจะแออัดอยู่เล็กน้อยเท่านั้น"โอเค ทุกคนมาพร้อมหน้ากันหรือยัง?" เย่เทียนหยู่ถามขึ้นมาแต่น่าเสียดายที่ว่า ไม่มีใครตอบกลับแต่อย่างใดแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร เพียงแต่พูดอย่างเรียบๆ ว่า "ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน งั้นก็ครบแล้วล่ะ ต่อไป รบกวนพวกคุณแนะนำตัวกันทีละคน ให้ผมได้เข้าใจพวกคุณสักหน่อย""ผมถูกชะตากับคุณที่สุด งั้นก็เริ่มจากคุณก็แล้วกันนะ"ขณะที่พูด เย่เทียนหยู่ก็ชี้ไปยังหลิวซือซือที่อยู่ด้านซ้าย แล้วพูดขึ้นมา หลิวซือซือชะงักไปเล็กน้อย และไม่ได้ดีใจเพราะคำพูดเหล่านี้ แต่กลับก่นด่าในใจว่าคนลามกเสียต่างหาก "ฉันชื่อหลิวซือซือ!""จบแล้ว?""จบแล้ว!" หลิวซือซือตอบกลับมาอย่างเย็นชา"คนต่อไป!" เย่เทียนหยู่ไม่ได้ถือสาแต่อย่างใดและทุกคนก็เลียนแบบไปในทางเดียวกัน แค่แนะนำชื่อของตัวเอง และไม่ได้พูดอะไรที่มากไปกว่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินฮุยที่จงใจหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพูดชื่อของตัวเอง แสดงอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ไว้หน้าเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เห็นเย่เทียนหยู่อยู่ในสายตา หลิวสุ่ยก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แ
"ฮ่าฮ่า!""คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าว่าผมทำยอดขายให้บริษัทได้มากแค่ไหนในแต่ละเดือน?"เฉินฮุยหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยใบหน้าที่เหยียดหยามหากเขาทำเรื่องผิดพลาดอะไรที่ร้ายแรงขึ้นมา บริษัทอาจจะสามารถไล่เขาออกได้ แต่ทว่าในตอนนี้ เขาแค่โต้ตอบหัวหน้ากลุ่มไปแค่ประโยคเดียวเอง มีสิทธิ์อะไรมาไล่เขาออก?ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะมีคนสนับสนุนหรือไม่ ต่อให้เขาไม่มี เย่เทียนหยู่ก็จะไล่เขาออกแบบนี้ไม่ได้อยู่ดีต่อให้จะเป็นท่านประธานหลินที่มา เขาก็กล้าที่จะคัดง้างด้วยเหตุผลเช่นกันแต่เย่เทียนหยู่กลับส่ายหน้าไปมา แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า "ผมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้หรอก ผมแค่รู้ว่า คุณไม่ยอมทำตามคำสั่งผม งั้นก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ""ผมไม่ไปเสียอย่าง แล้วคุณจะทำอะไรได้?"เฉินฮุยหัวเราะเยาะ กระทั่งเขาไม่จำเป็นต้องยกเอาคนสนับสนุนออกมาเสียด้วยซ้ำ"ก็ได้ งั้นเรามาพูดถึงผลงานที่คุณได้ทำเอาไว้ในก่อนหน้านี้จะดีกว่านะ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมปีที่แล้ว คุณพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายสินค้าราคาต่ำที่สุดให้กับซุ่นเฉิง โดยได้รับเงินใต้โต๊ะจำนวนล้านห้า""วันที่ 10 ธันวาคม คุณ... วันนี้ วันท
โดยครั้งนี้หลิวซือซือไม่ได้พูดอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก"ยอมรับก็ดีแล้ว งั้นต่อไปผมแจ้งกฎข้อกำหนดเลยก็แล้วกันนะ""อย่างแรก แม้ว่าผมจะเป็นหัวหน้าของพวกคุณ แต่ผมไม่มีเวลาควบคุมดูแลพวกคุณ ดังนั้น จากนี้เป็นต้นไป หลิวสุ่ยจะรับหน้าที่ดูแลควบคุมพวกคุณแทนผม""คำพูดของเขา ก็คือคำพูดของผม เข้าใจกันนะ?"เย่เทียนหยู่พูดอย่างสบายๆ ว่าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว หลิวสุ่ยก็ตะลึงงันไปทันที เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่กลับถูกเย่เทียนหยู่ขัดจังหวะเสียก่อน แล้วพูดว่า "ไม่ใช่ว่าคุณไม่เข้าใจการขายสักหน่อย คุณทำงานเต็มที่ก็โอเคแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีผมสนับสนุนอยู่แล้วนะ""ครับ หัวหน้าเย่ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ" หลิวสุ่ยพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ เขาสำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยหลักชื่อดัง เพียงแต่ไม่มีประสบการณ์การทำงานเท่านั้น ประกอบกับนิสัยที่ขี้อาย ก็เลยไม่ได้มีโอกาสแสดงความสามารถอะไรออกมา"เอาล่ะ พวกคุณมีความคิดเห็นอะไรหรือเปล่า?""ไม่มีค่ะ!"ทุกคนต่างก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจเห็นได้ชัดว่ามีความคิดเห็นอะไรบางอย่างอยู่พวกเ
อะไรนะ เมื่อคำพูดนี้ได้โพล่งออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน และไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองเสียด้วยซ้ำ"หัวหน้าเย่คะ คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?"จางเหยียนอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็จับจ้องมาที่เย่เทียนหยู่อย่างไม่กะพริบเช่นกัน เพราะมันเกินความคาดหมายเกินไปเพราะท้ายที่สุดแล้วในฐานะหัวหน้ากลุ่ม ค่าคอมมิชชันนั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มที่มีหน้าที่รับผิดชอบเท่ากับผู้จัดการแบบนี้และพวกเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเพื่อการแข่งขันเงินจำนวนมากขนาดนี้ หากดึงออกไป เขาจะหากำไรจากไหน อาศัยแค่เงินเดือนขั้นพื้นฐานน่ะเหรอ?"คุณคิดว่ายังไงล่ะ?""ในเมื่อฉันพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็ต้องทำได้อยู่แล้ว!" เย่เทียนหยู่พูดอย่างสบายๆ ออกมา"แล้วเงินเดือนของคุณล่ะ?""เงินแค่นิดเดียวแบบนั้น ฉันยังดูแคลนเลยนะ!""แต่โบนัสนี้ จะถูกแบ่งให้กับทุกคนเท่าๆ กัน!""แบ่งเท่าๆ กัน?"จางเหยียนตกตะลึง นี่มันเป็นการเหมารวมชัดๆ มันไม่สมเหตุสมผลเลย มันไม่ควรจัดลำดับการแข่งขัน เพื่อให้ทุกคนพยายามทำยอดหรอกเหรอ?"ถูกต้อง ผมรู้ว่าบางคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เราเป็นทีมเดียวกัน พวกเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกั
ไม่ว่าจะเป็นกฎข้อกำหนดที่คาดไม่ถึงเหล่านั้น หรือการตรวจสอบที่เขาทำกับเฉินฮุย ทุกอย่างทำให้เธอประหลาดใจ หากเปลี่ยนเป็นเธอคงทำอย่างนั้นไม่ได้แน่นอนหลิวเหวินมาที่ห้องทำงาน และบอกเรื่องนี้กับหลินหว่านหรูอีกครั้งเธอกำลังคิดว่า เป็นประธานหลินหรือเปล่าที่ทำการตรวจสอบเฉินฮุย โดยควบคุมเรื่องนี้จากระยะไกลแต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลินหว่านหรูก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องของเฉินฮุยนั้น เธอก็ไม่รู้อะไรเหมือนกันยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนหยู่ยังกำหนดกฎต่างๆ ที่คาดไม่ถึงมามากมายขนาดนี้ด้วย ช่างเจ้าแผนการจริงๆ โดยกฎทุกข้อนั้นแม้แต่เธอเองก็รู้สึกประหลาดใจมากและคงไม่ต้องพูดถึง การที่เย่เทียนหยู่สามารถควบคุมกลุ่มสองจนทำให้ทุกคนยอมจำนนแบบนี้ได้เพียงแค่การประชุมครั้งเดียวแบบนั้นต่อไป ก็คงต้องดูที่ผลของงานเสียแล้วเมื่อหลิวเหวินรู้ว่าทุกอย่างเป็นเย่เทียนหยู่ที่ทำด้วยตัวเอง เธอก็แอบถอนหายใจ เย่เทียนหยู่คนนี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ พร้อมกับอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า "ท่านประธานหลินคะ เย่เทียนหยู่เป็นอาวุธลับที่คุณใช้ต่อสู้กับคนพวกนั้นหรือเปล่าคะ?"หลินหว่านหรูชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา อาวุธ
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้ตอบโดยตรง เพียงแต่ถามกลับไปว่า "ถ้าผมบอกคุณว่า ผมได้ตรวจสอบคนทั้งบริษัทแล้ว คุณจะเชื่อหรือเปล่า?""คุณคิดว่ายังไงล่ะ คุณว่าฉันจะเชื่อคุณไหมล่ะ?"หลินหว่านหรูกลอกตามองบนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกับพูดว่า "โอเค อย่าล้อเล่นแบบนี้ พูดจริงๆ นะ""อ้อ!""จริงๆ แล้วมันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ ผมมีเพื่อนที่รู้เรื่องนี้นิดหน่อยน่ะ ประจวบเหมาะกับการที่ผมจะไปรับตำแหน่งที่กลุ่มหนึ่งพอดี ก็เลยใช้มันเสียเลยน่ะ"เย่เทียนหยู่ทำได้เพียงแค่สร้างเหตุผลขึ้นมาอีกเท่านั้น"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่พูดก็ต้องพูดนะว่า คุณช่างโชคดีจริงๆ มีคนมาคอยช่วยเหลืออีกครั้งเลย""ก็ใช่น่ะสิ แต่คนที่มีบุญคุณกับผมมากที่สุดก็คือคุณ หากไม่มีคุณ ไหนเลยผมจะเข้ามาในบริษัทได้ และยังได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้อีก" เย่เทียนหยู่พูดติดตลกแต่หลินหว่านหรูกลับจริงจัง พร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า "รู้ก็ดีแล้ว อยู่ในบริษัทก็ตั้งใจทำงาน อย่าสร้างเรื่องสร้างราวมาให้ฉันอีกล่ะ""ไม่หรอกนะ""งั้นก็ดีแล้ว พอดีเลยตอนนี้คุณไม่มีธุระอะไรใช่ไหม กลับไปบ้านกับฉันหน่อยสิ" หลินหว่านหรูพูดขึ้นมา"หือ คุณข
"เรื่องอะไร เรื่องอะไร ก็ต้องเป็นเรื่องการหาคู่ครองให้หนูน่ะสิ หนูรู้หรือเปล่าว่าคุณชายกงซุนนั้นโดดเด่นแค่ไหน หากถูกไอ้สวะนี้ทำลายแล้วละก็ หนูจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าอย่างแน่นอน"หลิวอวิ๋นซิ่วพูดด้วยความโกรธที่แท้ก็กำลังหาคู่ครองให้กับเธอนั่นเอง มิน่าล่ะถึงได้ไล่ตะเพิดเย่เทียนหยู่ออกไปแบบนี้หลังจากที่เข้าใจแล้วนั้น หลินหว่านหรูก็ได้พูดตำหนิออกไปว่า "แม่คะ ใครให้แม่หาคู่ครองให้หนูล่ะคะ? หนูบอกกับแม่แล้วไม่ใช่หรือว่า หนูยังไม่คิดเรื่องนี้""ยังไม่คิด หนูรู้หรือเปล่าว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะขึ้นเลขสามแล้วนะ"หลิวอวิ๋นซิ่วพูดว่า "แม่ไม่สนหรอกนะ ยังไงวันนี้ลูกก็ต้องดูแลแขกให้ดี ไม่อย่างนั้นแม่จะตายให้ดู หนูวางใจได้เลยนะ คุณชายกงซุนคนนี้ดีมากๆ เลยล่ะ"หลินหว่านหรูหมดหนทาง ส่ายหน้าแล้วพูดว่า "เข้าไปแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ"เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวอวิ๋นซิ่วก็ไม่สามารถหยุดเย่เทียนหยู่ไม่ให้เข้าไปได้ จึงได้แค่เตือนขึ้นมาว่า "เย่เทียนหยู่ ฟังฉันให้ดีๆ นะ เดี๋ยวต้องพูดว่าตัวเองเป็นบอดี้การ์ดของหว่านหรู ไม่อย่างนั้นละก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน"เย่เทียนหยู่กลับยิ้มๆ แล้ว
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้